xs
xsm
sm
md
lg

ดวงเมืองประจำปี พ.ศ. 2550 /พล.ต.ต.สุชาติ เผือกสกนธ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

.

เมื่อกล่าวถึงการพยากรณ์ดวงชะตาเมืองประจำปีต่างๆ ที่ผมได้เคยนำเสนอมาแล้ว มีข้อแตกต่างกับการพยากรณ์ของหมอดูเมืองไทยจำนวนไม่น้อย ซึ่งมีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อความเชื่อของประชาชนคนไทยจำนวนมาก โดยให้ถือว่าวันที่ 1 มกราคม เป็นวันเริ่มต้นของดวงเมืองประจำปีนั้น ทั้งยังถือว่า เป็นวันเปลี่ยนแปลงปีนักษัตรด้วย ซึ่งตามหลักวิชาการโหราศาสตร์ไทยจะเปลี่ยนแปลงในวันขึ้นหนึ่งค่ำเดือนห้า หรือวันเถลิงศกดังเช่นที่โบราณาจารย์ได้ถือปฏิบัติกันมาเป็นเวลานานแสนนาน

โดยปกติแล้วการพยากรณ์ดวงชะตาของแต่ละบุคคลประจำปีนั้น จะต้องเริ่มต้นจากวันที่เจ้าชะตามีอายุมาครบรอบปีอีกครั้งหนึ่ง หาได้เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมไม่ ดังนั้น การพยากรณ์ดวงเมืองไทยประจำปีจึงจะต้องเริ่มต้นในวันที่อายุของดวงเมืองนั้นเวียนมาครบรอบปีอีกครั้งหนึ่ง ตามหลักวิชาการโหราศาสตร์สากล รวมทั้งโหราศาสตร์ไทยได้นำหลักวิชาโหราศาสตร์ก้าวหน้าที่เรียกว่า “Progressed Astrology” โหราศาสตร์ฮินดู เรียกว่า “Varshaphal” และโหราศาสตร์ไทยโบราณเรียกว่า “ทินวรรษ” มาใช้ในการพยากรณ์ดวงชะตาประจำปีนั้นๆ โดยการผูกดวงเมืองฯ หรือ ดวงชะตาบุคคลขึ้นใหม่ในวันครบรอบวันเกิด โดยใช้เวลาที่นำมาประกอบการวางลัคนาคือ เวลาที่ดวงอาทิตย์โคจรมาสถิตอยู่ในราศี องศา ลิปดา และฟิลิบดาเท่ากับดวงอาทิตย์ในวันเกิดที่แท้จริง ไม่ผิดพลาดคลาดเคลื่อน เขาใช้ศัพท์เทคนิคกรณีนี้ว่า “Solar Return”

ดวงเมืองของประเทศเรา ซึ่งในวงการโหราศาสตร์ไทยได้ยอมรับใช้ในการพยากรณ์ คือ วันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2325 เวลา 06:54 นาฬิกา ซึ่งเป็นวันพระราชพิธีตั้งเสาหลักเมือง กรุงเทพมหานคร โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก องค์ปฐมบรมราชจักรีวงศ์ ได้ทรงกำหนดพระฤกษ์นี้ด้วยพระองค์เอง ตามดวงเมืองนี้ ลัคนา หรือ จุดกึ่งกลางของภพที่ 1 สถิตในราศีเมษ 23 องศา 56 ลิปดา และดวงอาทิตย์สถิตในราศีเมษ 10 องศา 9 ลิปดา

เมื่อทำการผูกดวงชะตาขึ้นตามหลักวิชาโหราศาสตร์ก้าวหน้าแล้ว ก็ยังต้องมีการคำนวณหาว่า ในปีนั้น ดาวพระเคราะห์ดวงใดทำหน้าที่เป็นดาวประจำตัว สถิตอยู่ในเรือน หรือ ภพของดวงชะตาภพใด ให้คุณหรือให้ทุกข์โทษ สถานภาพของดาวพระเคราะห์แต่ละดวงเป็นอย่างไร โคจรตามปกติ หรือ วิกลคติ สถิตในราศีที่เป็นเกษตร ประเกษตร เป็นอุจจ์ เป็นนิจ ฯลฯ แล้วจึงพยากรณ์ไปตามนั้น

ผมขอยกตัวอย่างดวงเมืองประจำปีต่างๆ ที่ได้คำนวณตามหลักวิชาการข้างต้นมาแสดงไว้ดังต่อไปนี้

ปี พ.ศ.2548 (ระหว่างวันที่ 24 เมษายน 2548 ถึงวันที่ 23 เมษายน 2549) ผลการคำนวณปรากฏว่า ดาวเสาร์เป็นดาวประจำเมืองประจำปี ดาวเสาร์จึงเป็นตัวแปรสำคัญชี้ชะตาของดวงเมือง ดวงชะตาเมืองฯ นี้ มีลัคนาหรือเรือนที่ 1 สถิตอยู่ในราศีมิถุน มีดาวเสาร์ซึ่งเป็นดาวประจำเมืองกุมหรือทับลัคน์ ดาวเสาร์จึงมีบทบาทเต็มที่ เป็นที่น่าเสียดายว่า ดาวเสาร์นี้เป็นบาปเคราะห์ที่ให้ทุกข์โทษแก่เจ้าชะตาระดับแม่ทัพหลวง ทั้งยังมีดาวอังคารซึ่งเป็นบาปเคราะห์ระดับแม่ทัพรองสถิตในราศีกุมภ์ เป็นเรือนที่ 8 ซึ่งเป็นภพมรณะของดวงเมืองฯ เข้าเกณฑ์ ภินทุบาทว์ (เป็นภาษาบาลีแปลว่า สิ่งอุบาทว์ที่คอยบ่อนทำลาย) หรือ ที่ใช้ภาษาง่ายๆ ว่า “ดวงแตก” ส่วนดาวพฤหัสบดีซึ่งเป็นศุภเคราะห์ที่ให้คุณแก่เจ้าชะตาระดับแม่ทัพหลวงสถิตในราศีกันย์ เป็นเรือนที่ 4 ของดวงชะตา เรือนที่ 4 ของดวงเมืองจะเป็นภพที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ภายในประเทศ หากเป็นดวงชะตาบุคคลทั่วไปจะเป็นภพที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวในครอบครัว ญาติพี่น้อง โดยปกติดาวพฤหัสบดีที่สถิตอยู่ในเรือนที่ 4 นี้ถือว่าเป็นจตุรเกณฑ์ซึ่งจะให้คุณแก่เจ้าชะตาเป็นพิเศษ แต่บังเอิญในช่วงเวลาตลอดปี พ.ศ. 2548 มาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน ดาวพฤหัสบดีมีการโคจรวิกลคติ เดินหน้าบ้าง ถอยหลังบ้าง คุ้มดีคุ้มร้าย เหมือนผีเข้าผีออก จึงส่งผลเป็นทุกข์โทษแก่ดวงชะตาเมืองเป็นระยะๆ นอกจากนี้ จุดที่ตั้งของราหูยังอยู่เหนือดวงเมืองฯ หรือ เรือนที่ 10 เป็นภพที่หมายถึงการบริหารประเทศ ดังนั้น เมื่อราหูเข้ามายึดครองภพนี้ จึงส่งผลให้การบริหารประเทศอยู่ในลักษณะมืดมนหลงทาง เนื่องจากถูกอวิชชาเข้าครอบงำปิดบัง มีการบริหารผิดพลาดคลาดเคลื่อน ผิดทำนองคลองธรรมมาโดยตลอด ผลงานของรัฐบาลที่ปรากฏออกมามีลักษณะเหมือนภาพมายา เนื่องจากราหูมิใช่ดาวพระเคราะห์ แต่เป็นเงาที่ปรากฏขึ้นตรงจุดตัดระหว่างเส้นทางโคจรของดวงอาทิตย์และดาวจันทร์เท่านั้น

นับตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน 2548 ดาวเสาร์ได้มีการโคจรวิกลคติแปรปรวนเดินหน้าบ้าง ถอยหลังบ้าง มีพฤติกรรมคล้ายคลึงกับดาวพฤหัสบดีดังที่ได้กล่าวมาแล้วโดยตลอด จึงส่งผลเป็นทุกข์โทษสร้างวิกฤตปัญหาให้แก่ดวงเมืองในรูปแบบต่างๆ ดังที่ได้ปรากฏให้เห็นเป็นรูปธรรมมาจนถึงทุกวันนี้ ควบคู่ไปกับดาวพฤหัสบดียังมีพฤติกรรมคล้ายคลึงกัน ดาวเสาร์ได้เริ่มโคจรเป็นปกติ เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2549 ส่วนดาวพฤหัสบดีจะโคจรเป็นปกติในวันที่ 6 กรกฎาคม 2549 ในช่วงเวลาก่อนที่ดาวเสาร์ และดาวพฤหัสบดีจะโคจรเป็นปกติ ดวงเมืองฯ จึงอยู่ในสภาพบอบช้ำมากเนื่องจากพิษร้ายจากดาวเสาร์กับดาวพฤหัสบดี รวมทั้งดาวอังคารที่สถิตอยู่ในเรือนที่ 8 ภพมรณะ ของดวงเมืองเข้าเกณฑ์ ภินทุบาทว์ หรือ ดวงแตก ก็ยังคอยกระหน่ำซ้ำเติมอีกส่วนหนึ่งด้วย ที่น่าสังเกตว่า ดาวประจำตัวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในปีนี้คือ ดาวอังคาร

สำหรับดวงเมืองประจำปี พ.ศ. 2549 ซึ่งจะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน 2549 จนถึงวันที่ 23 เมษายน 2550 นั้น เมื่อได้ทำการผูกดวงชะตาและคำนวณหาดาวประจำเมืองประจำปีตามหลักวิชาโหราศาสตร์ก้าวหน้าแล้ว ผลปรากฏว่า ดาวอังคารเป็นดาวประจำเมืองประจำปี พ.ศ. 2549 ดาวอังคารจึงเป็นตัวแปรสำคัญชี้ชะตาของดวงเมือง ดาวอังคารนี้มีความหมายเกี่ยวกับทหาร ดาวอังคารนี้สถิตอยู่ในราศีมิถุนซึ่งมีดาวพุธเป็นเจ้าของราศี ดาวพุธมีความหมายถึงพลเรือน เมื่อคำนวณเปรียบเทียบกำลังดวงดาวระหว่างดาวอังคารกับดาวพุธแล้ว ดาวอังคารมีกำลังสูงกว่าดาวพุธมาก ดาวอังคารจึงมีอำนาจเต็มที่ในราศีนี้ ซึ่งเป็นเรือนที่ 10 ของดวงเมือง เป็นภพที่เกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน จึงชี้ชัดว่า ทหารจะเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินแทนพลเรือน และเมื่อได้ตรวจสอบจุดที่ตั้งของดาวพระเคราะห์สำคัญต่างๆ ในดวงชะตาเมืองประจำปีนี้แล้ว พบว่า มีลัคนาสถิตอยู่ในราศีกันย์ มีดาวบาปเคราะห์คือ ดาวเสาร์สถิตอยู่ในราศีกรกฎ เป็นเรือนที่ 11 ของดวงชะตา เรือนที่ 11 เป็นภพที่เกี่ยวกับรัฐสภา ดาวเสาร์มีความหมายเกี่ยวกับนักการเมือง

สำหรับดาวพฤหัสบดีซึ่งเป็นดาวศุภเคราะห์สถิตอยู่ในราศีตุล เรือนที่ 2 ของดวงเมือง เป็นภพที่เกี่ยวข้องกับกระแสการเงินเดินสะพัด การค้าภายในประเทศและต่างประเทศ กำลังการซื้อ เศรษฐกิจการคลัง ฐานะการเงินของประเทศ เงินเหลือคงคลัง การเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา และตลาดหุ้น แต่โดยที่ยังโคจรวิปริตอยู่จึงแสดงผลให้สร้างวิกฤตปัญหาแก่บ้านเมืองมาเป็นระยะๆ จนกระทั่งถึงวันที่ 6 กรกฎาคม 2549 จึงโคจรเป็นปกติ และเริ่มส่งเป็นคุณแก่เจ้าชะตา ดังนั้นเมื่อดาวอังคารขึ้นครองเมืองคือเรือนที่ 10 ดาวเสาร์เบียดเบียนเป็นทุกข์โทษต่อรัฐสภาในเรือนที่ 11 จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการปฏิรูปการปกครองฯ ขึ้นเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 และได้แก้ไขผ่อนคลายวิกฤตปัญหาต่างๆ ของชาติบ้านเมืองได้ในระดับหนึ่ง

ดาวพฤหัสบดีมีความหมายประจำตัวหลายประการ เช่น กิจการธนาคาร กระบวนการยุติธรรม ระบบการศึกษาระดับอุดมศึกษา กิจการต่างประเทศ การสาธารณสุข กิจการศาสนา ปูชนียบุคคล ฯลฯ

ส่วนดวงเมืองประจำปี พ.ศ.2550 นี้ จะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน 2550-23 เมษายน 2551 เมื่อได้ทำการผูกดวงชะตาและคำนวณหาดาวประจำเมืองประจำปีตามหลักวิชาโหราศาสตร์ก้าวหน้าแล้ว ผลปรากฏว่า ดาวอังคารยังคงเป็นดาวประจำเมืองประจำปี พ.ศ. 2550 ดาวอังคารจึงเป็นตัวแปรสำคัญชี้ชะตาของดวงเมือง ดาวอังคารนี้มีความหมายเกี่ยวกับทหาร ดาวอังคารนี้สถิตอยู่ในราศีกุมภ์ซึ่งมีดาวเสาร์ (บางตำราว่า ราหู) เป็นเจ้าของราศี เป็นเรือนที่ 3 ของดวงเมือง เป็นภพที่เกี่ยวกับญาติพี่น้อง ประเทศเพื่อนบ้าน ที่น่าสนใจคือ ดาวอังคารถูกดาวมฤตยู และราหูทับ (อยู่ในราศีเดียวกันและมีองศาต่างกันไม่เกิน 3 องศา 20 ลิปดา) ดาวอังคารเป็นธาตุลม ราหูเป็นธาตุลม ดาวมฤตยูเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางดินฟ้าอากาศเช่น ฝนตกฟ้าคะนอง ฯลฯ ดังนั้น จึงน่าจะพยากรณ์ว่า จะเกิดพายุฟ้าคะนองรุนแรงมีฝนตกมากทำให้เกิดน้ำท่วมมากทั้งในบ้านเราและในประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ ยังเป็นสัญญาณบอกเหตุว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ พม่า มาเลเซีย ฯลฯ ดูจะไม่ราบรื่นนัก สำหรับปัญหากับประเทศมาเลเซียนั้นจะเชื่อมโยงสร้างอุปสรรคในการแก้ไขปัญหาใน 4 จังหวัดภาคใต้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

อนึ่ง ถ้าพิจารณาอีกแง่หนึ่ง ราหูเป็นเสมือนภาพลวงตา ดังนั้นเมื่อทับดาวอังคารซึ่งเป็นดาวประจำเมือง และดาวมฤตยู จึงอาจเป็นเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดโมหะ ตัดสินใจผิดพลาดในการแก้ไขปัญหาสำคัญต่างๆ ของประเทศได้

ในปี พ.ศ. 2549-2550 นี้ มีดาวใหญ่ที่โคจรผิดปกติ คือ ดาวเสาร์ได้โคจรผิดปกติมาตั้งแต่วันที่ 6 ธันวาคม 2549 ไปจนถึงวันที่ 20 เมษายน 2550 และจะไปโคจรผิดปกติอีกตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2550 เป็นต้นไป การโคจรผิดปกติในช่วงเวลาหลังนี้จึงจะส่งผลเป็นทุกข์โทษขึ้นอีกเป็นพิเศษ และดาวพฤหัสบดีซึ่งได้โคจรผิดปกติมาตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน 2550 ไปจนถึงวันที่ 7 สิงหาคม 2550

ตามดวงเมืองประจำปี พ.ศ. 2550 ดาวเสาร์สถิตอยู่ในราศีกรกฎซึ่งมีดาวจันทร์เป็นเจ้าของราศี เป็นเรือนที่ 8 ของดวงชะตา เป็นภพที่เกี่ยวกับการล้มละลาย การสูญเสียทรัพยากรบุคคล ความสัมพันธ์ในด้านการเงินกับต่างประเทศ หนี้สาธารณะ ทั้งดาวเสาร์ยังทำมุมเล็ง 180 องศากับเรือนที่ 2 ของดวงเมือง เป็นภพที่เกี่ยวข้องกับกระแสการเงินเดินสะพัด การค้าภายในประเทศและต่างประเทศ กำลังการซื้อ เศรษฐกิจการคลัง ฐานะการเงินของประเทศ เงินเหลือคงคลัง การเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา และตลาดหุ้น ทั้งดาวเสาร์นี้ยังทำมุมเป็นทุกข์โทษกับเรือนที่ 5 ของดวงเมือง เป็นภพที่เกี่ยวกับการเสี่ยง การเก็งกำไรในการลงทุน และเกี่ยวกับเยาวชน

ส่วนดาวพฤหัสบดีนั้นสถิตอยู่ในราศีพิจิกซึ่งมีดาวอังคารเป็นเจ้าของราศี และอยู่ในเรือนที่ 12 ของดวงเมือง เป็นภพที่ 12 หมายถึงสถานที่กักกัน โรงพยาบาล ทัณฑสถาน ดาวพฤหัสบดีจึงดูจะไม่สามรถแสดงบทบาทได้เท่าไร ผลงานของ คตส. และป.ป.ช. ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้เพียรพยายามทุกวิถีทางเร่งรัดผลงานให้ปรากฏเป็นรูปธรรมภายในกรอบเวลาก็ยังมีไม่มากนัก ดาวพฤหัสบดีมีความหมายถึง “รัฐธรรมนูญ” ก็ยังไม่แน่ว่า จะผ่านประชามติได้หรือไม่ เนื่องจากมีกระแสต่อต้านมารอบด้าน จนกว่าจะถึงวันที่ 7 สิงหาคม 2550 เมื่อดาวพฤหัสบดีโคจรเป็นปกติ จึงน่าจะพยากรณ์ว่า วิกฤตปัญหาสำคัญของบ้านเมืองจะเริ่มคลี่คลาย ภารกิจสำคัญต่างๆ ที่คณะปฏิรูปฯ ได้ตั้งเป้าหมายไว้จะเริ่มผลิดอกออกผล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ คตส., ป.ป.ช. การร่างรัฐธรรมนูญ และการเลือกตั้ง หากเป็นไปได้ ควรมีการเลือกตั้งก่อนวันที่ 19 ธันวาคม 2550 ซึ่งเป็นวันที่ดาวเสาร์จะเริ่มโคจรผิดปกติ และอาจสร้างปัญหาติดตามมาด้วย

เท่าที่ได้กล่าวมา เป็นเพียงการวิเคราะห์ผลกระทบจากดาวที่สำคัญบางดวง อาทิ ดาวเสาร์ พฤหัสบดี ดาวอังคาร เท่านั้น หากจะพิจารณาวิเคราะห์ให้ลึกซึ้งลงไป ก็จำเป็นต้องหยิบยกเอาดาวพระเคราะห์ซึ่งเป็นดาวขนาดเล็กเช่น ดาวจันทร์ ดาวพุธ ดาวศุกร์ ดวงอาทิตย์ ดาวเนปจูน และดาวพลูโตมาตรวจสอบประกอบด้วย

กล่าวโดยสรุปว่า สถานการณ์บ้านเมืองประจำปี พ.ศ. 2550 ไม่น่าจะดีกว่าเมื่อสองปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบริหารราชการแผ่นดินบนรากฐานเศรษฐกิจพอเพียง ระบบการเลือกตั้งและรัฐสภา (รัฐธรรมนูญฉบับใหม่คงจะไม่ใช่รัฐธรรมนูญที่กำลังร่างกันอยู่ขณะนี้) กระบวนการยุติธรรม การค้าภายในประเทศและต่างประเทศ กำลังการซื้อ เศรษฐกิจการคลัง ฐานะการเงินของประเทศ เงินเหลือคงคลัง และตลาดหุ้น อย่างไรก็ตาม ผมได้ตรวจสอบดวงชะตาเมืองประจำปี พ.ศ. 2551 แล้ว ดาวศุกร์จะเป็นดาวประจำเมือง ส่งผลให้สถานการณ์บ้านเมืองดีขึ้นอย่างแน่นอน จึงขอให้ประชาชนคนไทยที่เป็นเพื่อนร่วมทุกข์กันมาหลายปีแล้วจะได้ลืมตาอ้าปากกันเสียที

หมายเหตุ : มีสิ่งที่สมควรบันทึกไว้เพื่อประกอบการศึกษาค้นคว้าดังนี้:-

1. ก่อนที่ดาวเสาร์จะโคจรปกติ เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2549 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรได้ประกาศเว้นวรรคทางการเมืองในวันที่ 4 เมษายน 2549

2. เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2549 เป็นวันเริ่มปีใหม่ของดวงเมืองฯ ดาวประจำดวงเมืองเปลี่ยนจากดาวเสาร์ เป็นดาวอังคาร ในวันที่ 25 เมษายน 2549 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีกระแสพระราชดำรัสต่อประธานศาลฎีกา และประธานศาลปกครอง (ดาวพฤหัสบดี) ช่วยกันแก้ไขวิกฤตปัญหาของประเทศ

3. ในวันที่ 6 กรกฎาคม 2549 ดาวพฤหัสบดีได้โคจรเป็นปกติ วิกฤตปัญหาของบ้านเมืองได้เริ่มคลี่คลายออกเมื่อได้มีการปฏิรูปการปกครองฯ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549

กำลังโหลดความคิดเห็น