xs
xsm
sm
md
lg

หดหู่และสิ้นหวังกับรัฐบาลจังเลย ประชาชนผู้รักชาติ รักประชาธิปไตยเตรียมตัวได้แล้ว

เผยแพร่:   โดย: การุณ ใสงาม

.
หลังจากสงกรานต์ที่มีการฉลองประเพณีปีใหม่ไทยกันอย่างสนุกสนาน และเป็นช่วงที่ได้พักผ่อนกันอย่างเต็มที่เพราะทางการได้ประกาศให้มีการหยุดยาว แต่สถานการณ์ทางการเมืองไม่ได้ผ่อนคลายไปตามบรรยากาศสงกรานต์ กลับจะร้อนระอุเพิ่มมากขึ้นตามอุณหภูมิ การเมืองจะมีจุดแหลมคมมากขึ้น

โหรหลายสำนักได้ทำนายทายทักว่าช่วงหลังจากนี้การเมืองจะเริ่มร้อนแรงส่งผลต่อดวงเมือง มีความแตกแยกความขัดแย้งจากหลายกลุ่มในสังคม สถานการณ์ภาคใต้ที่ยังมีปัญหาฆ่ากันตายรายวัน ปัญหาสารพัดม็อบที่จะเข้ามาไม่ว่าจะเป็นเกษตรกร ผู้ใช้แรงงาน หรือกลุ่มอำนาจเก่า ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา

แม้แต่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ยังออกมาบอกว่า สถานการณ์การเมืองความขัดแย้งวุ่นวายขณะนี้ มีความแตกต่างไปจากอดีตเป็นอย่างมาก มีความซับซ้อนจนเดาไม่ออก ไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่าแต่ละฝ่ายต้องการอะไร อย่างกรณีที่มีการออกมาเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งอาจไม่ใช่ของจริง ซึ่งไม่รู้ว่าอยากจะให้มีการเลือกตั้งจริงหรือไม่เป็นเรื่องที่น่ากลัวเพราะเราไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ในใจ คาดเดายาก

น่าสนใจครับ ผมจึงอยากชวนให้เรามาลองไล่เรียงวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองไทยร่วมกัน

เริ่มต้นจากการมีกระแสข่าวว่าจะมีการขนม็อบมาชุมนุมใน กทม. มีการคาดการณ์กันว่ากลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนจะเดินทางเข้ามาพร้อมกับประชาชนที่เดินทางกลับมาจากต่างจังหวัดหลังจากพักผ่อนช่วงเทศกาลสงกรานต์ หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมที่จะรับมือกันอย่างเต็มที่ เพราะที่ผ่านมากลุ่มม็อบเหล่านี้ได้มีการซ้อมใหญ่หลายครั้งแล้วคราวนี้น่าจะเอาจริง

สิ่งหนึ่งที่เป็นแรงกดดันให้มีหลายกลุ่มออกมาเรียกร้องเป็นม็อบต่างๆ ขณะนี้เป็นเพราะการแก้ปัญหาของรัฐบาลยังไม่ตรงจุด ทั้งรัฐบาลและ คมช. ต่างผลักภาระให้กันและกัน จนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมีแถลงการณ์ว่า ขณะนี้เกิดช่องว่างหรือขาดยุทธศาสตร์ที่เป็นเอกภาพในการจัดการกับระบอบทักษิณ ส่งผลให้สังคมสับสนเกิดความอึดอัดและข้าราชการฉวยโอกาสใส่เกียร์ว่างและต่อท่ออำนาจเก่า ขณะที่การตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชันของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ยังถือว่าล่าช้ามาก

ตัวนายกรัฐมนตรีเองไม่ได้จริงจังกับการสะสางความผิดของระบอบทักษิณและเครือข่าย วางตัวอยู่เหนือความขัดแย้ง จนประชาชนเริ่มไม่พอใจมีเสียงตำหนิจากหลายฝ่าย เสียงสะท้อนนี้กระทบไปยัง คมช. อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ยิ่งมีกระแสข่าวนายกรัฐมนตรี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ออกอาการเกาเหลากับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช. จนนายกฯ เริ่มถอดใจ ทำให้พี่น้องประชาชนเริ่มคิดหนักว่าท่าทีของนายกฯ จากนี้ไปจะเป็นเช่นไร

แม้กระทั่ง พล.อ.สนธิ ต้องออกมาให้สัมภาษณ์ว่า เป็นไปไม่ได้ที่ตนเองหรือ คมช.จะมีความขัดแย้งกับนายกรัฐมนตรี เพราะ คมช. เป็นคนที่ตั้งนายกฯ มากับมือ และมีการเปรียบเทียบว่ารัฐบาลกับ คมช. เหมือนคอหอยกับลูกกระเดือก สามารถทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี

นายกฯ เองก็ออกมาเปิดใจหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลจากการเข้าไปตรวจสุขภาพร่างกาย 3 วัน ว่ายังไม่ถอดใจ และพร้อมที่จะทำหน้าที่ต่อไป

แต่มีข้อน่าสังเกตที่ว่า จะทำหน้าที่ต่อไปถ้าสถานการณ์ยังปกติ ฟังดูแล้วเสียงแปร่งไป ยิ่งบอกว่าให้ไปดูที่ พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2550 ที่พล.อ.บุญรอด ย้ำว่า หากเหตุการณ์ปกติ นายกรัฐมนตรีจะไม่ลาออก ไม่ท้อใจ แต่ถ้ามีเหตุการณ์วุ่นวาย จนกระทั่งไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ นายกรัฐมนตรีก็จะพิจารณาตัวเองลาออกเพื่อให้มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และเมื่อมีรัฐบาลใหม่ก็สามารถขับเคลื่อนไปได้อีกระยะหนึ่งจนมีการเลือกตั้งในปลายปีนี้

การให้สัมภาษณ์ของทั้ง 2 คนนี้เหมือนกับการส่งสัญญาณอะไรบางอย่างออกมา

มิหนำซ้ำนายกฯ ยังมาบอกว่า การพูดกันว่า “พระกับโจรอยู่ด้วยกันไม่ได้” นั้นเป็นการพูดที่ไม่ถูกต้องเพราะในทางพุทธศาสนาสอนให้มีเมตตา ต้องสอนให้โจรกลับใจมาเป็นคนดี โดยยกตัวอย่างกรณีองคุลีมาลที่ถูกพระพุทธเจ้าโน้มน้าวสอนให้กลับใจเป็นคนดี

ท่านนายกฯ ครับ ดูอาการแล้วชักจะไปกันใหญ่ ผมอยากจะถามท่านสักนิดว่า ทักษิณมีคุณสมบัติข้อใดที่เหมือนกับองคุลีมาลบ้าง ท่านคิดว่าทักษิณจะสามารถกลับตัวกลับใจได้เช่นนั้นหรือฝันกลางวันหรือเปล่าครับ ถ้าเขาปล่อยวางไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองได้จริงคงไม่มีกระแสคลื่นใต้น้ำคลื่นบนน้ำอย่างทุกวันนี้หรอกครับ

การจัดการกับปัญหาการทุจริต โดยเฉพาะเรื่องที่ คตส. รับผิดชอบอยู่ ยังมีหลายเรื่องที่ยังไม่แล้วเสร็จ จนมีเสียงเรียกร้องให้ต่ออายุ คตส. ออกไปอีก เพราะการทำงานของ คตส. ไม่ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง อีกทั้ง คตส.ยังเสียเวลาไปกับกระบวนการร้องทุกข์กล่าวโทษและการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของผู้ถูกกล่าวหาอีกมาก มีปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ บางคดี คตส. อาจจะไม่สามารถสรุปสำนวนส่งอัยการสูงสุดสั่งฟ้องต่อศาลได้ทันภายในอายุการทำงานของ คตส. ที่เหลืออายุการทำงานอีกเพียง 5 เดือนเท่านั้น ท่านจะช่วยเขาแก้ปัญหาอย่างไร

กรณีของรัฐธรรมนูญในท้ายที่สุดต้องนำไปสู่การลงประชามติโดยประชาชน ที่อาจมีกระแสการคัดค้านในประเด็นต่างๆ ที่แต่ละกลุ่มไม่เห็นด้วย และจะนำไปสู่การคว่ำรัฐธรรมนูญ และ คมช. เองก็จะนำรัฐธรรมนูญฉบับใดก็ได้มาปรับใช้ ทำให้เกิดปัญหาลุกลามหนักไปอีกเพราะจะมีข้อครหาว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับ คมช. และจะนำไปสู่ปัญหาอื่นๆ อีกในอนาคต

อีกทั้งหากมีการลงประชามติรัฐธรรมนูญและมีการร่างรัฐธรรมนูญแบบหละหลวมไม่ได้แก้ปัญหาเก่า ไม่มีการปฏิรูปการเมืองอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่แก้ปัญหาการเลือกตั้งให้สุจริตและเที่ยงธรรม กลุ่มอำนาจเก่า ระบอบทักษิณจะกลับมาแน่ๆ เพราะมีการปล่อยช่องว่างหลายมาตราด้วยกัน

จากนี้ไป ถ้ารัฐบาลยังไม่ปรับตัวหรือกลับตัวกลับใจทำงานกันอย่างจริงจัง ยังคงเพิกเฉย รัฐมนตรีไม่รู้ร้อนรู้หนาว เข้ามาดำรงตำแหน่งเพียงเพื่อให้เป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลเท่านั้น ข้าราชการหลายกระทรวงปล่อยเกียร์ว่าง กลุ่มอำนาจเก่ายังคงมีการต่อท่อน้ำเลี้ยง สร้างความเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลและ คมช.ได้อย่างต่อเนื่องและหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ โดยการแทรกซึมเข้าไปในหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเฉพาะ อบต. เทศบาลและ อบจ. ผ่านรูปแบบทัศนศึกษา ดูงาน สัมมนา จะส่งผลให้ประเทศไทยประสบปัญหารุมเร้าหนักขึ้นไปอีก

การจะมีการปฏิวัติซ้ำหรือปฏิวัติซ้อน มิใช่สาระสำคัญ เพราะเงื่อนไขที่จะให้เกิดเหมือนวันที่ 19 กันยายน 2549 ไม่ได้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง คมช. ปล่อยโอกาสทองหลุดมือไปเสียแล้ว สิ่งที่ท่านต้องเร่งทำคือ การเดินเกมกับขั้วอำนาจเก่าอย่างเด็ดขาดจริงจัง

ท่านควรทำอย่างไร ในสภาวการณ์เช่นนี้

รัฐบาลต้องปรับปรุงขนานใหญ่ ถึงแม้ว่าจะมีการปรับ ครม. ที่กระแสข่าวบอกว่าเป็นการปรับเล็กก็ตาม เป็นการให้ยาที่น้อยมากไม่ตรง ไม่พอ ให้ยาไม่ตรงกับโรค เป็นการให้ยาแบบส่งเดช หลับหูหลับตาให้ยา

ขนาดถ้าวินิจฉัยโรคถูก แต่ให้ยาไม่พอก็ไม่หาย แม้ว่าจะหายก็ต้องใช้เวลานานมาก เพื่อให้ร่างกายปรับตัวไปเรื่อยๆ แต่รัฐบาลชุดนี้ไม่มีเวลานานขนาดนั้น

การจะรักษาให้หายดีและเด็ดขาดมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลต้องวินิจฉัยโรคถูกต้อง และให้ยาหรือให้การรักษา อาจจะต้องผ่าตัดหรือวิธีการอื่นใดต้องถูกด้วย

ขณะนี้รัฐบาลวินิจฉัยโรคผิด และอาจจะไม่ได้วินิจฉัยโรคด้วย

เวลาของรัฐบาลผ่านมาแล้วครึ่งหนึ่งยังเหลือ 5-6 เดือนอีกครึ่งหนึ่ง กว่าจะมะงุมมะงาหราอะไรได้ จับแพะชนแกะ รู้ทิศรู้ทาง เรื่องราวต่างๆ ก็ไปไกลแล้ว สถานการณ์วันนี้น่าเป็นห่วงที่สุด คือกว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้ ภาคใต้ก็รุนแรง ปัญหาเศรษฐกิจก็รุมเร้า สังคมแตกร้าว ความคิดแตกเป็นฝักเป็นฝ่าย แบ่งพวกเข้าข้างอำนาจเก่าทวีความรุนแรง ประเด็นปัญหามากมายสลับซับซ้อน

การลุกขึ้นเรียกร้องต้องการเกิดขึ้นอย่างมากมาย มีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ การเมืองในระบบ คมช. ไม่เอื้อ การบริหารราชการแผ่นดินอ่อนแอและล้มเหลว

ภัยอันใหญ่หลวงหายนะ ช่างเดินทางวิ่งถาโถมเข้ามาอย่างรวดเร็ว

ประเมินสถานการณ์ดูแล้วช่างน่าหดหู่และสิ้นหวัง เว้นแต่พี่น้องประชาชนผู้ตื่นรู้ เข้าใจสถานการณ์และปัญหา จะได้ร่วมมือกันเตรียมรับสถานการณ์และพร้อมที่จะเข้าแบกรับภารกิจในการเข้าแก้ไขปัญหาของชาติอย่างเข้มแข็งและเอาจริงเอาจังเมื่อถึงวันนั้น


จะฝากความหวังไว้ที่รัฐบาลชุดนี้คงไม่ได้อีกแล้ว สุดแท้แต่จะคิดอ่านกันเถิดครับ หรือจะตั้งวอร์รูมมาแก้ปัญหาอีกก็ได้ครับ เพราะเห็นตั้งกันทุกวัน
กำลังโหลดความคิดเห็น