xs
xsm
sm
md
lg

ผลพวงจาก ‘ความซื่อ’

เผยแพร่:   โดย: วริษฐ์ ลิ้มทองกุล

.
“ถ้าไม่มีการต่อสู้กันให้ถึงที่สุดระหว่างความมืดกับความสว่าง พวก ‘คนซื่อ’ ก็จะต้องทำความผิดพลาดในการเอาการให้อภัย มาปะปนกับการให้ความชั่วร้ายได้มีอำนาจทำอะไรได้ตามอำเภอใจ โดยให้อภัยแก่คนเลวๆ อยู่ร่ำไป ถ้าเป็นเช่นนี้ ความยุ่งยากจะต้องมีไม่มีวันจบสิ้น” - - - หลู่ซวิ่น ปราชญ์ กวี และนักปฏิวัติผู้ผู้ยิ่งใหญ่แห่งแผ่นดินจีน

หากมีคนไทยคนใดได้อ่านบทความ Troubles from Thailand ของนายเคนเนต อเดลแมน (Kenneth Adelman) ที่ในเผยแพร่ในเว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์วอชิงตันไทม์ส วันที่ 27 เมษายน 2550 ที่ผ่านมาเชื่อแน่ว่าคงมีความรู้สึกอย่างผมบ้างไม่มากก็น้อย ความรู้สึกดังกล่าว คือ ความรู้สึกเซ็ง!

เนื้อหาของบทความ Troubles from Thailand กล่าวถึงความล้มเหลวและเหลวแหลกของเศรษฐกิจและการเมืองไทยหลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ว่า สะท้อนให้เห็นถึงความไร้ธรรมาภิบาลของประเทศไทย ประเทศเล็กๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เป็นมิตรกับสหรัฐฯ มายาวนาน โดยนโยบายต่างๆ ของคณะทหารที่ยึดอำนาจมาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร (หมายถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)) นั้นได้ผลักให้อนาคตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยตกอยู่ในอันตราย และที่สำคัญส่งผลต่ออนาคตการจ้างงานของคนอเมริกันและการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ของสหรัฐฯ ด้วย

แม้เนื้อหาส่วนใหญ่ของบทความดังกล่าวจะโจมตีถึงการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property) ที่เน้นไปในเรื่องของสิทธิบัตรยาของรัฐบาลไทยที่กลายเป็นประเด็นระดับโลกในช่วงนี้ แต่บริบทหลักของบทความชิ้นดังกล่าวคือการมุ่งเป้าโจมตีไปที่ ‘คมช.’ โดยตรงโดยระบุว่า รัฐบาลทหาร/เผด็จการของไทยในปัจจุบันนี้ขาดธรรมาภิบาลอย่างร้ายแรง จนทำเนียบขาวและสภาคองเกรสน่าจะเข้าแทรกแซง!

เคนเนต อเดลแมน เป็นใคร?

นายอเดลแมน คือ อดีตทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ ซึ่งปัจจุบันเชื่อกันว่าเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการพีอาร์ (ประชาสัมพันธ์) ที่ พ.ต.ท.ทักษิณว่าจ้างมาเพื่อสร้างความปั่นป่วนให้กับกลุ่มผู้มีอำนาจในประเทศไทยตั้งแต่ระดับเหนือสุดจนกระทั่งระดับล่างสุด โดยบทความของนายอเดลแมนน่าจะถูกเหมารวมอยู่ในค่าจ้างล็อบบี้ยิสต์ 3 บริษัทจำนวน 2 แสนเหรียญสหรัฐ ต่อเดือนตามที่มีการออกมาเปิดเผยเร็วๆ นี้

พิจารณาจากประวัติ นายอเดลแมนคลุกคลีอยู่ในแวดวงการเมืองชั้นในของสหรัฐฯ มาเป็นเวลานานไม่ว่าจะในยุคสงครามเย็น โดยเขาเป็นที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ในช่วงการเจรจากับมิคาเอล กอร์บาชอฟ อดีตผู้นำสหภาพโซเวียต จนกระทั่งยุคของจอร์จ ดับเบิลยู บุช โดยอเดลแมนถือว่าเป็นคนหนึ่งที่สนับสนุนให้รัฐบาลบุชผู้ลูกเดินหน้าบุกอิรัก ทั้งยังเป็นผู้ที่ชี้ว่ารัฐบาลของซัดดัม ฮุสเซน สะสมอาวุธอำนาจทำลายล้างสูง (WMD) ไว้จริง

พิจารณาจากชื่อเสียง ชื่อชั้น และชั้นเชิงแล้วจะเห็นได้ว่าทีมพีอาร์ของคุณทักษิณจัดอยู่ในระดับมืออาชีพ อยู่ในระดับโลกและเชื่อแน่ได้ว่าคุณทักษิณได้ใช้จ่ายทุกดอลลาร์ไปอย่างคุ้มค่า โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ความตึงเครียดทางการเมืองไทยขมวดปมเข้ามาทุกที และน่าจะ ‘รู้หมู่รู้จ่า’ กันภายในเดือนพฤษภาคมนี้

หันกลับมามองพฤติกรรมและปฏิกิริยาของรัฐบาลของ พล.อ.สุรยุทธ์ ในช่วงนี้ ...

ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 1 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ผมแทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง เมื่อได้ยินข่าวว่า ครม.อนุมัติงบประมาณจำนวน 5 หมื่นเหรียญสหรัฐ หรือราว 1.75 ล้านบาท เพื่อใช้จ้างบริษัทประชาสัมพันธ์จากสหรัฐอเมริกาตอบโต้ต่อกระบวนการของคุณทักษิณ เป็นเวลาสามเดือน

ไม่ทราบว่าเป็นเพราะความเดียงสา ความไม่รู้ หรือความซื่อของคณะรัฐมนตรีชุดนี้กันแน่ที่ตัดสินใจป่าวประกาศเรื่องดังกล่าวให้สาธารณชนได้รับทราบว่า

“เฮ้ย! ข้าจะจ้างคนมาด่าไอ้ษินคืนมั่งละน้า พวกเอ็งเตรียมล้างรูหูรอฟังไว้ดีๆ!!!”

แม้การเจียดงบประมาณเพื่อจ้างบริษัทประชาสัมพันธ์หรือล็อบบี้ยิสต์ของรัฐบาลในต่างประเทศจะเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ แต่โดยปกติแล้วผมไม่เห็นว่าจะมีใครออกมาป่าวประกาศอย่างโจ๋งครึ่มดังเช่นรัฐบาลของ พล.อ.สุรยุทธ์ รัฐบาลของประเทศที่มีเอกราช ประเทศที่มีประชากรมากกว่า 60 ล้านคน ประเทศที่มีสถานทูต มีเอกอัครราชทูต มีเจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศ ยังไม่นับรวมทูตทหาร ทูตพาณิชย์ กระจายอยู่ทั่วโลก

ผมไม่เข้าใจจริงๆ ว่า ทำไม พล.อ.สุรยุทธ์จึงไม่สั่งการให้สถานทูตไทยในต่างประเทศที่มีอยู่ทั่วโลกดำเนินการชี้แจงเหตุผลในการทำรัฐประหาร 4 ข้ออย่างจริงๆ จังๆ, ชี้แจงถึงพฤติกรรมการทุจริตและขั้นตอนการดำเนินคดีกับอดีตนายกรัฐมนตรี ครอบครัว รวมไปอดีตรัฐมนตรีที่กำลังอยู่ระหว่างขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม, ชี้แจงถึงความเลวร้ายของระบอบทักษิณ, ชี้แจงถึงพฤติกรรมเด็กเลี้ยงแกะ-ตระบัดสัตย์ของ ทักษิณ ฯลฯ โดยวิธีชี้แจงก็ไม่ต้องเปิดโต๊ะแถลงอย่างเป็นทางการก็ได้ แต่ใช้เครือข่ายความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างทูตกับทูตด้วยกัน ทูตกับนักการเมืองในประเทศนั้นๆ ทูตกับสื่อมวลชนในประเทศนั้นๆ ซึ่งแยบยลกว่ากันเยอะ

เป็นที่น่าสงสัยอย่างยิ่งว่า เพราะเหตุใดรัฐบาลถึงต้องไปจ้างบริษัทประชาสัมพันธ์ต่างประเทศ ทั้งๆ ที่ตัวเองก็มีเครือข่ายที่เป็นทางการและสมบูรณ์ที่สุดอยู่ในมือแล้ว? หรือว่า ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาหลังการรัฐประหาร ทูตไทยที่อยู่ในต่างประเทศและกระทรวงต่างประเทศไม่เคยทำอะไรเลย ไม่เคยทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องคุณทักษิณ นอกจากส่งรถยนต์หลวงไปรับที่อังกฤษ, ส่งข้าราชการไปดูแลตามประเทศต่างๆ ที่คุณทักษิณเดินทางไป?

เมื่ออ่านบทความของอเดลแมนอีกรอบ ผมก็เกิดความรู้สึกสงสารครับ ผมสงสารผู้ใหญ่ในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติหลายท่านที่มีความตั้งใจจริงในการทำรัฐประหาร โดยหวังว่าการทำรัฐประหารครั้งนี้จะเปลี่ยนแปลงประเทศให้กลับมาเดินบนเส้นทางแห่งความถูกต้อง แต่เมื่อทำสำเร็จแล้วพวกท่านกลับตัดสินใจผิดพลาดอย่างมหันต์ในการแต่งตั้งให้ พล.อ.สุรยุทธ์ เข้ามาบริหารประเทศ

อ้างอิงจากการกล่าวของของอเดลแมน คนที่อยู่ในแวดวงข่าวสารในประเทศและติดตามเรื่องราวในประเทศไทยพอสมควรก็จะทราบดีว่า ความผิดพลาดในการออกนโยบายเศรษฐกิจหลายชุดของรัฐบาลในปัจจุบันนั้น คมช. ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว, นโยบายการกันสำรองร้อยละ 30 ที่ประกาศโดยธนาคารแห่งประเทศไทย, นโยบายการแทรกแซงค่าเงินบาท หรือ นโยบายเกี่ยวกับสิทธิบัตรยาของกระทรวงสาธารณสุข สิ่งต่างๆ เหล่านี้ไม่ว่าจะถูกหรือผิด จะส่งให้ภาวะเศรษฐกิจรุ่งเรืองหรือตกต่ำ ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ พล.อ.สุรยุทธ์ ในฐานะของผู้นำรัฐบาลต้องรับชอบและรับผิดทั้งสิ้น มิใช่ คมช. ในฐานะผู้ดูแลเรื่องความมั่นคงของประเทศ

แต่ก็อย่างที่หลายคนตั้งข้อสงสัย ... ไม่มีใครรู้ว่าในทางลับ พล.อ.สุรยุทธ์ กับ พ.ต.ท.ทักษิณ มีข้อตกลงอะไรกันอยู่ เพราะเมื่อพิจารณาจากหลายๆ เรื่อง รวมไปถึงทีท่าล่าสุดของ ‘ลูกจ้างฝรั่ง’ ของพ.ต.ท.ทักษิณแล้วก็จะเห็นได้ชัดว่า เป้าหมายการโจมตีนั้นข้ามหัว พล.อ.สุรยุทธ์และรัฐบาลของท่านไปหมด แต่กลับมุ่งเป้าไปยัง คมช.

... คมช. ที่ผมเชื่อว่า ณ เวลานี้ หลายท่านก็คงยังไม่รู้ว่าจะทำประการใดดีกับ ‘นายกรัฐมนตรีคนซื่อ’ ที่ตัวเองตั้งมากับมือ
กำลังโหลดความคิดเห็น