ศูนย์ข่าวเชียงใหม่- สมาคมธุรกิจท่องเที่ยว 17 จังหวัดภาคเหนือหรือ N 17 เตรียมระดมสมอง เพื่อบูรณาการหาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ เพื่อเป็นจุดขายร่วมกันหลังมหกรรมพืชสวนโลกฯจบ และส่อเค้าบรรยากาศการท่องเที่ยวภาคเหนือจะลดวูบเหตุสถานการณ์หมอกควัน เผยภาคเอกชนต้องเร่งปรับตัวออกไปโรดโชว์หาตลาดในต่างประเทศ เพื่อดึงนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้าภาคเหนือให้มากขึ้น หวังสลายช่วงโลว์ซีซันให้หมดไปหรือมีระยะสั้นที่สุด
นายทรงวิทย์ อิทธิพัฒนากุล นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผย ถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ว่า หลังจากนี้ไปเมื่อหมดเทศกาลสงกรานต์ไปแล้ว ก็จะเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซัน ทำให้สมาคมฯต้องพยายามหาทางไปโรดโชว์ในตลาดต่างประเทศ เพื่อเป็นการหาตลาดใหม่ ๆ เข้ามาในเชียงใหม่ให้มากขึ้น
ทั้งนี้ เดือนพฤษภาคมสมาคมฯ ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ เขต 1 (ททท.)จะออกโรดโชว์ในแถบประเทศตะวันออกกลาง เนื่องจากมีกำลังซื้อสูง และเป็นกลุ่มตลาดที่ใช้เวลาในการพักผ่อนหลายวัน อีกทั้งยังไม่มีการทำการตลาดนักท่องเที่ยวในแถบนี้อย่างจริงจัง ซึ่งถือเป็นช่องว่างที่ยังสามารถเจาะตลาดได้อีกมาก ส่วนเดือนพฤศจิกายน จะไปโรดโชว์ต่อที่ประเทศจีนโดยเน้นที่ คุนหมิง เป็นหลัก
นายทรงวิทย์ กล่าวต่ออีกว่า แม้ผู้ประกอบการจะออกไปโรดโชว์แต่ก็ขอเรียกร้องเรื่องไนท์ซาฟารี พืชสวนโลกฯให้มีการเปิดตัวต่อเนื่องต่อไป และที่สำคัญโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ ขอให้รัฐบาลเร่งสร้างให้เร็วสุดเพื่อขายกลุ่มประชุมสัมมนา ดึงคนเข้าเชียงใหม่มากขึ้น ขณะที่ 17 จังหวัดภาคเหนือพยายามร่วมกันหาจุดขายใหม่ ๆ เข้ามาเสริมตลาดเกื้อหนุนกันตลอดเวลาโดยดูจากงานมหกรรมพืชสวนโลกฯที่ผ่านมาแม้ภาพที่ออกมาจะถูกมองว่าจังหวัดเชียงใหม่ได้ประโยชน์แต่ในภาพรวมแล้วจังหวัดอื่น ๆ ของภาคเหนือได้รับประโยชน์จากงานนี้กันอย่างทั่วถึงจึงเชื่อว่าหากมีจุดขายร่วมกันทุกอย่างจะไม่มีโลว์ซีซันหรือไฮซีซันอย่างแน่นอน
สำหรับการประชุมร่วมกับกลุ่มสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภาคเหนือหรือ N 17 ที่จังหวัดลำพูนเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 30 เมษายน-2 พฤษภาคมนั้น นายทรงวิทย์ กล่าวว่า การประชุมเที่ยวนี้ คงจะเป็นการแสดงความยินดีต่อสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดลำพูน ที่ได้รับการจัดตั้งเป็นจังหวัดล่าสุด และจะมีการพูดคุยร่วมกันกับบรรดาสมาคมฯในภาคเหนือเกี่ยวกับสถานการณ์การท่องเที่ยว ที่จะต้องร่วมกันบูรณาการและทำยุทธศาสตร์เป็นภูมิภาคภาคเหนือ เพื่อหาจุดขายร่วมกัน
นอกจากนี้แต่ละสมาคมฯก็จะมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือเสนอแนะการปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ของแต่ละจังหวัดเพื่อนำกลับไปเป็นข้อเสนอให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวได้รับทราบข้อมูลซึ่งกัน และกันถือเป็นการผ่านช่องทางท่องเที่ยวและเป็นประโยชน์ร่วมกัน
ด้านนายวรพงษ์ หมู่ชาวใต้ อุปนายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวเสริมว่า สาเหตุที่สมาคมฯจะต้องมีการวางแผนเพื่อไปโรดโชว์ตามตลาดต่างประเทศให้มากขึ้นเป็นเพราะคาดหมายกันว่าตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคมไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน ธุรกิจท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่จะได้รับผลกระทบอย่างหนักแน่นอน เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซัน และจากการประเมินตัวเลขนักท่องเที่ยว ที่คาดว่าจะลดลงจากเทศกาลท่องเที่ยวปกติไปอีก 20 % รวมทั้งการแข่งขันของผู้ประกอบการเองที่ปัจจุบันมีการก่อสร้างโรงแรม และห้องพักเพิ่มขึ้นอีก 30% จะทำให้การแข่งขันรุนแรง ขณะที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวกลับไม่เพิ่มขึ้น
นายวรพงษ์ กล่าวต่ออีกว่า ช่วงการจัดงานพืชสวนโลกฯมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ประมาณ 250,000 กว่าคน ซึ่งถือว่าน้อยมาก เนื่องจากแพกเกจทัวร์มีราคาสูง ทำให้ต้นทุนการท่องเที่ยวสูง หลายรายจึงหันไปเที่ยวประเทศอื่นแทน รวมทั้งนักท่องเที่ยวคนไทยที่เดินทางมาเที่ยวในช่วงดังกล่าวมีจำนวนมากเกินไป ทำให้ไม่เดินทางมาเที่ยวเชียงใหม่อีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้สิ่งที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจะรีบแก้ไขให้เร็วที่สุด คือ การหาจุดดึงดูดหรือจุดขายใหม่ๆ ของจังหวัดเชียงใหม่ให้มากขึ้น โดยเฉพาะด้านศิลปวัฒธรรม วิถีชีวิต ขนบธรรมเนียมประเพณี ที่เป็นจุดเด่นของจังหวัด เพื่อดึงนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะตลาดอเมริกา ยุโรป ที่ถือว่าเป็นตลาดหลัก ให้มาเที่ยวมากขึ้นและไม่เปลี่ยนเส้นทางท่องเที่ยวไปยังประเทศอื่น
"จังหวัดเชียงใหม่ควรจะขายสินค้าที่มีอยู่ หรือธรรมชาติ มากกว่าการขายอีเวนต์ ที่จัดขึ้นเพียงครั้งเดียวแล้วก็หายไป นอกจากนี้ควรเร่งสร้างตลาดในประเทศ รวมทั้งจัดทำแพกเกจท่องเที่ยวที่คลอบคลุมจังหวัดข้างเคียงกันเข้าไปด้วย เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระจายรายได้ให้ทั่วถึง ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวสนใจมากกว่า" นายวรพงษ์ กล่าว
ด้านนายธนะชัย พงษ์โสภาวิจิตร นายกสมาคมท่องเที่ยวจังหวัดลำปาง กล่าวว่า สิ่งที่จังหวัดลำปางจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมของกลุ่มN 17 ในรอบนี้ก็คงไม่มีอะไรมากไปกว่าการเสนอในเรื่องของโปรแกรมการท่องเที่ยวที่ขอบรรจุเข้าไปเพื่อเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวในกลุ่มภาคเหนือเป็นมหภาคเดียวกัน เช่น งานรำลึกรถไฟ-รถม้าเมืองลำปาง งานล่องสะเปาและที่สำคัญคือการจัดงานเทศกาลเซรามิก ซึ่งถือว่าจังหวัดลำปางมีชื่อเสียงมากที่สุดในเรื่องนี้อยู่แล้ว
ส่วนการจะลงลึกในรายละเอียดเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในด้านอื่น ๆ เพื่อเป็นการบูรณาการร่วมกันก็ถือเป็นการดีและคงจะมีการแลกเปลี่ยนในที่ประชุมครั้งนี้ให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น เพราะอย่างการท่องเที่ยวควรจะเน้นในเรื่องการทำตลาดร่วมกันและเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน
ด้านเจ้าหน้าที่ของสมาคมท่องเที่ยวจังหวัดตากกล่าวว่า ในส่วนของจังหวัดตากจะยังไม่มีการระบุเนื้อหาในรายละเอียดที่จะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมกลุ่มN 17 แต่อย่างใดเพราะต้องรอนายกสมาคมฯคนใหม่ก่อนประกอบกับวันที่ 20 เมษายน จะมีการประชุมเกี่ยวกับการท่องเที่ยวของจังหวัดตากที่อำเภอแม่สอด และคงจะมีรายละเอียดเพื่อนำเข้าสู่ที่ประชุมที่จังหวัดลำพูนได้
อย่างน้อยที่สุด คงจะมีการรายงานสถานการณ์การท่องเที่ยว ที่ได้รับผลกระทบจากกรณีที่ออกข่าวกันว่า ที่จ.ตากได้รับผลกระทบจากหมอกควันทำให้การท่องเที่ยวซบเซาลงไปทันที ซึ่งในเรื่องนี้คงมีการพูดจากันว่าในความเป็นจริงแล้วจ.ตากไม่ได้รับผลกระทบมากนัก และแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ของจังหวัดตากก็ยังมีที่น่าท่องเที่ยวอีกมากมายโดยเฉพาะที่น้ำตกทีลอซู ที่ตอนนี้เริ่มเปิดให้บริการได้แล้ว
ลำพูนน้องเล็กขอผงาดร่วมตลาดท่องเที่ยว
นางสาวอำไพ ไชยพิจิตร นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดลำพูน กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับอนุญาตให้ก่อตั้งสมาคมได้เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา งานแรกของสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดลำพูนได้รับเป็นเจ้าภาพคือการประชุมผู้นำองค์กรท่องเที่ยวกลุ่ม N 17 หรือสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว 17 จังหวัดภาคเหนือโดยจะมีการประชุมทุก ๆ 4 เดือนซึ่งครั้งที่ 2 ของปีนี้จะจัดที่จังหวัดลำพูนระหว่างวันที่ 30 เมษายน-2 พฤษภาคม ทั้งนี้การประชุมจะมีการกำหนดยุทธศาสตร์พัฒนาการท่องเที่ยวของภูมิภาค ให้เกิดการกระจายนักท่องเที่ยวไปอย่างทั่วถึงและขับเคลื่อนแบบมหภาคในการเผยแพร่แหล่งท่องเที่ยวอันโดดเด่นของแต่ละจังหวัดกับผังเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงกัน
นางสาวอำไพ กล่าวต่อว่า ในส่วนของจังหวัดลำพูนเอง จะมุ่งเน้นไปที่การท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์และให้เห็นถึงศักยภาพของจังหวัดที่สามารถพัฒนาต่อไปได้จากทรัพยากรต้นทุน แต่การเสนอรูปแบบการท่องเที่ยวต่าง ๆเข้าสู่ที่ประชุมกลุ่ม 17 จังหวัดภาคเหนือจะเป็นการดีของลำพูนเพื่อให้ที่ประชุมได้วิเคราะห์ร่วมกันว่าจะใช้แนวทางพัฒนาเพื่อการท่องเที่ยวอย่างไรในระดับจุลภาคและเชื่อมโยงไปกับตลาดท่องเที่ยวของจังหวัดอื่น ๆ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน
นายทรงวิทย์ อิทธิพัฒนากุล นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผย ถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ว่า หลังจากนี้ไปเมื่อหมดเทศกาลสงกรานต์ไปแล้ว ก็จะเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซัน ทำให้สมาคมฯต้องพยายามหาทางไปโรดโชว์ในตลาดต่างประเทศ เพื่อเป็นการหาตลาดใหม่ ๆ เข้ามาในเชียงใหม่ให้มากขึ้น
ทั้งนี้ เดือนพฤษภาคมสมาคมฯ ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ เขต 1 (ททท.)จะออกโรดโชว์ในแถบประเทศตะวันออกกลาง เนื่องจากมีกำลังซื้อสูง และเป็นกลุ่มตลาดที่ใช้เวลาในการพักผ่อนหลายวัน อีกทั้งยังไม่มีการทำการตลาดนักท่องเที่ยวในแถบนี้อย่างจริงจัง ซึ่งถือเป็นช่องว่างที่ยังสามารถเจาะตลาดได้อีกมาก ส่วนเดือนพฤศจิกายน จะไปโรดโชว์ต่อที่ประเทศจีนโดยเน้นที่ คุนหมิง เป็นหลัก
นายทรงวิทย์ กล่าวต่ออีกว่า แม้ผู้ประกอบการจะออกไปโรดโชว์แต่ก็ขอเรียกร้องเรื่องไนท์ซาฟารี พืชสวนโลกฯให้มีการเปิดตัวต่อเนื่องต่อไป และที่สำคัญโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ ขอให้รัฐบาลเร่งสร้างให้เร็วสุดเพื่อขายกลุ่มประชุมสัมมนา ดึงคนเข้าเชียงใหม่มากขึ้น ขณะที่ 17 จังหวัดภาคเหนือพยายามร่วมกันหาจุดขายใหม่ ๆ เข้ามาเสริมตลาดเกื้อหนุนกันตลอดเวลาโดยดูจากงานมหกรรมพืชสวนโลกฯที่ผ่านมาแม้ภาพที่ออกมาจะถูกมองว่าจังหวัดเชียงใหม่ได้ประโยชน์แต่ในภาพรวมแล้วจังหวัดอื่น ๆ ของภาคเหนือได้รับประโยชน์จากงานนี้กันอย่างทั่วถึงจึงเชื่อว่าหากมีจุดขายร่วมกันทุกอย่างจะไม่มีโลว์ซีซันหรือไฮซีซันอย่างแน่นอน
สำหรับการประชุมร่วมกับกลุ่มสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภาคเหนือหรือ N 17 ที่จังหวัดลำพูนเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 30 เมษายน-2 พฤษภาคมนั้น นายทรงวิทย์ กล่าวว่า การประชุมเที่ยวนี้ คงจะเป็นการแสดงความยินดีต่อสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดลำพูน ที่ได้รับการจัดตั้งเป็นจังหวัดล่าสุด และจะมีการพูดคุยร่วมกันกับบรรดาสมาคมฯในภาคเหนือเกี่ยวกับสถานการณ์การท่องเที่ยว ที่จะต้องร่วมกันบูรณาการและทำยุทธศาสตร์เป็นภูมิภาคภาคเหนือ เพื่อหาจุดขายร่วมกัน
นอกจากนี้แต่ละสมาคมฯก็จะมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือเสนอแนะการปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ของแต่ละจังหวัดเพื่อนำกลับไปเป็นข้อเสนอให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวได้รับทราบข้อมูลซึ่งกัน และกันถือเป็นการผ่านช่องทางท่องเที่ยวและเป็นประโยชน์ร่วมกัน
ด้านนายวรพงษ์ หมู่ชาวใต้ อุปนายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวเสริมว่า สาเหตุที่สมาคมฯจะต้องมีการวางแผนเพื่อไปโรดโชว์ตามตลาดต่างประเทศให้มากขึ้นเป็นเพราะคาดหมายกันว่าตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคมไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน ธุรกิจท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่จะได้รับผลกระทบอย่างหนักแน่นอน เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซัน และจากการประเมินตัวเลขนักท่องเที่ยว ที่คาดว่าจะลดลงจากเทศกาลท่องเที่ยวปกติไปอีก 20 % รวมทั้งการแข่งขันของผู้ประกอบการเองที่ปัจจุบันมีการก่อสร้างโรงแรม และห้องพักเพิ่มขึ้นอีก 30% จะทำให้การแข่งขันรุนแรง ขณะที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวกลับไม่เพิ่มขึ้น
นายวรพงษ์ กล่าวต่ออีกว่า ช่วงการจัดงานพืชสวนโลกฯมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ประมาณ 250,000 กว่าคน ซึ่งถือว่าน้อยมาก เนื่องจากแพกเกจทัวร์มีราคาสูง ทำให้ต้นทุนการท่องเที่ยวสูง หลายรายจึงหันไปเที่ยวประเทศอื่นแทน รวมทั้งนักท่องเที่ยวคนไทยที่เดินทางมาเที่ยวในช่วงดังกล่าวมีจำนวนมากเกินไป ทำให้ไม่เดินทางมาเที่ยวเชียงใหม่อีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้สิ่งที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจะรีบแก้ไขให้เร็วที่สุด คือ การหาจุดดึงดูดหรือจุดขายใหม่ๆ ของจังหวัดเชียงใหม่ให้มากขึ้น โดยเฉพาะด้านศิลปวัฒธรรม วิถีชีวิต ขนบธรรมเนียมประเพณี ที่เป็นจุดเด่นของจังหวัด เพื่อดึงนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะตลาดอเมริกา ยุโรป ที่ถือว่าเป็นตลาดหลัก ให้มาเที่ยวมากขึ้นและไม่เปลี่ยนเส้นทางท่องเที่ยวไปยังประเทศอื่น
"จังหวัดเชียงใหม่ควรจะขายสินค้าที่มีอยู่ หรือธรรมชาติ มากกว่าการขายอีเวนต์ ที่จัดขึ้นเพียงครั้งเดียวแล้วก็หายไป นอกจากนี้ควรเร่งสร้างตลาดในประเทศ รวมทั้งจัดทำแพกเกจท่องเที่ยวที่คลอบคลุมจังหวัดข้างเคียงกันเข้าไปด้วย เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระจายรายได้ให้ทั่วถึง ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวสนใจมากกว่า" นายวรพงษ์ กล่าว
ด้านนายธนะชัย พงษ์โสภาวิจิตร นายกสมาคมท่องเที่ยวจังหวัดลำปาง กล่าวว่า สิ่งที่จังหวัดลำปางจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมของกลุ่มN 17 ในรอบนี้ก็คงไม่มีอะไรมากไปกว่าการเสนอในเรื่องของโปรแกรมการท่องเที่ยวที่ขอบรรจุเข้าไปเพื่อเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวในกลุ่มภาคเหนือเป็นมหภาคเดียวกัน เช่น งานรำลึกรถไฟ-รถม้าเมืองลำปาง งานล่องสะเปาและที่สำคัญคือการจัดงานเทศกาลเซรามิก ซึ่งถือว่าจังหวัดลำปางมีชื่อเสียงมากที่สุดในเรื่องนี้อยู่แล้ว
ส่วนการจะลงลึกในรายละเอียดเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในด้านอื่น ๆ เพื่อเป็นการบูรณาการร่วมกันก็ถือเป็นการดีและคงจะมีการแลกเปลี่ยนในที่ประชุมครั้งนี้ให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น เพราะอย่างการท่องเที่ยวควรจะเน้นในเรื่องการทำตลาดร่วมกันและเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน
ด้านเจ้าหน้าที่ของสมาคมท่องเที่ยวจังหวัดตากกล่าวว่า ในส่วนของจังหวัดตากจะยังไม่มีการระบุเนื้อหาในรายละเอียดที่จะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมกลุ่มN 17 แต่อย่างใดเพราะต้องรอนายกสมาคมฯคนใหม่ก่อนประกอบกับวันที่ 20 เมษายน จะมีการประชุมเกี่ยวกับการท่องเที่ยวของจังหวัดตากที่อำเภอแม่สอด และคงจะมีรายละเอียดเพื่อนำเข้าสู่ที่ประชุมที่จังหวัดลำพูนได้
อย่างน้อยที่สุด คงจะมีการรายงานสถานการณ์การท่องเที่ยว ที่ได้รับผลกระทบจากกรณีที่ออกข่าวกันว่า ที่จ.ตากได้รับผลกระทบจากหมอกควันทำให้การท่องเที่ยวซบเซาลงไปทันที ซึ่งในเรื่องนี้คงมีการพูดจากันว่าในความเป็นจริงแล้วจ.ตากไม่ได้รับผลกระทบมากนัก และแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ของจังหวัดตากก็ยังมีที่น่าท่องเที่ยวอีกมากมายโดยเฉพาะที่น้ำตกทีลอซู ที่ตอนนี้เริ่มเปิดให้บริการได้แล้ว
ลำพูนน้องเล็กขอผงาดร่วมตลาดท่องเที่ยว
นางสาวอำไพ ไชยพิจิตร นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดลำพูน กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับอนุญาตให้ก่อตั้งสมาคมได้เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา งานแรกของสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดลำพูนได้รับเป็นเจ้าภาพคือการประชุมผู้นำองค์กรท่องเที่ยวกลุ่ม N 17 หรือสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว 17 จังหวัดภาคเหนือโดยจะมีการประชุมทุก ๆ 4 เดือนซึ่งครั้งที่ 2 ของปีนี้จะจัดที่จังหวัดลำพูนระหว่างวันที่ 30 เมษายน-2 พฤษภาคม ทั้งนี้การประชุมจะมีการกำหนดยุทธศาสตร์พัฒนาการท่องเที่ยวของภูมิภาค ให้เกิดการกระจายนักท่องเที่ยวไปอย่างทั่วถึงและขับเคลื่อนแบบมหภาคในการเผยแพร่แหล่งท่องเที่ยวอันโดดเด่นของแต่ละจังหวัดกับผังเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงกัน
นางสาวอำไพ กล่าวต่อว่า ในส่วนของจังหวัดลำพูนเอง จะมุ่งเน้นไปที่การท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์และให้เห็นถึงศักยภาพของจังหวัดที่สามารถพัฒนาต่อไปได้จากทรัพยากรต้นทุน แต่การเสนอรูปแบบการท่องเที่ยวต่าง ๆเข้าสู่ที่ประชุมกลุ่ม 17 จังหวัดภาคเหนือจะเป็นการดีของลำพูนเพื่อให้ที่ประชุมได้วิเคราะห์ร่วมกันว่าจะใช้แนวทางพัฒนาเพื่อการท่องเที่ยวอย่างไรในระดับจุลภาคและเชื่อมโยงไปกับตลาดท่องเที่ยวของจังหวัดอื่น ๆ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน