"สุรยุทธ์"ปฏิเสธเรื่องลงพื้นที่อุบลฯ หวังสกัดม็อบ ระบุเป็นการไปรับฟังปัญหาเพื่อนำมาแก้ไข ขณะที่กลุ่มผู้เดือดร้อนโวยนายกฯหนีปัญหา ประชุมเสร็จรีบเผ่น ไม่ยอมพบปะรับฟังความเดือดร้อนให้ทั่วถึง ด้านพ่อค้าแม่ค้าช่องเม็ก เตรียมชุมนุมปิดด่านประท้วงหลังไม่ได้การเหลียวแล ส่วนที่นครปฐม นายกฯโปรยยาหอมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จะเปลี่ยนจากเลือกตั้ง เป็นคัดเลือก และให้อยู่ยาวถึงเกษียณ "ธีรภัทร์"ปฏิเสธ นายกฯ นัดพบแม้วที่ดูไบ
วานนี้ (23 เม.ย.)พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุมร่วมกับ ผวจ.อุบลราชธานี และรมว.เกษตรฯ รมว.มหาดไทย ผู้ตรวจราชการ ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อแก้ไขปัญหาชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาต่างๆ โดยมีกลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อนส่งตัวแทนเพื่อเข้าพบเพื่อหารือกับนายกรัฐมนตรี เช่น กลุ่มสมัชชาคนจน จากกรณีปัญหาเขื่อนปากมูล เขื่อนสิรินธร เขื่อนราษีไศล เขื่อนหัวนา เขื่อนห้วยละห้า กรณีที่ดิน สาธารณะประโยชน์ โคกหนองโพธิ์ และที่ดินสาธารณะประโยชน์โคกป่าเป้า ,กลุ่มเครือข่ายชุมชน จ.อุบลราชธานี ที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาที่ดิน ปัญหาความเดือดร้อนจากการพัฒนาของภาครัฐ และอื่นๆ รวมทั้งกลุ่มกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน 3 อำเภอ ที่เรียกร้องให้รัฐบาล เปิดเขื่อนปากมูลเนื่องจากน้ำแล้ง นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าที่ได้รับความเดือดร้อนจากการยกเลิกฟรีโซน ที่ตลาดชายแดนช่องเม็ก และกลุ่มผู้เดือดร้อนที่เดินทางมาจากจังหวัดใกล้เคียง
อย่างไรก็ตาม ในการหารือนั้น ตัวแทนกลุ่มที่ได้เข้าพบนายกรัฐมนตรี มีเพียงกลุ่มสมัชชาคนจน กลุ่มกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน 3 อำเภอ ที่เรียกร้องให้มีการปิดเขื่อนปากมูล และกลุ่มเครือข่ายผู้ได้รับความเดือดร้อน จ.อุบลราชธานี เท่นั้น โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ก่อนนายกรัฐมนตรีจะลงมาแถลงข่าว ต่อสื่อมวลชน และเดินทางต่อไปยัง จ.นครปฐม ทำให้ชาวบ้านที่มาชุมนุมส่งเสียงโห่ร้องด้วยความไม่พอใจ เนื่องจากนายกรัฐมนตรีไม่ยอมลงมาพบ และชี้แจงต่อชาวบ้าน เช่นเดียวกับกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าตลาดช่องเม็ก ก็ไม่พอใจที่ไม่ได้เข้าพบและร้องเรียนปัญหาต่อนายกฯโดยตรง โดยระบุว่า จะกดดันภาครัฐโดยการปิดด่านพรมแดนช่องเม็ก เพื่อกดดันรัฐบาลให้ยุติการใช้มาตรการยกเลิกฟรีโซน เพราะส่งผลกระทบต่อการค้าขายชายแดนอย่างหนัก ไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางผ่านเข้า-ออกชายแดนหลังใช้ มาตรการใหม่
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้แถลงหลังการประชุม เพื่อแก้ไขปัญหากับตัวแทนชาวบ้านว่า การเดินทางมาวันนี้ เพื่อรับฟังปัญหาจากชาวบ้านกลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อนกลุ่มต่างๆ และจะเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้านโดยเร็วที่สุด โดยส่วนใหญ่เป็นปัญหาเดียวกับที่ได้ยื่นหนังสือให้ตนในครั้งที่เดินทางมา จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งการแก้ไขโดยเฉพาะเรื่องปัญหาที่ดิน ได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย จัดเจ้าหน้าที่เข้ามาแก้ไขโดยการตรวจสอบสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยให้ลุล่วงโดยเร็ว ทั้งนี้ เนื่องจากกระทรวงมหาดไทยมีข้อมูล เรื่องที่ดินอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเดินทางมาประชุม เพื่อรับฟังและแก้ไขปัญหาชาวบ้านครั้งนี้ เพื่อเป็นการสกัดการเดินทางเข้าไปชุมนุมที่กรุงเทพฯ ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นความตั้งใจ ที่จะแก้ไขปัญหาให้ลุล่วง ไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่น นอกจากการช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน
ด้านนายทองเจริญ สีหาธรรม แกนนำสมัชชาคนจน กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลทุกรัฐบาลได้เปิดเจรจากับสมัชชาคนจน เพื่อแก้ไขปัญหาในลักษณะนี้มาตลอด แต่ก็ไม่ได้รับความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหา การพบและเสนอปัญหาต่อนายกรัฐมนตรี ในครั้งนี้ เพื่อเป็นสะพานที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาของสมัชชาคนจนอย่างแท้จริง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเป็นผลหรือไม่ หรือจะซ้ำรอยเหมือนกับรัฐบาลอื่นๆที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายกรัฐมนตรีเดินทางออกจากศาลากลางจังหวัด ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจ และออกมาปราศรัยโจมตีข้าราชการและทางจังหวัด หาว่ากีดกันไม่ให้เข้าพบนายกรัฐมนตรี เนื่องจากชาวบ้านหลายกลุ่มยังไม่ได้เข้าพบ ต่อมาผู้ตรวจราชการประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้รับหนังสือและข้อร้องเรียนแทนนายกรัฐมนตรี และผู้ชุมนุมได้ชุมนุม และปราศรัยโจมตีทางการประมาณ 30 นาที ก่อนจะสลายตัว แยกย้ายกันกลับ
**ต่ออายุกำนัน-ผญบ.ถึงเกษียณ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปเป็นประธานการสัมมนาเชิงปฏิบัติการการมีส่วนร่วมของผู้นำท้องถิ่น ในการร่างรัฐธรรมนูญ และการปฏิรูปการเมือง แก่ตัวแทนกำนัน ผู้ใหญ่บ้านทั่วประเทศ ณ โรงแรมเวล จ.นครปฐม โดยนายกรัฐมนตรีได้ขอความร่วมมือกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญ การสร้างความเป็นอยู่ดีมีสุข และสังคมที่มีคุณธรรม จริยธรรม รวมถึงการสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในสังคม ในฐานะที่เป็นผู้ที่มีความใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกด้วยว่า รัฐบาลกำลังพิจารณาการปรับเปลี่ยนที่มาของกำนันผู้ใหญ่บ้านจากการคัดเลือก มาเป็นระบบการคัดสรร เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทำหน้าที่เหมือนข้าราชการของรัฐ โดยจะปฏิบัติหน้าที่จนกว่าเกษียณอายุราชการ ซึ่งกระทรวงมหาดไทย กำลังดำเนินการพิจารณาอยู่ในขณะนี้ แล้วจะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป เพื่อดำเนินการแก้ไขในพระราชบัญญัติลักษณะการปกครองท้องที่ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะดำเนินการในระยะเวลาอันสั้น จะต้องมีการศึกษา และพูดคุยกันก่อน ทั้งนี้ คาดว่าโครงสร้างจะแล้วเสร็จภายในรัฐบาลชุดนี้ เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญและเร่งด่วน
นายกรัฐมนตรี ยังยอมรับด้วยว่า การยืดอายุราชการของ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในครั้งนี้ เป็นเรื่องที่ยากที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องทางการเมืองของพรรคการเมือง แต่สิ่งสำคัญ บทบาทและหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐจะต้องวางตัวเป็นกลางด้วย นอกจากนี้ ก็มีการพิจารณาเพิ่มอัตรากำลังผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ฝ่ายรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ผรส.ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเข้ามาช่วยกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในการดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่
นายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์ ว่า การจัดสัมนาเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ เพื่อขอความร่วมมือของส่วนท้องถิ่น ในการที่จะช่วยกันให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญ โดยได้มีการพูดกันถึง 3 ประเด็นหลัก คือ 1. เรื่องเกี่ยวกับการปฏิรูปการเมือง ซึ่งผู้นำชุมชนในส่วนท้องถิ่นจะเข้ามามีส่วนร่วมได้อย่างไร 2. เป็นเรื่องสอดแทรกการที่จะนำนโยบายอยู่ดี มีสุข ของรัฐบาลลงไปสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในท้องถิ่น และสร้างความยั่งยืนให้ด้วย และ 3.เป็นเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งรวมถึงแนวคิดของกระทรวงมหาดไทย ในการที่จะปรับปรุงร่างแก้ไข พระราชบัญญัติ การปกครองส่วนท้องถิ่น ปี 2457 ซึ่งกระทรวงมหาดไทย กำลังดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ส่วนนี้คงจะต้องผ่านขั้นตอนอีกพอสมควรกว่าที่จะบรรลุตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ อย่างน้อยเป็นเรื่องที่ได้พิจารณาถึงความสำคัญของกำนันผู้ใหญ่บ้านต่อกาปกครองส่วนท้องถิ่น
โอกาสนี้นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงความคืบหน้า การปรับคณะรัฐมนตรีเพียงสั้นๆว่า ยังไม่ได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ
**ปฏิเสธข่าวจะไปพบแม้วที่ดูไบ
นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวปฏิเสธเรื่องการเดินทางไปปาฐกถาพิเศษ ในการประชุมสภาเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (PBEC) ที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ระหว่างวันที่ 21-22 พ.ค.ว่า ตนคงไม่ได้เดินทางไป เท่าที่ทราบมีผู้ได้รับเชิญไปแล้ว และตนได้พูดกับรมว.พาณิชย์ ว่า รัฐมนตรีว่าการ หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการ จะเป็นผู้เดินทางไป ซึ่งถือว่าพอเพียงแล้ว และการประชุมครั้งนี้ก็ไม่ใช่การประชุมในระดับผู้นำ
ผู้สื่อข่าวาถามถึงเหตุผลที่เอกอัครราชทูตจีน ประจำประเทศไทย เชิญนายกฯไปรับประทานอาหารกลางวันที่สถานทูต ล่วงหน้าก่อนกำหนดการเดินทางไปเยือนจีน ในเดือน พ.ค.นี้ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า เป็นการพูดคุยกันก่อนที่จะเดินทางไปเยือนประเทศจีนตามคำเชิญ ส่วนสาเหตุที่เดินทางไปพบก่อน เนื่องจากเอกอัครราชทูตจีนจะเดินทางกลับไปจีนต้นเดือน พ.ค.นี้ ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดยาวของเขา ทางการจีนจะหยุดประมาณ 1 สัปดาห์
ด้านนายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกทาบทามให้เป็นที่ปรึกษาประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ว่าตนไม่มีข้อมูล และเพิ่งทราบในวันนี้ ส่วนที่จะทำหนังสือไปทำความเข้าใจไปยังประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เคยเป็นบุคคลที่ถูกทำรัฐประหารหรือไม่นั้น รัฐบาลคงจะไปทำอย่างนั้นไม่ได้ แต่เท่าที่ทราบ จะมีการจัดประชุมขึ้นที่ดูไบ เป็นการจัดประชุมเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตะวันออกกลาง
นายธีรภัทร์ ยังชี้แจงถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะขอนัดพบ พล.อ.สุรยุทธ์ ที่ดูไบว่า เรื่องนี้ไม่เป็นความจริงโดยสิ้นเชิง เมื่อถามว่าหาก พ.ต.ท.ทักษิณ ขอพบ นายกรัฐมนตรี ได้หรือไม่ นายธีรภัทร์ กล่าวว่า "ผมไม่ทราบ แต่ท่านนายกรัฐมนตรีให้ผมปฏิเสธข่าวนี้ครับ"
**แม้วโผล่ที่กาตาร์
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้พ.ต.ท.ทักษิณได้เดินทางไปยังประเทศกาตาร์ เพื่อไปพูดบนเวทีประชุม โดฮาฟอรัม ว่าด้วยประชาธิปไตย การพัฒนา และการค้าเสรี ตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรีกาตาร์ ซึ่งเวทีดังกล่าวประกอบไปด้วยผู้นำและอดีตผู้นำจากหลายประเทศ อาทิ ประธานาธิบดีฟินแลนด์ อดีตผู้นำจากหลายประเทศ รวมทั้งเลขาธิการสหประชาชาติ ก๋มาร่วมงานด้วย สำหรับเนื้อหาที่พ.ต.ท.ทักษิณพูดนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นการเน้นถึงความสำคัญของประชาธิปไตย โดยระบุว่าการพัฒนาด้านการค้าขาย เศรษฐกิจ หรือไม่ว่าด้านใดก็ตาม จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าไม่มีประชาธิปไตย และการพัฒนาที่ยั่งยืนจะต้องเกิดจากรัฐบาลที่มาจากประชาชน และประชาชนยอมรับ อย่างไรก็ตามพ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้พูดถึงเรื่องการเมืองปลีกย่อยในประเทศไทย ฉะนั้นคมช.และรัฐบาลไม่ต้องกังวลอะไร ส่วนกระแสข่าวที่ว่าพ.ต.ท.ทักษิณสนใจที่จะซื้อสโมสรฟุตบอลในประเทศอังกฤษนั้น จริงๆ แล้วยังไม่มีข้อมูลอะไรเลย เป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น แต่อย่างน้อยๆข่าวลือที่ออกมาก็สะท้อนให้เห็นว่าพ.ต.ท.ทักษิณ กำลังหาอะไรทำที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง
วานนี้ (23 เม.ย.)พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุมร่วมกับ ผวจ.อุบลราชธานี และรมว.เกษตรฯ รมว.มหาดไทย ผู้ตรวจราชการ ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อแก้ไขปัญหาชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาต่างๆ โดยมีกลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อนส่งตัวแทนเพื่อเข้าพบเพื่อหารือกับนายกรัฐมนตรี เช่น กลุ่มสมัชชาคนจน จากกรณีปัญหาเขื่อนปากมูล เขื่อนสิรินธร เขื่อนราษีไศล เขื่อนหัวนา เขื่อนห้วยละห้า กรณีที่ดิน สาธารณะประโยชน์ โคกหนองโพธิ์ และที่ดินสาธารณะประโยชน์โคกป่าเป้า ,กลุ่มเครือข่ายชุมชน จ.อุบลราชธานี ที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาที่ดิน ปัญหาความเดือดร้อนจากการพัฒนาของภาครัฐ และอื่นๆ รวมทั้งกลุ่มกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน 3 อำเภอ ที่เรียกร้องให้รัฐบาล เปิดเขื่อนปากมูลเนื่องจากน้ำแล้ง นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าที่ได้รับความเดือดร้อนจากการยกเลิกฟรีโซน ที่ตลาดชายแดนช่องเม็ก และกลุ่มผู้เดือดร้อนที่เดินทางมาจากจังหวัดใกล้เคียง
อย่างไรก็ตาม ในการหารือนั้น ตัวแทนกลุ่มที่ได้เข้าพบนายกรัฐมนตรี มีเพียงกลุ่มสมัชชาคนจน กลุ่มกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน 3 อำเภอ ที่เรียกร้องให้มีการปิดเขื่อนปากมูล และกลุ่มเครือข่ายผู้ได้รับความเดือดร้อน จ.อุบลราชธานี เท่นั้น โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ก่อนนายกรัฐมนตรีจะลงมาแถลงข่าว ต่อสื่อมวลชน และเดินทางต่อไปยัง จ.นครปฐม ทำให้ชาวบ้านที่มาชุมนุมส่งเสียงโห่ร้องด้วยความไม่พอใจ เนื่องจากนายกรัฐมนตรีไม่ยอมลงมาพบ และชี้แจงต่อชาวบ้าน เช่นเดียวกับกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าตลาดช่องเม็ก ก็ไม่พอใจที่ไม่ได้เข้าพบและร้องเรียนปัญหาต่อนายกฯโดยตรง โดยระบุว่า จะกดดันภาครัฐโดยการปิดด่านพรมแดนช่องเม็ก เพื่อกดดันรัฐบาลให้ยุติการใช้มาตรการยกเลิกฟรีโซน เพราะส่งผลกระทบต่อการค้าขายชายแดนอย่างหนัก ไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางผ่านเข้า-ออกชายแดนหลังใช้ มาตรการใหม่
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้แถลงหลังการประชุม เพื่อแก้ไขปัญหากับตัวแทนชาวบ้านว่า การเดินทางมาวันนี้ เพื่อรับฟังปัญหาจากชาวบ้านกลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อนกลุ่มต่างๆ และจะเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้านโดยเร็วที่สุด โดยส่วนใหญ่เป็นปัญหาเดียวกับที่ได้ยื่นหนังสือให้ตนในครั้งที่เดินทางมา จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งการแก้ไขโดยเฉพาะเรื่องปัญหาที่ดิน ได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย จัดเจ้าหน้าที่เข้ามาแก้ไขโดยการตรวจสอบสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยให้ลุล่วงโดยเร็ว ทั้งนี้ เนื่องจากกระทรวงมหาดไทยมีข้อมูล เรื่องที่ดินอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเดินทางมาประชุม เพื่อรับฟังและแก้ไขปัญหาชาวบ้านครั้งนี้ เพื่อเป็นการสกัดการเดินทางเข้าไปชุมนุมที่กรุงเทพฯ ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นความตั้งใจ ที่จะแก้ไขปัญหาให้ลุล่วง ไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่น นอกจากการช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน
ด้านนายทองเจริญ สีหาธรรม แกนนำสมัชชาคนจน กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลทุกรัฐบาลได้เปิดเจรจากับสมัชชาคนจน เพื่อแก้ไขปัญหาในลักษณะนี้มาตลอด แต่ก็ไม่ได้รับความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหา การพบและเสนอปัญหาต่อนายกรัฐมนตรี ในครั้งนี้ เพื่อเป็นสะพานที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาของสมัชชาคนจนอย่างแท้จริง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเป็นผลหรือไม่ หรือจะซ้ำรอยเหมือนกับรัฐบาลอื่นๆที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายกรัฐมนตรีเดินทางออกจากศาลากลางจังหวัด ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจ และออกมาปราศรัยโจมตีข้าราชการและทางจังหวัด หาว่ากีดกันไม่ให้เข้าพบนายกรัฐมนตรี เนื่องจากชาวบ้านหลายกลุ่มยังไม่ได้เข้าพบ ต่อมาผู้ตรวจราชการประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้รับหนังสือและข้อร้องเรียนแทนนายกรัฐมนตรี และผู้ชุมนุมได้ชุมนุม และปราศรัยโจมตีทางการประมาณ 30 นาที ก่อนจะสลายตัว แยกย้ายกันกลับ
**ต่ออายุกำนัน-ผญบ.ถึงเกษียณ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปเป็นประธานการสัมมนาเชิงปฏิบัติการการมีส่วนร่วมของผู้นำท้องถิ่น ในการร่างรัฐธรรมนูญ และการปฏิรูปการเมือง แก่ตัวแทนกำนัน ผู้ใหญ่บ้านทั่วประเทศ ณ โรงแรมเวล จ.นครปฐม โดยนายกรัฐมนตรีได้ขอความร่วมมือกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญ การสร้างความเป็นอยู่ดีมีสุข และสังคมที่มีคุณธรรม จริยธรรม รวมถึงการสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในสังคม ในฐานะที่เป็นผู้ที่มีความใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกด้วยว่า รัฐบาลกำลังพิจารณาการปรับเปลี่ยนที่มาของกำนันผู้ใหญ่บ้านจากการคัดเลือก มาเป็นระบบการคัดสรร เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทำหน้าที่เหมือนข้าราชการของรัฐ โดยจะปฏิบัติหน้าที่จนกว่าเกษียณอายุราชการ ซึ่งกระทรวงมหาดไทย กำลังดำเนินการพิจารณาอยู่ในขณะนี้ แล้วจะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป เพื่อดำเนินการแก้ไขในพระราชบัญญัติลักษณะการปกครองท้องที่ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะดำเนินการในระยะเวลาอันสั้น จะต้องมีการศึกษา และพูดคุยกันก่อน ทั้งนี้ คาดว่าโครงสร้างจะแล้วเสร็จภายในรัฐบาลชุดนี้ เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญและเร่งด่วน
นายกรัฐมนตรี ยังยอมรับด้วยว่า การยืดอายุราชการของ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในครั้งนี้ เป็นเรื่องที่ยากที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องทางการเมืองของพรรคการเมือง แต่สิ่งสำคัญ บทบาทและหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐจะต้องวางตัวเป็นกลางด้วย นอกจากนี้ ก็มีการพิจารณาเพิ่มอัตรากำลังผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ฝ่ายรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ผรส.ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเข้ามาช่วยกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในการดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่
นายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์ ว่า การจัดสัมนาเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ เพื่อขอความร่วมมือของส่วนท้องถิ่น ในการที่จะช่วยกันให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญ โดยได้มีการพูดกันถึง 3 ประเด็นหลัก คือ 1. เรื่องเกี่ยวกับการปฏิรูปการเมือง ซึ่งผู้นำชุมชนในส่วนท้องถิ่นจะเข้ามามีส่วนร่วมได้อย่างไร 2. เป็นเรื่องสอดแทรกการที่จะนำนโยบายอยู่ดี มีสุข ของรัฐบาลลงไปสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในท้องถิ่น และสร้างความยั่งยืนให้ด้วย และ 3.เป็นเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งรวมถึงแนวคิดของกระทรวงมหาดไทย ในการที่จะปรับปรุงร่างแก้ไข พระราชบัญญัติ การปกครองส่วนท้องถิ่น ปี 2457 ซึ่งกระทรวงมหาดไทย กำลังดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ส่วนนี้คงจะต้องผ่านขั้นตอนอีกพอสมควรกว่าที่จะบรรลุตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ อย่างน้อยเป็นเรื่องที่ได้พิจารณาถึงความสำคัญของกำนันผู้ใหญ่บ้านต่อกาปกครองส่วนท้องถิ่น
โอกาสนี้นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงความคืบหน้า การปรับคณะรัฐมนตรีเพียงสั้นๆว่า ยังไม่ได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ
**ปฏิเสธข่าวจะไปพบแม้วที่ดูไบ
นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวปฏิเสธเรื่องการเดินทางไปปาฐกถาพิเศษ ในการประชุมสภาเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (PBEC) ที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ระหว่างวันที่ 21-22 พ.ค.ว่า ตนคงไม่ได้เดินทางไป เท่าที่ทราบมีผู้ได้รับเชิญไปแล้ว และตนได้พูดกับรมว.พาณิชย์ ว่า รัฐมนตรีว่าการ หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการ จะเป็นผู้เดินทางไป ซึ่งถือว่าพอเพียงแล้ว และการประชุมครั้งนี้ก็ไม่ใช่การประชุมในระดับผู้นำ
ผู้สื่อข่าวาถามถึงเหตุผลที่เอกอัครราชทูตจีน ประจำประเทศไทย เชิญนายกฯไปรับประทานอาหารกลางวันที่สถานทูต ล่วงหน้าก่อนกำหนดการเดินทางไปเยือนจีน ในเดือน พ.ค.นี้ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า เป็นการพูดคุยกันก่อนที่จะเดินทางไปเยือนประเทศจีนตามคำเชิญ ส่วนสาเหตุที่เดินทางไปพบก่อน เนื่องจากเอกอัครราชทูตจีนจะเดินทางกลับไปจีนต้นเดือน พ.ค.นี้ ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดยาวของเขา ทางการจีนจะหยุดประมาณ 1 สัปดาห์
ด้านนายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกทาบทามให้เป็นที่ปรึกษาประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ว่าตนไม่มีข้อมูล และเพิ่งทราบในวันนี้ ส่วนที่จะทำหนังสือไปทำความเข้าใจไปยังประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เคยเป็นบุคคลที่ถูกทำรัฐประหารหรือไม่นั้น รัฐบาลคงจะไปทำอย่างนั้นไม่ได้ แต่เท่าที่ทราบ จะมีการจัดประชุมขึ้นที่ดูไบ เป็นการจัดประชุมเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตะวันออกกลาง
นายธีรภัทร์ ยังชี้แจงถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะขอนัดพบ พล.อ.สุรยุทธ์ ที่ดูไบว่า เรื่องนี้ไม่เป็นความจริงโดยสิ้นเชิง เมื่อถามว่าหาก พ.ต.ท.ทักษิณ ขอพบ นายกรัฐมนตรี ได้หรือไม่ นายธีรภัทร์ กล่าวว่า "ผมไม่ทราบ แต่ท่านนายกรัฐมนตรีให้ผมปฏิเสธข่าวนี้ครับ"
**แม้วโผล่ที่กาตาร์
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้พ.ต.ท.ทักษิณได้เดินทางไปยังประเทศกาตาร์ เพื่อไปพูดบนเวทีประชุม โดฮาฟอรัม ว่าด้วยประชาธิปไตย การพัฒนา และการค้าเสรี ตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรีกาตาร์ ซึ่งเวทีดังกล่าวประกอบไปด้วยผู้นำและอดีตผู้นำจากหลายประเทศ อาทิ ประธานาธิบดีฟินแลนด์ อดีตผู้นำจากหลายประเทศ รวมทั้งเลขาธิการสหประชาชาติ ก๋มาร่วมงานด้วย สำหรับเนื้อหาที่พ.ต.ท.ทักษิณพูดนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นการเน้นถึงความสำคัญของประชาธิปไตย โดยระบุว่าการพัฒนาด้านการค้าขาย เศรษฐกิจ หรือไม่ว่าด้านใดก็ตาม จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าไม่มีประชาธิปไตย และการพัฒนาที่ยั่งยืนจะต้องเกิดจากรัฐบาลที่มาจากประชาชน และประชาชนยอมรับ อย่างไรก็ตามพ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้พูดถึงเรื่องการเมืองปลีกย่อยในประเทศไทย ฉะนั้นคมช.และรัฐบาลไม่ต้องกังวลอะไร ส่วนกระแสข่าวที่ว่าพ.ต.ท.ทักษิณสนใจที่จะซื้อสโมสรฟุตบอลในประเทศอังกฤษนั้น จริงๆ แล้วยังไม่มีข้อมูลอะไรเลย เป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น แต่อย่างน้อยๆข่าวลือที่ออกมาก็สะท้อนให้เห็นว่าพ.ต.ท.ทักษิณ กำลังหาอะไรทำที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง