xs
xsm
sm
md
lg

เทอมสุดท้ายรัฐบาลรับใบประกาศความล้มเหลว

เผยแพร่:   โดย: การุณ ใสงาม

วันนี้มีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เตรียมตัวที่จะเดินทางกลับมายังประเทศไทย จากสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ดูอึมครึม เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้

ข่าวลือเรื่องปฎิวัติมีอยู่ทุกวัน ยิ่งตอนนี้ลือกันไปขนาดที่ว่า พี่สุรยุทธ์กับน้องสนธิแตกคอกัน มีการลงนามเตรียมปลดกันแล้ว

ชาวบ้านไม่รู้จะคาดหวังอะไรอีก รัฐธรรมนูญที่ดูเหมือนว่าจะกินได้ก็ชักไม่แน่เสียแล้ว การมีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญชาวบ้านเริ่มไม่แน่ใจว่าเขาจะมีส่วนในการร่วมคิด ร่วมสร้าง ร่วมร่างรัฐธรรมนูญตามที่คาดหวังไว้ได้หรือไม่

ฝ่ายทักษิณเองก็เริ่มรุกหนักขึ้น วางหมากสร้างเครือข่าย ขยายช่องทางการกระจายข่าว ทั้งเว๊ปไซด์ www.hi-thaksin .org มีวิทยุอินเตอร์เน็ต คนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ สถานีวิทยุชุมชนคนแท็กซี่ 92.75 สถานีวิทยุชุมชนคนรู้ใจ 87.75 ที่ถูกปิดไปสดๆร้อนๆ เพราะ มีการสัมภาษณ์ทักษิณข้ามประเทศ ออดอ้อนขอความเห็นใจบอกว่าโดนรังแก ก่อนหน้าก็ปล่อย คลิ๊ป ระบายความในใจ ฟังแล้วน่าสงสาร แต่ไม่น่าเห็นใจ

ที่กำลังเหิมเกริมกันอยู่ขณะนี้คือกลุ่มพีทีวี ที่พยายามบอกกับสาธารณชนว่าไม่ใช่ไทยรักไทย

วันอาทิตย์ที่ผ่านมา กลุ่มพีทีวีก็ได้ซ้อมใหญ่ ชุมนุมและทดลองเคลื่อนขบวนจากสนามหลวงไปลานพระบรมรูป มีคนเข้าร่วมหลักพันเลยทีเดียว

คมช. และรัฐบาลก็ไม่เห็นว่าอะไร

ผมลืมไปเลยนะครับว่า ตอนนี้บ้านเรายังอยู่ภายใต้การควบคุมของคมช. ที่มาจากการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน

ทหารเขาใจดีอย่างนี้แล้วจะมาบอกว่าเขาเป็นเผด็จการได้อย่างไร นี่แหล่ะประชาธิปไตยแบบสุดๆ

ผมว่าถ้าทักษิณกลับมาจริงๆ เตรียมเสลี่ยงไปรับเลยดีไหมครับ แล้วจัดงานต้อนรับเสียเลย ไหนๆก็ไหนๆแล้ว

คดีหลายคดีรอทักษิณกลับมา แล้วยังเรื่องยุบพรรคอีก สิ้นเดือนนี้คงรู้ว่าผลจะเป็นอย่างไร จะออกหัวออกก้อยไม่นานเราคงได้รู้กัน

สิ่งที่ผมเป็นห่วงเป็นกังวลในขณะนี้ คือความรู้สึกของพี่น้องพันธมิตรประชาชน และคนไทยทุกคนที่เป็นห่วงเป็นใยประเทศชาติกันอย่างแท้จริง

เสียงถามไถ่เวลาเจอหน้ากัน มักจะถามกันว่า ต่อไปจะเป็นอย่างไร ผมก็ตอบไม่ได้ คงจะเข้าลักษณะที่ว่า กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้เสียแล้วกระมัง

พวกเราพยายามส่งสัญญาณ บอกทั้งรัฐบาลและ คมช. ว่าควรจะทำอะไร ควรจะเร่งอะไร แต่เหมือนกับเสียงเรียกร้องนั้นผ่านไปกับสายลม เข้าหูซ้ายออกหูขวา พอพูดซ้ำก็โดนหาว่าแผ่นเสียงตกร่อง

ถ้าท่านทำแบบที่พี่น้องพันธมิตรฯเสนอ ท่านจะไม่ตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างนี้หรอกครับ หลายอย่างเคยบอกไปอย่างเช่น ให้ระวังเรื่องการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญเขาจะเอาเป็นเกมการเมือง อย่าใส่ลงไป แล้วท่านฟังไหมครับ

การเมืองไม่ใช่เพียงแค่การตอบโจทย์ว่า 1+1 = 2 แต่มันมีนัยอะไรแฝงอยู่เสมอ

ท่านปรีดี พนมยงค์ เคยกล่าวว่า ยามท่านมีอำนาจท่านไม่มีประสบการณ์ แต่ในยามที่ท่านมีประสบการณ์ท่านกลับไม่มีอำนาจ

ผมไม่อยากให้ คมช. และรัฐบาลเจอสภาพอย่างนี้

อาศัยแต่กระบวนการทางศาลของ คตส. อย่างเดียวคงจะไม่เพียงพอ แรงเสียดทานจากหลายฝ่ายเข้าไปหา คตส. ท่านต้องช่วย คตส. อย่าให้ คตส.เป็นหนังหน้าไฟ คนทำงานเพื่อชาติจะท้อเอานะครับ

ท่านจะทำอะไรกันก็ทำให้ชัดเจน ไม่ใช่ครึ่งๆกลางอย่างนี้

ประชาชนที่เคยเป็นกำลังใจให้พวกท่าน เขาจะพากันหมดหวัง พวกผมก็จะกลายเป็นถอดใจ ปล่อยไปตามเวรตามกรรม

ยิ่งได้อ่านบทสัมภาษณ์ของสหายเก่าคนหนึ่ง ปัจจุบันเป็นกรรมการสิทธิมนุษยชน บอกว่า เป็นลิ่วล้อทักษิณ ดีกว่าเป็นสมุนเผด็จการ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ขนาดคนที่มีความรู้มีการศึกษา ผ่านประสบการณ์ ผ่านร้อนผ่านหนาว ได้รู้ได้เห็นอะไรต่อมิอะไรมาก็มาก มีตำแหน่งใหญ่โตเขายังคิดแบบนี้ แล้วตาสีตาสาป่านนี้ไม่คิดถึงทักษิณกันหรือ

ท่านรู้กันบ้างไหมว่า เขาเริ่มที่จะเปรียบเทียบแล้วว่า เมื่อก่อนเขาได้อะไรเขาเป็นอย่างไร ปัจจุบันเขาได้อะไรบ้าง

ขอยกตัวอย่างเรื่องการศึกษา รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงทำอะไรอยู่ ชาวบ้านเขาวิ่งไปขอเงินทุนการศึกษาจากไทยคมกันหมดแล้ว

คณะรัฐมนตรีก็ช่างกระไร เอาเงิน 200 ล้านไปอุ้ม ทีไอทีวี เพื่อเป็นทีวีสาธารณะอีก น่าจะเอาเงินก้อนนี้มาให้เป็นทุนการศึกษาแก่ลูกหลานก่อน

การพัฒนาจำเป็นต้องควบคู่ไปกับการบริหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทยจำเป็นต้องมีการบริหารการพัฒนา และสิ่งที่สำคัญคือ ต้องพัฒนาให้ตรงจุดไม่ใช่เน้นแต่การพัฒนาทางวัตถุ เน้นลงทุนพวกเมกกะโปรเจคส์ เราต้องหันกลับมาดูความเป็นจริง อย่าเอาแต่บูชา GDP วัดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างเดียว

การศึกษาเป็นการลงทุนที่มากที่สุด แต่ผลตอบแทนที่กลับมาก็คุ้มค่ามากที่สุดมิใช่หรือ การกระจายรายได้หรือการลดช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยในบ้านเราไม่มีความเป็นไปได้เลย

ภาษีมรดก ภาษีทรัพย์สิน ภาษีการถือครองที่ดิน ที่หยิบยกกล่าวอ้างกันอย่างสวยหรูไม่เคยปฏิบัติได้จริง ดังนั้น สิ่งที่จะทำได้และควรทำคือการให้การศึกษาเท่าที่ลูกหลานเราจะสามารถเรียนได้ อย่าไปจำกัดที่การศึกษา 7 ปี 12 ปี หรือ 15 ปี

ผมมองว่า เราควรจัดการศึกษาแบบให้เปล่าเสียด้วยซ้ำ และต้องรื้อระบบการศึกษาเสียใหม่ เริ่มแรกที่ครูบาอาจารย์ ท่านต้องให้ค่าจ้างค่าตอบแทนที่เหมาะสมไม่ใช่อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ขวัญและกำลังใจของคนเมื่อตกต่ำเขาจะมีแรงไปพัฒนาหรือช่วยเหลือคนอื่นได้อย่างไร

อาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นช่วงของการเปิดเรียน พ่อแม่หาเงินค่าเทอมกันแทบขาดใจ ไหนจะค่าอุปกรณ์การเรียนอีก สิ่งที่ผมอยากเสนอว่าถ้าเป็นไปได้ ชุดนักเรียนเราไม่ต้องเน้นได้ไหม เด็กในชนบทข้าวสักมื้อเขายังไม่มีกิน เขาจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อเสื้อซื้อกางเกง เอาเงินนั้นมาเป็นค่าหนังสือดีกว่าครับหรือค่าอาหารจะมีประโยชน์ต่อเขามากกว่า

สาระสำคัญอยู่ที่มันสมองของเด็ก เราควรเสริมสร้างพัฒนาสติปัญญา ให้เด็กลูกหลานเป็นเยาวชนที่ดี และควรปลูกฝังเรื่องจริยธรรมคุณธรรมให้เด็กรับรู้ว่า การโกงการคอรัปชั่นเป็นการทำลายบ้านเมืองอย่างไร อย่าปล่อยไปตามยถากรรม

เอาอย่างนี้ดีไหมครับ ถ้าเปรียบเหมือนนักเรียนเทอมที่แล้วรัฐบาลและ คมช.สอบตก เปิดเทอมใหม่แล้วแก้ตัวดีไหมครับ พ่อแม่พี่น้องประชาชนจะได้พึ่งพาอาศัยได้

ขืนชักช้าไม่เร่งงานระวังจะถูกไล่ออกนะครับ

กำลังโหลดความคิดเห็น