พะเยา - ชมรมพ่อค้า ฯ จับมือเครือข่ายวัฒนธรรมเมืองกว๊าน ฯ รุกต้านห้างฯข้ามชาติไม่หยุด นัดหารือกำหนดแนวทางเคลื่อนไหว 15 พ.ค. ลุ้นกฎหมายผังเมืองรวม ขณะที่กลุ่มอาชีพเกษตรกรรม - พ่อค้าน้ำดื่มท้องถิ่น พร้อมร่วมเป็นพันธมิตร หวั่นมาจริงกระทบแน่
นายชัยพร วงศ์สถาพรชัย ประธานชมรมพ่อค้าอำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา กล่าวถึงมาตรการการต่อสู้เพื่อต่อต้านห้างฯข้ามชาติที่กำลังจะมาขยายสาขาในพื้นที่ อ.เชียงคำ ว่า หลังจากวันที่ 3 พฤษภาคม 2550 ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงต่อต้านห้างฯข้ามชาติครั้งแรกไปแล้ว ปรากฏว่า ตัวแทนจากห้างฯข้ามชาติ ไม่ยอมมาประชุมร่วมกับผู้นำชุมชนและผู้บริหารของเทศบาลตำบล(ทต.)เชียงคำ แต่กลุ่มทุนข้ามชาติเขาเป็นทุนใหญ่เขาคงไม่ยอมหยุดเช่นกัน ดังนั้น พวกตนยังยืนยันที่จะต่อต้านต่อไปให้ถึงที่สุด
ทั้งนี้ คณะกรรมการชมรม ฯ ร่วมกับเครือข่ายวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมจังหวัดพะเยา จะประชุมหารือกันภายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2550 นี้ อีกครั้งเพื่อวางแผนการทำงานต่อไป โดยเฉพาะการรณรงค์เชิงรุกกับกลุ่มประชาชนทั่วไปทั้งหมด
นอกจากนี้ในเชิงนโยบายพวกตนจะติดตาม และร่วมผลักดันให้มีการประกาศใช้กฎหมายผังเมืองรวมของท้องถิ่น ที่กำหนดให้ห้างฯข้ามชาติหรือกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ที่จะก่อสร้างอาคารพาณิชยกรรมค้าปลีกค้าส่งพื้นที่ตั้งแต่ 1,000 ตารางเมตร ขึ้นไป ออกห่างจากชุมชน 15 กิโลเมตร ให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว
"ทุนข้ามชาติเหล่านี้ถ้าแน่จริงขอให้ไปเปิดขยายสาขาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้คนในภาคเหนือได้อยู่กันอย่างสงบสุขกับอาชีพที่บรรพบุรุษได้ทิ้งไว้ให้ อย่ามารุกรานและรบกวนพื้นที่ในภาคเหนือเลย ขอให้มีคุณธรรมจริยธรรมทางธุรกิจบ้าง" นายชัยพร กล่าว
ด้านนายชัยวัฒน์ จันธิมา ผู้ประสานงานเครือข่ายวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมจังหวัดพะเยา กล่าวว่า ไม่เพียงชมรมพ่อค้า ฯ เท่านั้นที่จะยืนหยัดต่อสู้กับกลุ่มทุนข้ามชาติ แต่ยังมีกลุ่มประชาชนผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ร้านค้าปลีกตามชุมชนต่าง ๆ ในพื้นที่ อ.เชียงคำ รวมถึงกลุ่มผู้ประกอบการน้ำดื่มในพื้นที่ กิ่ง อ.ภูซาง ได้แสดงเจตจำนงขอเข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรต่อสู้กับทุนข้ามชาติด้วย
ทั้งนี้ เพราะว่าประชาชนที่ต้องการเข้ามาเป็นพันธมิตรด้วย ต่างตระหนักถึงผลกระทบต่ออาชีพของพวกเขาที่ทำอยู่ในปัจจุบัน ดังนั้น คณะทำงานจะต้องประชุมหารือกันเพื่อจัดตั้งศูนย์ประสานงาน เพื่อต่อต้านห้างฯข้ามชาติต่อไป
นายชัยพร วงศ์สถาพรชัย ประธานชมรมพ่อค้าอำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา กล่าวถึงมาตรการการต่อสู้เพื่อต่อต้านห้างฯข้ามชาติที่กำลังจะมาขยายสาขาในพื้นที่ อ.เชียงคำ ว่า หลังจากวันที่ 3 พฤษภาคม 2550 ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงต่อต้านห้างฯข้ามชาติครั้งแรกไปแล้ว ปรากฏว่า ตัวแทนจากห้างฯข้ามชาติ ไม่ยอมมาประชุมร่วมกับผู้นำชุมชนและผู้บริหารของเทศบาลตำบล(ทต.)เชียงคำ แต่กลุ่มทุนข้ามชาติเขาเป็นทุนใหญ่เขาคงไม่ยอมหยุดเช่นกัน ดังนั้น พวกตนยังยืนยันที่จะต่อต้านต่อไปให้ถึงที่สุด
ทั้งนี้ คณะกรรมการชมรม ฯ ร่วมกับเครือข่ายวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมจังหวัดพะเยา จะประชุมหารือกันภายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2550 นี้ อีกครั้งเพื่อวางแผนการทำงานต่อไป โดยเฉพาะการรณรงค์เชิงรุกกับกลุ่มประชาชนทั่วไปทั้งหมด
นอกจากนี้ในเชิงนโยบายพวกตนจะติดตาม และร่วมผลักดันให้มีการประกาศใช้กฎหมายผังเมืองรวมของท้องถิ่น ที่กำหนดให้ห้างฯข้ามชาติหรือกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ที่จะก่อสร้างอาคารพาณิชยกรรมค้าปลีกค้าส่งพื้นที่ตั้งแต่ 1,000 ตารางเมตร ขึ้นไป ออกห่างจากชุมชน 15 กิโลเมตร ให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว
"ทุนข้ามชาติเหล่านี้ถ้าแน่จริงขอให้ไปเปิดขยายสาขาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้คนในภาคเหนือได้อยู่กันอย่างสงบสุขกับอาชีพที่บรรพบุรุษได้ทิ้งไว้ให้ อย่ามารุกรานและรบกวนพื้นที่ในภาคเหนือเลย ขอให้มีคุณธรรมจริยธรรมทางธุรกิจบ้าง" นายชัยพร กล่าว
ด้านนายชัยวัฒน์ จันธิมา ผู้ประสานงานเครือข่ายวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมจังหวัดพะเยา กล่าวว่า ไม่เพียงชมรมพ่อค้า ฯ เท่านั้นที่จะยืนหยัดต่อสู้กับกลุ่มทุนข้ามชาติ แต่ยังมีกลุ่มประชาชนผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ร้านค้าปลีกตามชุมชนต่าง ๆ ในพื้นที่ อ.เชียงคำ รวมถึงกลุ่มผู้ประกอบการน้ำดื่มในพื้นที่ กิ่ง อ.ภูซาง ได้แสดงเจตจำนงขอเข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรต่อสู้กับทุนข้ามชาติด้วย
ทั้งนี้ เพราะว่าประชาชนที่ต้องการเข้ามาเป็นพันธมิตรด้วย ต่างตระหนักถึงผลกระทบต่ออาชีพของพวกเขาที่ทำอยู่ในปัจจุบัน ดังนั้น คณะทำงานจะต้องประชุมหารือกันเพื่อจัดตั้งศูนย์ประสานงาน เพื่อต่อต้านห้างฯข้ามชาติต่อไป