xs
xsm
sm
md
lg

คตส.เรียกเค้นหม่อมอุ๋ย ข้องใจ 32 ปมที่ดินรัชดา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คตส.เตรียม 32 คำถามให้"หม่อมอุ๋ย"ชี้แจงกรณีการซื้อที่ดินรัชดาฯของหญิงอ้อ "อุดม"ลั่น ไม่เชิญใครเพิ่มแม้มีการพาดพิงบุคคลที่สาม ยอมรับอาจสรุปคดีส่งอัยการไม่ทันเม.ย.นี้ ส่วนเรื่องคิงเพาเวอร์ จะนำเข้าหารือในที่ประชุมคตส.วันนี้ด้วย ด้านรองโฆษก ปชป.เปิดปมทุจริตรถดับเพลิงภาค 2 ในโครงการโรงเรียนดับเพลิง ผลงานฉาวยุคแม้ว ข้องใจ"อารีย์"ไส่เกียร์ว่างที่พฤติกรรมไม่โปร่งใส จี้นายกฯ เร่งสะสางด่วน

นายอุดม เฟื่องฟุ้ง กรรมการ คตส.ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีที่การซื้อขายที่ดินบริเวณถนนรัชดา ระหว่างกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน กล่าวว่า ในวันนี้(18 เม.ย.) อนุกรรมการไต่สวนได้เชิญ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ในฐานะประธานกองทุนเพื่อการฟื้นฟูในขณะนั้นมาชี้แจง ตามความประสงค์ของทางทนายความของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ซึ่งทนายความของผู้ถูกกล่าวหาได้ส่งคำถามที่ต้องการให้อนุกรรมการไต่สวนสอบถาม ม.ร.ว.ปรีดิยาธร มาแล้วจำนวน 16 คำถาม และก็มีคำถามในส่วนของคณะอนุกรรมการไต่สวนอีก 16 คำถามรวมเป็น 32 คำถาม

"คงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องบุคคลมาชี้แจงเพิ่มเติมอีก แม้ว่าในการชี้แจงของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร จะมีการพูดพาดพิงบุคคลที่สามก็ตาม และยอมรับว่าคงจะไม่สามารถสรุปสำนวนส่งให้สำนักงานอัยการสูงสุดได้ทันภายในเดือนเมษายนนี้ เพราะหลังจากที่เชิญอดีตผู้ว่าการ ธปท.มาคณะอนุกรรมการไต่สวนจะต้องมาประชุมเพื่อสรุปความเห็นในวันที่ 25 เมษายนนี้อีกว่าจะต้องมีการแจ้งข้อหากับบุคคลใดเพิ่มเติมหรือไม่ ทำให้เมื่อดูเวลาไม่น่าจะสามารถสรุปคดีได้ทันในเดือนเมษายน"นายอุดม กล่าว

แหล่งข่าวจากทีมทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน เปิดเผยว่า ในหลัการของคำถามส่วนใหญ่เป็นถาม ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ว่ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯได้มีการตรวจสอบบทบัญญัติของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 100 ที่ห้ามให้คู่สมรสของเจ้าหน้าที่รัฐทำสัญญาซื้อจขายกับหน่วยงานของรัฐหรือไม่

**ถกรับเรื่องคิงเพาเวอร์หรือไม่

นายสัก กอแสงเรือง โฆษก คตส.เปิดเผยถึงการประชุมใหญ่ของ คตส.ในวันนี้ (18 เม.ย.)ว่า ที่ประชุมจะมีการนำวาระเรื่องที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาและติดตามการแก้ไขปัญหาสนามบินสุวรณณภูมิสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่มี พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน รองปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานได้ยื่นเรื่องให้ คตส.ตรวจสอบการทำสัญญาพื้นที่เชิงพาณิชย์ภายในสนามบินสุวรรณภูมิ ระหว่างบริษัทท่าอากาศยานไทย(ทอท.)จำกัด (มหาชน)กับบริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด โดยเป็นวาระที่เลื่อนมาจากการประชุมสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าการประชุมในวันนี้น่าจะได้ข้อยุติว่า คตส.จะพิจารณาเรื่องนี้อย่างไร ทั้งหมดคงต้องรอดูมติที่ประชุมว่าจะรับเรื่องนี้ไว้พิจารณาหรือไม่

สำหรับกรณีที่ คตส.มีมติให้ นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รมว.คลัง เข้าชี้แจงต่อ คตส.จากกรณีที่กระทรวงการคลัง ไม่ยอมร้องทุกข์กล่าวโทษกับผู้ที่ถูกคตส.ชี้มูลความผิด กรณีการออกหวยบนดิน 2 ตัว 3 ตัวในวันที่ 18 เม.ย.นี้ หากไม่มาจะถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ. ป.ป.ช.นั้น ล่าสุดยังไม่ได้รับการยืนยันว่านายฉลองภพ จะเข้าชี้แจงกับอนุกรรมการสอบสวนเรื่องหวยบนดิน ที่มีนายอุดม เฟื่องฟุ้ง เป็นประธานหรือไม่ เพราะทราบข่าวมาว่า นายฉลองภพ อาจขอเลื่อนการชี้แจงเป็น วันพฤหัสบดีที่ 19 เม.ย.แทน เวลานี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่านายฉลองภพจะมาหรือไม่ ซึ่งแนวทางการถามนายฉลองภพนั้นคงจะพูดคุยกันในเรื่องการร้องทุกข์กล่าวโทษ และความร่วมมือต่างๆ

ด้านพล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน กล่าวถึงเรื่องตรวจสอบเรื่องสัญญา คิงเพาเวอร์ ว่า ยังเชื่อว่าที่ประชุมใหญ่ คตส.จะรับเรื่องนี้ไว้พิจารณา แต่หากคตส.ไม่รับไว้เพราะเกรงว่าจะสอบสวนไม่ทันก่อนหมดวาระ ทางกรรมาธิการก็จะใช้ช่องทางใหม่ คือ การไปยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช)สอบสวนเอาผิดผู้เกี่ยวข้อง เพราะถือว่ากรรมาธิการเป็นหน่วยงานรัฐ ดังนั้นเมื่อกรรมาธิการพบว่ามีการทำผิดและทุจริตเกิดขึ้นหากไม่ดำเนินการใดๆ เช่น ไม่ยื่นให้ป.ป.ช.สอบสวน ก็จะถือว่ากรรมาธิการที่ได้จัดทำรายงานอย่างเป็นทางการมาแล้วเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 ของประมวลกฎหมายอาญา

อย่างไรก็ตาม การที่คตส.ยังไม่รับเรื่องนี้ไว้พิจารณาตั้งแต่แรก เข้าใจว่าคงเป็นเพราะ คตส.ไม่มีคนมากพอจึงเกรงว่าจะทำไม่ทัน แต่หากรับไว้สอบสวนก็จะดี เพราะเรื่องนี้ยืนยันว่า คตส.สามารถเอาผิดผู้เกี่ยวข้องได้หมด ไม่ว่าจะเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะอดีตประธานคณะกรรมการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นผู้สั่งการให้ใช้พื้นที่เชิงพาณิชย์กับบริษัทดังกล่าว รวมถึง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีต รมว.คมนาคม ซึ่ง เข้าไปสั่งการให้ บอร์ดทอท.ในเวลานั้นอนุมัติให้คิง เพาเวอร์ ใช้พื้นที่โดยไม่มีการเปิดประมูลและทำผิดสัญญาและกฎหมายร่วมทุนระหว่างรัฐกับเอกชนพ.ศ.2535 เช่น การแทงหนังสือให้ ทอท.พิจารณาการให้บริษัทใช้พื้นที่ทั้งที่นายสุริยะ ไม่ได้เป็นบอร์ดทอท.และผู้บริหารของคิง เพาเวอร์ ก็ไปทำหนังสือถึงนายสุริยะ เพื่อขอให้ช่วยพิจารณาเรื่องนี้ ซึ่งทั้งหมดมีเอกสารชัดเจน ดังนั้นหากมีการเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้องจะโยงไปได้หมดตั้งแต่อดีตนายกรัฐมนตรี อดีต รมว.คลัง อดีตบอร์ด ทอท.และบริษัท คิง เพาเวอร์

พล.ร.อ.บรรณวิทย์ ยังกล่าวถึงเรื่องที่ สภานิติบัญญัติแห่งชาติเตรียมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.แก้ไขคำสั่งคปค.ฉบับที่ 30 เพื่อต่ออายุการทำงานให้ คตส.ในวันที่ 19 เม.ย.นี้ว่า ตนเป็น 1 ใน 70 สนช.ที่ร่วมลงชื่อเพื่อเสนอกฎหมายดังกล่าว เพราะเห็นแล้วว่าหากไม่ต่ออายุ คตส.คงทำงานไม่ทันก่อน 30 ก.ย.นี้แน่นอน เพราะเวลาที่คตส.รับผิดชอบกว่า 14 เรื่อง และยังมีอีกหลายเรื่องที่จะมีคนส่งไปให้นอกเหนือจากเรื่องคิง เพาเวอร์ แล้วก็จะมีอีกเช่น การประมูลการก่อสร้างอาคารภายในสนามบินสุวรณณภูมิ ที่คาดว่าจะส่งไปให้คตส.เร็วๆนี้ รวมทั้งยังมีเรื่องการประมูลรถเข็นภายในสนามบินสุวรรณภูมิอีก แต่หาก คตส.ไม่ต้องการให้มีการต่ออายุ ก็ไม่เป็นไร ก็ถือว่าสนช.ได้ร่วมกันเสนอแก้ไขกฎหมายให้แล้ว เพื่อให้สามารถทำงานได้ต่อ

**เปิดปมทุจริตรถดับเพลิงภาค 2

นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงการตรวจสอบความไม่โปร่งใสของโครงการโรงเรียนดับเพลิง ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.)กระทรวงมหาดไทย ว่า โครงการดังกล่าวเกิดขึ้นในสมัยที่นายสมัคร สุนทรเวช เป็นผู้ว่าฯกทม.โดยได้ทำเรื่องของบประมาณจำนวนกว่า 8 พันล้านบาท เพื่อจัดซื้อรถดับเพลิง และสร้างโรงเรียนดับเพลิงในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 22มิ.ย.47 มีมติให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ไปดำเนินการสร้างโรงเรียนดับเพลิง โดยใช้งบประมาณ 1,300 ล้านบาท และงบในส่วนที่เหลือ 6.7 ล้านบาท ให้ดำเนินการจัดซื้อรถดับเพลิง ที่คตส.กำลังดำเนินการไต่สวนอยู่ขณะนี้

สำหรับโครงการโรงเรียนดับเพลิงนั้นกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้จ้างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เขียนทีโออาร์ จำนวน 9 ล้านบาท หลังจากนั้นนายสุนทร ริ้วเหลือง อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในขณะนั้น ได้ทำหนังสือเพื่อให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประสานของความช่วยเหลือจากประเทศออสเตรีย โดยอ้าง เอโอยู ทั้งที่ เอโอยู ไม่ได้ระบุ ซึ่งเรื่องดังกล่าวมีความพยายามที่จะทำให้เหมือนกรณีรถดับเพลิงซึ่งเป็นการอ้างมั่วๆ

นอกจากนี้ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.มหาดไทย ในขณะนั้นได้มีการปรับเพิ่มงบประมาณในโครงการดังกล่าวเป็น 3,670 ล้านบาท จากนั้น พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา รมว.มหาดไทย ในขณะนั้น มีการเร่งรัดออกหนังสือเพื่อให้โครงการดังกล่าวผ่านกระบวนต่างๆ ทั้งการกลั่นกรองชุดที่ 3 ที่มีพล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อที่จะเร่งบรรจุโครงการดังกล่าวเข้าสู่ ครม. แต่ปรากฎว่า โครงการดังกล่าวยังไม่ผ่าน ครม.เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ได้ประกาศยุบสภาเสียก่อน

"ข้อเท้จจริงคือ โครงการโรงเรียนดับเพลิง เป็นโครงการที่ทำกับบริษัท สไตเออร์ฯ และยังอ้างว่าเป็นความช่วยเหลือแบบรัฐต่อรัฐ อีกทั้งมีความพยายามเพื่อปรับเพิ่มงบประมาณทั้งที่จริงแล้ว มติครม.อนุมัติเพียง 1,300 ล้านบาท ไปเป็น 3,670 ล้านบาท เพื่อนำไปซื้อรถดับเพลิงชนิดต่างๆที่หรูหรา ที่มีทั้งรถบันได หอไอน้ำ คันละ 115 ล้านบาท รถบรรทุกน้ำหมื่นลิตรคันละ 22 ล้านบาท รถบัส 40 ที่นั่ง คันละ 12 ล้านบาท และรถตู้ 8 ที่นั่ง คันละ 5.2 ล้านบาท นอกจากนี้รถดังกล่าวไม่ได้รวมภาษี เพราะมหาดไทยได้ขอครม.ให้ยกเว้นภาษี"

นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า ในส่วนโครงการโรงเรียนนั้นแยกการก่อสร้างออกเป็นค่าก่อสร้างอาคาร 1,119 ล้านบาท ค่าวัสดุ อุปกรณ์ ยานพาหนะ 1,908 บาท งบฝึกอบรมในต่างประเทศ 636 ล้านบาท จึงจะเห็นว่าโครงการโรงเรียนดับเพลิงนั้น เหมือนกับโครงการจัดซื้อรถดับเพลิงของ กทม.ทุกอย่าง เพียงแต่โครงการโรงเรียนดับเพลิง เอาข้อด้อยของโครงการรถดับเพลิงมาปรับปรุง ทั้งเรื่องการขอยกเว้นภาษีศุลกากร มีการจ้างเงินมัดจำจำนวน 500 ล้านบาท เพื่อเอาเงินดังกล่าวไปจ่ายให้กับนักการเมือง และข้าราชการที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งไม่ต้องเอา แอลซี ไปจำนำ เพื่อเอาเงินมาจ่ายให้ผู้เกี่ยวข้อง ดังนั้นโครงการโรงเรียนดับเพลิงเป็นโครงการที่ส่อทุจริต เพราะซื้อในราคาที่แพงเกินจริง และแพงกว่ารถดับเพลิงของ กทม. อีกทั้งเป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองระดับใหญ่ในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ

นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า หลังจากที่มีการทำรัฐประหาร รัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีได้เข้ามาดำเนินการกับปัญหาการคอร์รัปชั่น และโครงการดังกล่าวแทนที่จะยกเลิกไป เพราะมีความไม่โปร่งใส แต่แทนที่ นายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย จะเข้าไปปัดกวาดจัดการกับปัญหาการทุจริต กลับเดินหน้าต่อ ตนจึงอยากถามนายกฯว่า จะบริหารประเทศได้อย่างไร และเรื่องการปราบปรามคอร์รัปชั่น จะดำเนินการอย่างไร นายกฯได้ทราบพฤติกรรมของ มท.1 บ้างหรือไม่ เพราะกำลังมีการนำเรื่องดังกล่าวบรรจุเข้าสู่วาระจรในที่ประชุม ครม.เพื่อหาทางช่วยเหลือพวกหาผลประโยชน์การเมือง นอกจากนี้อยากถามนายอารีย์ ว่า ทำไมถึงไม่ตั้งกรรมการขึ้นมาสอบหาคนผิด และทำไมถึงได้เดินหน้าโครงการดังกล่าวต่อ

"ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จัดการกับรัฐมนตรีที่ใส่เกียร์เดินหน้ากับผลประโยชน์ทางการเมือง เพราะไม่เช่นนั้นนายกฯ ก็จะไม่ต่างอะไรกับ พ.ต.ท.ทักษิณ"นายยุทธพงศ์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น