แซมโซไนท์ ปรับทัพ ลุยตลาดทุกเซกเมนต์ แตกซับแบรนด์ “อเมริกัน ทวิสเตอร์” ลุยไฮเปอร์มาร์เก็ต พร้อมหาพันธมิตรเปิดร้านแฟรนไชน์ ขยายฐานลูกค้าครอบคลุมตลาดต่างจังหวัดหวังดันสัดส่วนยอดขายเติบโต 30%
นายชัยโรจน์ ศรีเดชะรินทร์กุล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แซมโซไนท์ (ประเทศไทย)จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทฯมีแผนบุกตลาดเชิงรุกโดยเป้าหมายแรกเตรียมขยายช้อปและเคาน์เตอร์รวม 8แห่ง และเปิดร้านแซมโซไนท์แบล็คเลเบิลอีก 2 แห่งภายในระยะเวลาอีก 3 ปี นับต่อจากนี้ จากปัจจุบันที่มีร้านอยู่ 4 แห่ง จุดประสงค์หลักเพื่อขยายฐานลูกค้า โดยทำเลที่มองไว้จะเป็นพื้นที่ย่านกลุ่มลูกค้าระดับบนชอบมาเดินชอปปิ้ง ล่าสุดจับพื้นที่ เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า 170 ตารางเมตร เปิดเป็นชอปใช้งบลงทุนราว 25 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทยังเตรียมขยายช่องทางการจำหน่ายในรูปแบบของธุรกิจร้านแฟรนไชน์ด้วย ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจาและหาพื้นที่ ซึ่งคาดว่าแฟรนไชน์สาขาแรกที่จะเปิดคือ ที่จังหวัดอุดรธานี ในลักษณะร่วมลงทุนกับคนในพื้นที่หรือนักธุรกิจที่สนใจจะลงทุน ซึ่งรูปแบบธุรกิจนี้จะช่วยขยายฐานลูกค้าของแซมโซไนท์ ในวงกว้างขึ้น
สำหรับโนยบายด้านผลิตภัณฑ์และการวางตำแหน่งสินค้า “แซมโซไนท์ แบล็ค เลเบิล” ได้กำหนดให้เป็นสินค้าระดับบน โดยสินค้าจะถูกออกแบบให้สอดรับกับสไตล์ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ส่วนการดำเนินธุรกิจในภาพรวมทั้งหมดของบริษัททุกแผนงานจะสอดรับกัน ทั้งดีไซน์ผลิตภัณฑ์ การขยายชอปในรูปแบบแฟรนไชน์
ปัจจุบันบริษัทฯมีผลิตภัณฑ์หลักได้แก่ แซมโซไนท์ ออริจินัล , แซมโซไนท์ แบล็ค เลเบล ,แซมมี่ อเมริกันทัวริสเตอร์ ลาคอสต์ และทิมเบอร์แลนด์ โดยทุกแบรนด์ของบริษัทจะมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น แซมโซไนท์ แบล็ค เลเบิล จับตลาดบน ในขณะที่อเมริกันทัวริสเตอร์ จะเป็นผลิตภัณฑ์ระดับกลางเพื่อการจับกลุ่มตลาดทุกระดับ
ทิศทางการทำตลาดบริษัทฯต้องการ 1.ขายสินค้าครบไลน์ 2.พัฒนาเซอร์วิส 3.ทำราคาให้แข่งขันได้ โดยแบรนด์แซมโซไนท์,แซมโซไนท์ แบล็ค เลเบล จะแพงกว่าที่ฮ่องกงเพียง 10% สำหรับแบรนด์อเมริกันทัวริสเตอร์ ถูกกว่าราคายุโรป 10%
พร้อมกันนี้ยังเตรียมขยายไลน์สินค้า โดยใช้อเมริกัน ทัวริสเตอร์ เป็นซับแบรนด์รุกเข้าส่วนของไฮเปอร์มาร์เก็ต คาดว่าจะเปิดได้ที่บิ๊กซีในช่วงไตรมาสที่4 การเจาะเข้าตลาดไฮเปอร์ครั้งนี้เชื่อว่าจะเป็นการเปลี่ยนสัดส่วนของแซมโซไนท์ ภายหลังจากที่กลุ่มสินค้า แซมโซไนท์ ได้ถูกแยกออกมาจากการร่วมมือในครั้งแรก กับกลุ่มบริษัทเซ็นทรัลมาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป (ซีเอ็มจี)ในการร่วมทำตลาด เมื่อตั้งแต่เดือนกรกฏาคม ปี 2549 การจัดวางสินค้าตอนแรกจะเป็นการเทรดสินค้าเข้ามาให้ซีเอ็มจีเป็นผู้จำหน่าย แต่ต่อจากนี้บริษัทได้เข้าขยายตลาดเอง
ปัจจุบันรายได้กว่า 70%-80% เป็นมูลค่าของกระเป๋า และอีก20% ได้มาจากเอ็กเซ็กเซอร์รี่ แต่ต่อจากนี้บริษัทฯจะแตกไลน์สินค้าออกโดยจะเน้นนวัตกรรมใหม่ เปิดตัว 3 คอลเล็คชั่นที่โดดเด่นภายใต้แบรนด์ แซมโซไนท์ อาทิ ซีโก้ กาวิตัน เซ็นสุ ในเดือนพฤภาคมนี้
ด้านการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้า บริษัทฯได้จัดเตรียมงบไว้กว่า 10 ล้านบาท สำหรับการทำตลาดต่อปี ผ่านการทำตลาดทั้งทางตรงและอ้อม ซึ่งการแตกไลน์สินค้า และเปิดชอปใหม่เชื่อว่าจะสามารถขยายตลาดและเพิ่มสัดส่วนรายได้ในปี2550 เพิ่มขึ้นจากเดิมอีกกว่า 30%
นายชัยโรจน์ ศรีเดชะรินทร์กุล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แซมโซไนท์ (ประเทศไทย)จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทฯมีแผนบุกตลาดเชิงรุกโดยเป้าหมายแรกเตรียมขยายช้อปและเคาน์เตอร์รวม 8แห่ง และเปิดร้านแซมโซไนท์แบล็คเลเบิลอีก 2 แห่งภายในระยะเวลาอีก 3 ปี นับต่อจากนี้ จากปัจจุบันที่มีร้านอยู่ 4 แห่ง จุดประสงค์หลักเพื่อขยายฐานลูกค้า โดยทำเลที่มองไว้จะเป็นพื้นที่ย่านกลุ่มลูกค้าระดับบนชอบมาเดินชอปปิ้ง ล่าสุดจับพื้นที่ เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า 170 ตารางเมตร เปิดเป็นชอปใช้งบลงทุนราว 25 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทยังเตรียมขยายช่องทางการจำหน่ายในรูปแบบของธุรกิจร้านแฟรนไชน์ด้วย ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจาและหาพื้นที่ ซึ่งคาดว่าแฟรนไชน์สาขาแรกที่จะเปิดคือ ที่จังหวัดอุดรธานี ในลักษณะร่วมลงทุนกับคนในพื้นที่หรือนักธุรกิจที่สนใจจะลงทุน ซึ่งรูปแบบธุรกิจนี้จะช่วยขยายฐานลูกค้าของแซมโซไนท์ ในวงกว้างขึ้น
สำหรับโนยบายด้านผลิตภัณฑ์และการวางตำแหน่งสินค้า “แซมโซไนท์ แบล็ค เลเบิล” ได้กำหนดให้เป็นสินค้าระดับบน โดยสินค้าจะถูกออกแบบให้สอดรับกับสไตล์ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ส่วนการดำเนินธุรกิจในภาพรวมทั้งหมดของบริษัททุกแผนงานจะสอดรับกัน ทั้งดีไซน์ผลิตภัณฑ์ การขยายชอปในรูปแบบแฟรนไชน์
ปัจจุบันบริษัทฯมีผลิตภัณฑ์หลักได้แก่ แซมโซไนท์ ออริจินัล , แซมโซไนท์ แบล็ค เลเบล ,แซมมี่ อเมริกันทัวริสเตอร์ ลาคอสต์ และทิมเบอร์แลนด์ โดยทุกแบรนด์ของบริษัทจะมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น แซมโซไนท์ แบล็ค เลเบิล จับตลาดบน ในขณะที่อเมริกันทัวริสเตอร์ จะเป็นผลิตภัณฑ์ระดับกลางเพื่อการจับกลุ่มตลาดทุกระดับ
ทิศทางการทำตลาดบริษัทฯต้องการ 1.ขายสินค้าครบไลน์ 2.พัฒนาเซอร์วิส 3.ทำราคาให้แข่งขันได้ โดยแบรนด์แซมโซไนท์,แซมโซไนท์ แบล็ค เลเบล จะแพงกว่าที่ฮ่องกงเพียง 10% สำหรับแบรนด์อเมริกันทัวริสเตอร์ ถูกกว่าราคายุโรป 10%
พร้อมกันนี้ยังเตรียมขยายไลน์สินค้า โดยใช้อเมริกัน ทัวริสเตอร์ เป็นซับแบรนด์รุกเข้าส่วนของไฮเปอร์มาร์เก็ต คาดว่าจะเปิดได้ที่บิ๊กซีในช่วงไตรมาสที่4 การเจาะเข้าตลาดไฮเปอร์ครั้งนี้เชื่อว่าจะเป็นการเปลี่ยนสัดส่วนของแซมโซไนท์ ภายหลังจากที่กลุ่มสินค้า แซมโซไนท์ ได้ถูกแยกออกมาจากการร่วมมือในครั้งแรก กับกลุ่มบริษัทเซ็นทรัลมาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป (ซีเอ็มจี)ในการร่วมทำตลาด เมื่อตั้งแต่เดือนกรกฏาคม ปี 2549 การจัดวางสินค้าตอนแรกจะเป็นการเทรดสินค้าเข้ามาให้ซีเอ็มจีเป็นผู้จำหน่าย แต่ต่อจากนี้บริษัทได้เข้าขยายตลาดเอง
ปัจจุบันรายได้กว่า 70%-80% เป็นมูลค่าของกระเป๋า และอีก20% ได้มาจากเอ็กเซ็กเซอร์รี่ แต่ต่อจากนี้บริษัทฯจะแตกไลน์สินค้าออกโดยจะเน้นนวัตกรรมใหม่ เปิดตัว 3 คอลเล็คชั่นที่โดดเด่นภายใต้แบรนด์ แซมโซไนท์ อาทิ ซีโก้ กาวิตัน เซ็นสุ ในเดือนพฤภาคมนี้
ด้านการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้า บริษัทฯได้จัดเตรียมงบไว้กว่า 10 ล้านบาท สำหรับการทำตลาดต่อปี ผ่านการทำตลาดทั้งทางตรงและอ้อม ซึ่งการแตกไลน์สินค้า และเปิดชอปใหม่เชื่อว่าจะสามารถขยายตลาดและเพิ่มสัดส่วนรายได้ในปี2550 เพิ่มขึ้นจากเดิมอีกกว่า 30%