ศูนย์ข่าวขอนแก่น-เศรษฐกิจอีสานไตรมาสแรกชะลอตัว ประชาชนขาดความเชื่อมั่น กระทบการบริโภคลด ยอดขายรถยนต์นั่ง/จักรยานยนต์ลด พื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างลดฮวบถึง 41.5% ทั้งการลงทุนชะลอตัว เหตุนักลงทุนยังรอดูสถานการณ์เศรษฐกิจการเมือง แต่ยังมั่นใจแนวโน้มการลงทุนยังอยู่ในเกณฑ์ดี ขณะที่การค้าชายแดนไทย-ลาวยังขยายตัวดี เพิ่มขึ้นถึง 18.7% แต่การค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ลดลงเล็กน้อย
ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ธปท.สภอ.) จัดแถลงข่าวภาวะเศรษฐกิจและการเงินภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไตรมาสแรกปี 2550 โดยมีนายธานินทร์ มุกดาประกร ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมด้วยผู้อำนวยการและผู้บริหารส่วนงานต่าง ร่วมแถลงข่าว ณ ห้องประชุม ธปท. สภอ. อ.เมือง จ.ขอนแก่น
นายธานินทร์ เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือไตรมาสแรกปี 2550 ชะลอตัวจากไตรมาสก่อน โดยด้านอุปทาน ผลผลิตการเกษตร ได้แก่ข้าวเปลือกและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลดลง แต่มันสำปะหลังเพิ่มขึ้น ราคาสินค้าเกษตรส่วนใหญ่สูงขึ้น ตามอัตราการเพิ่มขึ้นของความต้องการตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ ยกเว้นราคาหัวมันสำปะหลังที่ปรับตัวลดลง
ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ขยายตัว ทั้งอุตสาหกรรมน้ำตาล อุตสาหกรรมแปรรูปมันสำปะหลัง ขยายตัวตามปริมาณวัตถุดิบ และความต้องการจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า ส่วนอุตสาหกรรมเครื่องดื่มยังขยายตัวตามความต้องการตลาดทั้งในและต่างประเทศ
ด้านอุปสงค์ ชะลอตัวตามการลงทุนภาคเอกชน และการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน แต่นักลงทุนยังให้ความสนใจลงทุนในโครงการลงทุนขนาดใหญ่ โดยเฉพาะด้านพลังงานทดแทน อาทิ โครงการผลิตเอทานอล โครงการผลิตกระแสไฟฟ้า การจัดเก็บภาษีอากรเพิ่มขึ้น ขณะที่มูลค่าการค้าชายแดนไทย-ลาว ยังขยายตัวทั้งการส่งออกและนำเข้า แต่มูลค่าการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ลดลงตามการส่งออก สำหรับเงินฝากยังขยายตัวแต่สินเชื่อชะลอตัวจากไตรมาสที่แล้วเล็กน้อย อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ร้อยละ 3.2
นายธานินทร์ ให้รายละเอียดถึงการอุปโภคและบริโภคภาคเอกชนไตรมาสแรกปี 50 ว่า ได้ชะลอตัวลง เนื่องจาก ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว สถาบันการเงินค่อนข้างเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ มียอดการจดทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคล 9,549 คัน รถจักรยานยนต์ 95,459 คัน ลดลงร้อยละ 2.8 และร้อยละ 19.4 ส่วนการจดทะเบียนรถบรรทุกส่วนบุคคล 17,966 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.8 เนื่องจากเป็นรถที่ได้รับความนิยมใช้ในต่างจังหวัด ขณะที่ภาษีมูลค่าเพิ่มจัดเก็บได้ 1,895.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.9
ด้านการลงทุนภาคเอกชน ไตรมาสแรกปี 50 ชะลอตัว เนื่องจากนักลงทุนยังรอดูสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศ รวมถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง โดยทุนจดทะเบียนนิติบุคคลตั้งใหม่ 1,722.1 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 3.8 ส่วนใหญ่เป็นการลดลงของธุรกิจประเภทก่อสร้างและธุรกิจค้าส่ง-ค้าปลีก พื้นที่ขอรับอนุญาตก่อสร้าง 433,201 ตารางเมตร ลดลงถึงร้อยละ 41.5
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการลงทุนในระยะต่อไปของภาคอุตสาหกรรมยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยโครงการที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุน มีเงินลงทุนสูงถึง 6,006.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 1 เท่าตัว ส่วนใหญ่เป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ เช่น โครงการผลิตเอทานอล โครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากชีวมวล และโรงสีข้าวคุณภาพดี
ส่วนภาคการคลังช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ภาครัฐจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้น โดยจัดเก็บได้ 8,902.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.1 จากการจัดเก็บภาษีสรรพากรและภาษีสรรพสามิตเพิ่มขึ้น โดยภาษีสรรพากร 5,397.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.7 ส่วนใหญ่เป็นการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ส่วนภาษีสรรพสามิตจัดเก็บได้ 3,480.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.1 แต่อากรขาเข้าจากด่านศุลกากรในภาครวม 25.3 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 10.9
การค้าชายแดนไทย-ลาว ยังขยายตัว
ผู้อำนวยการอาวุโส ธปท.สภอ.กล่าวถึงการค้าชายแดนว่า ไตรมาสแรกปีนี้ การค้าชายแดนไทย-ลาว ยังขยายตัวดี เนื่องจากลาวมีความต้องการสินค้าจากไทยเพิ่มขึ้น เพื่อนำไปก่อสร้างเขื่อนและสาธารณูปโภคพื้นฐานหลายโครงการ มูลค่าการค้า 12,871.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 11.5 แยกเป็นการส่งออก 10,040.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.0 ส่วนใหญ่เป็นการส่งออกน้ำมันปิโตรเลียม รถยนต์นั่งใหม่ และรถยนต์เพื่อใช้งานด้านการเกษตร
ส่วนมูลค่าการนำเข้า 2,831.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.1 ด้านการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ลดลง มีมูลค่าการค้า 8,881.9 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 2.9 เป็นการลดลงของการส่งออก ที่มีมูลค่า 8,603.7 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 3.2 สินค้าที่ส่งออกลดลงได้แก่ ยานพาหนะและส่วนประกอบ วัสดุก่อสร้าง น้ำมันปิโตรเลียม และน้ำตาล แต่การนำเข้ายังเพิ่มขึ้น มีมูลค่า 278.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.2 ได้แก่วัสดุที่ใช้แล้วเช่น เหล็ก อะลูมิเนียม กระดาษ และผลิตภัณฑ์ไม้
สำหรับอัตราเงินเฟ้อไตรมาสแรกปีนี้ สูงขึ้นจากไตรมาสแรกปีก่อนร้อยละ 3.2 เนื่องจากราคาสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้นร้อยละ 7.6 โดยเฉพาะสินค้าประเภทผักและผลไม้ และข้าวสารเหนียว ส่วนหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้นร้อยละ 6.0 ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6
ภาคการจ้างงานไตรมาสแรกปีนี้ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีตำแหน่งงานว่าง 14,175 อัตรา ลดลงร้อยละ 36.8 มีผู้สมัครงาน 21,413 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.4 และมีผู้ที่ได้รับการบรรจุเข้าทำงานเพียง 5,596 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 อาชีพส่วนใหญ่อยู่ในงานพื้นฐาน เช่น ผู้ช่วยงานบ้าน และพนักงานทำความสะอาด ส่วนคนไทยภาคอีสานที่เดินทางไปทำงานต่างประเทศมีจำนวน 22,422 คน ลดลงร้อยละ 15.1
โดยภาคการเงิน ไตรมาสแรกปีนี้ เงินฝากธนาคารพาณิชย์ในภาคคะวันออกเฉียงเหนือคงค้างชะลอตัวในช่วงต้นไตรมาสและได้เพิ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ เนื่องจากมีการเร่งเบิกจ่ายเงินงบประมาณของส่วนราชการ โดยการโอนเงินผ่านธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้น ด้านสินเชื่อขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัว เนื่องจากธนาคารระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อ ส่วนใหญ่จะปล่อยสินเชื่อแก่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่มีศักยภาพ
ทั้งนี้ สินเชื่อที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงไตรมาสแรกนี้ ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากธนาคารพาณิชย์แห่งใหม่ ประเภทสินเชื่ออุปโภคบริโภค โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์