จับตา สื่อทีวีช่องหลัก ลงสนามปะชันศึก สนามข่าว ที่จะเป็นบ่อทองบ่อใหม่ ช่อง 3 ช่อง 7 โมเดิร์นไนน์ ทีไอทีวี เคลื่อนทัพ จัดผังรายการใหม่ พร้อมเพิ่มรายการข่าวอีก
สถานการณ์การแข่งขันของสื่อทีวีในห้วงนี้น่าจับตามองอย่างยิ่ง กับการสัปประยุทธ์ห้ำหั่น เพื่อช่วงชิงคนดูในการสร้างเรตติ้งให้มากที่สุด ที่สำคัญคือประเด็นของการเป็นสถานีข่าวหรือการให้น้ำหนักกับรายการประเภทข่าวนั้น กลายเป็นธงนำของแต่ละช่องไปแล้ว
โดยเฉพาะกรณีที่ช่องโมเดิร์นไนน์นั้นได้ตัวกรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่เรียบร้อยแล้วคือ นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ หลังจากที่ต้องเผชิญอยู่ในช่วงสุญญากาศมานาน ทำให้การเคลื่อนทัพของโมเดิร์นไนน์ไม่เต็มที่เท่าที่ควร แต่ขณะนี้เมื่อทุกอย่างลงตัว อสมทก็ประกาศชัดเจนว่า อสมทจะเป็นผู้นำสถานีข่าวสาร
ขณะที่ช่องทีไอทีวีนั้น แม้ว่าจะยังอยู่ในห้วงของการรอคอยการเปลี่ยนแปลงไปสู่ทีวีสาธารณะ แต่ย่อมเป็นที่ชัดเจนว่า สถานีข่าวยังคงเป็นหัวใจหลักของทีไอทีวี ซึ่งจะเกี่ยวโยงกับความเป็นทีวีสาธารณะด้วย ที่เน้นความเป็นทีวีที่มีสาระ ไม่จำเป็นต้องมีรายการบันเทิงเปลืองจอ
ส่วนทางฟากช่อง 3 หรือวิกพระรามสี่ถือเป็นไฮไลท์อีกช่องหนึ่งที่ดุเด็ดเผ็ดมันเหลือเกินกับการประกาศศึกของความเป็นสถานีข่าวสาร พร้อมๆกับการจัดทัพผังรายการใหม่ โดยมีรายการประเภทข่าวสาร สาระเป็นพระเอก
หรือแม้แต่ช่อง 7 ก็ตาม ซึ่งเป็นที่รับรู้กันดีว่า รายการประเภทละคร บันเทิง คือ ทัพหน้าของช่อง 7 แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปมีหรือที่คุณนายแดง สุรางค์ เปรมปรีดิ์ จะนิ่งเฉย
กระแสข่าวของคนทีวีโดยเฉพาะช่องไอทีวีที่ลือกันหนาหูว่าจะมีการย้ายค่าย ซึ่งมีหลายคนที่ไปร่วมหอลงโรงกับทางช่องข่าวของยูบีซีแล้วหลายคน เช่น ประวีณมัย บ่ายคล้อย และในที่สุด สายสวรรค์ ขยันยิ่ง อดีตผู้ดำเนินรายการทีไอทีวีก็จัดการตัวเองโยกไปซบอกกับช่อง 7 ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้สายสวรรค์ ออกอาการหนักแน่นที่จะอยู่กับทีไอทีวีต่อไปเพื่อร่วมกันรักษาเอาไว้ อาจจะเป็นสัญญาณเตือนบอกได้อย่างดีว่า ช่อง 7 เตรียมบุกข่าวเต็มที่ ซึ่งตอนนี้รายการจมูกมด ก็ได้รับการตอบรับค่อนข้างดีในช่วงเช้า มีเรตติ้งที่ไม่แพ้รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ของช่อง 3
ส่วน กิตติ สิงหาปัด ก็ยังปักหลักอยู่ที่ทีไอทีวี ท่ามกลางข่าวกระเซ็นกระสายออกมาเป็นระยะว่า ช่อง 3 จะเป็นบ้านหลังใหม่สำหรับเขา ซึ่งช่อง 3 เองต้องการเอามาประกบคู่กับ สรยุทธ์ สุทัศนะจินดา ที่มาอยู่กับช่อง 3 ก่อนแล้ว เพื่อสร้างเรตติ้งให้มากขึ้นกว่านี้ เพราะคนทั้งคู่เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป และมีแฟนประจำหนาแน่น ซึ่งนายประวิทย์ มาลีนนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ก็ยอมรับมาตลอดว่ามีการพูดคุยเจรจากันจริง แต่ก็ยังไม่มีข้อสรุป กิตติเองก็คงต้องชั่งใจและคิดให้หนักว่าจะอยู่ทีทีวีต่อหรืจะไปปั้นสถานีข่าวให้กับช่องใด
**ช่อง3 ซุ่มสถานีข่าวเฉพาะ**
นายฉัตรชัย เทียมทอง ผู้อำนวยการฝ่าย ฝ่ายการเงิน บริษัท บีอีซีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ช่อง 3 ตั้งใจที่จะเป็นสถานีข่าวมากว่า 10 ปีแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถทำได้เต็มที่ 100% ตามแผนนั้นตั้งใจว่าจะมีการตั้ง บีอีซี นิวส์ เป็นสำนักข่าวที่ทำข่าวแล้วขายข่าวไปให้กับสำนักข่าวอื่นในต่างประเทศที่ต้องการกับเครือข่ายที่ติดต่อกัน เพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการเข้าถึงตลาด ซึ่งทุกวันนี้ก็มีบ้างเหมือนกันเช่น ขายข่าวให้กับบีอีซีทางเอสเอ็มเอส
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันช่อง 3 ก็มีรายการประเภทข่าวสาร สาระ มากกว่า 50% แล้วในผังแต่ละวันหรือคิดเป็นมากกว่า 12 ชั่วโมง ซึ่งอยู่ในคอนเซ็ปท์ที่เรียกว่า ครอบครัวข่าว ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 22 รายการแล้ว ที่โดดเด่นก็คือ รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ซึ่งมีเรตติ้งสูงที่สุด ผู้หญิงถึงผู้หญิง สีสันบันเทิงซึ่งก็เป็นข่าวอีกประเภทหนึ่งเหมือนกัน ส่วนใหญ่เป็นช่วงนอนไพรม์ไทม์ และปีนี้จะมีการปรับผังรายการใหม่ และมีเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้ของรายการประเภทขาวอีกให้เป็น 28% จากเดิมที่มีสัดส่วนรายได้จากประเภทข่าวทุกกรณี ประมาณ 22%
ช่อง 3 เองก็มั่นใจว่า กลุ่มคนดูข่าวของช่อง 3 นั้นแตกต่างและเป็นคนละกลุ่มกันกับช่องอื่นทั้งทีไอทีวีและโมเดิร์นไนน์ จึงมั่นใจว่าการเคลื่อนทัพของช่องอื่นที่เน้นข่าวมากขึ้นจะไม่กระทบต่อรายการขายโฆษณาและเรตติ้งของช่อง 3 แต่อย่างใด
**ทีไอทีวีปรับผังข่าวใหม่**
ขณะที่ความเคลื่อนไหวล่าสุดของทีไอทีวีนั้นก็ยังเดินหน้าเน้นด้านข่าวเป็นหลักเหมือนเดิม โดยในวันอังคารที่ 22 พฤกษาคมนี้ ทีไอทีวีเตรียมจับมือกับทางกรมประชาสัมพันธ์ เพื่อเปิดการแถลงข่าวถึงความร่วมมือกันโดยเฉพาะในรายการประเภทข่าวอย่างยิ่งใหญ่ที่จะมีการปรับโฉมใหม่
ทั้งนี้เมื่อเดือนที่แล้วทีไอทีวีก็ได้นำเอารายการประเภทสารคดีซึ่งจัดอยู่ในรายการสาระมาลงจอ เช่น สารคดีของดิสคัฟเวอรี่ เนชั่นแนลจีโอกราฟฟิค
นายอัจฌา สุวรรรปากแพรก ผู้อำนวยการสถานีทีไอทีวี กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า ทีไอทีวียังคงคอนเซ็ปท์ รายการประเภทข่าวสาร สาระ 70% และรายการประเภทละคร บันเทิง 30% ตามหลักเกณฑ์ ซึ่งความเป็นจริงแล้วทีไอทีวีมีรายการประเภทข่าวสาร สาระมากกว่าที่กำหนดไว้ด้วยคือ 74% ในขณะนี้
** อสมท ตั้งเป้าสู่สถานีข่าว**
ทันทีที่นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ เข้ารับตำแหน่ง ผู้นำทัพช่องโมเดิร์นไนน์ ก็ประกาศว่า โมเดิร์นไนน์จะต้องเป็นช่องทีวีผู้นำข่าวสารดังเช่นช่องทีไอทีวีที่เคยทำเอาไว้ เพราะโดยพื้นฐานของอสมทก็มีอยู่แล้วทั้งศักยภาพเครื่องไม้เครื่องมือ กำลังคน บวกกับประสบการณ์ของตัววสันต์เองที่อยู่กับสายงานข่าวมาตลอดอายุการงาน วันที่ 1 มิถุนายนนี้ จะเป็นดีเดย์ การปรับผังครั้งใหญ่ของโมเดิร์นไนน์ และจับตาดูได้เลยว่า รายการประเภทข่าวสารจะทยอยลงจอเพิ่มขึ้นอีกแน่นอน
ก่อนหน้านี้ อสมท เองในยุคของ นายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร รักษาการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท ก็ดูเหมือนว่าจะเน้นความเป็นข่าวสารค่อนข้างมาก โดยได้เพิ่มช่องทางในการออกอากาศอีกสองช่องไปสู่กิจการร่วมลูกค้าคือ ทรูวิชั่นส์หรือยูบีซี เพื่อเปิดช่องเอ็มคอท 1 , 2 และเตรียมที่จะเปิดช่อง 3 ช่วงที่จะมีการเลือกตั้งใหญ่ โดยที่เอ็มคอท 3 นั้นจะเป็นช่องสถานีข่าวโดยเฉพาะเลย หวังให้เป็นสถานีข่าวระดับภูมิภาค ออกอากาศใน 3 ภาษาคือ ไทย อังกฤษ และจีน หวังเทียบชั้นสำนักข่าวบีบีซีและซีเอ็นเอ็นด้วยสนามรายการข่าว กำลังจะเริ่มร้อนระอุขึ้นนับจากนี้ไป
สถานการณ์การแข่งขันของสื่อทีวีในห้วงนี้น่าจับตามองอย่างยิ่ง กับการสัปประยุทธ์ห้ำหั่น เพื่อช่วงชิงคนดูในการสร้างเรตติ้งให้มากที่สุด ที่สำคัญคือประเด็นของการเป็นสถานีข่าวหรือการให้น้ำหนักกับรายการประเภทข่าวนั้น กลายเป็นธงนำของแต่ละช่องไปแล้ว
โดยเฉพาะกรณีที่ช่องโมเดิร์นไนน์นั้นได้ตัวกรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่เรียบร้อยแล้วคือ นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ หลังจากที่ต้องเผชิญอยู่ในช่วงสุญญากาศมานาน ทำให้การเคลื่อนทัพของโมเดิร์นไนน์ไม่เต็มที่เท่าที่ควร แต่ขณะนี้เมื่อทุกอย่างลงตัว อสมทก็ประกาศชัดเจนว่า อสมทจะเป็นผู้นำสถานีข่าวสาร
ขณะที่ช่องทีไอทีวีนั้น แม้ว่าจะยังอยู่ในห้วงของการรอคอยการเปลี่ยนแปลงไปสู่ทีวีสาธารณะ แต่ย่อมเป็นที่ชัดเจนว่า สถานีข่าวยังคงเป็นหัวใจหลักของทีไอทีวี ซึ่งจะเกี่ยวโยงกับความเป็นทีวีสาธารณะด้วย ที่เน้นความเป็นทีวีที่มีสาระ ไม่จำเป็นต้องมีรายการบันเทิงเปลืองจอ
ส่วนทางฟากช่อง 3 หรือวิกพระรามสี่ถือเป็นไฮไลท์อีกช่องหนึ่งที่ดุเด็ดเผ็ดมันเหลือเกินกับการประกาศศึกของความเป็นสถานีข่าวสาร พร้อมๆกับการจัดทัพผังรายการใหม่ โดยมีรายการประเภทข่าวสาร สาระเป็นพระเอก
หรือแม้แต่ช่อง 7 ก็ตาม ซึ่งเป็นที่รับรู้กันดีว่า รายการประเภทละคร บันเทิง คือ ทัพหน้าของช่อง 7 แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปมีหรือที่คุณนายแดง สุรางค์ เปรมปรีดิ์ จะนิ่งเฉย
กระแสข่าวของคนทีวีโดยเฉพาะช่องไอทีวีที่ลือกันหนาหูว่าจะมีการย้ายค่าย ซึ่งมีหลายคนที่ไปร่วมหอลงโรงกับทางช่องข่าวของยูบีซีแล้วหลายคน เช่น ประวีณมัย บ่ายคล้อย และในที่สุด สายสวรรค์ ขยันยิ่ง อดีตผู้ดำเนินรายการทีไอทีวีก็จัดการตัวเองโยกไปซบอกกับช่อง 7 ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้สายสวรรค์ ออกอาการหนักแน่นที่จะอยู่กับทีไอทีวีต่อไปเพื่อร่วมกันรักษาเอาไว้ อาจจะเป็นสัญญาณเตือนบอกได้อย่างดีว่า ช่อง 7 เตรียมบุกข่าวเต็มที่ ซึ่งตอนนี้รายการจมูกมด ก็ได้รับการตอบรับค่อนข้างดีในช่วงเช้า มีเรตติ้งที่ไม่แพ้รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ของช่อง 3
ส่วน กิตติ สิงหาปัด ก็ยังปักหลักอยู่ที่ทีไอทีวี ท่ามกลางข่าวกระเซ็นกระสายออกมาเป็นระยะว่า ช่อง 3 จะเป็นบ้านหลังใหม่สำหรับเขา ซึ่งช่อง 3 เองต้องการเอามาประกบคู่กับ สรยุทธ์ สุทัศนะจินดา ที่มาอยู่กับช่อง 3 ก่อนแล้ว เพื่อสร้างเรตติ้งให้มากขึ้นกว่านี้ เพราะคนทั้งคู่เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป และมีแฟนประจำหนาแน่น ซึ่งนายประวิทย์ มาลีนนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ก็ยอมรับมาตลอดว่ามีการพูดคุยเจรจากันจริง แต่ก็ยังไม่มีข้อสรุป กิตติเองก็คงต้องชั่งใจและคิดให้หนักว่าจะอยู่ทีทีวีต่อหรืจะไปปั้นสถานีข่าวให้กับช่องใด
**ช่อง3 ซุ่มสถานีข่าวเฉพาะ**
นายฉัตรชัย เทียมทอง ผู้อำนวยการฝ่าย ฝ่ายการเงิน บริษัท บีอีซีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ช่อง 3 ตั้งใจที่จะเป็นสถานีข่าวมากว่า 10 ปีแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถทำได้เต็มที่ 100% ตามแผนนั้นตั้งใจว่าจะมีการตั้ง บีอีซี นิวส์ เป็นสำนักข่าวที่ทำข่าวแล้วขายข่าวไปให้กับสำนักข่าวอื่นในต่างประเทศที่ต้องการกับเครือข่ายที่ติดต่อกัน เพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการเข้าถึงตลาด ซึ่งทุกวันนี้ก็มีบ้างเหมือนกันเช่น ขายข่าวให้กับบีอีซีทางเอสเอ็มเอส
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันช่อง 3 ก็มีรายการประเภทข่าวสาร สาระ มากกว่า 50% แล้วในผังแต่ละวันหรือคิดเป็นมากกว่า 12 ชั่วโมง ซึ่งอยู่ในคอนเซ็ปท์ที่เรียกว่า ครอบครัวข่าว ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 22 รายการแล้ว ที่โดดเด่นก็คือ รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ซึ่งมีเรตติ้งสูงที่สุด ผู้หญิงถึงผู้หญิง สีสันบันเทิงซึ่งก็เป็นข่าวอีกประเภทหนึ่งเหมือนกัน ส่วนใหญ่เป็นช่วงนอนไพรม์ไทม์ และปีนี้จะมีการปรับผังรายการใหม่ และมีเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้ของรายการประเภทขาวอีกให้เป็น 28% จากเดิมที่มีสัดส่วนรายได้จากประเภทข่าวทุกกรณี ประมาณ 22%
ช่อง 3 เองก็มั่นใจว่า กลุ่มคนดูข่าวของช่อง 3 นั้นแตกต่างและเป็นคนละกลุ่มกันกับช่องอื่นทั้งทีไอทีวีและโมเดิร์นไนน์ จึงมั่นใจว่าการเคลื่อนทัพของช่องอื่นที่เน้นข่าวมากขึ้นจะไม่กระทบต่อรายการขายโฆษณาและเรตติ้งของช่อง 3 แต่อย่างใด
**ทีไอทีวีปรับผังข่าวใหม่**
ขณะที่ความเคลื่อนไหวล่าสุดของทีไอทีวีนั้นก็ยังเดินหน้าเน้นด้านข่าวเป็นหลักเหมือนเดิม โดยในวันอังคารที่ 22 พฤกษาคมนี้ ทีไอทีวีเตรียมจับมือกับทางกรมประชาสัมพันธ์ เพื่อเปิดการแถลงข่าวถึงความร่วมมือกันโดยเฉพาะในรายการประเภทข่าวอย่างยิ่งใหญ่ที่จะมีการปรับโฉมใหม่
ทั้งนี้เมื่อเดือนที่แล้วทีไอทีวีก็ได้นำเอารายการประเภทสารคดีซึ่งจัดอยู่ในรายการสาระมาลงจอ เช่น สารคดีของดิสคัฟเวอรี่ เนชั่นแนลจีโอกราฟฟิค
นายอัจฌา สุวรรรปากแพรก ผู้อำนวยการสถานีทีไอทีวี กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า ทีไอทีวียังคงคอนเซ็ปท์ รายการประเภทข่าวสาร สาระ 70% และรายการประเภทละคร บันเทิง 30% ตามหลักเกณฑ์ ซึ่งความเป็นจริงแล้วทีไอทีวีมีรายการประเภทข่าวสาร สาระมากกว่าที่กำหนดไว้ด้วยคือ 74% ในขณะนี้
** อสมท ตั้งเป้าสู่สถานีข่าว**
ทันทีที่นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ เข้ารับตำแหน่ง ผู้นำทัพช่องโมเดิร์นไนน์ ก็ประกาศว่า โมเดิร์นไนน์จะต้องเป็นช่องทีวีผู้นำข่าวสารดังเช่นช่องทีไอทีวีที่เคยทำเอาไว้ เพราะโดยพื้นฐานของอสมทก็มีอยู่แล้วทั้งศักยภาพเครื่องไม้เครื่องมือ กำลังคน บวกกับประสบการณ์ของตัววสันต์เองที่อยู่กับสายงานข่าวมาตลอดอายุการงาน วันที่ 1 มิถุนายนนี้ จะเป็นดีเดย์ การปรับผังครั้งใหญ่ของโมเดิร์นไนน์ และจับตาดูได้เลยว่า รายการประเภทข่าวสารจะทยอยลงจอเพิ่มขึ้นอีกแน่นอน
ก่อนหน้านี้ อสมท เองในยุคของ นายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร รักษาการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท ก็ดูเหมือนว่าจะเน้นความเป็นข่าวสารค่อนข้างมาก โดยได้เพิ่มช่องทางในการออกอากาศอีกสองช่องไปสู่กิจการร่วมลูกค้าคือ ทรูวิชั่นส์หรือยูบีซี เพื่อเปิดช่องเอ็มคอท 1 , 2 และเตรียมที่จะเปิดช่อง 3 ช่วงที่จะมีการเลือกตั้งใหญ่ โดยที่เอ็มคอท 3 นั้นจะเป็นช่องสถานีข่าวโดยเฉพาะเลย หวังให้เป็นสถานีข่าวระดับภูมิภาค ออกอากาศใน 3 ภาษาคือ ไทย อังกฤษ และจีน หวังเทียบชั้นสำนักข่าวบีบีซีและซีเอ็นเอ็นด้วยสนามรายการข่าว กำลังจะเริ่มร้อนระอุขึ้นนับจากนี้ไป