xs
xsm
sm
md
lg

"ธรรมกาย"หนุนม็อบพระ ขู่ระดม 2 แสนกดดัน ส.ส.ร.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ขบวนธรรมยาตรามีช้าง 9 เชือกนำขบวน เดินทางถึงหน้ารัฐสภา เตรียมยื่นข้อเสนอให้บรรจุพุทธศาสนา เป็นศาสนาประจำชาติไว้ในรัฐธรรมนูญวันนี้ ยอมรับ"ธรรมกาย"ให้การสนับสนุน คุยระดมได้ถึง 2 แสน ด้านนายกฯเชื่อม็อบพระมีเบื้องหลัง ขณะที่"นรนิติ"เดินสายเคลียร์พระเถระชั้นผู้ใหญ่ ขณะที่"ประสงค์"บอกเป็นสิทธิ์ที่ทุกคนจะแสดงความคิดเห็น แต่จะบรรจุหรือไม่เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 17.15 น.วานนี้ (25 เม.ย.)ขบวนธรรมยาตราที่ประกอบด้วยพระสงฆ์ จำนวน 300 รูป และฆราวาส 400 คน ซึ่งเดินเท้ามาจากพุทธมณฑล ตั้งแต่ช่วงเช้า ได้เดินทางมาถึงบริเวณหน้ารัฐสภา เพื่อมาสมทบกับผู้ชุมนุมที่รอตั้งแต่ช่วงเช้ากว่า 1,000 คน ซึ่งขบวนดังกล่าวมีช้าง 9 เชือกนำขบวนมา และเป็นที่น่าสีงเกตุว่า ช้างเชือกที่ 2 มีนายเศวต ทินกูล ส.ส.ร.นั่งมาบนหลังช้างและถือธงธรรมจักรด้วย ในขณะที่ช้างเชือกอื่นๆ มีพระสงฆ์นั่งอยู่บนหลังช้าง ซึ่งเมื่อมาถึงบริเวณหน้ารัฐสภา กลุ่มผู้ชุมนุมที่เป็นฆราวาสได้ตั้งแถวพร้อมทั้งถือธงที่มีข้อความเรียกร้องให้บรรจุ พระพุทธศาสนาให้เป็นศาสนาประจำชาติไว้ในรัฐธรรมนูญมารอรับ ส่วนพระสงฆ์ที่อยู่ในเต็นท์ได้สวดชยันโต เพื่อต้อนรับคณะที่เดินทางมาถึง

จากนั้นจึงได้นำช้างทั้ง 9 เชือก มาประกอบพิธี โดยให้ช้างทำความเคารพ พระสงฆ์ โดยค้อมตัวลง 3 ครั้ง ก่อนที่จะหันหน้าไปยังรัฐสภาเพื่อทำความคารพพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 7 โดยให้ช้างนำงวงชูธงธรรมจักรขึ้นพร้อมๆ กันด้วย ก่อนจะให้ช้างเข้าไปพักในบริเวณลานจอดรถของสวนสัตว์ดุสิต โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยประสานกับทางสวนสัตว์ให้ จากนั้นจึงมีการปราศรัยสนับสนุน ให้มีการบรรจุพุทธศษสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งนำโดยพล.อ.ปรีชา โรจนเสน ประธานกรรมาธิการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม อีกทั้งยังได้นำธงธรรมจักรขนาดใหญ่จำนวน 3 ผืน มาชักขึ้นยอดเสาบริเวณหน้ารัฐสภาด้วย

**ธรรมกายสนับสนุนม็อบพระ

พล.อ.ธงชัย เกื้อสกุล ประธานองค์กรพุทธศาสนา ฝ่ายคฤหัสถ์ เปิดเผยว่า ในวันนี้(26 เม.ย.)เวลาประมาณ 09.00 น. ทางเครือข่ายฯจะเดินทางเข้าพบ นายนรนิติ เศรษฐบุตร ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ( ส.ส.ร.)เพื่อยื่นข้อเรียกร้องให้บัญญัติศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญ ก่อนที่จะมีการประชุม ส.ส.ร. เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรก นอกจากนี้ ยังจะมีการจัดทำเอกสารแจกให้กับ สสร. เป็นรายบุคคลด้วยเพื่อขอแรงสนับสนุนให้มาแปรญัตติ เพื่อให้บรรจุถ้อยคำดังกล่าวลงในรัฐธรรมนูญด้วย

ทั้งนี้ พล.อ.ธงชัย ยอมรับว่า องค์กรที่มาร่วมนอกจากจะมีองค์กรพุทธศาสนาแล้ว ก็ยังมีวัดในส่วนกทม. ชานเมือง วัดพระธรรมกาย และวัดในส่วนภูมิภาคมาร่วมด้วย โดยในส่วนของวัดพระธรรมกาย ได้ส่งบุคลากร รวมถึงมอบเงินสนับสนุน ในการชุมนุมครั้งนี้ พร้อมทั้งนำประชาชนที่สนับสนุนพระธรรมกายมาร่วมชุมนุมด้วย ซึ่งอาจจะมีถึง 200,000 คน

**นายกฯเชื่อม็อบพระมีเบื้องหลัง

พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการชุมนุมของพระสงฆ์ เพื่อเรียกร้องให้บัญญัติพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ในรัฐธรรมนูญว่า เรื่องนี้ต้องใช้การพูดคุยกัน เชื่อว่ายังมีช่องทาง ซึ่งในส่วนของรัฐบาลก็คงเปิดโอกาสให้ประชาชนที่ต้องการจะแปรญัตติในประเด็นต่างๆ รวบรวมมา แล้วเสนอต่อส.ส.ร.เพื่อพิจาณาต่อไป

"อยากขอให้ทุกคนอยู่ในกรอบนิติรัฐ ซึ่งมีวิธีรับความเห็นในสิ่งที่ต้องการจะให้แก้ไข และผู้มีหน้าที่แก้ไขก็ให้ไปพูดคุยในเรื่องนี้กันต่อไป"

ส่วนที่มีคนตั้งข้อสังเกตว่า การชุมนุมของพระมีเบื้องหลัง และไม่ได้เป็นเรื่องเรียกร้องรัฐธรรมนูญนั้น พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ก็ค่อยๆพูดกัน ทุกอย่างมีเบื้องหลังทั้งนั้น ไม่มีอะไรที่มีแต่เบื้องหน้าอย่างเดียว

เมื่อถามว่าแล้วกับกลุ่มที่ตั้งธงว่าจะไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ แล้วจะมีการเคลื่อนไหว พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องที่จะต้องทำความเข้าใจกัน ว่าร่างรัฐธรรมนูญที่ออกมานี้ และร่างในส่วนที่ 2 ที่จะออกมาในเดือน ก.ค.จะเป็นที่ยอมรับหรือไม่ นั่นก็เป็นเรื่องที่จะต้องทำความเข้าใจ แต่คงไม่ใช่แบบว่า สิ่งที่เราพยายามที่จะแก้ไขกันอยู่ในขณะนี้มันจะเป็นสิ่งที่ยังไม่ดี

**"นรนิติ"ยอมรับเดินสายพบพระ

นายนรนิติ เศรษฐบุตร ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.)กล่าวถึงกรณี ที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.)มีมติไม่คัดค้าน หากจะมีการบัญญัติพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญ ว่า การเสนอความคิดเห็นของประธาน คมช.และคมช.เป็นไปตามมาตรา 26 ในรัฐธรรมนูญปี 49 ก็ดีที่แสดงความคิดเห็น ซึ่งเข้าใจว่า 12 องค์กรตามรัฐธรรมนูญ และนักวิชาการในมหาวิทยาลัยต่างๆ ก็คงจะมีการแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้อย่างกว้างขวาง แต่เรื่องนี้ประธานคมช.ก็บอกแล้วว่าไม่ได้กำหนด บังคับ หรือแทรกแซงการทำงานของ กมธ.ยกร่างฯ เป็นเพียงความเห็นหนึ่งเท่านั้น

นายนรนิติ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าได้เดินสายล็อบบี้พระผู้ใหญ่ตามวัดต่างๆว่า ตนไปวัด ไปไหว้พระเป็นปกติอยู่แล้ว ไม่ใช่ไปเดินพบพระผู้ใหญ่ ส่วนจะมีการทำความเข้าใจกับพระผู้ใหญ่ เรื่องการบัญญัติศาสนาพุทธ หรือไม่นั้น ไม่ทราบ ขั้นนี้ กมธ.ยกร่างฯ จะไปทำหรือไม่ก็ไม่รู้

"ส.ส.ร.จะทำในสิ่งที่ดีต่อประเทศต่างและสังคม และเปิดรับฟังความเห็นอย่างรอบด้าน ส่วนการตัดสินใจของ ส.ส.ร.จะเป็นเช่นไรนั้น ก็เป็นหลักฐานติดอยู่ในแผ่นดินเท่านั้นเอง อะไรที่ตัดสินไป ไม่ว่าเรื่อง ส.ว. เรื่องต่างๆ เป็นหลักฐานทั้งนั้น" นายนรนิติ กล่าว

เมื่อถามว่า แสดงว่าจะไม่มีการลงไปเจรจากับพระผู้ใหญ่ใช่หรือไม่ นายนรนิติ กล่าวว่า จะไม่มีการเจรจา แต่จะรับฟัง ซึ่งกระแสข่าวที่ว่าตนไปเจรจา ก็ไม่ได้เจรจา แต่ไปกราบเรียนพระผู้ใหญ่บางรูปว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร ไปถามอะไรเท่านั้น ไม่ได้ไปเจรจา จะไปเจรจาได้อย่างไร ผู้ที่ยื่นเรื่องกับผู้ที่ผมไปพบ เป็นคนละรูปกัน แต่เนื้อหาเจรจาอย่างไรนั้น ไม่สามารถบอกได้

"ยืนยันว่าเป็นเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ละเอียดอ่อน ต้องดูกันให้รอบด้าน ศาสนาเป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องเหนือการเมือง แต่การบรรจุ หรือไม่บรรจุ จะดีกับประเทศชาติหรือไม่นั้น ก็ต้องพิจารณากันดู ไม่ใช่เฉพาะ ส.ส.ร. เท่านั้น แต่หมายรวมถึง องค์กรข้างนอกต่างๆ ที่จะแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ ซึ่งเขามีอำนาจตัดสินใจ และให้ข้อเสนอแนะ รัฐธรรมนูญไม่ใช่ของ ส.ส.ร.100 คน"นายนรนิติ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความกังวลในประเด็นใดบ้าง นายนรนิติ ตอบเพียงว่า กังวลจนเลิกกังวลแล้ว เพราะเหตุว่าประเทศไทยเป็นของคนทั้งหลาย ไม่ใช่ของคนเพียงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ฉะนั้นการตัดสินใจในเรื่องใดๆ ก็เป็นไปตามสิ่งที่เรารับฟังมา เหมือนเช่นในเรื่องพระพุทธศาสนาที่ถามว่าทำไมรัฐธรรมนูญทั้ง 16 ฉบับ จึงไม่มีการบรรจุไว้ ซึ่งที่ไม่ใส่ก็เพราะเขาก็มีเหตุผล แต่ถามว่าไม่ใส่แล้วใส่ได้ไหม ก็ตอบว่า ได้ ไม่เคยบอกว่าไม่ใส่แล้วต้องไม่ใส่ไปตลอด แต่เมื่อจะใส่ ก็ควรที่จะมองดูให้รอบด้าน สิ่งที่เป็นปัญหา คือ ระยะเวลาที่สั้น 180 วันที่มีอยู่ ฟังความคิดเห็นได้อย่างถ้วนทั่วไหม ฉะนั้น ระยะเวลาอันสั้นจะต้องแก้เรื่องสำคัญและเร่งด่วนที่สุด เรื่องใด ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนก็เก็บไว้ให้ฝ่ายการเมืองแก้หลังการเลือกตั้งก็ได้

**ประสงค์ชี้เป็นสิทธิที่จะแสดงความเห็น

น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ทุกคนทุกฝ่ายสามารถเสนอความคิดเห็นได้ เพราะยังอยู่ในช่วงการพิจารณารับฟังความเห็น ใครอยากเสนออะไรก็ทำได้ เพราะยังไม่เป็นข้อยุติ ซึ่ง ส.ส.ร.ก็จะนำมาพิจารณาประกอบว่าเหตุผลใดดี มีประโยชน์ต่อส่วนรวม และในขั้นการแปรญัตติของ ส.ส.ร.ก็มีโอกาสทำได้ในการแก้ไขเพิ่มเติม ส่วนการที่กลุ่มองค์กรพุทธศาสนาประกาศจะเดินหน้าเคลื่อนไหวจนกว่าจะประสบความสำเร็จนั้น ก็เป็นสิทธิ แต่ความเห็นต่างๆ ก็มี 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยที่จะให้บรรจุประเด็นนี้ลงในรัฐธรรมนูญ จึงหวังว่า แต่ละฝ่ายจะต้องพยายามมองส่วนรวมให้มากที่สุดว่าผลที่จะเกิดขึ้นจะดีกับประชาชน และส่วนรวมของประเทศมากน้อยแค่ไหน อย่ามองที่ผลประโยชน์เฉพาะกลุ่มเฉพาะพวก

"ขอให้เข้าใจผมหรือ กมธ.ฯ ทั้ง 35 คน พวกผมร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญนี่ พวกผมไม่ใช่เนติบริกร ผมร่างรัฐธรรมนูญเพื่อประชาชน ไม่ได้ร่างรัฐธรรมนูญเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มใดหลุ่มหนึ่ง หรือแม้กระทั่งร่างเพื่อเอาใจผู้มีอำนาจ"น.ต.ประสงค์ กล่าว และว่าไม่รูสึกกังวลต่อการที่จะมีกลุ่มชาวพุทธมาชุมนุมมากขึ้น เพราะถือว่า เป็นสิทธิที่จะมีผู้เสนอความเห็นได้ แต่ก็ต้องพึงระมัดระวัง เพราะสมณเพศกับฆราวาสนั้น การประพฤติ และการปฏิบัติต้องมีความระมัดระวัง

นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ขอให้มองกลุ่มที่มาเรียกร้องด้วยเจตนาดี ว่า เขาเป็นศาสนิกชนที่รักศาสนาที่เขานับถือเหมือนทุกคนที่ต้องการให้ศาสนาที่นับถือได้รับการยกย่อง จึงอย่าไปมองว่าม็อบหรือจัดตั้งมา การที่ คมช.มีมติออกมาว่าไม่ขัดข้องหากจะบรรจุพุทธศษสนาในรัฐธรรมนูญ ตนเห็นว่าเป็นท่าทีที่เสรีมาก และแสดงความเป็นกลาง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในแง่การสลายความรู้สึกหวาดระแวงที่มีอยู่ว่า คมช.ไม่เห็นด้วยกับข้อเรียกร้องนี้

"อยากให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ถอนความยึดมั่นถือมั่นในจุดยืนเดิม แล้วหันมาหารือกันว่าจะคลี่คลายความเห็นที่แตกต่างให้ลงตัวพอที่จะรับได้อย่างไร ซึ่งต้องให้มีกระบวนการให้ผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องได้หารือตัดสินใจในเรื่องนี้อย่างละเอียด รอบคอบ ไม่ใช่พูดกันคนละทีคนละมุม"นายจรัญ กล่าว

**อดีต ส.ว."เด็กแม้ว"ขอแปรญัตติ 5 ข้อ

ในวันเดียวกันนี้ ตัวแทนชมรมสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.)2543-2549 ประกอบด้วย นายคำนวณ ชโลปถัมป์ อดีต ส.ว.สิงห์บุรี นายไสว พราหมณี อดีต ส.ว.นครราชสีมา นายสามารถ รัตนประทีปพร อดีต ส.ว.หนองบัวลำภู นายวิบูลย์ แช่มชื่น อดีตส.ว.กาฬสินธุ์ และนายณรงค์ นุ่นทอง อดีต ส.ว.นครศรีธรรมราช เข้ายื่น 5 ข้อเสนอ เพื่อแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ต่อ นายนรินิติ เศรษฐบุตร ประธาน ส.ส.ร. และได้ยื่นข้อเสนอดังกล่าวให้นายพิเชียร อำนาจวรประเสริฐ สมาชิก ส.ส.ร.เพื่อนำไปประกอบในขั้นการยื่นแปรญัตติต่อไป

โดยนายไสวกล่าวว่า ข้อเสนอประเด็นสำคัญที่ชมรมสมาชิกวุฒิสภาฯ มีมติเสนอคือ 1. เห็นด้วยในหลักการให้ศาลนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ 2. ให้ตัดมาตรา 68 ที่ให้คณะ 11 องค์กรแก้วิกฤติบ้านเมือง ควรแก้ใหม่โดยให้นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน เป็นผู้ตัดสินให้มีการเลือกตั้งใหม่ 3. แก้ไข ส.ส.ให้มีจำนวน 499 คน มาจากเลือกตั้งแบบ 1 เขต 1 คน จำนวน 399 เขต และ ส.ส.อีก 100 คน มาจากเลือกตั้งแบบเขตประเทศ หรือเขตภาค โดยให้ปรับปรุงสัดส่วนเปอร์เซ็นต์เป็น 1 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป จะทำให้พรรคการเมืองใหม่มีตัวแทนได้ 4. ไม่เห็นด้วยที่มา ส.ว.มาจากการสรรหาหรือแต่งตั้ง เพราะขัดกับหลักการประชาธิปไตย เป็นการริบอำนาจประชาชน และกลุ่มบุคคล 7 คน ในการสรรหาไม่มีความชอบธรรม อีกทั้งการให้มีอำนาจแต่งตั้งและถอดถอนบุคคลที่แต่งตั้งตนเอง เปรียบการออกกฎหมายให้พ่อฆ่าลูก หรือลูกฆ่าพ่อ และให้มี ส.ว.200 คนให้มาจากการเลือกตั้งโดยตรงและ 5. ให้ตัดมาตรา 299 ในบทเฉพาะกาลออกทั้งหมดที่การกำหนดการนิรโทษกรรมไว้ในรัฐธรรมนูญ 2549 คราวไว้แล้ว

ด้านนายนรนิติ กล่าวภายหลังรับข้อเสนอว่า กมธ.ยกร่างฯ จะส่งมอบร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกให้ในวันที่ 26 เม.ย.ให้กับ 12 องค์กรตามรัฐธรรมนูญ และ ส.ส.ร.ด้วย ซึ่งสมาชิก ส.ส.ร.มีสิทธิยื่นขอแปรญัตติได้ โดย ส.ส.ร.1 คน จะต้องมีผู้รับรอง 10 คน จะไปแปรญัตติซ้ำอีกไม่ได้ ทั้งนี้ ข้อเสนอของชมรม ส.ว.จะเสนอไปยังกมธ.ยกร่างฯ เพื่อไปพิจารณายกร่างต่อไป

นายวิบูลย์ กล่าวว่า การที่กมธ.ยกร่าง ออกบทเฉพาะกาลตัดสิทธิ ส.ส.ร.ห้ามลงสมัครการเมือง 2 ปี เป็นการตัดสิทธิพื้นบานทางการเมืองอันชอบธรรมของประชาชน ตนจึงไม่เห็นด้วย

"ตัดสิทธิส.ส.ร.ยังไม่พอ ยังมาตัดสิทธิ ส.ว.เก่าอย่างพวกผมไม่ให้ลงสมัครทางการเมืองอีก ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เป็นการลิดรอนสิทธิประชาชน จึงอยากให้กรรมิการ และ ส.ส.ร.ยึดมาตรฐานของระบอบประชาธิปไตยโดยเมื่อเริ่มรัฐธรรมนูญใหม่ พวกเราต้องมีสิทธิตามรัฐธรรมนูญใหม่ จึงอยากให้ ส.ส.ร.ช่วยนำข้อเสนอทั้ง 5 ข้อพิจารณาในชั้นของการแปรญัตติ"นายวิบูลย์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น