นายวิทเยนทร์ มุตตามระ นายกสมาคมผู้ให้บริการจัดสรรวันหยุดพักผ่อนไทย (ทีวีโอเอ) หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ (ซีโอโอ) บริษัทควอลิตี้ วาเคชั่น คลับ ผู้ให้บริการธุรกิจจัดสรรวันพักผ่อน (ไทม์แชร์) เปิดเผยว่า จากการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้ส่งผลให้ธุรกิจไทม์แชร์ริ่งที่อยู่ในภูมิภาคนี้เติบโตไปพร้อมกับตลาดการท่องเที่ยว โดยปีที่ผ่านมาธุรกิจไทม์แชร์ริ่งในภูมิภาคนี้เติบโตถึง 10% ขณะที่ตัวเลขธุรกิจไทม์แชร์ริ่งจากโซนยุโรปกลับเป็นการเติบโตที่ถดถอย
สาเหตุที่การท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้เติบโต มาจากหลายปัจจัย อาทิ การตื่นตัวในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของแต่ละประเทศ ที่มองเห็นแล้วว่า อุตสาหกรรมนี้จะสามารถสร้างรายได้ให้แก่ประเทศ ประกอบกับสภาพภูมิประเทศ วัฒนาธรรม และวิถีชีวิต เป็นเสน่ห์ดึงดูดให้ชาวต่างชาติ โดยเฉพาะยุโรปและอเมริกาที่ชื่นชอบในมนตร์เสน่ห์ดังกล่าว ซึ่งประเทศที่อยู่ในความสนใจของนักท่องเที่ยวจากยุโรปได้แก่ จีน อินเดีย รวมถึงประเทศไทยด้วย
จากกระแสการเติบโตดังกล่าว ทีวีโอเอ จึงได้ร่วมกับสมาพันธ์พัฒนาธุรกิจจัดสรรวันหยุดพักผ่อนแห่งประเทศมาเลเซีย และสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจจัดสรรวันหยุดพักผ่อนแห่งประเทศออสเตรเลีย เตรียมจัดตั้งสมาพันธ์สมาคมผู้ประกอบการธุรกิจไทม์แชร์ในภูมิเอเชียแปซิฟิก เพื่อทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ภาพรวมของธุรกิจ ในการสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่นักท่องเที่ยวทั่วโลก ซึ่งการรวมตัวกันของ 3ประเทศในครั้งนี้ จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวได้
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของประเทศไทย ปัจจุบันมีสมาชิกในธุรกิจไทม์แชร์ริ่งอยู่ประมาณ 50,000 ราย โดยมีบริษัทที่ประกอบธุรกิจดังกล่าวเพียง 12 ราย ในที่นี้เป็นสมาชิกของทีวีโอเอ 9 ราย ซึ่งมองว่าธุรกิจนี้ มีช่องทางการเติบโตได้อีกมาก แต่สาเหตุที่ทำให้ผู้ประกอบการมีจำนวนน้อย เพราะธุรกิจดังกล่าวยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้างของผู้ลงทุนและนักท่องเที่ยวคนไทย ดังนั้นสมาคมฯ จึงมีแผนการสร้างการประชาสัมพันธ์ จุดประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจและการรับรู้ให้กับนักท่องเที่ยว
นายวิทเยนทร์ กล่าวชี้แจงถึงรายละเอียดของธุรกิจไทม์แชร์ริ่งว่า เป็นการซื้อสัดส่วนเพื่อเป็นเจ้าของห้องพักให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ที่ต้องการเดินทางท่องเที่ยว การซื้อสิทธิ์นี้ ผู้ซื้อจะได้เป็นเจ้าของห้องพักล่วงหน้าตามเงื่อนไขระยะเวลาที่ตกลงกัน ซึ่งจะประมาณ30-50 ปี ในส่วนของควอลิตี้ฯ มีระยะเวลา 30 ปี จ่ายค่าแพกเกจ 3 แสนบาท และเสียค่าธรรมเนียมรายปีละ 300 เหรียญสหรัฐ โดยในไทยมีโรงแรมเชนต่างชาติสนใจเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย อย่างแบรนด์แมริออท และเครือแอคคอร์
สำหรับควอลิตี้ฯ ได้เปิดให้บริการโรงแรมที่ แกรนด์ ทาวเวอร์ พระราม 6 .ชาโต้เดล, เลแกซี่ รีสอร์ท จังหวัดกาญจนบุรี ,พัทยา ฮิลล์ ,อิริแกน สวีท ,ส่วนปีนี้บริษัทมีแผนขยายโรงแรมเพิ่มอีกอย่างน้อย 3 แห่ง ได้แก่ ไฮแอท เชียงใหม่ และไฮแอท หัวหิน
ด้านผลประกอบการปี 2550 ทางบริษัทฯตั้งเป้าเติบโตเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะนี้สามารถจำหน่ายได้แล้ว ประมาณ 3,000 ราย เทียบกับปีก่อนทั้งปี จำหน่ายได้ประมาณ 1,000 ราย โดยปัจจุบันบริษัทมีสมาชิกทั้งหมด 20,000 ราย มีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 40% จากมูลค่าตลาดรวมในประเทศไทยมี 50,000 ราย
ทางด้านนายกอนซาโร มาร์เคด้า ประธานกรรมการบริหาร บริษัทอาร์ซีไอ เอเซีย แปซิฟิก กล่าวว่า การเติบโตของธุรกิจไทม์แชร์ริ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ประกอบด้วย 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1.การเติบโตทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะประเทศจีน ได้ส่งผลให้ชนชั้นกลางมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น จึงนำมาจับจ่ายเพื่อการเดินทางท่องเที่ยวซึ่งถือเป็นการพักผ่อน ตลอดจนเมื่อเศรษฐกิจเติบโต เกิดการค้าระหว่างประเทศ มีการเดินทางติดต่อค้าขายและเจรจาธุรกิจ
2.พฤติกรรมนักท่องเที่ยวเปลี่ยน โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่นิยมเดินทางด้วยตัวเอง หรือ FIT โดยไม่ผ่านบริษัททัวร์ 3.นักท่องเที่ยวนิยมเข้าพักโรงแรมระดับบนเพิ่มขึ้น แต่ต้องการได้บริการแบบเป็นส่วนตัวหรือนีชเพิ่มมากขึ้น และ 4.การขยายตัวของสายการบินในกลุ่มโลว์คอสต์แอร์ไลน์ในเอเชีย ที่กระจายเส้นทางเพิ่มมากขึ้น ได้ทำให้การเดินทางระหว่างประเทศในภูมิภาคนี้ หรือข้ามภูมิภาคในระยะใกล้มีความสะดวกและรวดเร็วขึ้น
สาเหตุที่การท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้เติบโต มาจากหลายปัจจัย อาทิ การตื่นตัวในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของแต่ละประเทศ ที่มองเห็นแล้วว่า อุตสาหกรรมนี้จะสามารถสร้างรายได้ให้แก่ประเทศ ประกอบกับสภาพภูมิประเทศ วัฒนาธรรม และวิถีชีวิต เป็นเสน่ห์ดึงดูดให้ชาวต่างชาติ โดยเฉพาะยุโรปและอเมริกาที่ชื่นชอบในมนตร์เสน่ห์ดังกล่าว ซึ่งประเทศที่อยู่ในความสนใจของนักท่องเที่ยวจากยุโรปได้แก่ จีน อินเดีย รวมถึงประเทศไทยด้วย
จากกระแสการเติบโตดังกล่าว ทีวีโอเอ จึงได้ร่วมกับสมาพันธ์พัฒนาธุรกิจจัดสรรวันหยุดพักผ่อนแห่งประเทศมาเลเซีย และสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจจัดสรรวันหยุดพักผ่อนแห่งประเทศออสเตรเลีย เตรียมจัดตั้งสมาพันธ์สมาคมผู้ประกอบการธุรกิจไทม์แชร์ในภูมิเอเชียแปซิฟิก เพื่อทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ภาพรวมของธุรกิจ ในการสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่นักท่องเที่ยวทั่วโลก ซึ่งการรวมตัวกันของ 3ประเทศในครั้งนี้ จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวได้
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของประเทศไทย ปัจจุบันมีสมาชิกในธุรกิจไทม์แชร์ริ่งอยู่ประมาณ 50,000 ราย โดยมีบริษัทที่ประกอบธุรกิจดังกล่าวเพียง 12 ราย ในที่นี้เป็นสมาชิกของทีวีโอเอ 9 ราย ซึ่งมองว่าธุรกิจนี้ มีช่องทางการเติบโตได้อีกมาก แต่สาเหตุที่ทำให้ผู้ประกอบการมีจำนวนน้อย เพราะธุรกิจดังกล่าวยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้างของผู้ลงทุนและนักท่องเที่ยวคนไทย ดังนั้นสมาคมฯ จึงมีแผนการสร้างการประชาสัมพันธ์ จุดประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจและการรับรู้ให้กับนักท่องเที่ยว
นายวิทเยนทร์ กล่าวชี้แจงถึงรายละเอียดของธุรกิจไทม์แชร์ริ่งว่า เป็นการซื้อสัดส่วนเพื่อเป็นเจ้าของห้องพักให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ที่ต้องการเดินทางท่องเที่ยว การซื้อสิทธิ์นี้ ผู้ซื้อจะได้เป็นเจ้าของห้องพักล่วงหน้าตามเงื่อนไขระยะเวลาที่ตกลงกัน ซึ่งจะประมาณ30-50 ปี ในส่วนของควอลิตี้ฯ มีระยะเวลา 30 ปี จ่ายค่าแพกเกจ 3 แสนบาท และเสียค่าธรรมเนียมรายปีละ 300 เหรียญสหรัฐ โดยในไทยมีโรงแรมเชนต่างชาติสนใจเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย อย่างแบรนด์แมริออท และเครือแอคคอร์
สำหรับควอลิตี้ฯ ได้เปิดให้บริการโรงแรมที่ แกรนด์ ทาวเวอร์ พระราม 6 .ชาโต้เดล, เลแกซี่ รีสอร์ท จังหวัดกาญจนบุรี ,พัทยา ฮิลล์ ,อิริแกน สวีท ,ส่วนปีนี้บริษัทมีแผนขยายโรงแรมเพิ่มอีกอย่างน้อย 3 แห่ง ได้แก่ ไฮแอท เชียงใหม่ และไฮแอท หัวหิน
ด้านผลประกอบการปี 2550 ทางบริษัทฯตั้งเป้าเติบโตเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะนี้สามารถจำหน่ายได้แล้ว ประมาณ 3,000 ราย เทียบกับปีก่อนทั้งปี จำหน่ายได้ประมาณ 1,000 ราย โดยปัจจุบันบริษัทมีสมาชิกทั้งหมด 20,000 ราย มีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 40% จากมูลค่าตลาดรวมในประเทศไทยมี 50,000 ราย
ทางด้านนายกอนซาโร มาร์เคด้า ประธานกรรมการบริหาร บริษัทอาร์ซีไอ เอเซีย แปซิฟิก กล่าวว่า การเติบโตของธุรกิจไทม์แชร์ริ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ประกอบด้วย 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1.การเติบโตทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะประเทศจีน ได้ส่งผลให้ชนชั้นกลางมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น จึงนำมาจับจ่ายเพื่อการเดินทางท่องเที่ยวซึ่งถือเป็นการพักผ่อน ตลอดจนเมื่อเศรษฐกิจเติบโต เกิดการค้าระหว่างประเทศ มีการเดินทางติดต่อค้าขายและเจรจาธุรกิจ
2.พฤติกรรมนักท่องเที่ยวเปลี่ยน โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่นิยมเดินทางด้วยตัวเอง หรือ FIT โดยไม่ผ่านบริษัททัวร์ 3.นักท่องเที่ยวนิยมเข้าพักโรงแรมระดับบนเพิ่มขึ้น แต่ต้องการได้บริการแบบเป็นส่วนตัวหรือนีชเพิ่มมากขึ้น และ 4.การขยายตัวของสายการบินในกลุ่มโลว์คอสต์แอร์ไลน์ในเอเชีย ที่กระจายเส้นทางเพิ่มมากขึ้น ได้ทำให้การเดินทางระหว่างประเทศในภูมิภาคนี้ หรือข้ามภูมิภาคในระยะใกล้มีความสะดวกและรวดเร็วขึ้น