xs
xsm
sm
md
lg

“เคเอฟซี”ผุดสนง.ภูมิภาค ปลื้มไทยแม่แบบดีลิเวอรี่โลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ยัม” ปลื้มระบบดีลิเวอรี่สำเร็จ เคเอฟซีต่างประเทศยกพลศึกษาระบบดีลิเวอรี่ในไทย กลับไปประยุกต์ใช้ หลังเป็นประเทศแรกในโลกที่บุกเบิกบริการจัดส่งถึงบ้าน พร้อมกับการปรับรูปแบบบริหารเคเอฟซีใหม่รับการเติบโต ผุดสนง.ภูมิภาค กระจายอำนาจบริหาร

นายศรัณย์ สมุทรโคจร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหารร้านพิซซ่าฮัทและร้านเคเอฟซีในไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้บริหารร้านเคเอฟซีในต่างประเทศหลายประเทศสนใจและเข้ามาศึกษาถึงระบบการทำงานเกี่ยวกับธุรกิจจัดส่งหรือดีลิเวอรี่ของไก่เคเอฟซีในไทย ซึ่งถือเป็นประเทศเดียวและประเทศแรกในโลกของเคเอฟซีเมื่อประมาณ 8-9 ปีที่ผ่านมาที่มีบริการดีลิเวอรี่ ทั้งๆที่บริษัทแม่เองก็ยังไม่ได้ทำดีลิเวอรี่ด้วยในเวลานั้น

**เคเอฟซีไทยแม่แบบดีลิเวอรี่**
“ธุรกิจดีลิเวอรี่ของเราประสบความสำเร็จอย่างมาก ถือได้ว่ามียอดทรานแซคชั่นที่โทรเข้ามาสั่งมากที่สุดในบรรดาธุรกิจที่มีดีลิวเอรี่ทั้งหมดในไทย แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ ก็ต้องลองผิดลองถูกมามากพอสมควร จนสามารถพัฒนาและปรับทุกอย่างให้เข้ารูปเข้ารอยและอยู่ตัว กลายเป็นแม่แบบของเคเอฟซีดีลิเวอรี่ ที่เป็นศูนย์กลางให้แต่ละประเทศได้ทำการศึกษากัน”

ทั้งนี้เคเอฟซีในหลายประเทศโดยเฉพาะในทวีปเอเซียนี้ ได้เริ่มเดินทางมาศึกษาและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นไต้หวัน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปินส์ ว่าประเทศไทยมีวิธีการดำเนินงาน การบริการ การเตรียมความพร้อมและรูปแบบดีลิเวอรี่อย่างไรบ้าง เพื่อนำกลับไปศึกษาและทดลองในประเทศของตน

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของพิซซ่าฮัทนั้น เป็นธุรกิจที่เกิดมาเพื่อทำการจัดส่งหรือดีลิเวอรี่อยู่แล้ว ดังนั้นในแต่ละประเทศก็จะมีดีลิเวอรี่เป็นปรกติ

“การทำดีลิเวอรี่ก็เพื่อเป็นอีกโอกาสหนึ่งในการเข้าหาผู้บริโภคมากขึ้น เพื่อเพิ่มช่องทางในการบริโภคและสร้างรายได้ให้กับองค์กร จากการศึกษาวิจัยของเราในตอนนั้นพบว่า ผู้บริโภคที่ออกมานอกบ้านและไปร้านเคเอฟซีก็เพราะว่าออกมาอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าตั้งใจออกมานอกบ้านเพื่อไปร้านเคเอฟซี ดังนั้นถ้าเรามีดีลิเวอรี่ขึ้นมา ก็เท่ากับว่า ผู้บริโภคจะได้ทานไก่เคเอฟซีโดยไม่ต้องออกมาก็ได้ ตรงนี้คือแนวคิดเราในตอนนั้น อีกทั้งพฤติกรรมผู้บริโภคของคนไทยก็ต่างจากที่อื่น เพราะต้องการความสะดวกสบายอยู่แล้ว” นายศรัณย์กล่าว

ส่วนช่องทางอื่นๆที่มีการพัฒนาขึ้นมานั้นก็ยังไม่เติบโตเท่าที่ควร อันเนื่องจากพฤติกรรมและช่วงจังหวะเวลาที่ยังไม่เหมาะสม แม้แต่ของผู้ให้บริการแบรนด์อื่นด้วยเช่น ไดร์ฟทรู ซึ่งเมืองไทยก็มีให้บริการแต่ยังไม่มากนัก

นายศรัณย์กล่าวว่า แม้ดีลิเวอรี่ของเคเอฟซีจะเติบโตดี แต่รายได้หลักของเคเอฟซีก็ยังคงมาจากนั่งทานในร้านกว่า 90% สัดส่วนรายได้จากดีลิเวอรี่เพียง 10% เท่านั้น ทั้งนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายว่า ภายใน 3-5 ปีจากนี้ สัดส่วนรายได้จากดีลิเวอรี่ของเคเอฟซีจะต้องเพิ่มขึ้นมาเป็น 15-17% ซึ่งบริษัทฯต้องมีการลงทุนและขยายงานเพื่อรองรับด้วย โดยวันนี้เคเอฟซีมีประมาณ 90 จุดที่ให้บริการดีลิเวอรี่ ขณะที่หากมองทั้งประเทศ เคเอฟซีมีกระจายอยู่ 54 จังหวัด แต่มีประมาณ 20 กว่าจังหวัดที่เน้นที่ให้บริการดีลิเวอรี่

สำหรับเป้าหมายการดำเนินงานระยะยาวของยัมฯช่วง 4 ปีจากนี้ ตั้งแต่ปี 2550 – 2553 วางแผนใช้เงินลงทุนปีละ 600-700 ล้านบาท หรือรวมประมาณ 2,500 กว่าล้านบาท เพื่อขยายสาขาทั้งสองแบรนด์คือ เคเอฟซีและพิซซ่าฮัท เพิ่มอีกปีละประมาณ 25-30 สาขา จากปัจจุบันที่มีสาขาเคเอฟซีรวม 307 สาขา และพิซซ่าฮัทรวม 75 สาขา ซึ่งถึงขณะนั้นคาดว่าจะมีสาขาเคเอฟซีประมาณ 500-550 สาขา และพิซซ่าฮัทประมาณ 200 สาขา

**ผุดสนง.ภูมิภาคกระจายอำนาจ**
นายศรัณย์กล่าวต่อถึงการปรับรูปแบบการบริหารงานในส่วนของเคเอฟซีด้วยว่า เนื่องจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของเคเอฟซี ที่มีสาขามากกว่า 307 แห่งแล้ว ล่าสุดเปิดสาขาที่จังหวัดระนอง รวมทั้งเป้าหมายที่จะต้องเพิ่มรายได้การเติบโตอีกสองเท่าในช่วง 3-5 ปีนับจากนี้

ทั้งนี้เคเอฟซีได้ตั้งสำนักงานภูมิภาคขึ้นมา 4 แห่งเมือ่เร็วนี้ คือที่ นครศรีธรรมราช พิษณุโลก นครราชสีมา และชลบุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางในการควบคุมบริหารแต่ละภาค โดยจะมีผู้จัดการภาคหรือ District Manager 1 คนดูแลสาขาประมาณ 50 สาขา และจะขยายเพิ่มขึ้นในอนาคต นอกจากนั้นจะมีระดับรองลงมาคือ แอเรียโค้ชแมเนเจอร์หรือ Area Coach Manager ซึ่ง 1 คนจะดูแลร้านค้าประมาณ 6-7 สาขา ตามพื้นที่ โดยเคเอฟซีจะพยายาตั้งคนท้องถิ่นขึ้นมาบริหารเพื่อความสะดวกและความเหมาะสม

การทำแบบนี้เป็นการกระจายอำนาจและสร้างคนขึ้นมาสู่ระดับบริหาร อีกทั้งทำให้เกิดคความคล่องตัวในการแก้ไขปัญหาต่างๆในแต่ละพื้นที่ เพราะไม่ต้องรอส่วนกลางไปจัดการ ซึ่งรูปแบบนี้เรานำมาจากเคเอฟซีประเทศจีนมาพัฒนาปรับปรุงใหม่ ซึ่งที่จีนทำมานาน 4-5 ปีแล้ว เพราะเคเอฟซีที่นั่นขยายตัวเร็วมาก เติบโตเร็วที่สุดในโลกนอกจากอเมริกา ขณะที่ประเทศไทยใกล้ชิดกับจีนมาก อีกทั้งเคเอฟซีประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในเอเชียยกเว้นประเทศจีนที่บริษัทแม่มาลงทุนเอง (มีกลุ่มเซ็นทรัลรับสิทธิ์แฟรนไชส์ขยายสาขาร่วมด้วย)
กำลังโหลดความคิดเห็น