ศูนย์ข่าวหาดใหญ่
เมื่อวัตถุมงคลสายจตุคามรามเทพ วัตถุมงคลที่มีต้นกำเนิด ณ นครศรีธรรมราช อดีตศูนย์กลางแห่งอาณาจักรศรีวิชัย อันยิ่งใหญ่ ได้รับความนิยมพุ่งขึ้นสูงถึงขีดสุดอย่างไม่มีใครคาดคิด จากวัตถุมงคลที่จัดสร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการมอบให้แก่ผู้มีจิตศรัทธา ที่ร่วมกันบริจาคปัจจัยสร้างศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช เพื่อแก้ดวงเมืองให้เป็นมงคล ล้างเสนียดจัญไรที่คอยบ่อนทำลายบ้านเมือง
จากวัตถุมงคลเฉพาะกิจได้ถูกพวก 'เทวพาณิชย์' นำไปเป็นสินค้าแสวงหากำไรเข้ากระเป๋าตนเอง ด้วยการโฆษณาชวนเชื่อต่างๆ นานา ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากนำเงินไปทุ่มกับวัตถุมงคลชนิดนี้ จนมีเม็ดเงินหมุนเวียนในวงการร่วม 2 หมื่นล้านบาท
ในขณะที่วัดวาอารามต่างๆ ต้องตกเป็นเครื่องมือบังหน้า ให้กลุ่มกาฝากหากินกับความศรัทธาชาวบ้านอาศัยใช้ชื่อแอบอ้างจัดสร้างวัตถุมงคล หลอกเงินจากกระเป๋าประชาชน แล้วยังหลอกพระสงฆ์องคเจ้า ด้วยการสร้างเสนาสนะที่ไม่มีคุณภาพมอบให้ โดยที่ยังไม่มีหน่วยงานรัฐหน่วยงานใดเข้าไปจัดการตรวจสอบแก้ไขปัญหา
อย่างไรก็ตาม หากยึดเอาหลักคำสอนแห่งองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่ตั้ง ก็คงจะไม่ต้องร้อนใจต่อขบวนการหากินเหล่านี้ กลไกของเวรกรรมจะจัดการทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทาง ในขณะที่องค์จตุคามรามเทพเอง ก็คงกำลังนับถอยหลังเพื่อทวงคืนโชคลาภจากคนโลภ
ใกล้ถึงจุดอิ่มตัว-ระวังล้มเป็นโดมิโน
ขณะนี้วงการเซียนพระ เริ่มมีคำถามว่า ต่อจากนี้ไปตลาดพระเครื่องสายจตุคามรามเทพ จะเป็นอย่างไร ซึ่งหากมองในแง่เศรษฐศาสตร์ เมื่อปริมาณความต้องการจตุคามฯยังมีอยู่เป็นจำนวนมาก จึงก่อให้เกิดการจัดสร้างองค์จตุคามรามเทพเพิ่มขึ้นอีกนับร้อยรุ่น และด้วยจำนวนจตุคามฯที่ออกมาสู่ตลาดในจำนวนหลักล้านองค์ในช่วงระยะเวลาไม่นาน อาจจะทำให้เกิดการ อิ่มตัวของความต้องการเช่าจตุคามฯ เนื่องจากปริมาณวัตถุมงคลเริ่มมากเกินความต้องการ มากเกินกำลังที่คนจะเช่าบูชาเก็บไว้ได้
"สิ่งที่ผู้สร้างวัตถุมงคลรุ่นต่อๆ ไปจะต้องคิดหนักก็คือ จะสร้างความแตกต่าง ในด้านพุทธศิลป์อย่างไรให้โดนใจของผู้คน โดยที่พุทธคุณยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังผ่านช่วงเวลาของท่านขุนพันธ์ไปแล้ว จตุคามรามเทพ สายใดจะสามารถขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดแทนที่สายท่านขุนพันธ์ได้หรือไม่ ตรงนี้เป็นสิ่งท้าทายความสามารถของผู้จัดสร้าง รวมถึงท้าทายความสามารถของฝ่ายการตลาดที่ต้องประชาสัมพันธ์ จุดเด่นขององค์จตุคามฯที่ตนสร้างให้เป็นที่ต้องการของผู้ศรัทธาให้ได้"นายกาญจน์ บูรณะ อาจารย์สอนพิเศษมหาวิทยาลัยราชภัฏ นครศรีธรรมราชเจ้าของเว็บไซต์ www.bigbrotherthai.net เป็นผู้หนึ่งที่ศึกษาและสะสมวัตถุมงคลสายจตุคามรามเทพ กล่าวและว่า
ไม่ว่าอย่างไรก็ตามทุกอย่างย่อมมีวัฏจักร มีขึ้น ก็มีลง กระแสจตุคามฯฟีเวอร์ จะยั่งยืน ยาวนานไปแค่ไหน กาลเวลาเท่านั้นจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ความศรัทธาที่ก่อให้เกิดกระแสและความนิยม ในองค์จตุคามรามเทพจะมีทิศทางอย่างไรในอีก 1-2 ปีข้างหน้า ไม่แน่ว่าวัตถุมงคลสายจตุคามรามเทพ อาจช่วยให้ประเทศรอดพ้นจากวิกฤตทางการเมือง และเศรษฐกิจก็เป็นได้ หากคนไทยทุกคนศรัทธา และหมั่นทำความดีเพื่อตนและส่วนรวม
ขณะเดียวกัน เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนาหูในวงการเซียนพระภาคใต้ โดยเฉพาะความเป็นห่วงว่า เมื่อวันหนึ่งกระแสความนิยมจตุคามรามเทพถึงจุดอิ่มตัวก็จะล้มเป็นโดมิโน โดยเฉพาะกลุ่มที่สร้างรุ่นใหม่ๆ เพราะถึงแม้ขณะนี้จะมีการสร้างจตุคามฯออกมาแล้วเกือบ 300 รุ่น รวมทั้งที่กำลังรอปลุกเสกอีกร่วม 200 รุ่น แต่ในวงการนักนิยมวัตถุมงคลกลับพบว่า วัตถุมงคลสายจตุคามรามเทพที่จะได้รับความนิยมจริงๆ ในขณะนี้มีเพียงประมาณ 10-20 รุ่นเท่านั้นที่นิยมซื้อหา แลกเปลี่ยนกันในตลาด
โดยเฉพาะรุ่นที่ปลุกเสกโดยสายตรงขุนพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นลูกชายคนโตหรือลูกชายคนเล็ก ที่มีคอนเนกชันกว้างขวางและเซียนในวงการยอมรับว่ามีความเข้มขลังในวิชาอาคม ที่สืบสายวิชามาจากขุนพันธ์ผู้เป็นพ่อโดยตรง ต่อไปเมื่อถึงจุดสูงสุดย่อมเริ่มตกลงเป็นธรรมดา และจะเหลือรุ่นที่อยู่ยงคงกระพันประดับวงการจริงๆ ไม่เกิน 5 รุ่น เท่านั้น
"คนที่จะเล่นต้องวิเคราะห์ให้ดีว่า ควรจะเล่นรุ่นไหน อาทิ รุ่นสุดยอดของหายากคือรุ่นหลักเมืองปี 2530 รุ่นบูรณะเจดีย์รายปี 2535 รุ่นปฐมกษัตริย์ศรีวิชัยสุวรรณภูมิ รุ่นพระผงอุดมโชค8 อรหันต์สุวรรณภูมิ รุ่นแซยิด 108 ปีขุนพันธ์เป็นต้น วันนี้ของปลอมเกลื่อนแผงไปหมด ทั้งในหาดใหญ่ นครศรีธรรมราช แม้แต่แผงในกรุงเทพฯ มีคนปั๊มออกมาวางขายเต็มพรืดไปหมด โดยไม่ผ่านพิธีการปลุกเสก ราคามีทั้งองค์ละ 100 -300 ถ้าซื้อราคาขายส่ง 3 องค์ 100 ถ้าจะเช่ามาบูชาต้องดูแผง ที่เขามีการรับประกัน และของปลอมก็ขายดีเหมือนกัน" เซียนพระรายหนึ่งกล่าว
ในขณะที่ผู้ครอบครองจตุคามรามเทพรุ่นที่มีชื่อเสียงในขณะนี้ เริ่มได้รับคำเตือนจากผู้คร่ำหวอดในวงการนักนิยมวัตถุมงคลว่า ให้รีบปล่อยจตุคามรามเทพที่มีอยู่ในมือ หากมีใครมาเสนอราคาที่พอจะมีกำไรให้ เนื่องจากเชื่อว่าภายในระยะเวลาอันใกล้นี้ กระแสจตุคามรามเทพจะถึงจุดอิ่มตัว และจตุคามฯรุ่นที่เคยมีราคาสูง อาจจะมีราคาตกลงเมื่อกระแสความนิยมอยู่ในช่วงขาลง
ขณะที่ภาคธุรกิจเองก็มีความเป็นห่วงภาพลักษณ์ของจ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดจตุคามรามเทพว่าอาจจะได้รับผลกระทบในแง่ของความน่าเชื่อถือ เมื่อวันหนึ่งกระแสความนิยมลดลงจากกลุ่มบุคคลที่หากินกับความศรัทธาของประชาชน
"ผลเสียที่เกิดคือกลุ่มคนที่แอบอ้างเข้ามาหากิน และการทำจตุคามฯของปลอมให้ประชาชนเช่าไปบูชา จะทำให้ จ.นครศรีธรรมราช เสียชื่อเสียง เพราะคนที่ทำลักษณะนี้ไม่มีความศรัทธา มีแต่ต้องการเงิน ประมาณการกันว่าในปี 2551 กระแสความนิยมจตุคามรามเทพจะถึงจุดอิ่มตัว และอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของ จ.นครศรีธรรมราช โดยรวมได้" นายจามร เจริญอภิบาล ประธานหอการค้า จ.นครศรีธรรมราช ระบุ
แม้กระแสความนิยมในวัตถุมงคลสายจตุคามรามเทพในขณะนี้จะยังคงถือว่าอยู่ในช่วงขาขึ้น เนื่องจากประชาชนยังมีความต้องการอยู่มาก แต่จากการจัดสร้างจตุคามรามเทพ ชนิดที่มีการปลุกเสกกันไม่เว้นแต่ละวันดุจโรงงานอุตสาหกรรม ประกอบกับกลุ่มทุนที่ฉวยโอกาสเข้ามาจัดสร้าง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มทุนใน จ.นครศรีธรรมราช หรือกลุ่มทุนที่มาจากจังหวัดอื่น เริ่มถูกประชาชนในพื้นที่ตั้งคำถาม ถึงวัตถุประสงค์ของการจัดสร้างที่ล้ำเส้นแห่งความศรัทธา แต่ภาพการทำธุรกิจวัตถุมงคลกลับถูกฉายภาพให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
การสร้างจตุคามรามเทพในวันนี้ จึงไม่เหมือนในอดีต ที่มีความศรัทธาของประชาชนเป็นที่ตั้ง แต่กลับกลายเป็นสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองกิเลสของคนบางกลุ่มเท่านั้น
"กระแสความนิยมในจตุคามรามเทพ ส่งผลดีต่อ จ.นครศรีธรรมราช ทำให้คนต่างถิ่นเดินทางมาที่นี่มากขึ้น รู้จักที่นี่มากขึ้น ประชาชนผู้ประกอบการต่างๆ ก็มีรายได้จากการค้าขาย เศรษฐกิจของ จ.นครศรีธรรมราชดีขึ้นมาก แต่เมื่อไม่มีการควบคุมปล่อยให้คนบางกลุ่ม อาศัยความเชื่อความศรัทธาของชาวบ้านโกยเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง มีการจัดสร้างกันเป็นว่าเล่น มีการโฆษณาเกินจริง คนที่นี่รู้ ก็ยิ่งส่งผลเสียและขาดความน่าเชื่อถือ หากมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาดูแลและบริหารจัดการให้ดีกว่านี้ เชื่อว่ากระแสความนิยมในวัตถุมงคลสายจตุคามรามเทพ จะยืนยาวไปอีกถึง 5 ปี แต่หากยังปล่อยให้เป็นแบบนี้เชื่อว่าภายใน 1-2 ปีนี้ก็เจ๊ง" แหล่งข่าวในวงการพระเครื่อง จ.นครศรีธรรมราช ระบุ
จตุคามฯปกป้องคนที่อยู่ในศีลธรรม
แม้หลายคนจะยอมรับนับถือในองค์จตุคามรามเทพ ด้วยเชื่อว่าองค์จตุคามรามเทพจะสามารถปกป้องให้พ้นจากภัยอันตราย และดลบันดาลให้มั่งมีขึ้นได้ แต่คนเหล่านั้นจำนวนไม่น้อยกลับยึดถือและผูกติดอยู่กับอิทธิฤทธิ์และปาฏิหาริย์แห่งองค์จตุคามรามเทพเพียงอย่างเดียว โดยหลงลืมหลักการดำรงชีวิตในวิถีแห่งศาสนาพุทธ ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็จะยิ่งส่งผลเสียต่อตัวเอง เนื่องจากไปยึดมั่นถือมั่นกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์จนหลงลืมศีลธรรม ซึ่งมีแต่จะนำพาชีวิตไปสู่หนทางเสี่ยง
"คนที่นับถือจตุคามรามเทพต้องเข้าใจว่าจตุคามฯ คือเทพที่ทำหน้าที่ปกปักรักษาพระบรมธาตุ ที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า จตุคามรามเทพมีความศักดิ์สิทธิ์เพราะทำดี รักษาสิ่งดีๆ ให้ศีลให้พรและโปรดคนดี ถ้าคนไหนมีศีลธรรมก็จะได้ผลตามสมควร แต่ก่อนจะขอพรต้องรำลึกถึงพระรัตนตรัยก่อน คนที่หากินโดยทุจริตหลอกลวงแอบอ้างต่างๆ คงไม่เกิดความเจริญมีแต่หายนะ ตอนเช้าอาจยิ้มได้ แต่ตกสายอาจจะหน้าแห้ง ตกบ่ายอาจตาย คนที่หากินแบบนี้ ไม่เกิน 7 วัน ก็คงแพ้ภัยตัวเอง และมีหายนะเกิดกับตัวเองแน่นอน" พระราชธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดพระมหาธาตุ วรมหาวิหาร กล่าวและว่า
กระแสนิยมวัตถุมงคลสายจตุคามรามเทพ ในหมู่ประชาชนทั่วไป เท่าที่เห็นพอจะแยกแยะว่าได้ 1.กลุ่มที่เข้าใจที่มาที่ไปอย่างถ่องแท้ 2.กลุ่มที่ศรัทธาโดยผ่านการทำความเข้าใจมาแล้ว 3.คือกลุ่มที่ไม่รู้เรื่องเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วง เมื่อคนที่ไม่เข้าใจแล้วไปศรัทธาอย่างลืมหูลืมตาก็จะส่งผลเสีย
"หากไม่เข้าใจพื้นฐานที่มาที่ไปก็น่าเป็นห่วง คนที่บูชาต้องเข้าใจที่มาที่ไป และกลับมาเตือนตัวเองให้ทำดี คิดดี พูดดี สิ่งที่นับถือก็จะศักดิ์สิทธิ์ แต่หากทำไม่ได้ความศักดิ์สิทธิ์ก็จะไม่เกิด" พระราชธรรมสุธี กล่าว
ส่วนพระมหาไมตรี ปภารตโน เจ้าอาวาสวัดพระนคร ผู้จัดสร้างจตุคามรามเทพรุ่นเงินไหลมาที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากประชาชนจนถึงขนาดมีการเหยียบกันตาย ขณะแย่งกันรับจตุคามรามเทพรุ่นเงินไหลมา 2 ระบุว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นกับกระแสจตุคามฯฟีเวอร์ เนื่องมาจากคนบางกลุ่มมีความเชื่อแบบสะเปะสะปะ ขาดความยั้งคิดจนทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย
"ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นความศรัทธา แต่ประกอบด้วยปัญญาหรือเปล่า ถ้าประกอบด้วยปัญญาไม่มีปัญหาถ้าเชื่อแบบสะเปะสะปะปัญหาก็เกิด จะศรัทธาอะไรก็ให้มีปัญญาอย่ามุ่งหวังแต่ประโยชน์อย่างเดียว" พระมหาไมตรีกล่าว
**** ชี้ยุค 'เทพ' เบียดแทรก 'พระพุทธเจ้า'
ด้านนักประวัติศาสตร์จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้อธิบายปรากฏการณ์จตุคามฯฟีเวอร์ ว่า นับเป็นการเปลี่ยนปรากฏการณ์จากการสร้างพระพุทธรูปมาเคารพบูชาของ"เกจิอาจารย์"ชื่อดังไปสู่การสร้าง "เทพ" ให้คนเคารพแทน แสดงให้เห็นว่าขณะนี้คนในสังคมกลายเป็นคนที่ไม่มีที่พึ่งไปแล้ว และจตุคามรามเทพได้เข้ามาเติมเต็มให้แก่คนที่มักง่ายโหยหา คือขออะไรก็ได้ทั้งหมด เลยกลายเป็นคนที่เลอะเทอะกันไปหมด และอีกไม่นานพระพุทธศาสนาจะน่าเป็นห่วง ทั้งที่ท่านพุทธทาสเคยกล่าวไว้ว่า "แผ่นดินวัดพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ ทุกเม็ดทรายซึมซับความบริสุทธิ์แต่อย่าให้พระพุทธรูปมาบดบังพระพุทธเจ้า และอย่าให้จตุคามฯมาบดบังพระธาตุหรือพระพุทธเจ้า "
"เหตุที่เทพองค์นี้ทำให้คนหลงใหลคลั่งไคล้กันมากมายขนาดนี้ เพราะมีการเสริมสร้างและให้ความหมายให้จตุคามฯเป็น "เทพที่ขออะไรก็ได้" จากฝีมือของคณะผู้จัดทำ ทั้งนี้คนที่คลั่งไคล้ก็ยังมีการต่อเติมความหมายเข้าไปอีกไม่ว่าเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ นานา และยังมีการเล่าตำนานจตุคามฯผิดเพี้ยนไป มีการเสริมแต่งไปกันใหญ่ บางรุ่นยังไม่ทันปลุกเสกแค่ใบจองราคา 100 บาท คนแห่ซื้อไปจองหมดแล้ว พอของออกมาปลุกเสกเสร็จแล้วราคาสูงขึ้นเป็น 300-500 บาท สิ่งที่น่ากลัวขณะนี้จากความคลั่งจตุคามรามเทพคือคนนับถือเทพมากกว่าพระพุทธเจ้า เป็นการเคลื่อนตัวของความเชื่อจากอกุศลมูลของมนุษย์คือโลภะ โทสะ และโมหะ แม้ในอดีตพระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ว่าไม่ให้เคารพบูชาพระพุทธรูปหรือเทวรูป เป็นการเชื่อเทพมากกว่าคำสั่งสอนพระธรรมของพระพุทธเจ้า"นพ.บัญชา พงษ์พานิช นักประวัติศาสตร์เมืองนครศรีธรรมราช กล่าว
"กูให้มึงได้ กูเอาคืนได้" คำเตือนจาก 'จตุคามฯ'
นับตั้งแต่ราวปี 2528 เรื่องราวของ "ท้าวจตุคาม" และ "ท้าวรามเทพ" เริ่มปรากฏขึ้นต่อชาวนครศรีธรรมราช อันเนื่องจากการประทับทรงผ่านร่างทรง "อะผ่อง สกุลอมร" บอกกล่าวต่อ พ.ต.อ.สรรเพชญ ธรรมาธิกุล ผู้กำกับการจังหวัดนครศรีธรรมราช (ในขณะนั้น) เพื่อให้สร้างหลักเมืองด้วยไม้ตะเคียนทองที่งอกงามขึ้นในทางเหนือของเมืองนครศรีธรรมราช จวบจนการประทับทรงในครั้งที่ 3 ได้มีการบอกกล่าวผ่านร่างทรงให้วาดรูปขึ้นมา และมีการนำรูปไปให้ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช นายตำรวจจอมขมังเวท แห่งประเทศไทย ชี้ว่านี่คือองค์จตุคามฯ ที่อยู่คู่กับพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช มาแล้วนับพันปี จนนำไปสู่การสร้างหลักเมืองนครศรีธรรมราช ขึ้นในปี 2530
พร้อมทั้งสร้างพระงบน้ำอ้อย รุ่นสร้างหลักเมืองที่มีขนาด 5.5 และ 4.5 ซม. ที่มีค่างวดในขณะนั้นเพียงไม่กี่สิบบาทแต่มาบัดนี้ราคาสูงถึงหลายแสนจนถึงล้านบาท และคำว่า "ตราบใดที่น้ำทะเลยังไม่เหือดแห้ง มึงมีกูไว้ไม่จน" เป็นคำที่บอกกล่าวผ่านร่างทรง และชัดเจนที่สุดในปัจจุบันว่าเป็นไปตามนั้นจริง รวมทั้งการสร้างวาทกรรม "เทพผู้ไม่เคยปฏิเสธการขอ" ยิ่งทำให้จตุคามรามเทพ เป็นที่โหยหาของประชาชนผู้ขาดที่พึ่งพิง สบช่องนายทุนผู้กอบโกยผลประโยชน์จากความศรัทธา
แต่เชื่อว่ามีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่ได้ยินประกาศิตแห่งองค์จตุคามรามเทพ ที่ส่งผ่านมาทางร่างทรง ซึ่งนอกเหนือจากคำว่า "ตราบใดที่น้ำทะเลยังไม่เหือดแห้ง มึงมีกูไว้ไม่จน" แล้ว องค์จตุคามรามเทพยังได้เอ่ยวาจาสิทธิ์อีกประโยคหนึ่งต่อท้ายว่า "กูให้มึงได้ กูเอาคืนได้" แต่ดูเหมือนไม่มีใครใส่ใจนำมายึดถือกับคำพูดนี้ แต่เชื่อว่าเวลาแห่งการเอาคืนของจตุคามรามเทพเริ่มใกล้เข้ามาทุกขณะแล้ว โดยเฉพาะพวกที่แอบอ้างอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์แห่งองค์จตุคามฯ และอาศัยชื่อวัดหากิน ส่วนบุคคลกลุ่มใดที่อยู่ในบัญชีทวงคืนขององค์จตุคามฯบ้างนั้นต้องติตามกันต่อไป
อ่าน เปิดกรุกลุ่มหาผลประโยชน์จตุคามฯ (ตอนจบ) วันจันทร์