xs
xsm
sm
md
lg

ชาวบางสะพานยึดที่ป่าพรุต้านโรงเหล็ก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชาวบางสะพาน เปิดหมู่บ้านกลางป่าพรุเพื่อเฝ้าระวังไม่ให้กลุ่มสหวิริยารุกไถปรับพื้นที่เพื่อก่อสร้างโรงถลุงเหล็ก
ผู้จัดการรายวัน - กลุ่มคัดค้านโรงถลุงเหล็กสหวิริยาสุดทน เปิดหมู่บ้านกลางป่าพรุเฝ้าระวังคนงานรุกป่าพรุพังยับ สกัดการทำลายก่อนได้รับการอนุญาตสร้างอภิมหาโปรเจกต์ กลุ่มชาวบ้านเสื้อเขียวในเขตประจวบฯ ร่วมงานคึกคัก ในขณะที่กรรมการสิทธิฯ เผย อีไอเอโรงถลุงเหล็กถูกระงับ เหตุปมปัญหาที่ดิน - พื้นที่ชุ่มน้ำ รมต.จี้ก้น สผ. - กรมอุทยานฯ ตรวจสอบเพิ่ม

วานนี้ (26 เม.ย.) เวลา 10.00 น. ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ประมาณ 400 คน ได้ร่วมทำพิธีเปิดหมู่บ้านใหม่บริเวณกลางป่าพรุแม่รำพึง ม.1 ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเป็นศูนย์ประสานงานของสมาชิกกลุ่มและชาวบ้านบางสะพานในการปักหลักคัดค้านโครงการโรงถลุงเหล็กของเครือสหวิริยา โดยได้นิมนต์พระสงฆ์จำนวน 9 รูปจากวัดในท้องถิ่นเพื่อสวดทำบุญในพิธีดังกล่าวและได้ชักธงสีเขียวที่มีแผนที่ป่าพรุแม่รำพึงอยู่ตรงกลางขึ้นสู่ยอดเสาธง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเปิดหมู่บ้านครั้งนี้ของกลุ่มอนุรักษ์ฯ มีที่มาจากการเข้ายึดพื้นที่กลางป่าพรุซึ่งอยู่บริเวณใจกลางพื้นที่ก่อสร้างโครงการโรงถลุงเหล็กเมื่อวันที่ 12 เมษายน ที่ผ่านมา และได้ก่อสร้างศาลาไม้ขนาดใหญ่เพื่อเป็นศูนย์ประสานงาน และจัดเวรยามหมุนเวียนกันในหมู่สมาชิก ภายหลังจากที่มีกลุ่มคนงานจำนวนหนึ่งนำรถแบ็กโฮและรถแทร็กเตอร์จำนวน 4 คัน เข้าดันพื้นที่ป่าพรุดังกล่าวเพื่อเป็นการเตรียมพื้นที่สำหรับการก่อสร้างโรงถลุงเหล็กเมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมา

นายวิฑูรย์ บัวโรย หนึ่งในแกนนำกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง เปิดเผยว่า การเข้ายึดพื้นที่ของชาวบ้านก็เพื่อต้องการปกป้องพื้นที่ป่าพรุแม่รำพึงไม่ให้คนงานเข้ามาทำลาย เพื่อเตรียมพื้นที่ในการก่อสร้างโรงถลุงเหล็ก ที่ถึงแม้ในขณะนี้จะยังไม่ได้รับการอนุมัติให้มีการก่อสร้าง แต่ในพื้นที่ได้มีการพยายามนำเครื่องจักรมาดันป่าพรุแล้วหลายครั้ง ฝ่ายชาวบ้านเองรู้ดีว่าเครื่องจักรเหล่านี้ทำงานกันเร็วมาก หากไม่รีบมาเฝ้า ป่าพรุที่เปรียบเหมือนแก้มลิงที่คอยซับน้ำอาจต้องถูกทำลายไป

"หากเจอคนงานกลุ่มนี้ เราก็จะเข้าไปพูดคุยดีๆ แล้วบอกพวกเขาว่าให้หยุดทำ" เขากล่าว พร้อมระบุว่า หมู่บ้านใหม่แห่งนี้จะเป็นจุดรวมใจของชาวบ้านที่ต่อสู้ด้วยกัน และจะใช้เป็นที่ประชุมวางแผนในการร่วมกันต่อสู้เพื่อปกป้องผืนป่าพรุแห่งนี้ โดยจะมีการจัดเวรยามตลอด 24 ชั่วโมงกระจายตามจุดต่างๆ รอบป่าพรุ รวมทั้งยังมีชุดลาดตระเวนอีก 1 ชุดคอยเดินตรวจ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า พิธีเปิดหมู่บ้านปักหลักต่อสู้ในครั้งนี้มีกลุ่มชาวบ้านจากกลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบ้านกรูดและกลุ่มอนุรักษ์ทับสะแกมาร่วมในพิธีด้วย โดยทั้งหมดเป็นกลุ่มชาวบ้านที่ร่วมต่อสู้คัดค้านโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ที่มีแผนจะสร้างในเขต จ.ประจวบคีรีขันธ์ เหมือนกัน

ด้านนางสุนีย์ ไชยรส กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เปิดเผยว่า การก่อสร้างโรงถลุงเหล็กของสหวิริยามีประเด็นที่ต้องตรวจสอบหลายประเด็น โดยเฉพาะในเรื่องที่ดินที่ทางโรงงานขอใช้เป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการที่พบว่ายังมีข้อสังเกตเรื่องที่มาของเอกสารสิทธิ ทั้งๆ ที่เป็นพื้นที่ป่าพรุซึ่งไม่มีร่องรอยการเข้าทำประโยชน์ใดๆ การขออนุญาตใช้ที่สาธารณะและป่าสงวนที่ยังไม่ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ

เธอกล่าวต่อว่า ทาง กสม.ได้ดำเนินการตรวจสอบในกรณีการขออนุญาตใช้ที่ดินในลักษณะต่างๆ โดยคาดว่าจะเชิญตัวแทนของกรมที่ดินเข้ามาชี้แจงอีกครั้งประมาณต้นเดือนพฤษภาคม นี้

ในขณะเดียวกันตนได้รับทราบจากนายพงศ์โพยม วาศภูติ ปลัดกระทรวงมหาดไทยว่า ขณะนี้ได้มีการเพิกถอนเอกสารสิทธิของเครือสหวิริยาไปแล้วจำนวน 7 แปลง และกำลังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบอีก 58 แปลง ซึ่งไม่แน่ชัดว่าจะเป็นแปลงที่อยู่ในพื้นที่ก่อสร้างโรงถลุงเหล็กหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ทาง กสม.ได้ทำหนังสือเร่งรัดไปที่กระทรวงมหาดไทย เพื่อให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อตรวจสอบกรรมสิทธิที่ดิน 17 แปลง ซึ่งอยู่ในพื้นที่ก่อสร้างให้เร็วที่สุด

"เพราะหากปล่อยให้ปัญหานี้ค้างนานไป อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงในพื้นที่มากกว่านี้"

นางสุนีย์ กล่าวต่อในประเด็นของรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ว่า ตนได้รับการยืนยันจากนายเกษม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมว่า แม้คณะกรรมการผู้ชำนาญการของสำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม (สผ.) จะเห็นชอบอีไอเอไปแล้ว แต่ขณะนี้ได้มีการระงับขั้นตอนการส่งอีไอเอให้กับกรมโรงงานอุตสาหกรรม เนื่องจากมีข้อท้วงติงในประเด็นกรรมสิทธิ์ที่ดิน สถานะของพื้นที่ชุ่มน้ำของป่าพรุแม่รำพึง และการไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้พื้นที่สาธารณะบางบริเวณ โดยมีการมอบหมายให้ สผ.เข้าไปศึกษาป่าพรุเพิ่มเติม ในขณะที่มอบหมายให้กรมอุทยานฯ เข้าไปตรวจสอบพื้นที่ป่าเพิ่มเติม

นอกจากนี้ นายสุนีย์ ยังได้ระบุถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งคณะทำงาน 4 ฝ่าย คือ ฝ่ายจังหวัด ฝ่ายชาวบ้าน ฝ่ายสหวิริยา และฝ่าย กสม. เพื่อแก้ปัญหาที่ดินในกรณีนี้ อันเป็นมติจากที่ประชุมร่วมกันเมื่อกลางเดือนมีนาคม ว่า ขณะนี้ทางฝ่ายสหวิริยาได้ขอถอนตัวโดยระบุว่า ตนมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยชอบจึงไม่จำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบ ส่วนด้าน กสม.นั้นได้เฟ้นหาผู้เชี่ยวชาญด้านพื้นที่ชุ่มน้ำจาก สผ. 2 คน กรมประมง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และกรมป่าไม้อีกหน่วยละ 1 คน และทำหนังสือให้กับทางจังหวัดประจวบฯ เรียบร้อยแล้ว

"คณะทำงานชุดนี้ก็คงต้องดำเนินงานต่อไป แม้จะไม่มีส่วนร่วมจากสหวิริยาแล้ว เพราะอย่างไรเสียก็เป็นมติที่เปิดโอกาสให้แต่ละฝ่าย ได้เข้ามามีส่วนร่วมอยู่แล้วก่อนหน้านี้" นางสุนีย์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น