แกนนำเกษตรกร แฉเจ้าหนี้ไม่สนมคิ ครม. 16 มกราฯ 2550 ยังเดินหน้าขายทอดตลาดทรัพย์สินเกษตรกรที่เป็นหนี้ทั่วประเทศสัปดาห์ละ 40 ราย ระบุตัวเลขที่เจ้ากระทรวงเกษตรฯอ้างว่าช่วยแล้ว 4 พันราย กลับเป็นตัวเลขของเกษตรกร ที่มีสิทธิในการซื้อหนี้ แต่เงินยังไปไม่ถึงจนต้องถูกขายทอดตลาด
นายรณชิต ทุ่มโมง อดีตกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ภาคตะวันออดเฉียงเหนือ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้ากรณีที่รัฐบาลประกาศว่า ได้ช่วยเกษตรกรที่ถูกยึดที่ดินและกำลังจะถูกขายทรัพย์สินทอดตลาดไปกว่า 4,000 รายว่า แม้ขณะนี้กระทรวงเกษตรกรและสหกรณ์ ได้เร่งดำเนินการซื้อหนี้ของเกษตกร เพื่อโอนเข้าสู่กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร อยู่ตลอดเวลา แต่ตนไม่เชื่อว่าจะมีความเป็นรูปธรรม เพราะในหลายจังหวัดยังพบปัญหาว่า เกษตกรไม่ต่ำกว่า 1-2 คน ยังมีการขายสินทรัพย์ทอดตลาดอยู่ทุกสัปดาห์ ทำให้ภาพรวมทั่วประเทศ มีเกษตกรไม่ต่ำกว่า 40 รายต่อสัปดาห์ที่ถูกเจ้าหนี้ขายทรัพย์ทอดตลาด รวมทั้งขณะนี้การประสานงานระหว่างเกษตรอำเภอและเกษตรกรตำบลก็ยังไม่มีการประสานงานเท่าที่ควรในเรื่องมิตคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่16 มกราคมม 2550
“ที่รัฐมนตรีเกษตรและสหกรณ์ อ้างว่า แก้ได้ 4,000 ราย ก็เป็นเพียงรายชื่อ ที่มีสิทธิในการซื้อหนี้ แต่ว่า 4,000 ราย ณ วันนี้ก็ยังไม่มีการจ่ายเงินให้เจ้าหนี้ทั้งหมด ตัวเลขจริงจ่ายไปเพียง 1,000 รายเท่านั้น เกษตกรที่เหลือก็ยังมีปัญหาอยู่ เช่น เกษตกรภาคใต้ โดยเฉพาะชาวสวนยางพารา แม้พื้นที่ไหนจะเพาะปลูกได้ราคาดี ก็ยังถูกนำไปขายทอดตลาด ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมสหกรณ์การเกษตกร ก็ยังไปยุสหกรณ์ต่าง ๆ ว่ามติคณะรัฐมนตรีสหกรณ์เหล่านั้นสามารถทำก็ได้ หรือไม่ทำก็ได้ เพราะสหกรณ์เหล่านั้นเป็นนิติบุคคล” นายรณชิตกล่าว
นายรณชิต ยังกล่าวถึงแนวนโยบายที่รัฐบาลจะให้ปลูกต้นไม้ใช้หนี้ว่า ตนเห็นด้วยกับนโยบายนี้ เพราะถือว่าเป็นการผลักดันวิธีการใช้หนี้ แม้จะให้เกษตกร ปลูกต้นไม้หรือให้เกษตกรทำงานเพื่อใช้หนี้ใน อบต. ก็เป็นแนวทางหนึ่งที่จะต้องผลักดันออกมาให้มีหลาย ๆทางเลือก สำหรับนโยบายปลูกต้นไม้นั้น ตนเห็นว่า รัฐบาล ต้องชี้แจงด้วยว่า จะให้ปลูกต้นอะไร ปลูกในที่สาธารณะหรือปลูกในพื้นที่ไหน เมื่อปลูกแล้วจะตัดหนี้ให้เกษตรกรเท่าไร ดังนั้นหากจะทำก็ควรที่จะเร่งให้เกษตกร ที่เป็นสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ดำเนินการเพราะองค์กรนี้สามารถขึ้นทะเบียนได้ทันที
นายรณชิต ทุ่มโมง อดีตกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ภาคตะวันออดเฉียงเหนือ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้ากรณีที่รัฐบาลประกาศว่า ได้ช่วยเกษตรกรที่ถูกยึดที่ดินและกำลังจะถูกขายทรัพย์สินทอดตลาดไปกว่า 4,000 รายว่า แม้ขณะนี้กระทรวงเกษตรกรและสหกรณ์ ได้เร่งดำเนินการซื้อหนี้ของเกษตกร เพื่อโอนเข้าสู่กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร อยู่ตลอดเวลา แต่ตนไม่เชื่อว่าจะมีความเป็นรูปธรรม เพราะในหลายจังหวัดยังพบปัญหาว่า เกษตกรไม่ต่ำกว่า 1-2 คน ยังมีการขายสินทรัพย์ทอดตลาดอยู่ทุกสัปดาห์ ทำให้ภาพรวมทั่วประเทศ มีเกษตกรไม่ต่ำกว่า 40 รายต่อสัปดาห์ที่ถูกเจ้าหนี้ขายทรัพย์ทอดตลาด รวมทั้งขณะนี้การประสานงานระหว่างเกษตรอำเภอและเกษตรกรตำบลก็ยังไม่มีการประสานงานเท่าที่ควรในเรื่องมิตคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่16 มกราคมม 2550
“ที่รัฐมนตรีเกษตรและสหกรณ์ อ้างว่า แก้ได้ 4,000 ราย ก็เป็นเพียงรายชื่อ ที่มีสิทธิในการซื้อหนี้ แต่ว่า 4,000 ราย ณ วันนี้ก็ยังไม่มีการจ่ายเงินให้เจ้าหนี้ทั้งหมด ตัวเลขจริงจ่ายไปเพียง 1,000 รายเท่านั้น เกษตกรที่เหลือก็ยังมีปัญหาอยู่ เช่น เกษตกรภาคใต้ โดยเฉพาะชาวสวนยางพารา แม้พื้นที่ไหนจะเพาะปลูกได้ราคาดี ก็ยังถูกนำไปขายทอดตลาด ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมสหกรณ์การเกษตกร ก็ยังไปยุสหกรณ์ต่าง ๆ ว่ามติคณะรัฐมนตรีสหกรณ์เหล่านั้นสามารถทำก็ได้ หรือไม่ทำก็ได้ เพราะสหกรณ์เหล่านั้นเป็นนิติบุคคล” นายรณชิตกล่าว
นายรณชิต ยังกล่าวถึงแนวนโยบายที่รัฐบาลจะให้ปลูกต้นไม้ใช้หนี้ว่า ตนเห็นด้วยกับนโยบายนี้ เพราะถือว่าเป็นการผลักดันวิธีการใช้หนี้ แม้จะให้เกษตกร ปลูกต้นไม้หรือให้เกษตกรทำงานเพื่อใช้หนี้ใน อบต. ก็เป็นแนวทางหนึ่งที่จะต้องผลักดันออกมาให้มีหลาย ๆทางเลือก สำหรับนโยบายปลูกต้นไม้นั้น ตนเห็นว่า รัฐบาล ต้องชี้แจงด้วยว่า จะให้ปลูกต้นอะไร ปลูกในที่สาธารณะหรือปลูกในพื้นที่ไหน เมื่อปลูกแล้วจะตัดหนี้ให้เกษตรกรเท่าไร ดังนั้นหากจะทำก็ควรที่จะเร่งให้เกษตกร ที่เป็นสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ดำเนินการเพราะองค์กรนี้สามารถขึ้นทะเบียนได้ทันที