อุบลราชธานี - ตัวแทนหน่วยงานท่องเที่ยว 3 ฝ่าย ไทย-สปป.ลาว-กัมพูชาเปิดเวทีหารือแผนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวสามเหลี่ยมมรกตอีกรอบ เห็นชอบร่วมเนรมิตดึงนักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่รอยต่อ 3 ชาติพร้อมหนุนเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ขณะที่ปัญหาใหญ่การกู้ทุ่นระเบิดกลับไม่มีการพูดถึง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆนี้ ที่โรงแรมลายทอง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้จัดประชุมร่วม 3 ฝ่าย ประกอบด้วยฝ่ายไทย -ลาว และกัมพูชา เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวสามเหลี่ยมมรกตครั้งที่ 4 โดยฝ่ายไทยมี ดร.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นผู้แทน ฝ่ายลาวมีนายหวัง รัตนะวง รองประธานการท่องเที่ยวแห่งชาติ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเป็นตัวแทน และนายโกสุม สาโรท อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา เป็นตัวแทนฝ่ายกัมพูชา
การประชุมหารือกันครั้งนี้ ที่ประชุมสามฝ่ายเห็นชอบในเรื่องการเปิดจุดผ่านแดนระหว่างประเทศ การพัฒนาบุคลากรส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ การตลาดและการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว การทำตราสัญลักษณ์สามเหลี่ยมมรกต รวมทั้งโครงสร้างพื้นฐาน สิ่งอำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยว
สำหรับประเด็นที่ฝ่ายกัมพูชาและฝ่ายลาวให้ความสนใจมากที่สุด คือ การพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงและการส่งเสริมสินค้าโอทอป โดยทั้งสองประเทศต้องการใช้แนวคิดดังกล่าวพัฒนาหมู่บ้านที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงสามเหลี่ยมมรกตใช้เป็นตัวดึงดูดนักท่องเที่ยว
ดร.ศศิธารา ตัวแทนฝ่ายไทยกล่าวว่า การประชุมได้ข้อสรุปชัดเจนและเป็นรูปธรรมระดับหนึ่ง ซึ่งจะได้นำรายละเอียดผลการหารือในที่ประชุมเสนอให้รัฐบาลทราบ เพื่อจะมีการประชุมร่วมกันในระดับผู้นำของทั้ง 3 ประเทศต่อไป
อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่า การประชุมครั้งนี้ ยังไม่มีการหารือที่มาของงบประมาณที่จะนำมาใช้จ่ายดำเนินงานในแผนพัฒนาโครงการต่างๆที่สำคัญ และการพัฒนาสามเหลี่ยมมรกตที่ผ่านมา มีเพียงฝ่ายไทยเพียงประเทศเดียว ที่มีการตัดถนนจากฝั่งไทยขึ้นไปบนพื้นที่สามเหลี่ยมมรกต ที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาพนมดงรัก
โดยเป็นเส้นกั้นเขตแดนรอยต่อไทย ลาว และกัมพูชา ในสมัยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และกำกับดูแลสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพราะต้องการดันให้เกิดสนามกอล์ฟบนรอยต่อสามประเทศดังกล่าว
แต่ปัญหาของสามเหลี่ยมมรกต หรือเดิมมีชื่อเรียกกันว่า "ช่องบก" ในสมัยที่ยังมีการสู้รบระหว่างเขมร 3 ฝ่าย คือ เขมรรัฐบาลพนมเปญ เขมรแดง และเขมรสีหนุ รวมทั้งทหารเวียดนามที่เข้ามาสนับสนุนช่วยรบให้แก่เขมรรัฐบาลพนมเปญ ทำให้มีการวางทุ่น ระเบิดนานาชนิดหลายล้านลูก กินอาณาเขตนับแสนไร่ในจุดยุทธศาสตร์แห่งนี้ ทุ่น ระเบิดบนสามเหลี่ยมมรกต จึงยังเป็นปัญหาใหญ่ในการพัฒนารอยต่อ 3 ประเทศแห่งนี้ ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว จึงทำให้แผนพัฒนาพื้นที่บริเวณนี้ไม่มีความก้าวหน้า