xs
xsm
sm
md
lg

บึ้ม-จ่อยิงหัวทหาร 7 ศพ "พัลลภ"ลั่นยุติฆ่ารายวัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - คนร้ายวางระเบิดหนัก 25 กก.รถทหารหน่วยรบพิเศษจนรถพลิกคว่ำก่อนบุกจ่อยิงศีรษะเรียงตัวดับคาที่ 7 นายยกคันรถ พร้อมขโมยอาวุธปืนเอ็ม 16-ปืนพกสั้นไปอีกว่า 10 กระบอกพร้อมโปรยตะปูเรือใบหลบหนี ขณะที่ "สนธิ" ยันยังไม่ปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์การแก้ปัญหาไฟใต้ "พัลลภ ปิ่นมณี"กลับมาแล้ว พร้อมลุยงานในตำแหน่งที่ปรึกษา ผอ.รมน.11 พ.ค.นี้ ลั่นหากได้ดูแลปัญหาใต้จะ "ยุติการฆ่ารายวัน" คุยทำสำเร็จแน่เพราะมีประสบการณ์ "นายกฯ" ยันไม่ปล่อยตัวผู้ต้องหาป่วนใต้ตามแรงกดดันม็อบ ระบุต้องดำเนินการตามกฎหมาย ด้านครูใต้จี้รัฐเปิดเกมเชิงรุกปรับแผน รปภ.รับเปิดเทอมใหม่

วานนี้(9 พ.ค.)เวลาประมาณ 15.00 น.คนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนได้ลอบวางระเบิดแสวงเครื่อง น้ำหนักประมาณ 25 กิโลกรัม ซึ่งแอบฝั่งไว้บนถนนสายบ้านลาแป-บองอ บริเวณบ้านลาแป หมู่ 4 ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส อยู่ห่างจากโรงเรียนบ้านบองอ ประมาณ 300 เมตร ขณะที่รถยนต์ของทหารจากกองพันปฏิบัติการจิตวิทยา หน่วยรบพิเศษ จ.ลพบุรี จำนวน 7 นาย เดินทางกลับจากปฏิบัติหน้าที่มวลชนในพื้นที่บ้านบองอ กำลังมุ่งหน้าเข้าพื้นที่ อ.เจาะไอร้อง คนร้ายได้จุดชนวนระเบิดแรงระเบิดทำให้ทหารเสียชีวิตทันทีทั้งหมด 7 นายประกอบด้วย พ.ต.วีระพล แย้มอำพล, จ.ส.อ.วีระชล ศรีเกิด, ส.อ.สมศักดิ์ สายพระแสง, จ.ส.ต.สมเกียรติ จงจิต, จ.ส.อ.ราชันย์ รื่นโกศล, จ.ส.อ.สมบัติ ผ่าจันทร์ และ ส.อ.นรินทร์ เครือโสม
นอกจากนี้ คนร้ายยังใช้อาวุธปืนจ่อยิงศีรษะของทหารทุกนายเพื่อให้มั่นใจว่าเสียชีวิตแล้ว ก่อนนำอาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 7 กระบอก ปืนพกอีก 6 กระบอก ซึ่งเป็นอาวุธประจำกายของทหาร พร้อมอุปกรณ์วิทยุสื่อสารบางส่วนหลบหนีไป และโปรยตะปูเรือใบเพื่อยื้อเวลาการเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุและถูกไล่ล่าจากเจ้าหน้าที่ด้วย

หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.ยงยุทธ เจริญวานิช ผบก.ภ.จว.นราธิวาส ได้นำกำลังเข้าตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ แต่เนื่องจากคนร้ายได้โปรยตะปูเรือใบตลอดเส้นทาง พล.ต.ต.ยงยุทธ ต้องประสานให้เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ จ.นราธิวาส นำรถกวาดตะปูเรือใบเข้าเคลียร์เส้นทางเพื่อเข้าช่วยเหลือ ซึ่งเป็นไปด้วยความยากลำบาก โดยต้องใช้เวลานานกว่าครึ่งชั่วโมง

เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างที่ทหารชุดดังกล่าว ซึ่งเป็นชุดปฏิบัติการทางจิตวิทยา สังกัดหน่วยพลรบพิเศษ จ.ลพบุรี ตั้งฐานอยู่ในค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี ปฏิบัติหน้าที่อบรมกลุ่มเยาวชนและประชาชนในพื้นที่ โดยขณะเกิดเหตุทหารทั้ง 7 นายได้นั่งรถยนต์ฟอร์ด สีเขียว ทะเบียน บง 6205 กทม.กลับจากฝึกอบรมเยาวชนเพื่อกลับฐานที่ตั้ง พอมาถึงที่เกิดเหตุคนร้ายซึ่งฝังระเบิดชนิดแสวงเครื่องบรรจุในถังเคมีดับเพลิงน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 25 กิโลกรัมไว้ข้าถนนและจุดชนวนด้วยการลากสายในป่าละเมาะข้างทางประมาณ 200 เมตร แรงอัดระเบิดทำให้รถพลิกกระเด็นจากจุดเกิดเหตุไปกว่า 50 เมตรสภาพพังยับเยิน ขณะที่ทหารกระเด็นออกจากรถนอนเกลื่อนถนน

ทั้งนี้ บริเวณจุดเกิดเหตุเป็นพื้นที่ที่อยู่ใกล้แนวเทือกเขาตะเว ซึ่งเป็นจุดที่ทหารพรานเข้าตรวจสอบพบว่าเป็นสถานที่กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบใช้ฝึกอาวุธและเกิดการปะทะกัน ทำให้คนร้ายเสียชีวิต 5 ราย เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา

ด้าน พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เปิดเผยหลังได้รับรายงานทหารถูกโจมตีเสียชีวิต 7 นายว่า ยังไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนยุทธศาสตร์การแก้ปัญหาในพื้นที่ภาคใต้ที่ใช้การเมืองนำการทหาร แต่ต้องปรับใช้ยุทธวิธีทางการทหารให้มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการทำงานกับมวลชนที่ใช้การทหารจำกัดจะต้องจัดระเบียบให้เหมาะสม ซึ่งแม่ทัพภาคที่ 4 ผู้รับผิดชอบรู้ขั้นตอนดีอยู่แล้ว

ด้าน พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ให้สัมภาษณ์หลังได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการที่ปรึกษากองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) และที่ปรึกษาผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (ผอ.รมน.) ว่า เมื่อวันที่ 8 พ.ค.ได้เข้าไปที่ กอ.รมน.เพื่อดูห้องทำงาน ซึ่งเป็นห้องเดิม จึงเหมือนได้กลับบ้าน หลังจากที่จากไปเกือบปี ทุกอย่างยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ห้องทำงานที่เคยนั่งทำงาน เจ้าหน้าที่ก็ปิดล็อกเอาไว้ ไม่มีใครเข้ามาใช้ เมื่อมีโอกาสกลับมาทำงานที่นี่อีก จึงได้ใช้ห้องเดิมพอดี

"ผมจะเริ่มงานวันคุกร์ที่ 11 พฤษภาคมนี้ ยังไม่ทราบว่าวันนั้นจะได้พบกับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผอ.รมน.หรือไม่ แต่ถ้าท่านว่างก็คงจะเข้าไปรับนโยบายจากท่านว่าจะมอบหมายให้ทำงานในหน้าที่อะไร เรามีความถนัดเรื่องงานด้านความมั่นคงอยู่แล้ว และถ้าได้รับมอบหมายให้ดูแลแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ ก็ไม่มีปัญหา สามารถทำงานได้เลย เพราะมีประสบการณ์" พล.อ.พัลลภ กล่าว และว่า

สิ่งแรกที่จะทำหากได้รับมอบหมายให้ดูแลปัญหาภาคใต้ คือ ต้องหาทางยุติการเข่นฆ่าประชาชนรายวันให้ได้โดยเร็วที่สุด รวมถึงปัญหาม็อบผู้หญิงที่ปิดล้อมอยู่ในขณะนี้และมั่นใจว่าจะแก้ไขปัญหาได้ เพราะมีประสบการณ์ รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ขอให้รอดูแล้วกันว่าจะทำได้อย่างที่พูดหรือไม่

"การกลับไปทำงานใน กอ.รมน.ครั้งนี้ ไม่มีปัญหาในการทำงานแน่นอน เพราะเคยทำงานใน กอ.รมน. มาเป็นเวลานานถึง 15 ปีและยังมีความสนิทชิดเชื้อกับน้อง ๆ ผอ.รมน.ก็เป็นรุ่นน้อง ที่เคยทำงานในหน่วยรบพิเศษด้วยกันมาก่อน มีความสนิทชิดเชื้อกันดี ไม่มีปัญหาอะไร"

ขณะที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์ที่มีการชุมนุมปิดถนนสายยะลา-เบตงกดดันเจ้าหน้าที่ให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาว่า เป็นเรื่องภายในของเรา พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะ ผอ.รมน.จะเป็นผู้ชี้แจงว่า จะใช้วิธีการอย่างไร แต่คงต้องใช้ความอดทน พูดจาทำความเข้าใจกันเป็นหลัก

"ขณะนี้มีการทำความเข้าใจอยู่แล้ว หลักการคือการทำงานที่ยืนอยู่บนพื้นฐานของหลักนิติธรรม เพราะเรื่องอะไรก็ตามหากมีหลักฐานที่ชัดเจนก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย คงจะปล่อยตามแรงกดดันต่าง ๆ ไม่ได้ เราจะเจรจากับผู้ที่อยากเจรจาด้วย แต่หากทำผิดกฎหมายเราต้องดำเนินการ" นายกรัฐมนตรี กล่าวและว่า ส่วนที่ผู้บัญชาการทหารบกบอกว่าจะเสนอ ครม.ให้เพิ่มกำลังลงไปในพื้นที่นั้นคงไม่ต้องเป็นเรื่องที่ต้องนำเข้า ครม. กองทัพดำเนินการได้อยู่แล้ว เพียงแต่ถ้าจำเป็นจะต้องเพิ่มงบประมาณก็ค่อยเสนอมาเท่านั้นเอง

ด้านนายไพรัช วิหะกะรัตน์ ประธานสมาพันธ์ครู 5 จังหวัดชายแดนใต้ กล่าวถึงการเปิดภาคเรียนปีการศึกษา 2550 ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้าว่า ขณะนี้ผู้บริหารสถานศึกษาได้เริ่มพูดคุยถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยรับมือเปิดเทอมใหม่นี้บ้างแล้ว โดยอันดับแรกแต่ละคนต้องดูแลความปลอดภัยในระดับตนเอง อย่างน้อยที่สุดประสบการณ์ที่อยู่ในพื้นที่จะเป็นแนวทางให้ทราบว่าจุดใดที่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ทั้งระยะเวลาในการเดินทาง เส้นทางที่ใช้ ในส่วนของภาครัฐนั้นจะสามารถควบคุมเหตุได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการวางยุทธศาสตร์รักษาความปลอดภัย ซึ่งมีส่วนสำคัญมากที่ต้องปรับเปลี่ยนการทำงานให้ล้ำหน้ากลุ่มก่อความไม่สงบ โดยการหาข่าวสาร มีวิธีการป้องกันใหม่ๆ

"จุดอ่อนของการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคนในจังหวัดชายแดนใต้ ผมมองว่าเรายังขาดเกมรุก เช่น การตรวจจับหาผู้กระทำผิดมาลงโทษ หรือแม้แต่การรักษาความปลอดภัยในช่วงเปิดเทอม พอผ่านไปสักพักหนึ่งก็กลายเป็นจุดอ่อนให้คนร้ายก่อเหตุได้อีก ทำให้เกิดความสูญเสียชีวิตมากทั้งทหาร ตำรวจที่ร่วมเสียสละทำงานในที่นี่และบุคลากรครูที่ตอนนี้ 60 กว่าคนแล้วและอยากจะให้ตัวเลขหยุดไว้เพียงเท่านี้" นายไพรัช กล่าว

ทางด้านนายไพรัช แสงทอง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเขต 1 (สพท.1) นราธิวาส เปิดเผยว่า โรงเรียนในสังกัด สพท.1 ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนใน อ.บาเจาะ อ.ยี่งอ อ.รือเสาะ อ.ศรีสาคร และ อ.เมืองนราธิวาส ขณะนี้มีความพร้อมสำหรับการเปิดภาคเรียนในวันที่ 14 พ.ค.นี้แล้ว โดยวันนี้ (9) ทางผู้บริหารโรงเรียนทั้ง 36 แห่งในสังกัดได้ประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ความมั่นคง 3 ฝ่ายทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง เพื่อหารือถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยแก่ครูช่วงเปิดภาคเรียนใหม่นี้ โดยที่ประชุมมีมติดังนี้

1.ให้เจ้าหน้าที่กองกำลัง 3 ฝ่ายจัดชุดออกลาดตระเวนเส้นทางสีแดง หรือเสี่ยงภัยสูง ตลอดทั้งช่วงเช้าและเย็น 2.ให้จัดจุดรับ-ส่งคณะครู ทั้งขาไปและขากลับ เพื่อไปทำงานพร้อมกัน โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอดเส้นทางทั้งขาไปและกลับ 3.จัดชุด ชรบ. อรบ. และ อส. เพื่อรักษาความปลอดภัยในบริเวณโรงเรียนขณะครูสอนหนังสือ พร้อมจัดชุดเฝ้าโรงเรียนนอกเวลาราชการ โดยเฉพาะยามวิกาล หรือกลางคืน เพื่อป้องกันการลอบวางเพลิงโรงเรียนจากกลุ่มผู้ไม่หวังดี โดยให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ และประชาชนในแต่ละพื้นที่ มีส่วนร่วมในการดูแลโรงเรียน

นอกจากนี้ ยังมีการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบให้เจ้าหน้าที่ทหารดูแลความปลอดภัยโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงสูงหรือพื้นที่สีแดง ส่วนโรงเรียนในพื้นที่เสี่ยงน้อยลงมา ให้อยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจและฝ่ายปกครอง ซึ่งมาตรการเหล่านี้จะปรับใช้กับโรงเรียนในสังกัด สพท.นราธิวาส เขต 2 และ เขต 3 ด้วย

"มาตรการที่ได้จากการประชุมร่วมกับทุกฝ่ายในครั้งนี้ ถือว่าเหมาะสมดี และเพิ่มความมั่นใจให้กับครูได้มาก แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดคือ ผู้บริหารและครูทุกคนจะต้องปฏิบัติตามมาตรการนี้อย่างเคร่งครัด และไม่เดินทางไปทำงานโดยลำพัง หรือหากมีความจำเป็น ก็ต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบทันที เพราะถือเป็นสิ่งจำเป็นที่สุด เนื่องจากที่ผ่านมามักมีเหตุร้ายกับครูที่เดินทางไปหรือกลับจากที่ทำงานโดยลำพัง ซึ่งจะเป็นเป้าได้ง่าย และที่สำคัญเจ้าหน้าที่เองก็จะต้องเคร่งครัดกับมาตรการนี้อย่างจริงจัง ต้องเสมอต้นเสมอปลาย และต้องไม่หย่อนยานด้วย" นายไพรัช กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น