สื่อท้องถิ่นอังกฤษตีแผ่การเข้าเทกโอเวอร์ “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” ของ “ทักษิณ” ล่าช้า จนสร้างความเหนื่อยหน่ายให้กับบรรดาบอร์ดบริหาร เผยภายใน 2 สัปดาห์ หากยังหาข้อสรุปที่แน่ชัดไม่ได้ เตรียมสั่งล้มโต๊ะปิดการซื้อ-ขายหุ้น
สืบเนื่องจากกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ประสบปัญหาในการระดมเงินทุนเพื่อนำมาซื้อหุ้นของทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยติดขัดตรงที่การนำทรัพย์สินส่วนตัวออกนอกประเทศ เพราะกฎหมายของไทยระบุไว้อย่างชัดเจนว่านิติบุคคลสามารถนำเงินออกไปลงทุนเพื่อการซื้อหุ้นยังต่างประเทศได้ไม่เกิน 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,750 ล้านบาท) สำหรับซื้อหุ้น 10% ของบริษัทต่างชาติ พร้อมกันนี้ต้องมีหลักฐานแสดงให้กับเจ้าหน้าที่ แต่ทั้งนี้หากต้องการลงทุนมากกว่าจำนวนที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไว้ นิติบุคคลดังกล่าวจะต้องทำเรื่องขออนุญาตเพื่อให้ธนาคารแห่งประเทศไทยพิจารณาเป็นรายกรณีไป
โดยก่อนหน้านี้ หนังสือพิมพ์แมนเชสเตอร์ อีฟนิ่ง นิวส์ รายงานว่าทางบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินของ อดีตนายกฯ ในกรุงลอนดอนกำลังระดมหาเงินทุนเพื่อเข้าซื้อกิจการของสโมสร ในขณะเดียวกันทางธนาคารแห่งประเทศไทยได้ยืนยันว่า จนถึงเวลานี้ยังไม่ได้รับคำร้องเพื่อขอถอนเงินจำนวน 108 ล้านปอนด์ (ประมาณ 7,500 ล้านบาท) จากตัวแทนของอดีตนายกฯแต่อย่างใด
ด้วยเหตุผลดังกล่าว รวมไปถึงความล่าช้าในการดำเนินงานเพื่อเข้าซื้อหุ้นของกลุ่ม พ.ต.ท. ทักษิณได้สร้างความไม่มั่นใจให้กับบอร์ดบริหารของสโมสรฯ โดย จอห์น วอร์เดิล ประธานสโมสร และอลิสแตร์ แม็กอินทอช ซีอีโอ ต้องการให้กลุ่มของอดีตนายกฯ อธิบายเกี่ยวกับตัวบทกฎหมาย ที่ทำให้เกิดการหยุดชะงักในการเดินหน้าซื้อกิจการแมนฯ ซิตี้ และยืนยันความชัดเจนว่ามีการระดมทุนเพื่อเข้าซื้อหุ้นของสโมสรจริง
ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์ แมนเชสเตอร์ อีฟนิง นิวส์ ยังได้นำประเด็นการเทกโอเวอร์ของกลุ่มนายทุนต่างชาติรายอื่นมาเปรียบเทียบกับการเข้าซื้อของ อดีตนายกฯพลัดถิ่นชาวไทย ซึ่งที่ผ่านมา มัลคอล์ม เกลเซอร์ มหาเศรษฐีชาวสหรัฐฯ ที่ปัจจุบันเป็นเจ้าของสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมร่วมเมืองของ “เรือใบสีฟ้า”, ทอม ฮิกส์ และจอร์จ ยิลเล็ตต์ ดูโอเศรษฐีพันล้านจากเมืองลุงแซมที่ก้าวเข้ามาบริหาร ลิเวอร์พูล รวมไปถึง แรนดี้ เลอร์เนอร์ ซึ่งเป็นนายหัวคนปัจจุบันของแอสตัน วิลลา ทั้งหมดนี้ใช้เวลาในการเดินเรื่องเจรจาและจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นภายในเวลาเพียงเดือนเดียวเท่านั้น
ในขณะที่ การเข้าซื้อกิจการเรือใบสีฟ้าของ พ.ต.ท.ทักษิณกลับยังไม่มีความคืบหน้าในการแสดงทรัพย์สินที่ให้เห็นชัดเจนที่ นอกจากนี้ในรายงานข่าวยังระบุเพิ่มเติมด้วยว่าฝ่ายบริหารของแมนฯ ซิตี้แทบจะไม่ได้รับข้อมูลด้านการเงินของ พ.ต.ท.ทักษิณ มากอย่างที่ต้องการ ซึ่งทำให้บรรดาสาวกสีฟ้าที่ต่อต้านการเข้ามาครอบครองทีมรักของตนต่างพากันคาดหวังให้การเจรจาล้มเหลวและพับฐานไปในที่สุด
อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของทีมเรือใบสีฟ้ายังไม่ตัดโอกาสในการเข้าเทคโอเวอร์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เสียทีเดียว เพียงแต่ว่าอาจจะมีการขีดเส้นตายให้กับการเจรจาครั้งสำคัญ ภายในระยะเวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งหากยังหาข้อสรุปที่แน่ชัดไม่ได้ก็อาจจะถูกสั่งล้มโต๊ะปิดการซื้อ-ขายหุ้นสโมสรในที่สุด
ทั้งนี้ ทางฝั่งแมนฯ ซิตี้ ต้องการกำหนดทิศทางและเป้าหมายของสโมสรให้เร็วที่สุดในการสู้ศึกพรีเมียร์ชิป อังกฤษ ฤดูกาลหน้า ซึ่งมีการยืนยันว่าจะแต่งตั้งผู้จัดการทีมคนใหม่แทนที่ สจ๊วร์ต เพียร์ซ ที่ถูกปลดออกไปหลังจากที่การเทกโอเวอร์สำเร็จลุล่วง
ในบทสรุปของการรายงานข่าว แมนเชสเตอร์ อีฟนิ่ง นิวส์ ได้ตั้งข้อสังเกตไว้อย่างน่าสนใจว่า "นี่คือช่วงเวลาที่ทางสโมสรต้องรีบจัดการทางด้านธุรกิจให้เร็วที่สุด เพราะฤดูกาลซื้อขายนักเตะในช่วงซัมเมอร์ ได้เริ่มขึ้นแล้วหากยังไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะนายทุนรายใดจะเข้ามาบริหารกิจการของสโมสร โอกาสในการคว้านักฟุตบอลที่มีคุณภาพ รวมไปถึงผู้จัดการทีมฝีมือดีๆก็จะหลุดลอยไป
แน่นอนว่าด้วยข้อจำกัดเรื่องระยะเวลา และภาระอันหนักอึ้งในการพยุงอนาคตของสโมสรได้สร้างความกดดันให้เป็นอย่างมากกับเหล่าผู้บริหารที่ในเวลานี้พยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะขอคำตอบจากปากของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่พวกเขาก็ทำได้ดีที่สุดเพียงแค่กำหนดเส้นตาย เพราะไม่สามารถเข้าไปเร่งรัด กับทางที่ปรึกษาทางด้านกฎหมายและบัญชีของ พ.ต.ท.ทักษิณได้
นอกจากนี้ยังมีความกังวลใจของบอร์ดบริหารบางรายที่ยังไม่ค่อยเชื่อในความจริงใจที่จะซื้อกิจการของ พ.ต.ท.ทักษิณสักเท่าไรนัก ทั้งนี้พวกเขากังวลว่าความพยายามในครั้งนี้ของ พ.ต.ท. ทักษิณคือการใช้ให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นหมากในการเดินเกมเพื่อกลับไทย ด้วยความหวังที่จะหวนกลับคืนสู่อำนาจอีกครั้งหนึ่ง
สืบเนื่องจากกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ประสบปัญหาในการระดมเงินทุนเพื่อนำมาซื้อหุ้นของทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยติดขัดตรงที่การนำทรัพย์สินส่วนตัวออกนอกประเทศ เพราะกฎหมายของไทยระบุไว้อย่างชัดเจนว่านิติบุคคลสามารถนำเงินออกไปลงทุนเพื่อการซื้อหุ้นยังต่างประเทศได้ไม่เกิน 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,750 ล้านบาท) สำหรับซื้อหุ้น 10% ของบริษัทต่างชาติ พร้อมกันนี้ต้องมีหลักฐานแสดงให้กับเจ้าหน้าที่ แต่ทั้งนี้หากต้องการลงทุนมากกว่าจำนวนที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไว้ นิติบุคคลดังกล่าวจะต้องทำเรื่องขออนุญาตเพื่อให้ธนาคารแห่งประเทศไทยพิจารณาเป็นรายกรณีไป
โดยก่อนหน้านี้ หนังสือพิมพ์แมนเชสเตอร์ อีฟนิ่ง นิวส์ รายงานว่าทางบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินของ อดีตนายกฯ ในกรุงลอนดอนกำลังระดมหาเงินทุนเพื่อเข้าซื้อกิจการของสโมสร ในขณะเดียวกันทางธนาคารแห่งประเทศไทยได้ยืนยันว่า จนถึงเวลานี้ยังไม่ได้รับคำร้องเพื่อขอถอนเงินจำนวน 108 ล้านปอนด์ (ประมาณ 7,500 ล้านบาท) จากตัวแทนของอดีตนายกฯแต่อย่างใด
ด้วยเหตุผลดังกล่าว รวมไปถึงความล่าช้าในการดำเนินงานเพื่อเข้าซื้อหุ้นของกลุ่ม พ.ต.ท. ทักษิณได้สร้างความไม่มั่นใจให้กับบอร์ดบริหารของสโมสรฯ โดย จอห์น วอร์เดิล ประธานสโมสร และอลิสแตร์ แม็กอินทอช ซีอีโอ ต้องการให้กลุ่มของอดีตนายกฯ อธิบายเกี่ยวกับตัวบทกฎหมาย ที่ทำให้เกิดการหยุดชะงักในการเดินหน้าซื้อกิจการแมนฯ ซิตี้ และยืนยันความชัดเจนว่ามีการระดมทุนเพื่อเข้าซื้อหุ้นของสโมสรจริง
ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์ แมนเชสเตอร์ อีฟนิง นิวส์ ยังได้นำประเด็นการเทกโอเวอร์ของกลุ่มนายทุนต่างชาติรายอื่นมาเปรียบเทียบกับการเข้าซื้อของ อดีตนายกฯพลัดถิ่นชาวไทย ซึ่งที่ผ่านมา มัลคอล์ม เกลเซอร์ มหาเศรษฐีชาวสหรัฐฯ ที่ปัจจุบันเป็นเจ้าของสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมร่วมเมืองของ “เรือใบสีฟ้า”, ทอม ฮิกส์ และจอร์จ ยิลเล็ตต์ ดูโอเศรษฐีพันล้านจากเมืองลุงแซมที่ก้าวเข้ามาบริหาร ลิเวอร์พูล รวมไปถึง แรนดี้ เลอร์เนอร์ ซึ่งเป็นนายหัวคนปัจจุบันของแอสตัน วิลลา ทั้งหมดนี้ใช้เวลาในการเดินเรื่องเจรจาและจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นภายในเวลาเพียงเดือนเดียวเท่านั้น
ในขณะที่ การเข้าซื้อกิจการเรือใบสีฟ้าของ พ.ต.ท.ทักษิณกลับยังไม่มีความคืบหน้าในการแสดงทรัพย์สินที่ให้เห็นชัดเจนที่ นอกจากนี้ในรายงานข่าวยังระบุเพิ่มเติมด้วยว่าฝ่ายบริหารของแมนฯ ซิตี้แทบจะไม่ได้รับข้อมูลด้านการเงินของ พ.ต.ท.ทักษิณ มากอย่างที่ต้องการ ซึ่งทำให้บรรดาสาวกสีฟ้าที่ต่อต้านการเข้ามาครอบครองทีมรักของตนต่างพากันคาดหวังให้การเจรจาล้มเหลวและพับฐานไปในที่สุด
อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของทีมเรือใบสีฟ้ายังไม่ตัดโอกาสในการเข้าเทคโอเวอร์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เสียทีเดียว เพียงแต่ว่าอาจจะมีการขีดเส้นตายให้กับการเจรจาครั้งสำคัญ ภายในระยะเวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งหากยังหาข้อสรุปที่แน่ชัดไม่ได้ก็อาจจะถูกสั่งล้มโต๊ะปิดการซื้อ-ขายหุ้นสโมสรในที่สุด
ทั้งนี้ ทางฝั่งแมนฯ ซิตี้ ต้องการกำหนดทิศทางและเป้าหมายของสโมสรให้เร็วที่สุดในการสู้ศึกพรีเมียร์ชิป อังกฤษ ฤดูกาลหน้า ซึ่งมีการยืนยันว่าจะแต่งตั้งผู้จัดการทีมคนใหม่แทนที่ สจ๊วร์ต เพียร์ซ ที่ถูกปลดออกไปหลังจากที่การเทกโอเวอร์สำเร็จลุล่วง
ในบทสรุปของการรายงานข่าว แมนเชสเตอร์ อีฟนิ่ง นิวส์ ได้ตั้งข้อสังเกตไว้อย่างน่าสนใจว่า "นี่คือช่วงเวลาที่ทางสโมสรต้องรีบจัดการทางด้านธุรกิจให้เร็วที่สุด เพราะฤดูกาลซื้อขายนักเตะในช่วงซัมเมอร์ ได้เริ่มขึ้นแล้วหากยังไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะนายทุนรายใดจะเข้ามาบริหารกิจการของสโมสร โอกาสในการคว้านักฟุตบอลที่มีคุณภาพ รวมไปถึงผู้จัดการทีมฝีมือดีๆก็จะหลุดลอยไป
แน่นอนว่าด้วยข้อจำกัดเรื่องระยะเวลา และภาระอันหนักอึ้งในการพยุงอนาคตของสโมสรได้สร้างความกดดันให้เป็นอย่างมากกับเหล่าผู้บริหารที่ในเวลานี้พยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะขอคำตอบจากปากของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่พวกเขาก็ทำได้ดีที่สุดเพียงแค่กำหนดเส้นตาย เพราะไม่สามารถเข้าไปเร่งรัด กับทางที่ปรึกษาทางด้านกฎหมายและบัญชีของ พ.ต.ท.ทักษิณได้
นอกจากนี้ยังมีความกังวลใจของบอร์ดบริหารบางรายที่ยังไม่ค่อยเชื่อในความจริงใจที่จะซื้อกิจการของ พ.ต.ท.ทักษิณสักเท่าไรนัก ทั้งนี้พวกเขากังวลว่าความพยายามในครั้งนี้ของ พ.ต.ท. ทักษิณคือการใช้ให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นหมากในการเดินเกมเพื่อกลับไทย ด้วยความหวังที่จะหวนกลับคืนสู่อำนาจอีกครั้งหนึ่ง