เชียงราย - ผู้ว่าฯเชียงรายเตรียมตั้งวงเจรจา 3 พ่อเมือง "ไทย-พม่า-ลาว" นำร่อง ก่อนดึงจีนเข้าร่วมเวทีเป็น "7 ผู้ว่าฯ 4 ประเทศ" หารือแนวทางต่อยอด-สร้างบรรยากาศการค้า การลงทุน การท่องเที่ยวในกรอบสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจร่วมกัน หลังโครงข่ายคมนาคมทางบก-ทางน้ำใกล้เสร็จสมบูรณ์ในอนาคตอันใกล้ ขณะที่ภาคเอกชนแห่เปิดคลังสินค้าอนุมัติฯริมน้ำโขงรองรับ
ขณะที่โครงข่ายคมนาคมในย่านสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ (ไทย พม่า ลาว จีนตอนใต้) กำลังจะเสร็จสมบูรณ์ภายในระยะไม่กี่ปีต่อจากนี้ ซึ่งคาดหมายกันว่า จะก่อให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ - การลงทุน การท่องเที่ยว ในย่านนี้อย่างมากนั้น นายอมรพันธุ์ นิมานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า เขามีแนวทางที่จะจัดประชุม 3 ฝ่าย ระหว่างผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย กับเจ้าแขวงบ่อแก้ว สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว( สปป.ลาว )และผู้ว่าราชการ จ.ท่าขี้เหล็ก สหภาพพม่า ราวปลายเดือน มิถุนายน 2550 หลังจากมีการพบปะเจรจา 2 ฝ่ายกับเจ้าแขวงบ่อแก้ว และผู้ว่าราชการ จ.ท่าขี้เหล็ก
นอกนี้ในอนาคตจะประสานงานต่อในการพบปะอย่างไม่เป็นทางการกับผู้ว่าราชการ 7 จังหวัด 4 ประเทศ คือ เมืองเชียงรุ้ง ประเทศจีน,เมืองลา เชียงตุง ท่าขี้เหล็ก ของพม่า,แขวงบ่อแก้ว แขวงหลวงน้ำทา ของ สปป.ลาว และจังหวัดเชียงราย ของไทย ซึ่งน่าจะเป็นผลดีต่อทุกๆ พื้นที่ในบริเวณนี้ ทั้งด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว การศึกษาวัฒนธรรม อันจะส่งผลดีต่อประชาชนทั้ง 4 ประเทศในอนาคต
"เวทีผู้ว่าฯ 7 จังหวัด 4 ประเทศนี้ น่าจะจัดขึ้นหลังจากการประชุม 3 ประเทศประสบความสำเร็จก่อนส่วนหนึ่งเชื่อว่าจะช่วยต่อยอดการพัฒนาจากโครงข่ายคมนาคม ที่จะแล้วเสร็จในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย"
ด้านนายพัฒนา สิทธิสมบัติ ประธานหอการค้า จ.เชียงราย กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 10-14 มิถุนายน นี้ คณะหอการค้า และผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย จะเดินทางไปนครคุนหมิง มณฑลหยุนหนัน สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อกระชับสัมพันธไมตรี ตามโครงการบ้านพี่เมืองน้อง ซึ่งฝ่ายจีนเคยมาเยือนไทย เมื่อปีที่ผ่านมาแล้ว โดยหอการค้าอาจจะหารือแนวทางการส่งเสริมให้มีการประชุม 4 ประเทศ 7 จังหวัดในอนาคตด้วย
เขาบอกว่า โครงการจัดประชุมระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดน ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก น่าจะเป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่าย ซึ่งเป้าหมายน่าจะเป็นการส่งเสริมการค้าระหว่างกันให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ปัญหาเรื่องเกี่ยวกับการเข้าออกพรมแดน น่าจะได้รับการประสานหาทางส่งเสริม เช่น เส้นทางถนน สาย R3b จากจีนตอนใต้ ผ่าน สหภาพพม่า ขณะนี้ประเทศจีน ได้ปิดด่านท่าล่อ ที่เชื่อมกับเมืองลาในสหภาพพม่ามาร่วม 1 ปี ทำให้การเข้า-ออก ทางด่านนี้ไม่สามารถทำได้ ทำให้นักท่องเที่ยวจากจีนและไทยจะผ่านเส้นทางนี้ไม่ได้ ส่งผลให้การติดต่อคมนาคมด้านนี้ไม่มี
ส่วนเส้นทางถนน สาย R3a หรือ จากจีนตอนใต้ ผ่าน สปป.ลาว มาที่ แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ตรงข้าม อ.เชียงของ จ.เชียงราย ซึ่งใกล้แล้วเสร็จ และน่าจะรองรับกับการสร้างสะพานมิตรภาพข้ามแม่น้ำโขง ราวปี 2554 ก็จะได้เตรียมการรองรับในเรื่องระบบลอจิสติกส์ ซึ่งจากการหารือกับฝ่ายพม่า และเวทีเจรจาระหว่างผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย และเจ้าแขวงบ่อแก้ว เมื่อเร็วๆนี้ บรรยากาศเป็นไปด้วยดี
ส่วนการคมนาคมทางแม่น้ำโขง ซึ่งขณะนี้มีนักธุรกิจไทย เช่น บริษัท แม่โขงเดลต้า แทรเวลเอเยนซี่ เริ่มมาลงทุนร่วมกับนักธุรกิจจีน เปิดเส้นทางเดินเรือท่องเที่ยวจากจีนตอนใต้ ผ่าน อ.เชียงแสน อ.เชียงของ จ.เชียงราย เชื่อมต่อไปถึง สปป.ลาว ก็ต้องมีการผลักดันและเร่งแก้ไขกฎระเบียบและวิธีการผ่านแดนให้สะดวกมากขึ้น ถือว่าเป็นการดีที่นักธุรกิจไทยเริ่มเคลื่อนไหวลงทุนการเดินเรือมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ขณะนี้มีเอกชนไทย เข้ามาลงทุนเปิดคลังสินค้าอนุมัติเฉพาะคราว ริมแม่น้ำโขง 2 แห่ง ที่บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ คือ ท่าเรือ บริษัทสยามเซาท์ไชน่า ลอจิสติกส์ จำกัด ของนายประธาน อินทรียงค์ ซึ่งเข้ามาใช้พื้นที่บริเวณห้าเชียงพลาซ่า (ของนายวัฒนา อัศวเหม) และอีกราย เป็นท่าเรือที่ใกล้เคียงกัน คือ ท่าเรือเทคโทน่า ของนายชูเกียรติ ภูวิภิรมย์
หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีผู้ประกอบการเข้ามาลงทุนเปิดบริการคลังสินค้าฯแล้ว 5 แห่ง คือ คลังสินค้าอนุมัติเฉพาะคราว เกวรี,เชียงแสนชิปปิ้งเซอร์วิสต์,นพโรจน์,ชะอุ้ม,โกเหลี่ยม ซึ่งสามารถนำเข้า-ส่งออกสินค้าทางเรือได้เฉพาะคราว นอกเหนือจากที่มีท่าเรือเชียงแสน เป็นท่าเรือหลัก
ล่าสุดขณะนี้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงเริ่มสูงขึ้นจนเรือสินค้าแล่นได้สบาย ถือว่าเป็นการส่งเสริมการค้าให้มีมากขึ้น ในขณะที่มูลค่าการค้าชายแดนเชียงราย กับเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้นจากทุกๆปี โดยปี 2549 ที่ผ่านมามีมูลค่ารวมเกือบ 10,000 ล้านบาท