xs
xsm
sm
md
lg

วางระเบิด กทม.อย่างเยาะหยัน กับรหัส 311745 ที่เชียงราย...

เผยแพร่:   โดย: สปาย หมายเลขหก

.
เหตุที่เกิดเมื่อหัวค่ำของวันเสาร์ที่ 5 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันฉัตรมงคล เมื่อเกิดระเบิดขึ้นที่บริเวณใกล้พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต ด้านถนนราชวิถี ทำให้ “ลึก-หกสิบ, ลับ-สี่สิบ”

ที่เพิ่งกล่าวถึงเหตุระเบิดในกรุงเทพฯ และนนทบุรี รวม 9 จุด ในวันส่งท้ายปีเก่า 31 ธันวาคม 2549 ว่ามีข้อมูลอย่างชัดเจนมากกว่าข้อมูลใดๆ ว่าใครเป็นผู้บงการ ซึ่งตีพิมพ์ในฉบับวันศุกร์ที่ 4 พฤษภาคม 2550 ก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน เกิดความรู้สึก “รับผิดชอบ” ว่า ถ้าหากการรายงานในวันนั้น ระบุกันให้ชัดและลึกพอ ถึงสิ่งที่จะนำไปสู่ความจริงทั้งหมด บางที “คนกลุ่มเดียวกัน” กับระเบิดป่วนกรุงฯ เมื่อวันส่งท้ายปีเก่ากับระเบิดข้างวังสวนจิตรลดาฯ อาจจะเกิดชะงัก เพราะมีการเปิดลับเรื่องราวของพวกเขาแล้วอย่างจี้ตรงจุด

นี่เป็นความรู้สึกรับผิดชอบของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเพียงเล็กน้อย ตามหน้าที่ของการแสวงหาข้อเท็จจริงสำหรับ หนังสือพิมพ์ “ผู้จัดการรายวัน” อันเป็นการทำงานตามหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบในหน้าที่ส่วนตน และสาธารณชน-ประเทศชาติ, แต่ผู้ที่จะต้องมีส่วนในการ “รับผิดชอบ” อย่างแท้ๆ มิใช่แต่ความรู้สึกรับผิดชอบ...ก็คือ “ตำรวจ” สมัยที่ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ เป็น ผบ.ตร.เต็มตัว เพราะเป็นผู้ที่รู้เรื่องรายละเอียดข้อมูลที่จะนำไปสู่ผู้อยู่เบื้องหลัง และตัวการใหญ่ของเหตุระเบิดได้ อย่างน้อยก็รู้ข้อมูลมา ตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2550 แต่ตำรวจกลับไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้สืบสาวขยายผลปล่อยให้เรื่องเงียบหายไป ก็เท่ากับว่าปล่อยให้คนร้ายลอยนวล และปล่อยให้ผู้อยู่เบื้องหลังยังมีการวางระเบิดต่อมาอีกหลายครั้ง รวมทั้งที่ “ข้างวัง” ซึ่งเป็นบริเวณที่ต้องให้ความสำคัญ และยิ่งกว่านั้น ก็ยังเป็นวันสำคัญของชาติคือวันฉัตรมงคล

ต่อไปนี้คือ ข้อความคำพูดของคนสองคนทางโทรศัพท์มือถือหมายเลข...กับหมายเลข...เมื่อเวลา 17.45 น. วันที่ 31 ธันวาคม 2549-คือ 311745 ที่เป็นวัน ว. เวลา น.

ต้นทาง
(ผู้เรียก) อยู่ที่...และ ปลายทาง (ผู้รับ) อยู่ที่ บ้านม่วงคำ ตำบลแม่คำ อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย

ต้นทาง (ผู้เรียก) พูดว่า-วางได้ 6 จุดแล้ว

ปลายทาง (ผู้รับ) ย้อนถามว่า-ไม่ใช่ 4 จุดหรือ?

ต้นทาง (ผู้เรียก) บอกว่า-ยังขาดอีก 4 จุดจะครบ 10 จุด เดี๋ยวให้รอฟังข่าว

ปลายทาง (ผู้รับ) ตอบว่า-จะรอฟังข่าว

แล้วทางต้นทางวางสาย

ผู้รับข้อความนี้คือ ปลายทาง (ที่เชียงราย) ซึ่งกำลังอยู่ในวงเลี้ยงสุราอาหารส่งท้ายปีเก่า-ได้พูดว่า “เดี๋ยวจะมีระเบิดในกรุงเทพฯ” แต่ไม่มีใครซักถามรายละเอียด คงฟังและรับรู้เฉยๆ

วงเลี้ยงอาหารดำเนินต่อไป

ประมาณ 18.15 น. คืออีกประมาณครึ่งชั่วโมงจากที่บุคคลผู้นั้นพูดว่า “เดี๋ยวจะมีระเบิดในกรุงเทพฯ” ก็เกิดระเบิดขึ้นมาจริงๆ มีจำนวน 9 จุด ขาดไปหนึ่งจุด เพราะเจ้าหน้าที่ รปภ.ของห้างสรรพสินค้าไปพบ และนำไปวางไว้ในที่ปลอดภัยเสียก่อน

คนที่รู้ล่วงหน้าต่อเหตุการณ์ระเบิดนี้ได้ปรากฏตัวแล้ว ทั้งชื่อเก่า ท.ทหาร และชื่อใหม่อักษร อ.อ่าง อยู่บ้านเลขที่...(เลข 3 ตัว) ในหมู่บ้านดังกล่าว


ถอดถ้อยคำการสนทนาทางโทรศัพท์ข้างต้นนั้น

คำว่า “วางได้ 6 จุดแล้ว” และทางผู้รับคือทางเชียงรายย้อนถามว่า “ไม่ใช่ 4 จุดหรือ” เป็นคำพูดที่แสดงว่า เรื่องการวางระเบิดในกรุงเทพมหานครนั้น คู่สนทนาจะต้องได้รับรู้เรื่องนี้กันมาก่อน ว่าจะมีการวางระเบิดป่วนกรุงฯ และน่าจะต้องรู้ด้วยซ้ำไปว่า กำหนดวันวางระเบิดคือวันนั้น คือ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 เพราะคำพูดไม่ได้มีการกล่าวถึงแต่เบื้องต้นเลย เป็นถ้อยคำที่บอกกล่าวกันอย่างเช่น การรายงาน “ความคืบหน้าของการปฏิบัติงาน” ให้ทราบ,

หากเป็นความจริงตามนี้ โดยการศึกษาวิเคราะห์จากข้อความคำพูดของสองฝ่าย

ก็ยังพบจุดสำคัญได้ว่า ผู้รับสายปลายทางคือ ทางเชียงราย ย่อมจะได้รับข่าวสารจากบุคคลอีกคนหนึ่งมาแล้วก่อนหน้านั้น ซึ่งอยู่ในขบวนการวางระเบิดเช่นเดียวกัน ที่ได้รายงานมาก่อนแล้ว เมื่อมีการวางระเบิดได้แล้ว 4 จุด (จากคำว่า-ไม่ใช่ 4 จุดหรือ?) และได้รับการยืนยันจากบุคคลที่โทรศัพท์เข้ามาในเวลานั้นที่ว่า “วางได้ 6 จุดแล้ว” และยังรายงานต่อมาว่า “ยังขาดอีก 4 จุดจะครบ 10 จุด เดี๋ยวให้รอฟังข่าว”

แสดงว่าในเวลานั้นคือก่อน 17.45 น. (ก่อนจะโทรศัพท์) การวางระเบิดทำกันไปได้เพียง 6 จุด และช่วงเวลาที่เหลือคือระหว่าง 17.45 น. ถึงเวลาระเบิดคือประมาณ 18.15 น. เป็นเวลาที่ใช้วางระเบิดส่วนที่เหลือคือ 4 จุด


ประเมินตามรูปการณ์ของเหตุการณ์ที่สามารถจำลองได้จากข้อความของการสนทนานี้

คือ : การวางระเบิดป่วนกรุงฯ ในวันนั้น ทำกันในห้วงเวลาจำกัด คือวางระเบิดกันก่อนเวลาระเบิดไม่มากนัก เช่น ครึ่งชั่วโมงก่อนการระเบิดยังมีการวางระเบิดกันอยู่ ยังวางไม่เรียบร้อยอีก 4 จุด ซึ่งต้องนับว่ามากคือเกือบครึ่งของจำนวนระเบิดทั้งหมด, การนำระเบิดไปซุกซ่อนหรืออำพรางไว้ตามสถานที่ต่างๆ อันเป็นเป้าหมายนั้น ถ้าหากวางทิ้งไว้นานๆ คือ นานกว่าชั่วโมง ก็อาจจะมีผู้ไปพบก่อนได้ โดยเฉพาะในถังขยะของห้างสรรพสินค้าที่เต็มเร็ว และมีการจัดเก็บอยู่ตลอดเวลา คาดว่า-การวางระเบิดจะทำกันก่อนหน้าเวลาระเบิดไม่เกินหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ลูกสุดท้ายอาจจะวางก่อนระเบิดประมาณ 10-15 นาทีด้วยซ้ำไป

ทำให้เห็น “ประเด็น” ได้อย่างหนึ่งว่า

ผู้ที่รับหน้าที่ในการนำระเบิดไปวางไว้ตามสถานที่ต่างๆ ซึ่ง “กำหนดไว้” มาเป็นอย่างดี จะต้องเป็นผู้ที่ไว้วางใจได้ 100% มีความตั้งใจทำงานอย่างมีความรับผิดชอบสูง และต้องเป็นผู้ที่มีจิตใจแกร่งพอที่จะนำระเบิดติดตัว หรือยานพาหนะไปกับตัวแล้วทำงานให้ทันเวลา คนเหล่านี้จะต้องรู้จักการทำงานของระเบิด ซึ่งเป็น “ระเบิดเวลา” เป็นอย่างดี ว่ามันจะไม่ระเบิดก่อนเวลาที่ตั้งให้ชนวนทำงาน ซึ่งทำให้ตัดไปได้เลยว่าผู้เกี่ยวข้องคือผู้นำระเบิดไปวางตามที่หมายนั้น จะ “ว่าจ้าง” ใครก็ได้ และยังพอมองภาพของผู้เกี่ยวข้องคือ ผู้วางระเบิดจะต้องเป็นผู้ที่ตัดวงจรหรือหยุดการทำงานของระเบิดได้เองด้วย เพราะหากว่าหมดเวลาแต่ยังวางระเบิดไม่ได้-เขาก็จะตัดวงจรได้เอง เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายกับตัวเอง และน่าจะมองต่อไปได้ว่า ผู้ทำหน้าที่วางระเบิดนี้ คนหนึ่ง-น่าจะเป็นผู้วางไม่เกิน 3 ลูก มิใช่การวางลูกละคน หรือจุดละคน เพราะอย่างนั้นจะทำให้มีผู้เกี่ยวข้องหรือผู้รู้ความลับมากขึ้นโดยไม่จำเป็น

คำถามที่จะต้องได้คำตอบ มีความแคบลงว่า-ใครคือผู้วางระเบิด?

โดยพฤติกรรมแวดล้อมข้างต้น
-ชายผู้ที่รับโทรศัพท์ทางเชียงรายนั้น ไม่ได้รู้แต่เพียงเรื่องราวของขบวนการวางระเบิดเท่านั้น เขาต้องรู้มาตั้งแต่ต้นทางของการเตรียมการ และผู้บงการอยู่เบื้องหลังการวางระเบิดทั้งหมด ที่เขาได้รับโทรศัพท์และมีการพูดกันตามข้อความข้างต้นนั้น คือการ “รายงานช่วงสุดท้าย” คือก่อนที่จะมีการระเบิดประมาณครึ่งชั่วโมง หรือน้อยกว่า และการที่มีการสนทนากับผู้พูดโทรศัพท์ที่เรียกเข้ามาอย่างค่อนข้างจะเปิดเผยนั้น เป็นเพราะ 1. อยู่ในอาการมึนเมาจากการเลี้ยงส่งท้ายปีเก่า 2. เป็นการพูดกันในวงของผู้คนที่เขาคิดว่า-ไว้ใจได้ และรู้จักเขาดีว่าเป็นคนอย่างไร การพูดอย่างนั้นเป็นการเพิ่มบารมีและความยำเกรงให้กับตัวเขาด้วย 3. แม้ว่าจะมีผู้รับรู้ก่อนหน้าจะมีการระเบิดที่ว่า “เดี๋ยวจะมีระเบิดในกรุงเทพฯ” ก็ตาม แม้ว่าการพูดแบบแน่ใจ/มั่นใจว่าจะเป็นอย่างนั้น แม้จะแพร่งพรายออกไปหลังจากนั้น ก็เป็นเวลาที่ยากจะป้องกันหรือระงับการระเบิดไม่ได้ เพราะระเบิดกำลังจะทำงานอยู่แล้ว

วิเคราะห์โดยข้อมูลและพฤติกรรมทั้งหมด ก็ต้องเชื่อว่าบุคคลที่ว่านี้จะต้องเป็นคนสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการวางระเบิด เพราะเขารู้เหตุการณ์โดยตลอดทั้งที่มีโทรศัพท์มาบอกและก่อนหน้านั้น


เมื่อดูประวัติส่วนตัวและความเกี่ยวข้องกับ นักการเมืองคนสำคัญของภาคเหนือ ที่มีอะไรหลายอย่างแสดงว่าเขา “ใกล้ชิดและได้รับความไว้วางใจ” ก็ยิ่งทำให้เห็นชัดเจนว่า คนผู้นี้คือคนสำคัญคนหนึ่ง ถ้าหากไม่จัดว่าเป็น “ตัวการ” แต่ก็ต้องเป็น “กุญแจสำคัญ” ในการไขปริศนาเรื่องระเบิดป่วนกรุงฯ ทั้งหมด

รายงาน “ลึก-หกสิบ, ลับ-สี่สิบ” นี้ ได้พบประเด็นเริ่มต้นที่ทำให้ติดตาม “ค้นและคลำ” เรื่องนี้อย่างเกาะติด ก็จากการที่ได้รับ “กลิ่นข่าว” ว่า เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2550 “ทหารพราน” จำนวนหนึ่งได้ไปที่หมู่ 13 บ้านม่วงคำ ตำบลแม่จัน อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย นำตัวนาย ท. หรือ อ.ผู้นี้ พร้อมกับคนอีกคนหนึ่ง ไปสอบสวนที่ ค่ายเม็งรายมหาราช โดยทหารพรานไปนำตัวจากบ้านมาแต่เช้ามืด การที่ทหารพรานมานำตัวไปนั้น เป็นข่าวที่ปิดไม่อยู่ เพราะชาวบ้านรู้เห็นกันมาก, และในบ่ายวันเดียวกันนั้น ทางทหารได้ปล่อยตัวกลับหลังจาก “ซักถาม” แล้ว โดยมีข้อแม้ว่าจะต้องมาพบหรือตอบคำถามของทหารได้ทุกเวลา และพร้อมกันนั้น ทหารได้ให้ข้อมูล/ข้อสันนิษฐาน และข้อสงสัยให้ทางตำรวจเป็นผู้ดำเนินการต่อ

ผลการทำงานของทหารตำรวจก็คือ ไม่มีการทำอะไรอีกเลย รวมทั้งการเรียกตัวมาสอบถามปล่อยให้เรื่องเงียบหายไป ทั้งๆ ที่การสืบสวนจะเริ่มต้นได้ที่การพูดคุยทางโทรศัพท์มือถือของคนผู้นี้กับคนที่เรียกเข้ามา ซึ่งเข้าใจว่าอยู่ที่กรุงเทพฯ สามารถนำหลักฐานบันทึกการใช้โทรศัพท์มือถือที่สามารถรู้หมายเลขของอีกฝ่ายหนึ่งที่เรียกเข้ามา แล้วขยายผลออกไป ก็จะสามารถนำไปสู่การไขความลับหลายอย่างได้ จึงเท่ากับว่าตำรวจพลาดโอกาสที่จะเข้าถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องระเบิดป่วนกรุงฯ นั้น ทั้งๆ ที่มีบุคคลมีตัวตนที่เป็นจุดเริ่มต้นได้ เพราะพฤติกรรมดังกล่าว เป็นเครื่องยืนยันว่า อย่างน้อยก็เป็นผู้ที่รู้เรื่องระเบิดดี เพราะรู้ก่อนจะมีการระเบิด แม้ว่าจะถือว่า ไม่ได้กระทำผิด หรือร่วมกระทำผิด แต่ก็สามารถใช้เป็นประโยชน์ต่อการคลี่คลายได้-ถ้าหากตำรวจในขณะนั้นใส่ใจในการทำงาน หรือต้องการคลี่คลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

หลายวันที่เชียงราย...

เพื่อการหาข้อมูลและข้อเท็จจริงในเรื่องนี้, ยังได้พบประเด็นเกี่ยวข้องเชื่อมโยงที่จะนำมาเป็นรายงาน “ลึก-หกสิบ, ลับ-สี่สิบ” ในฉบับหน้า โดยเฉพาะประเด็นของนักการเมืองคนสำคัญของภาคเหนือในแก๊งอำนาจเก่า เพราะ “ข่าวกรอง” หลายๆ สายก็มีรายงานที่ตรงกันว่า-คนนี้แหละอยู่เบื้องหลังระเบิด!

กำลังโหลดความคิดเห็น