พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้ยืนยันอย่างหนักแน่นในหลายโอกาสว่าจะไม่ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในรอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติก็ออกมาให้สัมภาษณ์ต่อเนื่องหลายวันเช่นเดียวกันเพื่อยืนยันว่าจะสนับสนุนให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ทำงานในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปด้วยความหนักแน่น
ในอีกด้านหนึ่ง นายจาตุรนต์ ฉายแสง และกลุ่มผู้บริหารพีทีวีต่างก็ออกมาแถลงข่าวให้สัมภาษณ์สนับสนุนไม่ให้เปลี่ยนนายกรัฐมนตรีเช่นเดียวกัน อีกทั้งยังตำหนิพล.อ.สนธิที่รับจดหมายกลุ่มประชาชนที่ยื่นหนังสือที่ต้องการให้ปลดนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้กลุ่มองค์กรภาคเอกชนบางแห่งทั้งที่ดำเนินการทุกอย่างเพื่อต่อต้านการรัฐประหาร และกลุ่มที่สนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต่างก็ได้โอกาสออกมาเสี้ยมให้ปลดพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลินให้ออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก
นี่คือสิ่งที่ได้มีการกระทำด้วยการพูดผ่านสื่อสารมวลชนว่าสนับสนุนให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ทำงานในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป โดยไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าคนเหล่านี้มีความคิดที่อยู่ภายในใจจริงๆ เป็นอย่างไร?
สำหรับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ในฐานะเป็นผู้บัญชาการทหารบกก็เหลือเวลาอีกเพียง 4 เดือนเศษเท่านั้น ก็จะต้องเกษียณออกจากตำแหน่งทางราชการ ก็คงจะไม่น่าแปลกใจหรอกถ้าจะหาทางลงเพื่อมองไปข้างหน้าและคิดถึงชีวิตอนาคตของตัวเองที่จะต้องดำเนินต่อไป ว่าจะอยู่ในฐานะอย่างไร ซึ่งมีให้เลือกอยู่หลายทาง ได้แก่ นักการเมือง, นายกรัฐมนตรี, รัฐมนตรี, หรือเป็นอดีตข้าราชการที่พักผ่อนอยู่กับบ้านรอวันถูกเช็กบิลจากระบอบอำนาจเก่า
เวลายิ่งเหลือน้อยด้วยบรรยากาศแบบนี้ ก็ยิ่งเกิดความลังเลไปทุกหย่อมหญ้า ข้าราชการก็ไม่กล้าทำอะไรเพราะเริ่มการกลับมาของอำนาจเก่า นายกรัฐมนตรีก็บริหารไปวันๆ รอแต่วันเลือกตั้ง นักการเมืองทั้งหลายต่างก็แสดงความคึกคักกระชุ่มกระชวยรอรับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง แม้แต่คนในฝ่ายทหารเองก็เริ่มคิดถึงแต่อนาคตของตัวเองหลังการเกษียณอายุและตำแหน่งหน้าที่การงานใหม่หลังการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง
ถ้าวันนี้คนที่มีอำนาจอยู่ในปัจจุบันหรือกำลังจะเข้าสู่อำนาจในอนาคตไม่คิดถึงการแก้วิกฤตการณ์ครั้งร้ายแรงที่สุดในโลกของประเทศไทย ก็ถือได้ว่าเป็นเวรกรรมของประเทศไทยจริงๆ
สุดท้ายแล้ว สังคมแห่งอำนาจและการเมืองในประเทศไทย ก็ล้วนแล้วแต่เป็นละครแสดงให้เหมือนจริง และก็มาสมยอมเพื่อแบ่งปันผลประโยชน์ให้ลงตัวอยู่เสมอ
อย่าแปลกใจถ้าวันหนึ่งประชาชนชาวไทยจะได้รับข่าวว่า การยุบพรรคการเมืองจะมีบทลงโทษและเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งเฉพาะนักการเมืองเพียงไม่กี่คนที่เกี่ยวข้องเท่านั้น
อย่าแปลกใจถ้าวันหนึ่งประชาชนชาวไทยจะได้รับข่าวว่า คดีการตรวจสอบทุจริตคอร์รัปชันมีเพียงการกล่าวหาถึงเหยื่อข้าราชการเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่นักการเมืองและตัวแทนนายทุนหนุนหลังนักการเมืองหลายคนจะ “หลุดรอด” การตรวจสอบได้สำเร็จในหลายต่อหลายคดี
ด้วยสภาพและบรรยากาศแบบนี้ ก็อย่าแปลกใจเช่นกันถ้ากลุ่มอำนาจเก่าจะถือโอกาสรุกเข้าทำการเจรจากับผู้ที่อยู่ในอำนาจปัจจุบันเพื่อเปิดทางให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับเข้ามาในประเทศอย่างปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สินของตัวเองและครอบครัว ซึ่งอาจจะยอมแลกกับผลตอบแทนบางประการ เพื่อสมประโยชน์ต่อทุกฝ่ายในเวลาที่เหลือน้อยลงเต็มที!!!
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ประชาชนที่เคยออกมาต่อสู้ภายใต้การนำของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเริ่มรู้สึกอึดอัด และไม่สบายใจกับบรรยากาศที่เกิดขึ้นในวันนี้
แต่เมื่อยืนยันกันว่าพล.อ.สุรยุทธ์ จะไม่ลาออก พล.อ.สนธิ จะไม่เปลี่ยนนายกรัฐมนตรีอย่างชัดเจนขนาดนี้ ก็ต้องยอมรับว่าเป็นสิทธิ์ของทั้งสองคนที่จะตัดสินใจเช่นนี้
ส่วนประชาชนที่ไม่ได้มีอำนาจรัฐอยู่ในมือ บางทีก็ต้องหาความสุขใส่ตัวบ้าง พยายามหาข้อดีการมีพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเครียด ปล่อยวางเสียบ้างกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เมื่อเห็นข้อดีแล้ว จะได้มาช่วยกันสนับสนุนให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปจนครบวาระอย่างพร้อมเพรียง
ประการแรก การมีพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปจนครบวาระ อาจจะทำให้ประชาชนได้เกิดความรู้สึกว่าการทำงานแบบล่าช้ากว่านี้ไม่มีอีกแล้ว นับแต่นี้ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล จะทำงานช้าแค่ไหนก็คงจะทำงานได้เร็วกว่า พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นแน่ แผนนี้ลึกซึ้งมาก เป็นการปูทางสร้างความพึงพอใจและสมานฉันท์ให้กับรัฐบาลชุดต่อไปเอาไว้ล่วงหน้าเป็นที่เรียบร้อย
“เต่า” ซึ่งเป็นสัตว์ที่ถูกนำมาเปรียบเทียบกับการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ ชาวบ้านจะเกิดความรังเกียจและไม่กล้ารับประทาน จึงทำให้มีการปล่อยเต่าไปในแม่น้ำมากขึ้น เป็นผลบุญในการรักษาชีวิตสัตว์และยังเป็นการรักษาพันธุ์เต่าได้อีกทางหนึ่ง
ประการที่สอง ข้าราชการจะได้ถือโอกาสพักผ่อน คลายเครียด ใส่เกียร์ว่างทุกวัน ไม่ต้องไปตรวจสอบการทุจริตเพื่อสร้างนักการเมืองให้เป็นศัตรู รัฐบาลก็ไม่เห็นว่าอะไร สุขภาพจิตก็ดีวันดีคืน เป็นแผนการบำรุงขวัญข้าราชการไทยให้พักผ่อนอีกวิธีหนึ่ง
ประการที่สาม งานปฏิรูปสื่อจะดำเนินต่อไปแบบรัฐบาลชุดนี้ทุกสถานีวิทยุและโทรทัศน์จะอยู่ภายใต้อำนาจรัฐและอำนาจทุนเหมือนเดิม ใครทำดีได้ดู ใครทำชั่วไม่ได้เห็น ใครเลือกตั้งชนะเข้ามาคุมสื่อให้ได้ ต่อไปประเทศไทยจะมีรัฐบาลที่มีเสถียรภาพอย่างมั่นคงสถาพรมหาอมตะนิรันดร์กาล
ประการที่สี่ ไม่ต้องไปปฏิรูปการเมืองเพราะต่อไปประเทศไทยจะสมานฉันท์กันแน่นอน ใครใคร่โกงชาติ โกง ใครใคร่โกงเลือกตั้ง โกง โกงไปแล้วเดี๋ยวสมานฉันท์ใหม่ได้ ข้าราชการมือดีชงปั้นโครงการจนร่ำรวยขึ้น พ่อค้าฮั้วกันจนอิ่มหมีพีมันแบ่งปันให้ผู้ถือหุ้น นักการเมืองได้มีรายได้พิเศษเอาไว้แจกจ่ายกระจายรายได้ให้กับคนยากจน
ประการที่ห้า เศรษฐกิจย่ำแย่ในเวลานี้เป็นแผนการฝึกฝนชั้นเยี่ยม ถ้ารัฐบาลชุดนี้ยังบริหารแบบนี้จะทำให้ประชาชนมีความอดทนมากขึ้น พอมีรายได้น้อย ขายสินค้าได้น้อย ก็จะได้เป็นการฝึกหัดให้รู้จักประหยัดอดออมในวันข้างหน้า
ประการที่หก ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจากนักเก็งกำไรจะเป็นผลดี ประเทศไทยจะได้นำเข้าสินค้าต่างประเทศให้มากขึ้น เป็นการไม่เอาเปรียบและอุดหนุนชาวต่างประเทศให้เจริญก้าวหน้า หนำซ้ำชาวต่างประเทศจะได้กำไรจากการเก็งกำไรค่าเงินเพิ่มมากขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจะได้มีความใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น ล้ำลึกจริงๆ
ประการที่เจ็ด ถ้าเหตุผลของการรัฐประหารทั้ง 4 ข้อไม่สามารถแก้ไขได้สำเร็จ และรัฐบาลของพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ไม่สามารถแก้ไขวิกฤตการณ์ครั้งร้ายแรงที่สุดในโลกได้ จะทำให้คนที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรทั้งหลายมีสุขภาพจิตที่ดี เพราะจะต้องขำกลิ้งจนท้องคัดท้องแข็งหัวเราะและยิ้มกันทุกวันอย่างไม่หยุดหย่อน
แต่การหัวเราะอย่างต่อเนื่องนั้นจะทำให้ขากรรไกรค้างจนต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อรักษาเข้าทำการผ่าตัดในท้ายที่สุด จนไม่สามารถออกมาชุมนุมอีกต่อไปได้ (ซึ่งเป็นวิธีที่โหดร้ายมาก)
ประการที่แปด ประชาชนจะได้ดูวิธีเอาคืนหรือสมยอมกัน ระหว่างระบอบทักษิณกับ คมช. และรัฐบาลว่าเป็นอย่างไร ทำให้เพลิดเพลินเหมือนดูละครประจำทางฟรีทีวี โดยละครเรื่องนี้จะมีสุภาษิตโบราณมาประยุกต์เป็นบทละครด้วย เช่น ชาวนากับงูเห่า ตีงูให้กากิน ตีงูแค่หลังหัก งูหันกลับกินกา กินชาวนา
ประการที่เก้า พี่น้องประชาชนฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะมีความเครียดมากขึ้น หลายคนจะปวดท้อง ปวดหัว เป็นไมเกรน ทำให้ต้องไปหาหมอและเข้าโรงพยาบาลเพื่อรักษาตัวมากขึ้น อันเป็นการส่งเสริมกิจการโรงพยาบาลให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น และส่งเสริมให้ประชาชนรู้จักใช้สิทธิในด้านสาธารณสุขอย่างเต็มที่
ประการที่สิบ ประชาชนฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะได้ออกกำลังกาย ในการฝึกเตรียมพร้อมร่างกายให้มีความแข็งแรงสมบูรณ์เพื่อเตรียมที่จะพึ่งตัวเองในการขับไล่นักการเมืองทรราชย์ต่อไป ซึ่งเป็นกุศโลบายวางแผนขั้นสูงในการทำให้ประชาชนออกกำลังกาย
นี่คือตัวอย่าง “ข้อดี 10 ประการ” ที่พอจะคิดออกบ้างว่าการมี พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปดีอย่างไร เมื่ออ่านแล้วอาจทำให้ความเครียดมีน้อยลงในการมี พล.อ.สุรยุทธ์อยู่ในตำแหน่งต่อไปก็ได้
ส่วน พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน และ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ จะปล่อยให้ “ข้อดี 10 ประการ” เกิดขึ้นหรือไม่... ก็ขึ้นอยู่กับว่าเห็นแก่ชาติบ้านเมืองมากน้อยเพียงใด?
ในอีกด้านหนึ่ง นายจาตุรนต์ ฉายแสง และกลุ่มผู้บริหารพีทีวีต่างก็ออกมาแถลงข่าวให้สัมภาษณ์สนับสนุนไม่ให้เปลี่ยนนายกรัฐมนตรีเช่นเดียวกัน อีกทั้งยังตำหนิพล.อ.สนธิที่รับจดหมายกลุ่มประชาชนที่ยื่นหนังสือที่ต้องการให้ปลดนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้กลุ่มองค์กรภาคเอกชนบางแห่งทั้งที่ดำเนินการทุกอย่างเพื่อต่อต้านการรัฐประหาร และกลุ่มที่สนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต่างก็ได้โอกาสออกมาเสี้ยมให้ปลดพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลินให้ออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก
นี่คือสิ่งที่ได้มีการกระทำด้วยการพูดผ่านสื่อสารมวลชนว่าสนับสนุนให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ทำงานในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป โดยไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าคนเหล่านี้มีความคิดที่อยู่ภายในใจจริงๆ เป็นอย่างไร?
สำหรับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ในฐานะเป็นผู้บัญชาการทหารบกก็เหลือเวลาอีกเพียง 4 เดือนเศษเท่านั้น ก็จะต้องเกษียณออกจากตำแหน่งทางราชการ ก็คงจะไม่น่าแปลกใจหรอกถ้าจะหาทางลงเพื่อมองไปข้างหน้าและคิดถึงชีวิตอนาคตของตัวเองที่จะต้องดำเนินต่อไป ว่าจะอยู่ในฐานะอย่างไร ซึ่งมีให้เลือกอยู่หลายทาง ได้แก่ นักการเมือง, นายกรัฐมนตรี, รัฐมนตรี, หรือเป็นอดีตข้าราชการที่พักผ่อนอยู่กับบ้านรอวันถูกเช็กบิลจากระบอบอำนาจเก่า
เวลายิ่งเหลือน้อยด้วยบรรยากาศแบบนี้ ก็ยิ่งเกิดความลังเลไปทุกหย่อมหญ้า ข้าราชการก็ไม่กล้าทำอะไรเพราะเริ่มการกลับมาของอำนาจเก่า นายกรัฐมนตรีก็บริหารไปวันๆ รอแต่วันเลือกตั้ง นักการเมืองทั้งหลายต่างก็แสดงความคึกคักกระชุ่มกระชวยรอรับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง แม้แต่คนในฝ่ายทหารเองก็เริ่มคิดถึงแต่อนาคตของตัวเองหลังการเกษียณอายุและตำแหน่งหน้าที่การงานใหม่หลังการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง
ถ้าวันนี้คนที่มีอำนาจอยู่ในปัจจุบันหรือกำลังจะเข้าสู่อำนาจในอนาคตไม่คิดถึงการแก้วิกฤตการณ์ครั้งร้ายแรงที่สุดในโลกของประเทศไทย ก็ถือได้ว่าเป็นเวรกรรมของประเทศไทยจริงๆ
สุดท้ายแล้ว สังคมแห่งอำนาจและการเมืองในประเทศไทย ก็ล้วนแล้วแต่เป็นละครแสดงให้เหมือนจริง และก็มาสมยอมเพื่อแบ่งปันผลประโยชน์ให้ลงตัวอยู่เสมอ
อย่าแปลกใจถ้าวันหนึ่งประชาชนชาวไทยจะได้รับข่าวว่า การยุบพรรคการเมืองจะมีบทลงโทษและเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งเฉพาะนักการเมืองเพียงไม่กี่คนที่เกี่ยวข้องเท่านั้น
อย่าแปลกใจถ้าวันหนึ่งประชาชนชาวไทยจะได้รับข่าวว่า คดีการตรวจสอบทุจริตคอร์รัปชันมีเพียงการกล่าวหาถึงเหยื่อข้าราชการเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่นักการเมืองและตัวแทนนายทุนหนุนหลังนักการเมืองหลายคนจะ “หลุดรอด” การตรวจสอบได้สำเร็จในหลายต่อหลายคดี
ด้วยสภาพและบรรยากาศแบบนี้ ก็อย่าแปลกใจเช่นกันถ้ากลุ่มอำนาจเก่าจะถือโอกาสรุกเข้าทำการเจรจากับผู้ที่อยู่ในอำนาจปัจจุบันเพื่อเปิดทางให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับเข้ามาในประเทศอย่างปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สินของตัวเองและครอบครัว ซึ่งอาจจะยอมแลกกับผลตอบแทนบางประการ เพื่อสมประโยชน์ต่อทุกฝ่ายในเวลาที่เหลือน้อยลงเต็มที!!!
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ประชาชนที่เคยออกมาต่อสู้ภายใต้การนำของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเริ่มรู้สึกอึดอัด และไม่สบายใจกับบรรยากาศที่เกิดขึ้นในวันนี้
แต่เมื่อยืนยันกันว่าพล.อ.สุรยุทธ์ จะไม่ลาออก พล.อ.สนธิ จะไม่เปลี่ยนนายกรัฐมนตรีอย่างชัดเจนขนาดนี้ ก็ต้องยอมรับว่าเป็นสิทธิ์ของทั้งสองคนที่จะตัดสินใจเช่นนี้
ส่วนประชาชนที่ไม่ได้มีอำนาจรัฐอยู่ในมือ บางทีก็ต้องหาความสุขใส่ตัวบ้าง พยายามหาข้อดีการมีพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเครียด ปล่อยวางเสียบ้างกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เมื่อเห็นข้อดีแล้ว จะได้มาช่วยกันสนับสนุนให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปจนครบวาระอย่างพร้อมเพรียง
ประการแรก การมีพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปจนครบวาระ อาจจะทำให้ประชาชนได้เกิดความรู้สึกว่าการทำงานแบบล่าช้ากว่านี้ไม่มีอีกแล้ว นับแต่นี้ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล จะทำงานช้าแค่ไหนก็คงจะทำงานได้เร็วกว่า พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นแน่ แผนนี้ลึกซึ้งมาก เป็นการปูทางสร้างความพึงพอใจและสมานฉันท์ให้กับรัฐบาลชุดต่อไปเอาไว้ล่วงหน้าเป็นที่เรียบร้อย
“เต่า” ซึ่งเป็นสัตว์ที่ถูกนำมาเปรียบเทียบกับการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ ชาวบ้านจะเกิดความรังเกียจและไม่กล้ารับประทาน จึงทำให้มีการปล่อยเต่าไปในแม่น้ำมากขึ้น เป็นผลบุญในการรักษาชีวิตสัตว์และยังเป็นการรักษาพันธุ์เต่าได้อีกทางหนึ่ง
ประการที่สอง ข้าราชการจะได้ถือโอกาสพักผ่อน คลายเครียด ใส่เกียร์ว่างทุกวัน ไม่ต้องไปตรวจสอบการทุจริตเพื่อสร้างนักการเมืองให้เป็นศัตรู รัฐบาลก็ไม่เห็นว่าอะไร สุขภาพจิตก็ดีวันดีคืน เป็นแผนการบำรุงขวัญข้าราชการไทยให้พักผ่อนอีกวิธีหนึ่ง
ประการที่สาม งานปฏิรูปสื่อจะดำเนินต่อไปแบบรัฐบาลชุดนี้ทุกสถานีวิทยุและโทรทัศน์จะอยู่ภายใต้อำนาจรัฐและอำนาจทุนเหมือนเดิม ใครทำดีได้ดู ใครทำชั่วไม่ได้เห็น ใครเลือกตั้งชนะเข้ามาคุมสื่อให้ได้ ต่อไปประเทศไทยจะมีรัฐบาลที่มีเสถียรภาพอย่างมั่นคงสถาพรมหาอมตะนิรันดร์กาล
ประการที่สี่ ไม่ต้องไปปฏิรูปการเมืองเพราะต่อไปประเทศไทยจะสมานฉันท์กันแน่นอน ใครใคร่โกงชาติ โกง ใครใคร่โกงเลือกตั้ง โกง โกงไปแล้วเดี๋ยวสมานฉันท์ใหม่ได้ ข้าราชการมือดีชงปั้นโครงการจนร่ำรวยขึ้น พ่อค้าฮั้วกันจนอิ่มหมีพีมันแบ่งปันให้ผู้ถือหุ้น นักการเมืองได้มีรายได้พิเศษเอาไว้แจกจ่ายกระจายรายได้ให้กับคนยากจน
ประการที่ห้า เศรษฐกิจย่ำแย่ในเวลานี้เป็นแผนการฝึกฝนชั้นเยี่ยม ถ้ารัฐบาลชุดนี้ยังบริหารแบบนี้จะทำให้ประชาชนมีความอดทนมากขึ้น พอมีรายได้น้อย ขายสินค้าได้น้อย ก็จะได้เป็นการฝึกหัดให้รู้จักประหยัดอดออมในวันข้างหน้า
ประการที่หก ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจากนักเก็งกำไรจะเป็นผลดี ประเทศไทยจะได้นำเข้าสินค้าต่างประเทศให้มากขึ้น เป็นการไม่เอาเปรียบและอุดหนุนชาวต่างประเทศให้เจริญก้าวหน้า หนำซ้ำชาวต่างประเทศจะได้กำไรจากการเก็งกำไรค่าเงินเพิ่มมากขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจะได้มีความใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น ล้ำลึกจริงๆ
ประการที่เจ็ด ถ้าเหตุผลของการรัฐประหารทั้ง 4 ข้อไม่สามารถแก้ไขได้สำเร็จ และรัฐบาลของพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ไม่สามารถแก้ไขวิกฤตการณ์ครั้งร้ายแรงที่สุดในโลกได้ จะทำให้คนที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรทั้งหลายมีสุขภาพจิตที่ดี เพราะจะต้องขำกลิ้งจนท้องคัดท้องแข็งหัวเราะและยิ้มกันทุกวันอย่างไม่หยุดหย่อน
แต่การหัวเราะอย่างต่อเนื่องนั้นจะทำให้ขากรรไกรค้างจนต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อรักษาเข้าทำการผ่าตัดในท้ายที่สุด จนไม่สามารถออกมาชุมนุมอีกต่อไปได้ (ซึ่งเป็นวิธีที่โหดร้ายมาก)
ประการที่แปด ประชาชนจะได้ดูวิธีเอาคืนหรือสมยอมกัน ระหว่างระบอบทักษิณกับ คมช. และรัฐบาลว่าเป็นอย่างไร ทำให้เพลิดเพลินเหมือนดูละครประจำทางฟรีทีวี โดยละครเรื่องนี้จะมีสุภาษิตโบราณมาประยุกต์เป็นบทละครด้วย เช่น ชาวนากับงูเห่า ตีงูให้กากิน ตีงูแค่หลังหัก งูหันกลับกินกา กินชาวนา
ประการที่เก้า พี่น้องประชาชนฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะมีความเครียดมากขึ้น หลายคนจะปวดท้อง ปวดหัว เป็นไมเกรน ทำให้ต้องไปหาหมอและเข้าโรงพยาบาลเพื่อรักษาตัวมากขึ้น อันเป็นการส่งเสริมกิจการโรงพยาบาลให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น และส่งเสริมให้ประชาชนรู้จักใช้สิทธิในด้านสาธารณสุขอย่างเต็มที่
ประการที่สิบ ประชาชนฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะได้ออกกำลังกาย ในการฝึกเตรียมพร้อมร่างกายให้มีความแข็งแรงสมบูรณ์เพื่อเตรียมที่จะพึ่งตัวเองในการขับไล่นักการเมืองทรราชย์ต่อไป ซึ่งเป็นกุศโลบายวางแผนขั้นสูงในการทำให้ประชาชนออกกำลังกาย
นี่คือตัวอย่าง “ข้อดี 10 ประการ” ที่พอจะคิดออกบ้างว่าการมี พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปดีอย่างไร เมื่ออ่านแล้วอาจทำให้ความเครียดมีน้อยลงในการมี พล.อ.สุรยุทธ์อยู่ในตำแหน่งต่อไปก็ได้
ส่วน พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน และ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ จะปล่อยให้ “ข้อดี 10 ประการ” เกิดขึ้นหรือไม่... ก็ขึ้นอยู่กับว่าเห็นแก่ชาติบ้านเมืองมากน้อยเพียงใด?