.
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปจังหวัดอุบลราชธานี เมื่อ 23 เมษายนที่ผ่านมา เพื่อเป็นประธานในการประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี
ตัวแทนของชาวบ้านที่มาพบไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสมัชชาคนจน กลุ่มเครือข่ายชุมชน จ.อุบลราชธานีที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาที่ดินที่ทำกิน กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าที่ได้รับความเดือดร้อนจากการยกเลิกฟรีโซนที่ตลาดชายแดนช่องเม็ก กลุ่มคณะกรรมการประสานงานองค์กรฟื้นฟูในการแก้ปัญหาผลกระทบจากภัยแล้ง กลุ่มทหารผ่านศึก เป็นต้น ต่างรอคอยท่านนายกและคณะด้วยใจจดใจจ่อ
ชาวบ้านพี่น้องประชาชนคนยากคนจนคาดหวังที่จะรอพบท่านนายกฯ ท่านผู้นำประเทศ เห็นช้างเหยียบนาพระยาเหยียบเมืองโดยหวังว่าจะได้รับความเมตตาจากนายกรัฐมนตรีให้ความช่วยเหลือแก้ปัญหาแก่พี่น้องคนยากคนจน
น่าเสียดายที่ท่านได้ทิ้งโอกาสในการพบปะกับพี่น้องประชาชน ท่านไม่ไยดีกับพี่น้องที่มารอพบท่าน ท่านลงจากศาลากลางแล้วท่านก็ขึ้นรถเพื่อที่จะเดินทางไปประชุมต่อที่จังหวัดนครปฐม เพื่อเข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง “การมีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญ” ทันที
ภาพของท่านที่ตอนแรกทำเหมือนจะดี แต่สุดท้ายก็ทีเหลวอีกแล้วครับ
เสียงโห่ไล่หลัง พอที่จะสะท้อนอะไรบางอย่างได้แล้วครับ
ท่านอาจจะคิดว่าท่านได้ให้โอกาสตัวแทนชาวบ้านที่มีการนัดไว้ล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมา ท่านเปิดโอกาสให้ตัวแทนผู้เดือดร้อนได้ซักถามข้อข้องใจ
แต่นั่นยังไม่เพียงพอครับ
ท่านไป แต่ท่านไม่พบชาวบ้านที่เขารอท่านนายกฯ ตั้งแต่เช้า
ข้อแก้ต่างที่ออกมาบอกว่าท่านมีเวลาน้อยต้องเดินทางไปปฏิบัติภารกิจหลายที่นั้นฟังไม่ขึ้น
ท่านครับ ท่านไปตั้งแต่เมื่อคืนวันอาทิตย์ ถ้าวันนี้ท่านให้เจ้าหน้าที่หรือทีมงานจัดคิวให้ตอนเช้าที่ยังพอมีเวลาก่อนเข้าประชุม ถ้านึกภาพไม่ออกนึกถึงทัวร์นกขมิ้นสมัยทักษิณได้ไหมครับ
ผมไม่ได้บอกว่าทักษิณดีกว่าท่าน แต่อาจเป็นเพราะท่านมีความแตกต่างในเรื่องที่มา
ท่านไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ทำให้ท่านละเลยที่จะให้ความสำคัญกับพี่น้องประชาชนคนยากคนจน ท่านลงพื้นที่ไปถึงที่นั่นแล้ว แต่กลับไม่เอาใจใส่ ไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหา
เรื่องที่ตัวแทนชาวบ้านยื่นไปนั้น ไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นแต่เป็นสิ่งที่มีมานานแล้ว ชาวบ้านเดินทางมาขอความช่วยเหลือที่หน้าทำเนียบหลายต่อหลายครั้ง แต่กลับไม่ได้รับความเหลียวแลจากรัฐบาล
ชาวบ้านคาดหวังที่จะให้ท่านแก้ปัญหาให้มากกว่าที่จะฟังปัญหานั่นอีก ผมไม่แน่ใจว่าท่านจะต้องฟังอีกกี่รอบถึงจะเข้าใจ
ท่านจะซื้อเวลาไปอีกถึงไหน ที่นี่หมดเวลาที่จะขายให้ท่านแล้ว
ทางที่ดีท่านต้องเปลี่ยนระบบวิธีคิด นั่นจะเป็นการแก้ปัญหาได้
ถ้าเรามองในแง่ดีว่า ท่านนายกฯ ไม่รู้เรื่อง ทุกอย่างเป็นเพราะความผิดพลาดทางเทคนิค เป็นเพราะเจ้าหน้าที่จัดสคริปต์ให้ท่านไม่ดี นั่นก็เป็นเวรกรรมแล้วครับ
ที่ผมพูดอย่างนี้ได้ เพราะสมัย พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี รัฐบาลมีการจัดประชุม ครม.สัญจร ที่จังหวัดขอนแก่น มีชาวบ้านมารอพบนายกฯ อย่างนี้แหล่ะครับ มีทั้งมาชื่นชมมาขอความช่วยเหลือมากมายหลายกลุ่ม
ผมรีบไปบอกท่านพล.อ.ชาติชายว่า ตอนนี้ชาวบ้านมารอพบ ควรที่จะลงไปพบปะกับชาวบ้านก่อนที่จะเข้าไปประชุม
นายกฯ ชาติชาย ท่านตัดสินใจที่จะเดินทางไปพบกับพี่น้องคนยากคนจนทันที พร้อมที่จะรับฟังปัญหาอย่างเต็มใจ และสั่งการให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องดูแลในเรื่องที่ได้รับการร้องเรียน หรือเรื่องที่ต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือ ชาวบ้านได้รับการต้อนรับอย่างดี มีการเชิญเข้าไปคุยให้ห้องประชุมจังหวัดด้วยซ้ำไป อะไรทำได้เร็ว อะไรทำได้ช้า อะไรทำได้ก่อน อะไรต้องใช้เวลา แค่นี้ชาวบ้านคนยากคนจนเขาก็พอใจแล้วครับ
นี่แหล่ะครับคือความแตกต่าง ของนายกรัฐมนตรีที่มาจากที่มาต่างกัน
มีกระแสข่าวมาว่า การที่ท่านเดินทางลงไปที่จังหวัดอุบลราชธานีครั้ง มีวัตถุประสงค์ทางอ้อมเพื่อจะสกัดม็อบที่จะเดินทางมาชุมนุมกันที่กรุงเทพฯ ภายในอาทิตย์นี้
ผมดูอาการแล้ว ท่านนี่แหล่ะจะเป็นคนที่ขนม็อบและทำให้ม็อบลงมาที่กรุงเทพฯ เกินความคาดหมาย คมช. เองคงจะหนักใจไม่น้อย และคงจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอีกตามเคย จะตำหนิก็ไม่ได้เพราะมีเรื่องคอหอยกับลูกกระเดือกเป็นชนักติดหลังอยู่
การเมืองไทยหรือจะเข้าสู่ทางตันเสียแล้ว ขยับทำอะไรก็ไม่ได้ คนที่ทำหน้าที่ไม่มีความเข้าใจถึงแก่นแท้ของปัญหา หรือรู้ว่าวิธีการที่จะแก้ปัญหาที่ถูกต้องควรเป็นอย่างไร
กลุ่มอำนาจเก่าก็ออกมาท้าทายรัฐบาลรายวัน ผู้ที่มีอำนาจผู้ที่เกี่ยวข้องก็ไม่จัดการอะไรให้เข้าที่เข้าทาง
พอมีใครที่ออกมาเรียกร้องให้จัดการกับระบอบทักษิณก็จะติดกับดักว่า เป็นพวกที่ฟื้นฝอยหาตะเข็บ ที่แล้วก็ให้แล้วไป จะเอาอะไรอีก
เดี๋ยวนี้ คนไทยเจอหน้ากัน เปิดประเด็นคุยเรื่องการเมืองเมื่อไหร่ มักจะต้องมีคำถามตามมาว่า แล้วจะเป็นอย่างไรต่อไป ทำไมรัฐบาลถึงเป็นแบบนี้ ทำไมนายกฯ ต้องเป็นแบบนี้
ฟังแล้วหดหู่ใจไม่น้อย
ผมว่าอาจมีวิธีหนึ่งที่เราจะทำได้ตอนนี้คือ ทำใจครับ
แล้วก็นั่งรอ รอรับทักษิณกลับมา คราวนี้เขาเอาจริงแน่ ท่านดูคำขู่อาฆาตไม่ว่าจะเป็นจากตัวทักษิณหรือจากนายพายัพซึ่งเป็นน้องชายก็ดี ท่านคงได้อ่านผ่านตาทางหน้าหนังสือพิมพ์บ้างแล้ว
วันนั้น พี่น้องพันธมิตรประชาชนฯ จะทำอย่างไร จะไปอยู่ที่ไหน คิดกันหรือยัง
แต่ท่านเชื่อไหมว่า จนถึงวันนี้แล้ว พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ออกมาบอกว่า เรื่องขู่อาฆาต เขาล้อเล่น
เฮ้อ เวรกรรม ประเทศไทย ถึงเวลานั้น ตัวใครตัวมันแล้วกันครับ เพราะตอนนี้ก็เข้าสู่สภาวะที่ว่า รวมกันเราอยู่ แยกหมู่เราตาย รวมกันแล้วไม่ (ยอม) ทำอะไร แยกกันไปตายดีกว่าอยู่
ถึงเวลานี้แล้ว ท่านจะกลับตัวกลับใจก็คงไม่ทันแล้วครับ เพราะความจริงแล้วท่านและรัฐมนตรีทั้งคณะก็ไม่ผ่านโปรหรือไม่ผ่านการทดลองงานมาตั้งแต่ 3 เดือนแรกแล้วครับ
การรับคนทำงานเข้าทำงาน เมื่อไม่ผ่านการทดลองงานท่านรู้หรือเปล่าว่าจะต้องจัดการอย่างไร
ถ้าไม่รู้จะบอกให้ก็ได้
เขาให้ออกจากจากงานครับ
หรือเพื่อเป็นเกียรติท่านต้องพิจารณาตัวเอง อย่าถึงกับต้องไล่เลยครับ
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปจังหวัดอุบลราชธานี เมื่อ 23 เมษายนที่ผ่านมา เพื่อเป็นประธานในการประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี
ตัวแทนของชาวบ้านที่มาพบไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสมัชชาคนจน กลุ่มเครือข่ายชุมชน จ.อุบลราชธานีที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาที่ดินที่ทำกิน กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าที่ได้รับความเดือดร้อนจากการยกเลิกฟรีโซนที่ตลาดชายแดนช่องเม็ก กลุ่มคณะกรรมการประสานงานองค์กรฟื้นฟูในการแก้ปัญหาผลกระทบจากภัยแล้ง กลุ่มทหารผ่านศึก เป็นต้น ต่างรอคอยท่านนายกและคณะด้วยใจจดใจจ่อ
ชาวบ้านพี่น้องประชาชนคนยากคนจนคาดหวังที่จะรอพบท่านนายกฯ ท่านผู้นำประเทศ เห็นช้างเหยียบนาพระยาเหยียบเมืองโดยหวังว่าจะได้รับความเมตตาจากนายกรัฐมนตรีให้ความช่วยเหลือแก้ปัญหาแก่พี่น้องคนยากคนจน
น่าเสียดายที่ท่านได้ทิ้งโอกาสในการพบปะกับพี่น้องประชาชน ท่านไม่ไยดีกับพี่น้องที่มารอพบท่าน ท่านลงจากศาลากลางแล้วท่านก็ขึ้นรถเพื่อที่จะเดินทางไปประชุมต่อที่จังหวัดนครปฐม เพื่อเข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง “การมีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญ” ทันที
ภาพของท่านที่ตอนแรกทำเหมือนจะดี แต่สุดท้ายก็ทีเหลวอีกแล้วครับ
เสียงโห่ไล่หลัง พอที่จะสะท้อนอะไรบางอย่างได้แล้วครับ
ท่านอาจจะคิดว่าท่านได้ให้โอกาสตัวแทนชาวบ้านที่มีการนัดไว้ล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมา ท่านเปิดโอกาสให้ตัวแทนผู้เดือดร้อนได้ซักถามข้อข้องใจ
แต่นั่นยังไม่เพียงพอครับ
ท่านไป แต่ท่านไม่พบชาวบ้านที่เขารอท่านนายกฯ ตั้งแต่เช้า
ข้อแก้ต่างที่ออกมาบอกว่าท่านมีเวลาน้อยต้องเดินทางไปปฏิบัติภารกิจหลายที่นั้นฟังไม่ขึ้น
ท่านครับ ท่านไปตั้งแต่เมื่อคืนวันอาทิตย์ ถ้าวันนี้ท่านให้เจ้าหน้าที่หรือทีมงานจัดคิวให้ตอนเช้าที่ยังพอมีเวลาก่อนเข้าประชุม ถ้านึกภาพไม่ออกนึกถึงทัวร์นกขมิ้นสมัยทักษิณได้ไหมครับ
ผมไม่ได้บอกว่าทักษิณดีกว่าท่าน แต่อาจเป็นเพราะท่านมีความแตกต่างในเรื่องที่มา
ท่านไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ทำให้ท่านละเลยที่จะให้ความสำคัญกับพี่น้องประชาชนคนยากคนจน ท่านลงพื้นที่ไปถึงที่นั่นแล้ว แต่กลับไม่เอาใจใส่ ไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหา
เรื่องที่ตัวแทนชาวบ้านยื่นไปนั้น ไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นแต่เป็นสิ่งที่มีมานานแล้ว ชาวบ้านเดินทางมาขอความช่วยเหลือที่หน้าทำเนียบหลายต่อหลายครั้ง แต่กลับไม่ได้รับความเหลียวแลจากรัฐบาล
ชาวบ้านคาดหวังที่จะให้ท่านแก้ปัญหาให้มากกว่าที่จะฟังปัญหานั่นอีก ผมไม่แน่ใจว่าท่านจะต้องฟังอีกกี่รอบถึงจะเข้าใจ
ท่านจะซื้อเวลาไปอีกถึงไหน ที่นี่หมดเวลาที่จะขายให้ท่านแล้ว
ทางที่ดีท่านต้องเปลี่ยนระบบวิธีคิด นั่นจะเป็นการแก้ปัญหาได้
ถ้าเรามองในแง่ดีว่า ท่านนายกฯ ไม่รู้เรื่อง ทุกอย่างเป็นเพราะความผิดพลาดทางเทคนิค เป็นเพราะเจ้าหน้าที่จัดสคริปต์ให้ท่านไม่ดี นั่นก็เป็นเวรกรรมแล้วครับ
ที่ผมพูดอย่างนี้ได้ เพราะสมัย พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี รัฐบาลมีการจัดประชุม ครม.สัญจร ที่จังหวัดขอนแก่น มีชาวบ้านมารอพบนายกฯ อย่างนี้แหล่ะครับ มีทั้งมาชื่นชมมาขอความช่วยเหลือมากมายหลายกลุ่ม
ผมรีบไปบอกท่านพล.อ.ชาติชายว่า ตอนนี้ชาวบ้านมารอพบ ควรที่จะลงไปพบปะกับชาวบ้านก่อนที่จะเข้าไปประชุม
นายกฯ ชาติชาย ท่านตัดสินใจที่จะเดินทางไปพบกับพี่น้องคนยากคนจนทันที พร้อมที่จะรับฟังปัญหาอย่างเต็มใจ และสั่งการให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องดูแลในเรื่องที่ได้รับการร้องเรียน หรือเรื่องที่ต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือ ชาวบ้านได้รับการต้อนรับอย่างดี มีการเชิญเข้าไปคุยให้ห้องประชุมจังหวัดด้วยซ้ำไป อะไรทำได้เร็ว อะไรทำได้ช้า อะไรทำได้ก่อน อะไรต้องใช้เวลา แค่นี้ชาวบ้านคนยากคนจนเขาก็พอใจแล้วครับ
นี่แหล่ะครับคือความแตกต่าง ของนายกรัฐมนตรีที่มาจากที่มาต่างกัน
มีกระแสข่าวมาว่า การที่ท่านเดินทางลงไปที่จังหวัดอุบลราชธานีครั้ง มีวัตถุประสงค์ทางอ้อมเพื่อจะสกัดม็อบที่จะเดินทางมาชุมนุมกันที่กรุงเทพฯ ภายในอาทิตย์นี้
ผมดูอาการแล้ว ท่านนี่แหล่ะจะเป็นคนที่ขนม็อบและทำให้ม็อบลงมาที่กรุงเทพฯ เกินความคาดหมาย คมช. เองคงจะหนักใจไม่น้อย และคงจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอีกตามเคย จะตำหนิก็ไม่ได้เพราะมีเรื่องคอหอยกับลูกกระเดือกเป็นชนักติดหลังอยู่
การเมืองไทยหรือจะเข้าสู่ทางตันเสียแล้ว ขยับทำอะไรก็ไม่ได้ คนที่ทำหน้าที่ไม่มีความเข้าใจถึงแก่นแท้ของปัญหา หรือรู้ว่าวิธีการที่จะแก้ปัญหาที่ถูกต้องควรเป็นอย่างไร
กลุ่มอำนาจเก่าก็ออกมาท้าทายรัฐบาลรายวัน ผู้ที่มีอำนาจผู้ที่เกี่ยวข้องก็ไม่จัดการอะไรให้เข้าที่เข้าทาง
พอมีใครที่ออกมาเรียกร้องให้จัดการกับระบอบทักษิณก็จะติดกับดักว่า เป็นพวกที่ฟื้นฝอยหาตะเข็บ ที่แล้วก็ให้แล้วไป จะเอาอะไรอีก
เดี๋ยวนี้ คนไทยเจอหน้ากัน เปิดประเด็นคุยเรื่องการเมืองเมื่อไหร่ มักจะต้องมีคำถามตามมาว่า แล้วจะเป็นอย่างไรต่อไป ทำไมรัฐบาลถึงเป็นแบบนี้ ทำไมนายกฯ ต้องเป็นแบบนี้
ฟังแล้วหดหู่ใจไม่น้อย
ผมว่าอาจมีวิธีหนึ่งที่เราจะทำได้ตอนนี้คือ ทำใจครับ
แล้วก็นั่งรอ รอรับทักษิณกลับมา คราวนี้เขาเอาจริงแน่ ท่านดูคำขู่อาฆาตไม่ว่าจะเป็นจากตัวทักษิณหรือจากนายพายัพซึ่งเป็นน้องชายก็ดี ท่านคงได้อ่านผ่านตาทางหน้าหนังสือพิมพ์บ้างแล้ว
วันนั้น พี่น้องพันธมิตรประชาชนฯ จะทำอย่างไร จะไปอยู่ที่ไหน คิดกันหรือยัง
แต่ท่านเชื่อไหมว่า จนถึงวันนี้แล้ว พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ออกมาบอกว่า เรื่องขู่อาฆาต เขาล้อเล่น
เฮ้อ เวรกรรม ประเทศไทย ถึงเวลานั้น ตัวใครตัวมันแล้วกันครับ เพราะตอนนี้ก็เข้าสู่สภาวะที่ว่า รวมกันเราอยู่ แยกหมู่เราตาย รวมกันแล้วไม่ (ยอม) ทำอะไร แยกกันไปตายดีกว่าอยู่
ถึงเวลานี้แล้ว ท่านจะกลับตัวกลับใจก็คงไม่ทันแล้วครับ เพราะความจริงแล้วท่านและรัฐมนตรีทั้งคณะก็ไม่ผ่านโปรหรือไม่ผ่านการทดลองงานมาตั้งแต่ 3 เดือนแรกแล้วครับ
การรับคนทำงานเข้าทำงาน เมื่อไม่ผ่านการทดลองงานท่านรู้หรือเปล่าว่าจะต้องจัดการอย่างไร
ถ้าไม่รู้จะบอกให้ก็ได้
เขาให้ออกจากจากงานครับ
หรือเพื่อเป็นเกียรติท่านต้องพิจารณาตัวเอง อย่าถึงกับต้องไล่เลยครับ