วานนี้(21 พ.ค.) ที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้จัดการประชุมและแถลงข่าว"พื้นที่สีขาวรอบโรงเรียน" โดยมีหน่วยงานร่วม อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร โดยมีเครือข่ายเยาวชนในสถานศึกษากว่า 50 คน เครือข่ายผู้ปกครองในโรงเรียน มูลนิธิเครือข่ายครอบครัว มาให้ข้อมูลถึงความไม่ปลอดภัย และอบายมุขที่อยู่รอบโรงเรียน รวมไปถึงแนวทางการป้องกันและแก้ไข
นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า ได้มีการทำการสำรวจเชิงลึกของเครือข่ายนักเรียนและเครือข่ายผู้ปกครองจำนวน 453 คน เมื่อวันที่ 7-17 พ.ค.ที่ผ่านมา ใน 12 โรงเรียนในเขต กทม. อาทิ โรงเรียนเทพศิรินทร์ กุนนทีรุทธาราม สตรีมหาพฤฒาราม สตรีศรีสุริโยทัย สายน้ำผึ้ง พระหฤทัยคอนแวนต์ มัธยมวัดหนองแขม พบว่า ในรัศมี 500 เมตร รอบโรงเรียนมีพื้นที่เสี่ยง 12 พื้นที่ ซึ่ง 5 อันดับแรก คือ 1.ร้านเกม อินเทอร์เน็ต 2. ร้านจำหน่ายสุรา บุหรี่ 3. แหล่งจำหน่ายสื่อลามก 4. แหล่งมั่วสุมหนีเรียน 5.ผับ บาร์ คาราโอเกะ
อย่างไรก็ตาม ภาครัฐได้ขอความร่วมมือจากตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายในการบังคับใช้กฎหมายอย่างเอาจริงเอาจัง เพื่อเอาผิดกับร้านค้า และกิจการต่างๆ ที่ฝ่าฝืนกฎหมายซึ่งตั้งอยู่โดยรอบโรงเรียน พร้อมทั้งต้องส่งเสริมให้เกิดเครือข่ายเฝ้าระวัง โดยความร่วมมือระหว่างโรงเรียนครอบครัว ชุมชน และเจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมทั้ง การรณรงค์ทางสังคมให้เกิดจิตสาธารณะ "การเป็นพ่อแม่ของสังคม" ดูแลปกป้องเด็กและเยาวชนทุกคนเสมือนลูกของตนเอง นายไพบูลย์ กล่าว
ด้านน.ส.ทิวาพร เพ็ชรกลับ ประธานสภาเยาวชน กทม.เขตบางขุนเทียน กล่าวว่า บริเวณรอบๆ โรงเรียนมีทั้งโต๊ะพนันบอล และโต๊ะสนุกเกอร์ ตู้เกม ตู้ม้า ซึ่งเป็นของผู้ปกครองนักเรียนเอง ล่อตาล่อใจเด็กนักเรียนให้เล่นการพนัน เมื่อเด็กเสียพนันไม่มีเงินจ่าย ก็จะให้เด็กเหล่านี้ทำงานใช้หนี้ ด้วยการเป็นเด็กเดินโพย และรับยาเสพติดเข้ามาขายในโรงเรียน เรียกได้ว่าเป็นธุรกิจความชั่วแบบครบวงจร ซึ่งยาเสพติดที่นำมาขายให้เด็กมีทั้ง ยา กัญชา เหล้า บุหรี่ และยาแก้ไอ"โซแลม" รวมถึงยาเสพติดชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเป็นน้ำ
ทั้งนี้ ตนเคยเห็นกับตาว่า เพื่อนบางกลุ่มนำยาเสพติดชนิดนี้ไปอุ่นในเตาไมโครเวฟของห้องคหกรรม จากนั้นยาจะกลายเป็นผง เด็กจะนำมาดูด ทั้งยังมีการนำเหล้าขาวผสมเครื่องดื่มชูกำลัง และสไปรท์ มาดื่มบนดาดฟ้าตึกเรียน
น.ส.ทิวาพร กล่าวอีกว่า ขณะที่สวนสาธารณะได้กลายเป็นพื้นที่อันตราย อย่างสวนสมเด็จย่าฯ แถวพระราม 2 ซึ่งอยู่ใกล้บ้านของตน รวมไปถึงสะพานพุทธ ได้มีวัยรุ่นชายกลุ่มใหญ่มาหลอกลวงเด็กหญิงที่ชอบนั่งรถเก๋ง รถมอเตอร์ไซค์ เพื่อทดสอบรถซิ่งกับผู้ชาย หรือที่เรียกว่า"เด็กแว้น"ไปรุมโทรมข่มขืนหมู่
ส่วนแถวสะพานเหล็กบ้านหม้อ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนของตน ก็มีการขายซีดีโป๊ ซึ่งเพื่อนของตนเคยเจอกับตัว คือ ระหว่างที่เดินอยู่บริเวณนั้น มีคนขายเข้ามาชักชวนไปถ่ายหนังและภาพโป๊ โดยบอกว่าจะให้ค่าตัว 5 พัน - 1 หมื่นบาท ถ้ามีนักเรียนที่เห็นแก่เงิน หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อยากได้เงินที่หามาง่ายๆ ก็อาจหลงไปกับคำชวนเหล่านั้นและอาจต้องเสียตัวในที่สุด
"เดี๋ยวนี้จะเห็นบ่อยมากประเภท เด็กแว้น ที่ถูกล่อลวงไปข่มขืนหมู่ คือ เด็กผู้หญิง 1 คน ถูกผู้ชายอีกประมาณ 20-30 คน พอข่มขืนเสร็จก็ทิ้งเด็กไว้ตรงนั้น ซึ่งเด็กผู้หญิงก็อยู่ประมาณ ม.1- ม.6 เหตุอันนี้เกิดแถวๆ เมเจอร์โซกิ บริเวณเมเจอร์พระประแดง หรือในผับบาร์ ตอนนี้ก็ไม่มีตรวจบัตรประชาชนเด็กต่ำกว่า 20 ปี ก็สามารถเดินเข้าไปเที่ยวได้แล้ว"
น.ส.ทิวาพร กล่าวอีกว่า กรณีผับบาร์ในเมื่อไม่สามารถที่จะไปห้ามเด็กไม่ให้เข้าไปเที่ยวได้แล้ว ก็อยากให้เปิดผับสำหรับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีไปเลย ส่วนเครื่องดื่ม ที่จะให้บริการก็ให้ควบคุมระดับแอลกอฮอล์ไป หรือกรณีกีฬาโลดโผนอย่าง สเก็ตบอร์ด หรือกีฬาเอ็กซ์ตรีม เด็กบางคนมีความสามารถ แต่ไม่มีเงินที่จะไปเสียค่าสถานที่ฝึกซ้อม เขาก็จะไปรวมตัวกันแล้วก็กลายเป็นแหล่งมั่วสุม จึงอยากขอให้หาพื้นที่ และเปิดเวทีให้กับเด็กเหล่านี้ด้วย
ด้านนายธนากร คมกฤส หัวหน้าฝ่ายพัฒนาเครือข่ายครอบครัว มูลนิธิเครือข่ายครอบครัว กล่าวว่า จากการสำรวจได้ข้อสรุปว่า โดยทั่วไป หากนำตัวเลขมาเฉลี่ยรวมกันจะได้ประมาณ 30% บริเวณรอบโรงเรียนที่สำรวจเป็นพื้นที่สีดำ และบางพื้นที่เป็นสีเทา ซึ่งหากต่อไปไม่มีการเฝ้าระวัง ก็จะกลายเป็นพื้นที่สีดำได้
"โรงเรียนที่พบว่ามีปัญหาค่อนข้างมาก จะเป็นโรงเรียนที่อยู่ในย่านกลางเมือง เช่น กุนนทีรุทธาราม สายน้ำผึ้ง อย่างที่โรงเรียนสาธิตรามคำแหง จากผลการสำรวจแม้จะมีนักเรียนกลุ่มตัวอย่างแค่ 8 คน แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นแกนนำนักเรียนในการทำกิจกรรมต่างๆ ซึ่งจะสนใจและคลุกคลีกับเรื่องดังกล่าวมากก็พบว่าบริเวณรอบโรงเรียนมีแหล่งมั่วสุมถึงร้อยละ 100% จุดนี้ถือว่าเป็นพื้นที่สีดำ" นายธนากร กล่าว
นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า ได้มีการทำการสำรวจเชิงลึกของเครือข่ายนักเรียนและเครือข่ายผู้ปกครองจำนวน 453 คน เมื่อวันที่ 7-17 พ.ค.ที่ผ่านมา ใน 12 โรงเรียนในเขต กทม. อาทิ โรงเรียนเทพศิรินทร์ กุนนทีรุทธาราม สตรีมหาพฤฒาราม สตรีศรีสุริโยทัย สายน้ำผึ้ง พระหฤทัยคอนแวนต์ มัธยมวัดหนองแขม พบว่า ในรัศมี 500 เมตร รอบโรงเรียนมีพื้นที่เสี่ยง 12 พื้นที่ ซึ่ง 5 อันดับแรก คือ 1.ร้านเกม อินเทอร์เน็ต 2. ร้านจำหน่ายสุรา บุหรี่ 3. แหล่งจำหน่ายสื่อลามก 4. แหล่งมั่วสุมหนีเรียน 5.ผับ บาร์ คาราโอเกะ
อย่างไรก็ตาม ภาครัฐได้ขอความร่วมมือจากตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายในการบังคับใช้กฎหมายอย่างเอาจริงเอาจัง เพื่อเอาผิดกับร้านค้า และกิจการต่างๆ ที่ฝ่าฝืนกฎหมายซึ่งตั้งอยู่โดยรอบโรงเรียน พร้อมทั้งต้องส่งเสริมให้เกิดเครือข่ายเฝ้าระวัง โดยความร่วมมือระหว่างโรงเรียนครอบครัว ชุมชน และเจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมทั้ง การรณรงค์ทางสังคมให้เกิดจิตสาธารณะ "การเป็นพ่อแม่ของสังคม" ดูแลปกป้องเด็กและเยาวชนทุกคนเสมือนลูกของตนเอง นายไพบูลย์ กล่าว
ด้านน.ส.ทิวาพร เพ็ชรกลับ ประธานสภาเยาวชน กทม.เขตบางขุนเทียน กล่าวว่า บริเวณรอบๆ โรงเรียนมีทั้งโต๊ะพนันบอล และโต๊ะสนุกเกอร์ ตู้เกม ตู้ม้า ซึ่งเป็นของผู้ปกครองนักเรียนเอง ล่อตาล่อใจเด็กนักเรียนให้เล่นการพนัน เมื่อเด็กเสียพนันไม่มีเงินจ่าย ก็จะให้เด็กเหล่านี้ทำงานใช้หนี้ ด้วยการเป็นเด็กเดินโพย และรับยาเสพติดเข้ามาขายในโรงเรียน เรียกได้ว่าเป็นธุรกิจความชั่วแบบครบวงจร ซึ่งยาเสพติดที่นำมาขายให้เด็กมีทั้ง ยา กัญชา เหล้า บุหรี่ และยาแก้ไอ"โซแลม" รวมถึงยาเสพติดชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเป็นน้ำ
ทั้งนี้ ตนเคยเห็นกับตาว่า เพื่อนบางกลุ่มนำยาเสพติดชนิดนี้ไปอุ่นในเตาไมโครเวฟของห้องคหกรรม จากนั้นยาจะกลายเป็นผง เด็กจะนำมาดูด ทั้งยังมีการนำเหล้าขาวผสมเครื่องดื่มชูกำลัง และสไปรท์ มาดื่มบนดาดฟ้าตึกเรียน
น.ส.ทิวาพร กล่าวอีกว่า ขณะที่สวนสาธารณะได้กลายเป็นพื้นที่อันตราย อย่างสวนสมเด็จย่าฯ แถวพระราม 2 ซึ่งอยู่ใกล้บ้านของตน รวมไปถึงสะพานพุทธ ได้มีวัยรุ่นชายกลุ่มใหญ่มาหลอกลวงเด็กหญิงที่ชอบนั่งรถเก๋ง รถมอเตอร์ไซค์ เพื่อทดสอบรถซิ่งกับผู้ชาย หรือที่เรียกว่า"เด็กแว้น"ไปรุมโทรมข่มขืนหมู่
ส่วนแถวสะพานเหล็กบ้านหม้อ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนของตน ก็มีการขายซีดีโป๊ ซึ่งเพื่อนของตนเคยเจอกับตัว คือ ระหว่างที่เดินอยู่บริเวณนั้น มีคนขายเข้ามาชักชวนไปถ่ายหนังและภาพโป๊ โดยบอกว่าจะให้ค่าตัว 5 พัน - 1 หมื่นบาท ถ้ามีนักเรียนที่เห็นแก่เงิน หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อยากได้เงินที่หามาง่ายๆ ก็อาจหลงไปกับคำชวนเหล่านั้นและอาจต้องเสียตัวในที่สุด
"เดี๋ยวนี้จะเห็นบ่อยมากประเภท เด็กแว้น ที่ถูกล่อลวงไปข่มขืนหมู่ คือ เด็กผู้หญิง 1 คน ถูกผู้ชายอีกประมาณ 20-30 คน พอข่มขืนเสร็จก็ทิ้งเด็กไว้ตรงนั้น ซึ่งเด็กผู้หญิงก็อยู่ประมาณ ม.1- ม.6 เหตุอันนี้เกิดแถวๆ เมเจอร์โซกิ บริเวณเมเจอร์พระประแดง หรือในผับบาร์ ตอนนี้ก็ไม่มีตรวจบัตรประชาชนเด็กต่ำกว่า 20 ปี ก็สามารถเดินเข้าไปเที่ยวได้แล้ว"
น.ส.ทิวาพร กล่าวอีกว่า กรณีผับบาร์ในเมื่อไม่สามารถที่จะไปห้ามเด็กไม่ให้เข้าไปเที่ยวได้แล้ว ก็อยากให้เปิดผับสำหรับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีไปเลย ส่วนเครื่องดื่ม ที่จะให้บริการก็ให้ควบคุมระดับแอลกอฮอล์ไป หรือกรณีกีฬาโลดโผนอย่าง สเก็ตบอร์ด หรือกีฬาเอ็กซ์ตรีม เด็กบางคนมีความสามารถ แต่ไม่มีเงินที่จะไปเสียค่าสถานที่ฝึกซ้อม เขาก็จะไปรวมตัวกันแล้วก็กลายเป็นแหล่งมั่วสุม จึงอยากขอให้หาพื้นที่ และเปิดเวทีให้กับเด็กเหล่านี้ด้วย
ด้านนายธนากร คมกฤส หัวหน้าฝ่ายพัฒนาเครือข่ายครอบครัว มูลนิธิเครือข่ายครอบครัว กล่าวว่า จากการสำรวจได้ข้อสรุปว่า โดยทั่วไป หากนำตัวเลขมาเฉลี่ยรวมกันจะได้ประมาณ 30% บริเวณรอบโรงเรียนที่สำรวจเป็นพื้นที่สีดำ และบางพื้นที่เป็นสีเทา ซึ่งหากต่อไปไม่มีการเฝ้าระวัง ก็จะกลายเป็นพื้นที่สีดำได้
"โรงเรียนที่พบว่ามีปัญหาค่อนข้างมาก จะเป็นโรงเรียนที่อยู่ในย่านกลางเมือง เช่น กุนนทีรุทธาราม สายน้ำผึ้ง อย่างที่โรงเรียนสาธิตรามคำแหง จากผลการสำรวจแม้จะมีนักเรียนกลุ่มตัวอย่างแค่ 8 คน แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นแกนนำนักเรียนในการทำกิจกรรมต่างๆ ซึ่งจะสนใจและคลุกคลีกับเรื่องดังกล่าวมากก็พบว่าบริเวณรอบโรงเรียนมีแหล่งมั่วสุมถึงร้อยละ 100% จุดนี้ถือว่าเป็นพื้นที่สีดำ" นายธนากร กล่าว