บอดี้เชฟ งัดกลยุทธ์แตกไลน์สินค้าใหม่ เสริมอาหาร-เครื่องดื่ม ต่อยอดธุรกิจ เล็งคลอดสินค้าใหม่กลางปี สอดรับการเติบโตในไตรมาสแรก โวการโตต่อเดือนมีมากถึง 50% สูงสุดรอบ 10 ปี เชื่อการทำสินค้าครบไลน์ดูแลสัดส่วน เพิ่มพื้นที่แชร์ตลาดได้อีก ด้านแผนขยายสาขารอดูสถานการณ์ใหม่ หลังจากพับแผนต้นปีระบุต้องเดินเครื่องหลังพฤษภาคม
นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บอดี้เชฟ คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจสถาบันลดน้ำหนักและกระชับสัดส่วน บอดี้เชฟ เปิดเผยว่า บริษัทฯเตรียมขยายธุรกิจโดยออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มลดน้ำหนัก จำพวกเสริมอาหาร เครื่องดื่ม ระดับราคาจะอยู่ประมาณ 100 บาทขึ้นไป ส่วนชื่อของผลิตภัณฑ์ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบผลิตภัณฑ์โดยองค์การอาหารและยาถึงที่มาที่ไปอยู่ ซึ่งคาดว่าผลิตภัณฑ์ตัวใหม่นี้ จะสามารถนำออกมาจำหน่ายได้ช่วงเดือนกรกฎาคม 2550 นี้
สำหรับการกระจายสินค้าจะขายผ่านสาขาของบอดี้เชฟ และ คริสตี้ฟรองซ์ ทั้ง 51 สาขาทั่วประเทศ พร้อมกันนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับห้างค้าปลีกสมัยใหม่ (โมเดิร์นเทรด) เพื่อนำสินค้าไปวางจำหน่าย เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุดด้วย
การแตกไลน์สินค้าครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการต่อยอดธุรกิจได้อีกทางหนึ่งบริษัทฯ ซึ่งมองว่า ช่องทางดังกล่าวจะสามารถทำให้การลดน้ำหนัก รวมทั้งการเสริมสร้างสุขภาพในทางที่ดีจะมีความสมบูรณ์มากขึ้น หลังจากที่ได้ออกผลิตภัณฑ์ตัวใหม่นี้และ การนำวิวัฒนาการใหม่ เข้าสู่ตลาด บริษัทฯคาดหวังว่าจะเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์การนำเสนอต่อลูกค้าให้มีความหลากหลายมายิ่งขึ้น และจะสามารถเพิ่มยอดขายได้อีกทาง
สำหรับธุรกิจลดน้ำหนัก ที่ผ่านมาในเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายน บริษัทฯมีรายได้เติบโต 50% นับว่าสูงสุดในรอบ 10 ปี เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 40 ที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ เนื่องจากขณะนี้โดยภาพรวมของผู้บริโภคส่วนใหญ่เกิดความตื่นตัวและสนใจดูแลน้ำหนักส่วนเกินมากขึ้น ประกอบกับกระทรวงสาธารณสุขได้รณรงค์ให้ใส่ใจสุขภาพ ลดพุง อีกทั้งบริษัทที่ดำเนินธุรกิจลดน้ำหนักก็นำนโยบายดังกล่าวมาใช้ในการทำตลาดด้วย ประกอบกับบริษัทเองก็ได้แนะนำโปรแกรมใหม่ ๆ อาทิ พุงทลาย ทำให้ลูกค้าทั้งชายและหญิงเข้าใช้บริการจำนวนมาก โดยเฉพาะสาขาสำหรับผู้ชายที่มี เศรษฐีหลายคนรวมถึงบุคคลมีชื่อเสียงนิยมใช้บริการ
เมื่อดูจากตัวเลขการเติบโตในไตรมาสแรก การเติบโตยังมีอยู่ เนื่องจากกลุ่มลูกค้าที่ดูแลและใส่ใจเรื่องสุขภาพมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจุดนี้เป็นจุดแข็งในการนำสินค้าใหม่เข้าตลาดการรับรู้ กลุ่มลูกค้ายังดี ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรบริษัทฯยังเชื่อว่ากลุ่มลูกค้ายังเลือกใช้บริการ
พร้อมกันนี้บริษัทฯยังเตรียมขยายสาขาบอดี้เชฟอีก 3 สาขา หลังจากที่ช่วงต้นปีได้ชะลอการขยายสาขาไป แต่การขยายอาจต้องรอดูเดือนนี้ไปก่อน โดยงบประมาณต่อการเปิดในแต่ละสาขารวมทั้งงบในการตกแต่งพร้อมเครื่องมือ เฉลี่ยแล้ว 25-30 ล้านบาท พื้นที่ในการขยายจะมีทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด
ส่วนสถาบันลดน้ำหนักคริสตี้ฟรองซ์ ซึ่งเป็นอีกแบรนด์หนึ่งของบริษัทฯที่จับกลุ่มเป้าหมายระดับกลางนั้น บริษัทฯได้ขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์ โดยมีแผนเปิดอีก 6 สาขา อาทิ ลพบุรี ราชบุรี ภูเก็ต ยโสธร และพระนครศรีอยุธยา จากปัจจุบันที่มี 19 สาขา เพื่อสนองความต้องการของลูกค้าในตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น
“แผนตลาดธุรกิจปีนี้จะเน้นการทำตลาดเชิงรุกมากขึ้น ด้วยการปรับกลยุทธ์การตลาดใหม่ เน้นเจาะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าโดยตรง ผ่านกิจกรรมในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์จริง ที่พิสูจน์ได้ด้วยตัวเอง และจะยกเลิกการทำตลาดแบบเดิม ที่เน้นการจัดโรดโชว์และการออกบูท ซึ่งไม่เพียงพอสำหรับตลาดที่แข่งขันรุนแรงขึ้น”
ทั้งนี้ เพื่อเป้าหมายการก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตลาด โดยตั้งเป้าด้วยส่วนแบ่งการตลาดให้มากขึ้น จากปัจจุบันบอดี้เชฟ มีส่วนแบ่งในตลาดอยู่ 40% จากมูลค่าของตลาดรวมผลิตภัณฑ์และการบริการที่เกี่ยวข้องกับลดน้ำหนักและดูแลสัดส่วน ที่มีอยู่กว่า 2,000 ล้านบาท
พร้อมกันนี้บริษัทฯยังได้จัดแคมเปญคือปฏิบัติการสงครามพิชิตความอ้วน ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์จริง สามารถพิสูจน์ได้ด้วยตัวเอง โดยเปิดรับสมัครผู้ที่มีปัญหาเรื่องความอ้วน มาทดสอบเทคโนโลยีใหม่ของการลดน้ำหนักซึ่งจะคัดเลือกผู้สมัคร 2,000 คน เหลือผู้หญิง 10 คน ผู้ชายอีก 10 คน การจัดโครงการดังกล่าวจะเป็นทั้งประชาชนทั่วไป และเหล่า ดารา นักแสดง ที่มีชื่อเสียงมาทดสอบ ถึงวิธีการลดน้ำหนักที่ได้ผลจริง
สำหรับยอดรายได้ของบอดี้เชฟในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ายอดรายได้เพิ่มอีก 35% จากปี2549 ที่มียอดรายได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 30%
นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บอดี้เชฟ คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจสถาบันลดน้ำหนักและกระชับสัดส่วน บอดี้เชฟ เปิดเผยว่า บริษัทฯเตรียมขยายธุรกิจโดยออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มลดน้ำหนัก จำพวกเสริมอาหาร เครื่องดื่ม ระดับราคาจะอยู่ประมาณ 100 บาทขึ้นไป ส่วนชื่อของผลิตภัณฑ์ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบผลิตภัณฑ์โดยองค์การอาหารและยาถึงที่มาที่ไปอยู่ ซึ่งคาดว่าผลิตภัณฑ์ตัวใหม่นี้ จะสามารถนำออกมาจำหน่ายได้ช่วงเดือนกรกฎาคม 2550 นี้
สำหรับการกระจายสินค้าจะขายผ่านสาขาของบอดี้เชฟ และ คริสตี้ฟรองซ์ ทั้ง 51 สาขาทั่วประเทศ พร้อมกันนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับห้างค้าปลีกสมัยใหม่ (โมเดิร์นเทรด) เพื่อนำสินค้าไปวางจำหน่าย เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุดด้วย
การแตกไลน์สินค้าครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการต่อยอดธุรกิจได้อีกทางหนึ่งบริษัทฯ ซึ่งมองว่า ช่องทางดังกล่าวจะสามารถทำให้การลดน้ำหนัก รวมทั้งการเสริมสร้างสุขภาพในทางที่ดีจะมีความสมบูรณ์มากขึ้น หลังจากที่ได้ออกผลิตภัณฑ์ตัวใหม่นี้และ การนำวิวัฒนาการใหม่ เข้าสู่ตลาด บริษัทฯคาดหวังว่าจะเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์การนำเสนอต่อลูกค้าให้มีความหลากหลายมายิ่งขึ้น และจะสามารถเพิ่มยอดขายได้อีกทาง
สำหรับธุรกิจลดน้ำหนัก ที่ผ่านมาในเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายน บริษัทฯมีรายได้เติบโต 50% นับว่าสูงสุดในรอบ 10 ปี เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 40 ที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ เนื่องจากขณะนี้โดยภาพรวมของผู้บริโภคส่วนใหญ่เกิดความตื่นตัวและสนใจดูแลน้ำหนักส่วนเกินมากขึ้น ประกอบกับกระทรวงสาธารณสุขได้รณรงค์ให้ใส่ใจสุขภาพ ลดพุง อีกทั้งบริษัทที่ดำเนินธุรกิจลดน้ำหนักก็นำนโยบายดังกล่าวมาใช้ในการทำตลาดด้วย ประกอบกับบริษัทเองก็ได้แนะนำโปรแกรมใหม่ ๆ อาทิ พุงทลาย ทำให้ลูกค้าทั้งชายและหญิงเข้าใช้บริการจำนวนมาก โดยเฉพาะสาขาสำหรับผู้ชายที่มี เศรษฐีหลายคนรวมถึงบุคคลมีชื่อเสียงนิยมใช้บริการ
เมื่อดูจากตัวเลขการเติบโตในไตรมาสแรก การเติบโตยังมีอยู่ เนื่องจากกลุ่มลูกค้าที่ดูแลและใส่ใจเรื่องสุขภาพมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจุดนี้เป็นจุดแข็งในการนำสินค้าใหม่เข้าตลาดการรับรู้ กลุ่มลูกค้ายังดี ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรบริษัทฯยังเชื่อว่ากลุ่มลูกค้ายังเลือกใช้บริการ
พร้อมกันนี้บริษัทฯยังเตรียมขยายสาขาบอดี้เชฟอีก 3 สาขา หลังจากที่ช่วงต้นปีได้ชะลอการขยายสาขาไป แต่การขยายอาจต้องรอดูเดือนนี้ไปก่อน โดยงบประมาณต่อการเปิดในแต่ละสาขารวมทั้งงบในการตกแต่งพร้อมเครื่องมือ เฉลี่ยแล้ว 25-30 ล้านบาท พื้นที่ในการขยายจะมีทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด
ส่วนสถาบันลดน้ำหนักคริสตี้ฟรองซ์ ซึ่งเป็นอีกแบรนด์หนึ่งของบริษัทฯที่จับกลุ่มเป้าหมายระดับกลางนั้น บริษัทฯได้ขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์ โดยมีแผนเปิดอีก 6 สาขา อาทิ ลพบุรี ราชบุรี ภูเก็ต ยโสธร และพระนครศรีอยุธยา จากปัจจุบันที่มี 19 สาขา เพื่อสนองความต้องการของลูกค้าในตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น
“แผนตลาดธุรกิจปีนี้จะเน้นการทำตลาดเชิงรุกมากขึ้น ด้วยการปรับกลยุทธ์การตลาดใหม่ เน้นเจาะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าโดยตรง ผ่านกิจกรรมในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์จริง ที่พิสูจน์ได้ด้วยตัวเอง และจะยกเลิกการทำตลาดแบบเดิม ที่เน้นการจัดโรดโชว์และการออกบูท ซึ่งไม่เพียงพอสำหรับตลาดที่แข่งขันรุนแรงขึ้น”
ทั้งนี้ เพื่อเป้าหมายการก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตลาด โดยตั้งเป้าด้วยส่วนแบ่งการตลาดให้มากขึ้น จากปัจจุบันบอดี้เชฟ มีส่วนแบ่งในตลาดอยู่ 40% จากมูลค่าของตลาดรวมผลิตภัณฑ์และการบริการที่เกี่ยวข้องกับลดน้ำหนักและดูแลสัดส่วน ที่มีอยู่กว่า 2,000 ล้านบาท
พร้อมกันนี้บริษัทฯยังได้จัดแคมเปญคือปฏิบัติการสงครามพิชิตความอ้วน ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์จริง สามารถพิสูจน์ได้ด้วยตัวเอง โดยเปิดรับสมัครผู้ที่มีปัญหาเรื่องความอ้วน มาทดสอบเทคโนโลยีใหม่ของการลดน้ำหนักซึ่งจะคัดเลือกผู้สมัคร 2,000 คน เหลือผู้หญิง 10 คน ผู้ชายอีก 10 คน การจัดโครงการดังกล่าวจะเป็นทั้งประชาชนทั่วไป และเหล่า ดารา นักแสดง ที่มีชื่อเสียงมาทดสอบ ถึงวิธีการลดน้ำหนักที่ได้ผลจริง
สำหรับยอดรายได้ของบอดี้เชฟในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ายอดรายได้เพิ่มอีก 35% จากปี2549 ที่มียอดรายได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 30%