ผู้จัดการรายวัน – กว่าสิบปีแห่งการล้มลุกคลุกคลานในเส้นทางอาชีพต่างๆ ของ “อิทธิเชษฐ์ นิมิตภาวงศ์” ชายวัย 53 ปี กระทั่งพบอุปสรรคทางธุรกิจบีบคั้นจนแทบหาทางออกไม่เจอ พรสวรรค์ทางศิลปะไทยที่อยู่ในตัวเอง ถูกนำออกมาใช้สร้างสรรค์ผลงาน “โลหะจิ๊กซอว์” ช่วยฉุดดึงให้เขาและครอบครัวรอดพ้นหายนะ และพัฒนาต่อจนสู่ความสำเร็จ
อิทธิเชษฐ์ เล่าว่า ก่อนหน้านี้ ผ่านการทำงานมาหลายอาชีพ ทั้งรับจ้างทำงานในโรงพิมพ์ แต่แล้วโรงพิมพ์ต้องปิดตัวลง หันมาประกอบธุรกิจส่วนตัวทำกล่องกระดาษขาย น้ำท่วมเสียหายจนหมดตัว จากนั้นหันไปทำ เข็มกลัดเสื้อสตรี กระดุมผ้าไหม ขณะที่ตลาดกำลังวิ่งฉิว เกิดวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 ฟองสบู่แตก ส่งผลให้ธุรกิจของครอบครัวได้รับผลกระทบอีกครั้ง และครั้งนี้นับว่าหนักที่สุดในชีวิต
“ลูกๆ ทั้ง 3 คน อยู่ในวัยเรียน ภาระมันหนักมาก เครียด ผมตั้งสติได้คิดว่า คนไทยไม่มีกำลังซื้อไม่เป็นไร แต่เมืองไทยเป็นเมืองท่องเที่ยว ชาวต่างชาติยังเดินทางมาเสมอ ก่อนกลับไปก็ต้องซื้อของเป็นที่ระลึกติดไม้ติดมือ เลยคิดหาสินค้าไทยๆ ที่ยังไม่มีขายในท้องตลาด ตั้งเป็นโจทย์ค้นหาคำตอบด้วยการเริ่มทดลองทำงานศิลปะ ใช้สมองและสองมือที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด เพื่อประหยัดต้นทุน เริ่มจากนำเข็มกรัดที่ขายไม่ได้แล้วนำมาพลิกแพลงเก็บไว้ในกรอบรูปเป็นของที่ระลึก จากนั้นก็หันมาแกะโลหะรูปแบบต่างๆ” อิทธิเชษฐ์ ย้อนอดีตให้ฟังถึงแนวคิดการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ เมื่อ 8 ปีก่อน
พรสวรรค์ที่ติดตัวมาประกอบกับมีใจรักในด้านศิลปะเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จากเข็มกรัดที่ขายไม่ได้กลับมาสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการพลิกแพลงเก็บไว้ในเฟรมสำหรับเป็นของที่ระลึกเพื่อมุ่งขายชาวต่างชาติ จนผลงานออกมาดีได้รับคำชื่นชมจากคนรอบข้าง จากนั้นเขาก็เริ่มหาแบบใหม่ๆ เน้นสื่อความเป็นไทย โดยเฉพาะนำตัวละครไทยในวรรณคดี มาแกะชิ้นส่วนต่างๆ ลงบนแผ่นโลหะ แต่งแต้มสีสัน เติมจินตนาการตามอารมณ์ของตัวละคร แล้วเมื่อนำมาแต่ละชิ้นมาเรียงต่อกันจะกลายเป็นภาพที่สมบูรณ์ เรียกผลงานดังกล่าวว่า “โลหะจิ๊กซอว์”
อิทธิเชษฐ์ ใช้เวลากว่า 2 ปี ลองผิดลองถูกแกะแบบต่างๆ ออกมามากมาย ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จ เมื่อแกะโลหะเป็นรูปลิงหนุมาน 7 ตัว ผกโผนอยู่ในอิริยาบถต่างๆ แล้วนำมาขัดต่อเรียงกันเป็นรูปช้าง ให้ชื่อว่า “ช้างวานร 7 ตน” ผลงานชิ้นนี้ได้รับรางวัลพระราชทานจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จากการประกวดช้างและบ้านไทย ที่กระทรวงอุตสาหกรรมจัดขึ้น เมื่อปี 2548 จากนั้นได้รางวัลผลิตภัณฑ์ โอทอป 5 ดาว ของเขตประเวศน์ และได้เข้าไปวางจำหน่ายในห้างเทสโก้ โลตัส โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ส่งผลให้ศิลปะโลหะจิ๊กซอว์ กลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น และสามารถขยายตลาดให้กว้างออกไปอีก
“งานศิลปะแนวนี้ยังไม่มีใครทำกัน ส่วนใหญ่จะถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครผ่านภาพวาด ภาพถ่าย หรืองานปั้นเสียมากกว่า และด้วยราคาที่ไม่สูง ประกอบกับความประณีต สวยงามดูแปลกตาและเป็นผลิตภัณฑ์แปลกใหม่ ทำให้สินค้าของผมได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสินค้าจะขายดีมาก” อิทธิเชษฐ์ กล่าว
ปัจจุบัน อิทธิเชษฐ์ ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์รูปแบบหลากหลายออกสู่ตลาดกว่า 200 แบบ ซึ่งนอกจากตัวละครไทยในวรรณคดี อาทิ หนุมาน ทศกัณฑ์ พระลักษณ์ พระราม พระนารายณ์ เป็นต้นแล้ว ยังมีเครื่องดนตรีไทยชนิดต่างๆ รวมถึงสถานที่สำคัญๆ อีกทั้ง เพื่อตอกย้ำความเป็นสินค้าไทย ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นจะมีธงชาติไปประดับไว้เป็นสัญลักษณ์ด้วย
ส่วนราคาขาย ไม่สูงมากขึ้นอยู่กับขนาดและความยากง่ายของแต่และแบบ ต่ำสุด 179 บาท สูงสุด 1,500 บาท และผลงานที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ ช้างวานร 7 ตน รองลงมาเป็นเรือสุพรรณหงส์ ส่วนตลาดกระจายอยู่ตามแหล่งท่องเที่ยวใหญ่ๆ อาทิ เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา สวนจตุจัก สวนลุมไนท์บาร์ซ่า และห้างเทสโก้โลตัส สาขากรุงเทพมหานคร เป็นต้น
ธุรกิจ “โลหะจิ๊กซอว์” แม้จะเป็นกิจการเล็กๆ แต่วันนี้สร้างรายได้ให้กับครอบครัวนิมิตภาวงศ์กว่า 200,000 บาทต่อเดือน ซึ่งเจ้าของธุรกิจ ไม่หวงความรู้ ยินดีแนะนำแบ่งปันให้คนอื่นเสมอ โดยเฉพาะเยาวชนที่รักในงานศิลป์ ลองไปค้นหาประสบการณ์ เรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติจริง ใช้เวลาว่างช่วงปิดภาคเรียน น่าจะได้ประโยชน์ไม่น้อย
โทร.089-911-3969
อิทธิเชษฐ์ เล่าว่า ก่อนหน้านี้ ผ่านการทำงานมาหลายอาชีพ ทั้งรับจ้างทำงานในโรงพิมพ์ แต่แล้วโรงพิมพ์ต้องปิดตัวลง หันมาประกอบธุรกิจส่วนตัวทำกล่องกระดาษขาย น้ำท่วมเสียหายจนหมดตัว จากนั้นหันไปทำ เข็มกลัดเสื้อสตรี กระดุมผ้าไหม ขณะที่ตลาดกำลังวิ่งฉิว เกิดวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 ฟองสบู่แตก ส่งผลให้ธุรกิจของครอบครัวได้รับผลกระทบอีกครั้ง และครั้งนี้นับว่าหนักที่สุดในชีวิต
“ลูกๆ ทั้ง 3 คน อยู่ในวัยเรียน ภาระมันหนักมาก เครียด ผมตั้งสติได้คิดว่า คนไทยไม่มีกำลังซื้อไม่เป็นไร แต่เมืองไทยเป็นเมืองท่องเที่ยว ชาวต่างชาติยังเดินทางมาเสมอ ก่อนกลับไปก็ต้องซื้อของเป็นที่ระลึกติดไม้ติดมือ เลยคิดหาสินค้าไทยๆ ที่ยังไม่มีขายในท้องตลาด ตั้งเป็นโจทย์ค้นหาคำตอบด้วยการเริ่มทดลองทำงานศิลปะ ใช้สมองและสองมือที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด เพื่อประหยัดต้นทุน เริ่มจากนำเข็มกรัดที่ขายไม่ได้แล้วนำมาพลิกแพลงเก็บไว้ในกรอบรูปเป็นของที่ระลึก จากนั้นก็หันมาแกะโลหะรูปแบบต่างๆ” อิทธิเชษฐ์ ย้อนอดีตให้ฟังถึงแนวคิดการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ เมื่อ 8 ปีก่อน
พรสวรรค์ที่ติดตัวมาประกอบกับมีใจรักในด้านศิลปะเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จากเข็มกรัดที่ขายไม่ได้กลับมาสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการพลิกแพลงเก็บไว้ในเฟรมสำหรับเป็นของที่ระลึกเพื่อมุ่งขายชาวต่างชาติ จนผลงานออกมาดีได้รับคำชื่นชมจากคนรอบข้าง จากนั้นเขาก็เริ่มหาแบบใหม่ๆ เน้นสื่อความเป็นไทย โดยเฉพาะนำตัวละครไทยในวรรณคดี มาแกะชิ้นส่วนต่างๆ ลงบนแผ่นโลหะ แต่งแต้มสีสัน เติมจินตนาการตามอารมณ์ของตัวละคร แล้วเมื่อนำมาแต่ละชิ้นมาเรียงต่อกันจะกลายเป็นภาพที่สมบูรณ์ เรียกผลงานดังกล่าวว่า “โลหะจิ๊กซอว์”
อิทธิเชษฐ์ ใช้เวลากว่า 2 ปี ลองผิดลองถูกแกะแบบต่างๆ ออกมามากมาย ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จ เมื่อแกะโลหะเป็นรูปลิงหนุมาน 7 ตัว ผกโผนอยู่ในอิริยาบถต่างๆ แล้วนำมาขัดต่อเรียงกันเป็นรูปช้าง ให้ชื่อว่า “ช้างวานร 7 ตน” ผลงานชิ้นนี้ได้รับรางวัลพระราชทานจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จากการประกวดช้างและบ้านไทย ที่กระทรวงอุตสาหกรรมจัดขึ้น เมื่อปี 2548 จากนั้นได้รางวัลผลิตภัณฑ์ โอทอป 5 ดาว ของเขตประเวศน์ และได้เข้าไปวางจำหน่ายในห้างเทสโก้ โลตัส โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ส่งผลให้ศิลปะโลหะจิ๊กซอว์ กลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น และสามารถขยายตลาดให้กว้างออกไปอีก
“งานศิลปะแนวนี้ยังไม่มีใครทำกัน ส่วนใหญ่จะถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครผ่านภาพวาด ภาพถ่าย หรืองานปั้นเสียมากกว่า และด้วยราคาที่ไม่สูง ประกอบกับความประณีต สวยงามดูแปลกตาและเป็นผลิตภัณฑ์แปลกใหม่ ทำให้สินค้าของผมได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสินค้าจะขายดีมาก” อิทธิเชษฐ์ กล่าว
ปัจจุบัน อิทธิเชษฐ์ ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์รูปแบบหลากหลายออกสู่ตลาดกว่า 200 แบบ ซึ่งนอกจากตัวละครไทยในวรรณคดี อาทิ หนุมาน ทศกัณฑ์ พระลักษณ์ พระราม พระนารายณ์ เป็นต้นแล้ว ยังมีเครื่องดนตรีไทยชนิดต่างๆ รวมถึงสถานที่สำคัญๆ อีกทั้ง เพื่อตอกย้ำความเป็นสินค้าไทย ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นจะมีธงชาติไปประดับไว้เป็นสัญลักษณ์ด้วย
ส่วนราคาขาย ไม่สูงมากขึ้นอยู่กับขนาดและความยากง่ายของแต่และแบบ ต่ำสุด 179 บาท สูงสุด 1,500 บาท และผลงานที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ ช้างวานร 7 ตน รองลงมาเป็นเรือสุพรรณหงส์ ส่วนตลาดกระจายอยู่ตามแหล่งท่องเที่ยวใหญ่ๆ อาทิ เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา สวนจตุจัก สวนลุมไนท์บาร์ซ่า และห้างเทสโก้โลตัส สาขากรุงเทพมหานคร เป็นต้น
ธุรกิจ “โลหะจิ๊กซอว์” แม้จะเป็นกิจการเล็กๆ แต่วันนี้สร้างรายได้ให้กับครอบครัวนิมิตภาวงศ์กว่า 200,000 บาทต่อเดือน ซึ่งเจ้าของธุรกิจ ไม่หวงความรู้ ยินดีแนะนำแบ่งปันให้คนอื่นเสมอ โดยเฉพาะเยาวชนที่รักในงานศิลป์ ลองไปค้นหาประสบการณ์ เรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติจริง ใช้เวลาว่างช่วงปิดภาคเรียน น่าจะได้ประโยชน์ไม่น้อย
โทร.089-911-3969