"หม่อมเต่า"ยันกรณีโอนหุ้น แอมเพิลริช ต้องเสียภาษี ขณะที่อนุฯคตส.เตรียมเรียกเก็บภาษี"โอ๊ค-เอม"อีกรอบ ในฐานะเจ้าของบริษัท แต่ยังไม่ประเมินตัวเลข เผย 3 อดีตอธิบดีสรรพากรเห็นตรงกันว่าต้องเสียภาษี ขีดเส้นสรรพากรจัดการใน 45 วัน ด้าน"ประสิทธิ์"เผยอาจยืดอายุ คตส.ให้หมดวาระพร้อมรัฐบาล "สัก"ไม่วิจารณ์เรื่องควรต่ออายุ คตส.หรือไม่ แต่อยากให้รัฐบาลเสนอแก้กฎหมายเพิ่มเขี้ยวเล็บให้ ป.ป.ช.จัดการพวกหนีภาษี หวั่นหลังคตส.ครบวาระ พวกขี้โกงจะลอยนวล
เมื่อเช้าวานนี้ (20เม.ย.)มีการประชุมคณะอนุกรรมการตรวจสอบการซื้อขายหุ้น บริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)กับบริษัท แอมเพิลริช อินเวสเมนต์ โดยมีนายวิโรจน์ เลาหะพันธ์ เป็นประธาน ซึ่งได้เชิญ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)มาให้ข้อมูล โดย ม.ร.ว.จัตุมงคล กล่าวภายหลังการให้ข้อมูลว่า คณะอนุกรรมการได้สอบถามเกี่ยวกับคำวินิจฉัยของกรมสรรพากร ที่ 28/2538 เรื่อง ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา การเสียภาษีในกรณีได้รับแจกหุ้น หรือได้ซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดตามข้อตกลงพิเศษ ที่ตนนำเสนอให้มีการพิจารณาออกคำวินิจฉัยดังกล่าว ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพากร ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการโอนหุ้นจากบริษัทที่เป็นนิติบุคคลไปให้บุคคลธรรมดาที่เป็นกรรมการบริษัทว่าอยู่ในข่ายที่ต้องเสียภาษี ว่า มีความเห็นในเรื่องนี้อย่างไร ซึ่งก็ได้ตอบไปว่า เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยดังกล่าว เพราะตนเป็นผู้เสนอเรื่องนี้เอง เนื่องจากในขณะนั้นดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพกร และพบว่ามีปัญหาการใช้ช่องว่างของกฎหมายเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี ด้วยการโอนหุ้นจากบริษัท ซึ่งเป็นนิติบุคคลไปให้บุคคลธรรมดากันมาก ตนจึงเสนอเรื่องนี้เข้าสู่คณะกรรมการวินิจฉัย ที่มีปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน เพื่อให้มีการตีความเรื่องให้ชัดเจนเพื่อเป็นบรรทัดฐาน ในกรณีซื้อขายหุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์ เพื่ออุดช่องโหว่ของกฎหมายที่ทำให้มีการหลีกเลี่ยงภาษี
"ผมเป็นคนเสนอเรื่องนี้ขึ้นเอง เนื่องจากหุ้น อีเอสโอพี ที่ผมพูดถึงในช่วงนั้นในตลาดบูมกันมาก จากหุ้นราคา 10 บาท เข้าไปในตลาดก็เพิ่มเป็น 300 บาท โดยมีคนเอาไปใช้ประโยชน์ เช่น เอาหุ้นมาตั้งราคาให้พนักงานในราคาเท่านั้น เท่านี้ หัวหน้าแผนกก็แบบหนึ่ง กรรมการผู้จัดการ ก็แบบหนึ่ง มันมีช่องว่างเกิดขึ้น ก็เลยเกรงกันว่าการโอนหุ้นดังกล่าวอาจจะไม่ต้องเสียภาษี จึงต้องมีการตีความให้ชัดเจนว่า ควรมีภาระภาษีที่จะต้องเสียหรือไม่ ถ้ามีควรจะเป็นอย่างไร เพราะไม่เช่นนั้นจะอึมครึม ซึ่งการตีความครั้งนั้น ได้ตีความค่อนข้างกว้างขวาง ครบถ้วน ผมจึงได้นำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการวินิจฉัย ที่มีนายอรัญ ธรรมโน อดีตปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธาน เพื่อตีความเรื่องนี้ให้ชัดเจน ว่าการโอนหุ้นลักษณะไหน จำนวนเท่าไร ที่เข้าข่ายการเสียภาษี ลักษณะไหนที่ไม่เข้าข่าย เพื่อที่จะได้นำไปใช้เป็นบรรทัดฐานในการตัดสินเรื่องนี้ในอนาคต" ม.ร.ว.จตุมงคล ระบุ
นอกจากนี้ คณะอนุกรรมการยังได้ถามในรายละเอียดเกี่ยวกับคณะกรรมการที่พิจารณาเรื่องนี้ด้วยว่า ใครเสนอความเห็นในเรื่องนี้อย่างไรบ้าง เนื่องจากไม่มีรายงานเอาไว้ พร้อมกับถามตนว่า เห็นด้วยกับเรื่องนี้หรือไม่ ซึ่งตนก็ตอบไปว่าเห็นด้วย เพราะในฐานะที่เป็นอธิบดีกรมสรรพากรขณะนั้น ก็เป็นกรรมการวินิจฉัยโดยตำแหน่ง ซึ่งชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว ที่มีการตีความให้ปฏิบัติกันได้ชัดเจน ถ้าตรงไหนชัดเจนแต่ไม่ดีกับประเทศ ก็ไปแก้กฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมคณะอนุกรรมการตรวจสอบการซื้อขายหุ้นชินคอร์ป นัดนี้เพื่อพิจารณาสรุปกรณีการซื้อขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น ระหว่าง นายพานทองแท้ และน.ส.พิณทองทา ชินวัตร กับบริษัท แอมเพิลริช เพื่อประเมินรายได้จากการซื้อขายหุ้นดังกล่าว ว่าในส่วนของบริษัท แอมเพิลริช ที่มีรายได้จากการซื้อขายหุ้นครั้งนี้ด้วย จะต้องเสียภาษีด้วยหรือไม่ และจะได้ประเมินจำนวนเงินที่ บริษัท แอมเพิลริช จะต้องเสียภาษีด้วยว่าเป็นจำนวนเท่าใด ก่อนที่จะสรุปผลทั้งหมด เพื่อเสนอต่อที่ประชุมใหญ่ คตส.ในวันจันทร์ที่ 23 เม.ย.นี้
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้คณะอนุกรรมการ ได้มีการสรุปเกี่ยวกับรายได้ของนายพานทองแท้ และน.ส.พิณทองทา จากการซื้อขายหุ้น บริษัทชินคอร์ปอเรชั่น ว่า มีกำไรที่จะต้องเสียภาษีให้กับรัฐ รวมค่าปรับเป็นวงเงินประมาณ 6,500 ล้านบาท ซึ่งทางคตส.ได้ส่งการประเมินภาษีดังกล่าวให้กับกรมสรรพากรแล้ว และขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการของกรมสรรพากร ที่จะต้องเรียกเก็บภาษีจากบุคคลทั้งสองต่อไป
**3 อดีตอธิบดีย้ำชัดต้องจ่ายภาษี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการตรวจสอบการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปฯ ในส่วนของบริษัทแอมเพิลริช โดยใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง
แหล่งข่าวระดับสูง จากคณะอนุกรรมการ ฯ เปิดเผยว่า ที่ประชุมอนุกรรมการฯ เห็นด้วยในหลักการว่า บริษัท แอมเพิลริช มีภาระต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามมาตรา 76 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร แต่ในเรื่องตัวเลขที่ทาง บริษัทแอมเพิลริช จะต้องจ่าย ยังไม่สามารถสรุปได้ เนื่องจากได้มอบหมายให้ทางเจ้าหน้าที่ไปสรุปตัวเลขทั้งหมดที่ได้รับจากหน่วยงานราชการ ซึ่งมีความหนากว่า 40 หน้า ก่อนที่จะส่งให้คณะอนุกรรมการฯ สรุปในวันจันทร์ที่ 23เม.ย.เพื่อประเมินตัวเลขอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า บริษัทแอมเพิลริช ได้รับเงินปันผล จากการถือหุ้น บริษัท ชินคอร์ปฯ ตั้งแต่ปี 47จำนวน 1,770 ล้านบาท พบว่าศูนย์รับฝากหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้หักภาษีนำส่งเข้ารัฐเบื้องต้นประมาณ 10 %
แหล่งข่าวยังกล่าวถึงการเชิญม.ร.ว.จัตุมงคล มาให้ข้อมูลต่ออนุกรรมการก็เพื่อต้องการคำยืนยันชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง ในคำวินิจฉัยภาษีอากรที่ 28/2538 ว่า การขายหุ้นต่ำกว่าราคาตลาด จะต้องเสียภาษีหรือไม่ ซึ่ง ม.ร.ว.จัตุมงคล ได้ยืนยันชัดเจนว่า ต้องเสียภาษี ซึ่งเป็นการยืนยันที่ตรงกัน กับนายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล นายวิโรจน์ เลาหะพันธุ์ ที่เป็นอดีตอธิบดีกรมสรรพากรทั้งคู่ ทำให้อนุกรรมการฯมั่นใจว่า นายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา จะต้องมีภาระภาษี จำนวน 5.6 พันล้านบาทอย่างแน่นอน ดังนั้น หากกรมสรรพากรยังเห็นเป็นอย่างอื่น ก็คิดว่าเป็นเรื่องประหลาดอย่างยิ่ง ซึ่งก่อนหน้านี้คตส.ได้ส่งสำนวนและข้อมูลไปให้กรมสรรพากร เพื่อประเมินและเรียกเก็บภาษีจากนายพานทองแท้ และน.ส.พิณทองทา ภายใน 45วัน นับตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา
**ฉลองภพส่งจนท.กล่าวโทษคดีหวย
เมื่อเวลา 16.00 น.วานนี้ เจ้าหน้าที่จากกระทรวงการคลัง ได้เดินทางมายังสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อเข้ายื่นเอกสารร้องทุกข์กล่าวโทษ บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีความผิดกรณีออกสลากเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว ตามที่อนุกรรมการ คตส.ได้ชี้มูลความผิดก่อนหน้านี้ โดยนายอุดม เฟื่องฟุ้ง ประธานอนุกรรมการไต่สวนฯ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ คตส.ว่ากระทรวงการคลังได้ร้องทุกข์กล่าวโทษบุคคลทั้งหมดตามที่ คตส.ได้ชี้มูลความผิด ครบถ้วนหมดทุกคนแล้ว หลังจากนี้ก็คงต้องดำเนินการไปตามขั้นตอนต่อไป โดยจะนำหนังสือดังกล่าวเข้าหารือในที่ประชุมใหญ่คตส.วันที่ 23 เม.ย.นี้ เพื่อให้มีมติแต่งตั้งอนุกรรมการไต่สวนอย่างเป็นทางการ
อนึ่งก่อนหน้านี้คณะอนุกรรมการสอบสวนโครงการหวยบนดิน ที่มีนายอุดม เป็นประธานได้แบ่งกลุ่มผู้กระทำความผิดในคดีดังกล่าวออกเป็นคณะกรรมการชุดต่างๆ เช่น อดีตรัฐมนตรีในรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่อนุมัติการทำหวยบนดิน อดีตกรรมการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล อดีต คณะกรรมการพัฒนายุทธศาสตร์เพื่อแก้ไขปัญหาเด็กยากจน เป็นต้น
**ยืดเวลา คตส.ไปพร้อมรัฐบาล
ด้านนายประสิทธิ์ โฆวิไลกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปรับปรุงกฎหมายว่า ที่ตนไปรับมานั้นมีหลายฉบับ สิ่งสำคัญคือ การต่ออายุการทำงานของ คตส.และต้องหารือกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เพื่อขยายอายุการทำงานของคตส.ต่อไปด้วย แต่รายละเอียดต้องพิจารณาอีกครั้ง คาดว่าความเห็นของคณะกรรมการฯ และความเห็นนายกฯ จะสอดคล้องกัน และขอให้สบายใจได้ เมื่อถามว่า นายกฯ เคยบอกว่าไม่จำเป็นต้องต่ออายุองค์กรอิสระ นายประสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่ได้ยินเรื่องนี้จากนายกฯ แต่ข้อเสนอคือ ควรต่ออายุ คตส.ให้เท่ากับอายุของรัฐบาลชุดนี้ จนกว่าจะมีครม.ชุดใหม่ ซึ่งมันก็มีเหตุผลเพื่อให้งานที่ คตส.ควรดำเนินการต่อไป แต่รายละเอียดต้องดูอีกครั้ง เพราะต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสียก่อน อย่างไรก็ตาม ก็เตรียมเสนอเรื่องนี้ให้ สนช.พิจารณาภายใน 30 วัน
เมื่อถามว่า คมช.แต่งตั้ง คตส.และครม.อาจต่ออายุ คตส.เป็นไปได้หรือไม่ที่ควรต่ออายุ คมช.นายประสิทธิ์ กล่าวว่า ประกาศคปค.ที่แต่งตั้ง คตส.ว่าจะมีอายุทำงาน 1 ปีนั้น หากไม่มีการอายุคตส.ก็จะสิ้นสุดอายุการทำงาน หากต่ออายุก็จะขยายเวลาได้อีกหน่อย ส่วนกรอบการร่างการต่ออายุฯคือเสนอให้คตส.มีอายุเท่ากับการทำงานของรัฐบาลชุดนี้และเมื่อมีรัฐบาลใหม่ คตส.ก็ต้องยุติการทำงาน และไม่ต่ออายุคตส.ออกไป 3-5 ปี เพราะรัฐบาลชุดใหม่อาจไม่สบายใจ
เมื่อถามว่าหน่วยงานใดจะเป็นหน่วยหลักในกรณีนี้ นายประสิทธิ์กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรมจะเป็นเจ้าของเรื่องนี้ แต่การรับฟังความเห็นต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และรัฐบาลควรจะมีโอกาสแสดงความเห็นด้วย เมื่อถามว่าคตส.จะทำงานเสร็จสิ้นภายในรับบาลชุดนี้หรือไม่ นายประสิทธิ์กล่าวว่า รายละเอียดเรื่องนี้ต้องหารือกันก่อนแต่สิ่งที่คณะกรรมการฯเสนอไปคือ ขอให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องดูแลและคงไม่ต้องรอจนถึงวันที่สิ้นสุดอายุการทำงานของคตส. ทั้งนี้ การขยายอายุการทำงานของ คตส.จะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุหรือไม่ นายประสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ต้นเหตุ และปลายเหตุ
**แนะเพิ่มดาบ ป.ป.ช.ฟันพวกเลี่ยงภาษี
นายสัก กอแสงเรือง โฆษก คตส.กล่าวถึงกรณีการต่ออายุ คตส.ว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาลโดยตรง ซึ่งคตส.คงไม่มีอำนาจหน้าที่แสดงความเห็นอะไร แต่ที่ไปร่วมรับประทานอาหารกับนายกฯ เป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลว่า การทำงานมีปัญหาอุปสรรคอย่างไร ส่วนการต่ออายุจะมีประโยชน์มากน้อยแค่ไหน เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องพิจารณา
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ คตส.ก็มีความพร้อม ไม่ว่าจะมีการต่ออายุออกไปหรือไม่ โดยถ้าไม่มีการต่ออายุ คตส.ก็จะพยายามปฏิบัติภารกิจที่มีอยู่ให้เสร็จเร็วที่สุด แต่ถ้ามีส่วนไหนไม่แล้วเสร็จ ด้วยเหตุสุดวิสัยจริงๆ ก็สามารถโอนให้ ป.ป.ช.ดำเนินการต่อจาก คตส.ได้ แต่มีบางส่วนที่ไม่สามารถไปสู่ ป.ป.ช.ได้ ถ้าไม่แก้กฎหมาย ป.ป.ช.ในเรื่องอำนาจหน้าที่ เช่น อำนาจในการตรวจสอบการหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายรัษฎากร เพราะ ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจจึงดำเนินการไม่ได้ นอกจากนี้ ป.ป.ช.ก็มียังมีอำนาจดำเนินการเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐเท่านั้น จึงถือเป็นข้อจำกัดในการทำงานตรวจสอบของ ป.ป.ช. ส่วนนี้เป็นข้อที่รัฐบาลหรือสนช.ต้องพิจารณาโดยคำนึงถึงปัญหาอุปสรรคเหล่านี้ด้วย
"ผมสะท้อนให้เห็นว่า ในส่วนข้อจำกัดของผู้ที่จะรับงานค้างจาก คตส.คงจะต้องมีการแก้ไขกฎหมายปรับปรุงให้สามารถโอนงานไปทำได้อย่างต่อเนื่อง"นายสัก กล่าว
ส่วนกรณีการร่างระเบียบค่าใช้จ่ายในการฟ้องคดีหลัง คตส.ปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตนั้น นายสัก กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ นายแก้วสรร อติโพธิ เลขา คตส. ไปพิจารณาเพื่อยกร่างระเบียบดังกล่าว ซึ่งน่าจะนำเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมใหญ่ของคตส.ได้ในวันที่ 23 เม.ย.นี้
เมื่อเช้าวานนี้ (20เม.ย.)มีการประชุมคณะอนุกรรมการตรวจสอบการซื้อขายหุ้น บริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)กับบริษัท แอมเพิลริช อินเวสเมนต์ โดยมีนายวิโรจน์ เลาหะพันธ์ เป็นประธาน ซึ่งได้เชิญ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)มาให้ข้อมูล โดย ม.ร.ว.จัตุมงคล กล่าวภายหลังการให้ข้อมูลว่า คณะอนุกรรมการได้สอบถามเกี่ยวกับคำวินิจฉัยของกรมสรรพากร ที่ 28/2538 เรื่อง ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา การเสียภาษีในกรณีได้รับแจกหุ้น หรือได้ซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดตามข้อตกลงพิเศษ ที่ตนนำเสนอให้มีการพิจารณาออกคำวินิจฉัยดังกล่าว ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพากร ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการโอนหุ้นจากบริษัทที่เป็นนิติบุคคลไปให้บุคคลธรรมดาที่เป็นกรรมการบริษัทว่าอยู่ในข่ายที่ต้องเสียภาษี ว่า มีความเห็นในเรื่องนี้อย่างไร ซึ่งก็ได้ตอบไปว่า เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยดังกล่าว เพราะตนเป็นผู้เสนอเรื่องนี้เอง เนื่องจากในขณะนั้นดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพกร และพบว่ามีปัญหาการใช้ช่องว่างของกฎหมายเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี ด้วยการโอนหุ้นจากบริษัท ซึ่งเป็นนิติบุคคลไปให้บุคคลธรรมดากันมาก ตนจึงเสนอเรื่องนี้เข้าสู่คณะกรรมการวินิจฉัย ที่มีปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน เพื่อให้มีการตีความเรื่องให้ชัดเจนเพื่อเป็นบรรทัดฐาน ในกรณีซื้อขายหุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์ เพื่ออุดช่องโหว่ของกฎหมายที่ทำให้มีการหลีกเลี่ยงภาษี
"ผมเป็นคนเสนอเรื่องนี้ขึ้นเอง เนื่องจากหุ้น อีเอสโอพี ที่ผมพูดถึงในช่วงนั้นในตลาดบูมกันมาก จากหุ้นราคา 10 บาท เข้าไปในตลาดก็เพิ่มเป็น 300 บาท โดยมีคนเอาไปใช้ประโยชน์ เช่น เอาหุ้นมาตั้งราคาให้พนักงานในราคาเท่านั้น เท่านี้ หัวหน้าแผนกก็แบบหนึ่ง กรรมการผู้จัดการ ก็แบบหนึ่ง มันมีช่องว่างเกิดขึ้น ก็เลยเกรงกันว่าการโอนหุ้นดังกล่าวอาจจะไม่ต้องเสียภาษี จึงต้องมีการตีความให้ชัดเจนว่า ควรมีภาระภาษีที่จะต้องเสียหรือไม่ ถ้ามีควรจะเป็นอย่างไร เพราะไม่เช่นนั้นจะอึมครึม ซึ่งการตีความครั้งนั้น ได้ตีความค่อนข้างกว้างขวาง ครบถ้วน ผมจึงได้นำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการวินิจฉัย ที่มีนายอรัญ ธรรมโน อดีตปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธาน เพื่อตีความเรื่องนี้ให้ชัดเจน ว่าการโอนหุ้นลักษณะไหน จำนวนเท่าไร ที่เข้าข่ายการเสียภาษี ลักษณะไหนที่ไม่เข้าข่าย เพื่อที่จะได้นำไปใช้เป็นบรรทัดฐานในการตัดสินเรื่องนี้ในอนาคต" ม.ร.ว.จตุมงคล ระบุ
นอกจากนี้ คณะอนุกรรมการยังได้ถามในรายละเอียดเกี่ยวกับคณะกรรมการที่พิจารณาเรื่องนี้ด้วยว่า ใครเสนอความเห็นในเรื่องนี้อย่างไรบ้าง เนื่องจากไม่มีรายงานเอาไว้ พร้อมกับถามตนว่า เห็นด้วยกับเรื่องนี้หรือไม่ ซึ่งตนก็ตอบไปว่าเห็นด้วย เพราะในฐานะที่เป็นอธิบดีกรมสรรพากรขณะนั้น ก็เป็นกรรมการวินิจฉัยโดยตำแหน่ง ซึ่งชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว ที่มีการตีความให้ปฏิบัติกันได้ชัดเจน ถ้าตรงไหนชัดเจนแต่ไม่ดีกับประเทศ ก็ไปแก้กฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมคณะอนุกรรมการตรวจสอบการซื้อขายหุ้นชินคอร์ป นัดนี้เพื่อพิจารณาสรุปกรณีการซื้อขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น ระหว่าง นายพานทองแท้ และน.ส.พิณทองทา ชินวัตร กับบริษัท แอมเพิลริช เพื่อประเมินรายได้จากการซื้อขายหุ้นดังกล่าว ว่าในส่วนของบริษัท แอมเพิลริช ที่มีรายได้จากการซื้อขายหุ้นครั้งนี้ด้วย จะต้องเสียภาษีด้วยหรือไม่ และจะได้ประเมินจำนวนเงินที่ บริษัท แอมเพิลริช จะต้องเสียภาษีด้วยว่าเป็นจำนวนเท่าใด ก่อนที่จะสรุปผลทั้งหมด เพื่อเสนอต่อที่ประชุมใหญ่ คตส.ในวันจันทร์ที่ 23 เม.ย.นี้
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้คณะอนุกรรมการ ได้มีการสรุปเกี่ยวกับรายได้ของนายพานทองแท้ และน.ส.พิณทองทา จากการซื้อขายหุ้น บริษัทชินคอร์ปอเรชั่น ว่า มีกำไรที่จะต้องเสียภาษีให้กับรัฐ รวมค่าปรับเป็นวงเงินประมาณ 6,500 ล้านบาท ซึ่งทางคตส.ได้ส่งการประเมินภาษีดังกล่าวให้กับกรมสรรพากรแล้ว และขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการของกรมสรรพากร ที่จะต้องเรียกเก็บภาษีจากบุคคลทั้งสองต่อไป
**3 อดีตอธิบดีย้ำชัดต้องจ่ายภาษี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการตรวจสอบการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปฯ ในส่วนของบริษัทแอมเพิลริช โดยใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง
แหล่งข่าวระดับสูง จากคณะอนุกรรมการ ฯ เปิดเผยว่า ที่ประชุมอนุกรรมการฯ เห็นด้วยในหลักการว่า บริษัท แอมเพิลริช มีภาระต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามมาตรา 76 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร แต่ในเรื่องตัวเลขที่ทาง บริษัทแอมเพิลริช จะต้องจ่าย ยังไม่สามารถสรุปได้ เนื่องจากได้มอบหมายให้ทางเจ้าหน้าที่ไปสรุปตัวเลขทั้งหมดที่ได้รับจากหน่วยงานราชการ ซึ่งมีความหนากว่า 40 หน้า ก่อนที่จะส่งให้คณะอนุกรรมการฯ สรุปในวันจันทร์ที่ 23เม.ย.เพื่อประเมินตัวเลขอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า บริษัทแอมเพิลริช ได้รับเงินปันผล จากการถือหุ้น บริษัท ชินคอร์ปฯ ตั้งแต่ปี 47จำนวน 1,770 ล้านบาท พบว่าศูนย์รับฝากหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้หักภาษีนำส่งเข้ารัฐเบื้องต้นประมาณ 10 %
แหล่งข่าวยังกล่าวถึงการเชิญม.ร.ว.จัตุมงคล มาให้ข้อมูลต่ออนุกรรมการก็เพื่อต้องการคำยืนยันชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง ในคำวินิจฉัยภาษีอากรที่ 28/2538 ว่า การขายหุ้นต่ำกว่าราคาตลาด จะต้องเสียภาษีหรือไม่ ซึ่ง ม.ร.ว.จัตุมงคล ได้ยืนยันชัดเจนว่า ต้องเสียภาษี ซึ่งเป็นการยืนยันที่ตรงกัน กับนายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล นายวิโรจน์ เลาหะพันธุ์ ที่เป็นอดีตอธิบดีกรมสรรพากรทั้งคู่ ทำให้อนุกรรมการฯมั่นใจว่า นายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา จะต้องมีภาระภาษี จำนวน 5.6 พันล้านบาทอย่างแน่นอน ดังนั้น หากกรมสรรพากรยังเห็นเป็นอย่างอื่น ก็คิดว่าเป็นเรื่องประหลาดอย่างยิ่ง ซึ่งก่อนหน้านี้คตส.ได้ส่งสำนวนและข้อมูลไปให้กรมสรรพากร เพื่อประเมินและเรียกเก็บภาษีจากนายพานทองแท้ และน.ส.พิณทองทา ภายใน 45วัน นับตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา
**ฉลองภพส่งจนท.กล่าวโทษคดีหวย
เมื่อเวลา 16.00 น.วานนี้ เจ้าหน้าที่จากกระทรวงการคลัง ได้เดินทางมายังสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อเข้ายื่นเอกสารร้องทุกข์กล่าวโทษ บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีความผิดกรณีออกสลากเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว ตามที่อนุกรรมการ คตส.ได้ชี้มูลความผิดก่อนหน้านี้ โดยนายอุดม เฟื่องฟุ้ง ประธานอนุกรรมการไต่สวนฯ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ คตส.ว่ากระทรวงการคลังได้ร้องทุกข์กล่าวโทษบุคคลทั้งหมดตามที่ คตส.ได้ชี้มูลความผิด ครบถ้วนหมดทุกคนแล้ว หลังจากนี้ก็คงต้องดำเนินการไปตามขั้นตอนต่อไป โดยจะนำหนังสือดังกล่าวเข้าหารือในที่ประชุมใหญ่คตส.วันที่ 23 เม.ย.นี้ เพื่อให้มีมติแต่งตั้งอนุกรรมการไต่สวนอย่างเป็นทางการ
อนึ่งก่อนหน้านี้คณะอนุกรรมการสอบสวนโครงการหวยบนดิน ที่มีนายอุดม เป็นประธานได้แบ่งกลุ่มผู้กระทำความผิดในคดีดังกล่าวออกเป็นคณะกรรมการชุดต่างๆ เช่น อดีตรัฐมนตรีในรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่อนุมัติการทำหวยบนดิน อดีตกรรมการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล อดีต คณะกรรมการพัฒนายุทธศาสตร์เพื่อแก้ไขปัญหาเด็กยากจน เป็นต้น
**ยืดเวลา คตส.ไปพร้อมรัฐบาล
ด้านนายประสิทธิ์ โฆวิไลกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปรับปรุงกฎหมายว่า ที่ตนไปรับมานั้นมีหลายฉบับ สิ่งสำคัญคือ การต่ออายุการทำงานของ คตส.และต้องหารือกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เพื่อขยายอายุการทำงานของคตส.ต่อไปด้วย แต่รายละเอียดต้องพิจารณาอีกครั้ง คาดว่าความเห็นของคณะกรรมการฯ และความเห็นนายกฯ จะสอดคล้องกัน และขอให้สบายใจได้ เมื่อถามว่า นายกฯ เคยบอกว่าไม่จำเป็นต้องต่ออายุองค์กรอิสระ นายประสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่ได้ยินเรื่องนี้จากนายกฯ แต่ข้อเสนอคือ ควรต่ออายุ คตส.ให้เท่ากับอายุของรัฐบาลชุดนี้ จนกว่าจะมีครม.ชุดใหม่ ซึ่งมันก็มีเหตุผลเพื่อให้งานที่ คตส.ควรดำเนินการต่อไป แต่รายละเอียดต้องดูอีกครั้ง เพราะต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสียก่อน อย่างไรก็ตาม ก็เตรียมเสนอเรื่องนี้ให้ สนช.พิจารณาภายใน 30 วัน
เมื่อถามว่า คมช.แต่งตั้ง คตส.และครม.อาจต่ออายุ คตส.เป็นไปได้หรือไม่ที่ควรต่ออายุ คมช.นายประสิทธิ์ กล่าวว่า ประกาศคปค.ที่แต่งตั้ง คตส.ว่าจะมีอายุทำงาน 1 ปีนั้น หากไม่มีการอายุคตส.ก็จะสิ้นสุดอายุการทำงาน หากต่ออายุก็จะขยายเวลาได้อีกหน่อย ส่วนกรอบการร่างการต่ออายุฯคือเสนอให้คตส.มีอายุเท่ากับการทำงานของรัฐบาลชุดนี้และเมื่อมีรัฐบาลใหม่ คตส.ก็ต้องยุติการทำงาน และไม่ต่ออายุคตส.ออกไป 3-5 ปี เพราะรัฐบาลชุดใหม่อาจไม่สบายใจ
เมื่อถามว่าหน่วยงานใดจะเป็นหน่วยหลักในกรณีนี้ นายประสิทธิ์กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรมจะเป็นเจ้าของเรื่องนี้ แต่การรับฟังความเห็นต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และรัฐบาลควรจะมีโอกาสแสดงความเห็นด้วย เมื่อถามว่าคตส.จะทำงานเสร็จสิ้นภายในรับบาลชุดนี้หรือไม่ นายประสิทธิ์กล่าวว่า รายละเอียดเรื่องนี้ต้องหารือกันก่อนแต่สิ่งที่คณะกรรมการฯเสนอไปคือ ขอให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องดูแลและคงไม่ต้องรอจนถึงวันที่สิ้นสุดอายุการทำงานของคตส. ทั้งนี้ การขยายอายุการทำงานของ คตส.จะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุหรือไม่ นายประสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ต้นเหตุ และปลายเหตุ
**แนะเพิ่มดาบ ป.ป.ช.ฟันพวกเลี่ยงภาษี
นายสัก กอแสงเรือง โฆษก คตส.กล่าวถึงกรณีการต่ออายุ คตส.ว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาลโดยตรง ซึ่งคตส.คงไม่มีอำนาจหน้าที่แสดงความเห็นอะไร แต่ที่ไปร่วมรับประทานอาหารกับนายกฯ เป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลว่า การทำงานมีปัญหาอุปสรรคอย่างไร ส่วนการต่ออายุจะมีประโยชน์มากน้อยแค่ไหน เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องพิจารณา
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ คตส.ก็มีความพร้อม ไม่ว่าจะมีการต่ออายุออกไปหรือไม่ โดยถ้าไม่มีการต่ออายุ คตส.ก็จะพยายามปฏิบัติภารกิจที่มีอยู่ให้เสร็จเร็วที่สุด แต่ถ้ามีส่วนไหนไม่แล้วเสร็จ ด้วยเหตุสุดวิสัยจริงๆ ก็สามารถโอนให้ ป.ป.ช.ดำเนินการต่อจาก คตส.ได้ แต่มีบางส่วนที่ไม่สามารถไปสู่ ป.ป.ช.ได้ ถ้าไม่แก้กฎหมาย ป.ป.ช.ในเรื่องอำนาจหน้าที่ เช่น อำนาจในการตรวจสอบการหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายรัษฎากร เพราะ ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจจึงดำเนินการไม่ได้ นอกจากนี้ ป.ป.ช.ก็มียังมีอำนาจดำเนินการเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐเท่านั้น จึงถือเป็นข้อจำกัดในการทำงานตรวจสอบของ ป.ป.ช. ส่วนนี้เป็นข้อที่รัฐบาลหรือสนช.ต้องพิจารณาโดยคำนึงถึงปัญหาอุปสรรคเหล่านี้ด้วย
"ผมสะท้อนให้เห็นว่า ในส่วนข้อจำกัดของผู้ที่จะรับงานค้างจาก คตส.คงจะต้องมีการแก้ไขกฎหมายปรับปรุงให้สามารถโอนงานไปทำได้อย่างต่อเนื่อง"นายสัก กล่าว
ส่วนกรณีการร่างระเบียบค่าใช้จ่ายในการฟ้องคดีหลัง คตส.ปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตนั้น นายสัก กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ นายแก้วสรร อติโพธิ เลขา คตส. ไปพิจารณาเพื่อยกร่างระเบียบดังกล่าว ซึ่งน่าจะนำเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมใหญ่ของคตส.ได้ในวันที่ 23 เม.ย.นี้