ฝากขัง-ค้านประกัน แก๊งค้ายาไอซ์ พร้อมอายัดตัว "เสธ. น๊อต"ห้ามเยี่ยม จัดกำลังเฝ้าตลอด 24 ชม. “อดิศร” สั่งเร่งขยายผล เลื่อนชั้นยศปลอบขวัญตำรวจบาดเจ็บ-เสียชีวิต พร้อมถามหาเสื้อเกราะป้องกันความสูญเสีย “บุญสร้าง” ลั่นไม่ปกป้องทหารที่เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด พร้อมตั้งกรรมการสอบ ด้าน “เสธ.น๊อต”ปิดปากเงียบ อ้างรอนายทหารพระธรรมนูญ ตำรวจมั่นใจหลักฐานชัด
วานนี้(12 เม.ย.)เวลา 09.00 น.ที่ สน.ดินแดง ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเหตุตำรวจชุดสืบสวน กก.สส.บก.น.1 ล่อซื้อยาไอซ์จากแก๊งค้ายาที่มี พ.ต.ชานนท์ ชิณวงศ์ นายทหารสังกัดกิจการพลเรือนประจำหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 42 จังหวัดยะลา เป็นหัวหน้าแก๊ง จนถูกคนร้ายยิงต่อสู้จนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตทั้งสองฝ่ายว่า ในคดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ก่อเหตุมาได้ทั้งหมด 4 คน ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีผู้ต้องหาหนึ่งรายหลบหนีไปนั้นเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเนื่องจากในช่วงเกิดเหตุมีความชุลมุนวุ่นวายเป็นอย่างมากแต่เมื่อมีการตรวจสอบอย่างละเอียดโดยการสอบปากคำผู้ต้องหาที่รอดชีวิตมาได้นั้นก็ได้ความว่ามีทั้งหมดแค่ 4 คนเท่านั้น
สำหรับผู้ต้องหาทั้งหมด 4 คน คือ พ.ต.ชานนท์ หรือ “เสธ น๊อต” ชิณวงศ์ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7/357 ซ.เลียบคลอง19 แขวงสามวาตะวันออก เขตคลองสามวา นายสุขุม หรือ เบียร์ เจือแจ่มจันทร์ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18/19 หมู่ 9 แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา นายวิฑูรย์ หรือ ผู้ใหญ่ฑูรย์ นิยกิจ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45/2 หมู่ 14 ต.ดอนสัก อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี และนายพนม หรือ แตง ละอองแท้ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 90 หมู่ 10 ต.ชุมพล กิ่ง อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง ซึ่งถูกตำรวจยิงเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
โดยจับกุมตัวได้พร้อมของกลาง ยาไอซ์ จำนวน 3 ถุง น้ำหนัก 12.1 กรัม ซึ่งได้จากการล่อซื้อและพบในรถยนต์ทะเบียน ฐจ 1996 กทม.ของนายสุขุม ยาไอซ์ 3 ถุง น้ำหนัก 2.4 กรัม ซึ่งพบในกระเป๋าปืนภายในห้อง 302 ของ พ.ต.ชานนท์ ยาไอซ์ 1 ถุง น้ำหนัก 0.6 กรัม พบในกระเป๋ากางเกงที่นายวิฑูรย์ สวมใส่อยู่ อุปกรณ์การเสพ 2 ชุด ที่พบในห้อง 302 และ 305 อาวุธปืนกล็อค 9 มม. ทะเบียน กท 4936347 จำนวน 1 กระบอก ของ พ.ต.ชานนท์ อาวุธปืนซิกเซาเออร์ 11 มม. ไม่มีทะเบียน 1 กระบอก อาวุธปืนยี่ห้อเรก (Reck) ขนาด 7.65 จำนวน 1 กระบอก ซึ่งพบในห้อง 302 แม็กกาซีนอาวุธปืนขนาด 11 มม. 9 มม. และเอ็ม 16 จำนวน จำนวน 9 อัน กระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 35 นัด กระสุนปืนขนาด 11 มม. จำนวน 62 นัด กระสุนปืนขนาด 7.65 (เอ็ม16) จำนวน 73 นัด
ผู้ต้องหาทั้งสี่คนถูกแจ้งข้อกล่าวหาต่างๆ ดังนี้ พ.ต.ชานนท์ ถูกแจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย, มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย, ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่โดยมีและใช้อาวุธปืน, พยายามฆ่า และฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนโดยไม่มีเหตุอันควร
นายสุขุม นายวิฑูรย์ และนายพนม ถูกแจ้งข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครอบเพื่อจำหน่าย และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่
แฉเสธ.น็อตเปิดฉากยิงใส่ตำรวจ
จากการสอบสวนนายวิฑูรย์ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้เดินทางมากรุงเทพฯเพื่อมาหาพรรคพวกและกำลังจะเดินทางกลับในช่วงบ่ายวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่ระหว่างนั้น พ.ต.ชานนท์ ชิณวงศ์ ได้โทรศัพท์มาหาเพื่อชวนมาเสพยาเสพติด (ยาไอซ์) ที่ห้องพักเลขที่ 305 และมีหญิงสาวคอยอยู่ จึงตัดสินเดินทางมาหา พ.ต.ชานนท์
นายวิฑูรย์ ให้การต่อว่า เมื่อมาถึงห้องพักก็พบ พ.ต.ชานนท์ และนายพนม ละอองแท้ ที่ถูกยิงเสียชีวิต นายสุขุม เจือแจ่มจันทร์ อยู่ภายในห้อง ซึ่งขณะอยู่ภายในห้องสักพักก็มีคนมาเคาะประตู ตนพร้อมด้วย พ.ต.ชานนท์ จึงลุกไปเปิดประตูห้องก็พบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พ.ต.ชานนท์ จึงพลักประตูดันไว้ และเห็น พ.ต.ชานนท์ ชักอาวุธปืนที่พกติดตัวออกมายิงใส่กลุ่มเจ้าหน้าที่ที่อยู่หน้าประตู หลังจากนั้นก็เกิดการชุลมุนกันขึ้นมีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ด้วยความตกใจตนได้วิ่งไปหลังห้องแล้วปีนระเบียงหลบหนีลงมายังชั้นล่างแต่ก็ไม่รอดถูกตำรวจอีกชุดที่อยู่ด้านล่างจับกุมตัวไว้ได้
นายวิฑูรย์ ให้การว่า สำหรับตนกับ พ.ต.ชานนท์ และเพื่อนๆในกลุ่มรู้จักกันมานาน 3-4 ปี แล้วและมีการเสพยาเสพติด (ยาไอซ์) เป็นประจำซึ่งจะมีการเปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อยๆ ส่วนประวัติของตนนั้นเคยต้องคดีจ้างวานฆ่า นางพิกุล ศรีนวล ถึงแก่ความตายเหตุเกิดหน้าร้านขายของชำหมู่ 3 ต.กรูด อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อปี 40 ต่อมาตนได้มอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนกระทั่งอัยการพิจารณาสั่งไม่ฟ้อง และเมื่อสามเดือนที่ผ่านมาตนก็เคยถูกตำรวจจับกุมเรื่องอาวุธปืนในท้องที่ สน.ลาดพร้าว
ด้านนายสุขุม ให้การว่า ได้รับโทรศัพท์จาก พ.ต.ชานนท์ ให้มาพบกันที่ห้องเช่นกัน ระหว่างที่อยู่ในห้องนั้นตำรวจก็จะเข้ามาจับกุมจนเกิดเหตุยิงกันดังกล่าว หลังจากนั้นก็หลบหนีออกไปทางระเบียงหลังห้องเช่นกันเมื่อมาถึงชั้นล่างก็เข้าไปนั่งแอบอยู่ในรถกระบะอีซูซุ รุ่นดีแม็ค สีเทา แต่ก็หลบไม่พ้นจนกระทั่งมาถูกจับกุม ส่วนตนนั้นเคยถูกตำรวจ บช.ปส.จับกุมในคดียาเสพติดเมื่อประมาณปี 48 ขณะนี้อยู่ระหว่างประกันตัวออกมาต่อสู้คดีในชั้นศาล
ฝากขัง-ค้านประกันตัว
ต่อมาเวลา 10.30 น. พ.ต.อ.สุรนิตย์ พ.ต.ท.ชยุธ พร้อมกำลังควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปพลัดฟ้องฝากขังที่ศาลอาญารัชดา โดยพนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องของควบคุมตัวผู้ต้องหาต่อไปอีกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 12 เม.ย.-23 เม.ย. เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น และขอคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากคดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ และมีเจ้าหน้าที่รัฐร่วมก่อเหตุ เกรงว่าหากได้รับการประกันตัวผู้ต้องหาจะหลบหนีและไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
ทั้งนี้พนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องขอฝากขัง พ.ต.ชานนท์ ไปพร้อมๆกันด้วยแต่ไม่ต้องนำตัวไปฝากขังเนื่องจากผู้ต้องหายังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลรามา หลังจากนั้นจะได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองมาสอบสวนขยายผลต่อไป ส่วน พ.ต.ชานนท์ รอให้อาการดีขึ้นก่อนจากนั้นก็จะประสานทหารพระธรรมนูญดำเนินคดีอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ พ.ต.ชานนท์ นั้นขณะนี้อยู่ระหว่างรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลรามาขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้วซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดินแดง และกก.สส.บก.น.1 ได้จัดกำลังเฝ้าตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าเยี่ยม ส่วนทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ คือ ร.ต.ท.สาริษฐ์ อักษร รอง สว.กก.สส.บก.น.1 ยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียูโรงพยาบาลพญาไท 2 ขณะนี้อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว ส่วน ด.ต.มาโนช ศรีละคร ผบ.หมู่ กก.สส.บก.น.1 ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสโดยถูกยิงเข้าที่ศีรษะ และตามลำตัวหลายนัดขณะนี้อาการยังไม่พ้นขีดอันตรายซึ่งแพทย์พยาบาลโรงพยาบาลราชวิถีต้องการให้ดูแลอย่างใกล้ชิด
“เสธ.น็อต”อ้างเป็น ปส.เตรียมหนี
ผู้สื่อข่าวรายว่า หลังจาก พ.ต.ชานนท์ ยิงต่อสู้ขัดขวางการจับกุมกับตำรวจจนตัวเองถูกยิงได้รับบาดเจ็บ พ.ต.ชานนท์ได้ออกอุบายและอาศัยช่วงชุลมุนแอบอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปส. ที่เข้ามาติดต่อล่อซื้อยาเสพติดในที่เกิดเหตุและถูกคนร้ายยิงได้รับบาดเจ็บพร้อมทั้งแสดงบัตรประจำตัวข้าราชการโดยบอกให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอาคาร และลูกน้องช่วยพยุงไปที่รถกระบะที่จอดอยู่บริเวณด้านล่างอาคารและเตรียมที่จะหลบหนีออกไปจากที่เกิดเหตุ โดยขณะนั้น พ.ต.ชานนท์ พกปืนสั้นขึ้นลำไว้พร้อมยิงที่เอว และมีแม็กกาซีนบรรจุกระสุนเต็มแม็กอีก 4 อันอยู่ข้างลำตัวโดยมือจับเตรียมพร้อมไว้ที่ปืนอยู่ตลอดเพื่อเตรียมจะหลบหนีแต่พ.ต.ท.ศุภกฤช เดือนแจ้งรัมย์ สว.สส.สน.ดินแดง พร้อมกำลังชุดสืบสวน ซึ่งเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุพอดีและได้วางกำลังปิดล้อมพื้นที่อยู่ได้สังเกตเห็นคนกำลังอุ้มตัว พ.ต.ชานนท์ ขึ้นรถจึงเข้าไปตรวจสอบพบว่ามีการพกปืนและถูกยิงได้รับบาดเจ็บ โดยมีท่าทีพิรุธจึงควบคุมตัวไว้ก่อนกระทั่งตรวจสอบพบว่าเป็นหนึ่งในคนร้ายจึงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวไว้ก่อนนำส่งโรงพยาบาล
เลื่อนชั้นยศตำรวจเหยื่อแก๊งค้ายา
ที่โรงพยาบาลพญาไท 2 เวลา 11.30 น.พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผบช.น. พล.ต.ต.มานิตย์ วงศ์สมบูรณ์ ผบก.น.1 พร้อมคณะได้เดินทางมาเยี่ยมอาการ ร.ต.ท.สาริษฐ์ ที่พักรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู โดยมีการมอบช่อดอกไม้และเงินช่วยเหลือเบื้องต้น จำนวน 42,000 บาท เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ
พล.ต.ท.อดิศร กล่าวว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้มอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ ร.ต.ท.สาริษฐ์ จำนวน 42,800 บาท และเพิ่มเงินเดือนให้อีก 4 ขั้น ส่วนตำรวจที่เสียชีวิต 2 นาย คือ ส.ต.ท.ไสว อาจหนองหว้า ที่ถูกยิงและเสียชีวิตในที่เกิดเหตุจะได้รับเงินช่วยเหลือ 450,000 บาท และเลื่อนยศ 5 ชั้นยศจาก ส.ต.ท.เลื่อนเป็น ร.ต.ท. ขณะที่ ด.ต.มาโนช ศรีละคร ที่ถูกยิงเข้าศีรษะ อาการยังวิกฤติ เบื้องต้นได้ช่วยเหลือเงินจำนวน 599,500 บาท และเตรียมเลื่อนยศ 5 ชั้นยศจาก ด.ต.เลื่อนเป็น พ.ต.ท.พร้อมเพิ่มเงินเดือนอีก 7 ขั้น
พล.ต.ท.อดิศร กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีนี้ ว่า การสืบสวนขยายผลทราบว่าผู้ต้องหาแก๊งนี้นายวิฑูรย์ และนายสุขุม ต้องคดีปล้นฆ่า และยาเสพติดในพื้นที่อื่นโดยได้สั่งการให้ประสานตำรวจท้องที่นั้นๆ เข้าตรวจค้นบ้านพักของผู้ต้องหาทั้งสอง นอกจากนี้ ยังมีการนำผู้ต้องหาทั้ง 4 ตรวจหาสารเสพติด ซึ่งเบื้องต้นได้รับรายงานว่าทุกคนมีสารเสพติดอยู่ในร่างกาย สำหรับ พ.ต.ชานนท์ นั้น ได้ประสานผู้บังคับบัญชาให้ส่งนายทหารพระธรรมนูญมาร่วมสอบสวนแล้วขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนของพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง
“การขยายผลคดีนี้ยังไม่แน่ชัดว่า พ.ต.ชานนท์ นำยาเสพติดมาจากที่แหล่งใด แต่คาดว่าน่าจะมีการรับยาเสพติดมาจากภาคตะวันออกก่อนจะนำไปจำหน่ายในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากมีความคุ้นเคยในพื้นที่เป็นอย่างดีประกอบกับใช้ตำแหน่งหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามยาเสพติดมาใช้ในทางที่ผิด เวลาผ่านเส้นทางที่มีการตั้งด่านตรวจค้นก็สามารถผ่านการตรวจไปได้ เพราะเป็นข้าราชการทหาร”
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า จะนำเรื่องการล่อซื้อยาเสพติดเข้าหารือในที่ประชุมกองบัญชาการตำรวจนครบาลวันที่ 16 เม.ษ.นี้ เพื่อปรับแนวทางการทำงานให้มีความปลอดภัยมากขึ้น พร้อมของบจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อจัดซื้อเสื้อเกราะเพิ่มเติมจากเดิมที่มีใช้เฉพาะหน่วยอรินทราช 26 เท่านั้น
ยาไอซ์ลำเลียงจากตะวันออกสู่ภาคใต้
จากนั้นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางเข้ารายงานต่อ พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ( ผช.ผบ.ตร.)พร้อมกล่าวว่าขณะนี้จากการสืบสวนขยายผล ยังไม่พบความเชื่อมโยงกับขบวนการค้ายาเสพติดในภาคใต้ แต่ได้แจ้งตำรวจในพื้นที่ที่ผู้ต้องหามีภูมิลำเนาอยู่ตรวจสอบประวัติและร่วมกับกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ( บช.ปส.) ขยายผล จนพบว่าเส้นทางยาไอซ์ มาจากภาคตะวันออก ลำเลียงผ่านกรุงเทพมหานคร ลงสู่ภาคใต้ ซึ่งเป็นขบวนการที่ทำเป็นอาชีพและทำมานานแล้ว แต่ยังไม่ถึงกับเป็นขบวนการใหญ่ ซึ่งเครือข่ายมีทั้งผู้เสพและผู้ขาย
ด้าน พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ กล่าวยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีทหารเข้ามาช่วยเหลือ พ.ต.ชานนท์ ที่ถูกยิง มีเพียงนายทหารพระธรรมนูญมาร่วมสอบปากคำตามขั้นต้อน ยืนยันว่าแก๊งค้ายาไอซ์รายนี้ถูกจับกุมทั้งหมดแล้ว แต่เชื่อว่ายังมีผู้ร่วมขบวนการหลงเหลืออยู่ตามแหล่งต่าง ๆ และจากการตรวจปัสสาวะพบว่าเป็นสีม่วง และมีสารเสพติดหมดทุกคน
“เสธ.น็อต”ไม่ยอมให้การ
พล.ต.ต.มานิตย์ วงศ์สมบูรณ์ ได้เดินทางไปที่รพ.รามาชั้น 5 แผนกไสยกรรมแพทย์ ที่ห้องผู้ป่วยรวมเพื่อไปสอบปากคำพ ต.ชานนท์ ชินวงศ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรยากาศหน้าห้องพักรักษาตัวมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด
พล.ต.ต.มานิตย์ กล่าวว่า พ.ต.ชานนท์ บอกว่าไม่สามารถให้ปากคำได้ แต่ให้ปากคำต่อเมื่อมีนายทหารพระธรรมนูญมาด้วย ซึ่งจะต้องย้ายพ.ต.ชานนท์ ไปรักษาตัวต่อที่รพ.ตำรวจเพราะถือว่าเป็นผู้ต้องหาต้องทำตามขั้นตอนเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างไรก็ตามคดีดังกล่าวเจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานยันว่าพ.ต.ชานนท์มีส่วนเกี่ยวข้องและพัวพันด้วย เพราะจากการสอบปากคำผู้ต้องหาคนอื่นและเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าพ.ต.ชานนท์มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนจะมีคนอื่นเกี่ยวข้องหรือไม่เจ้าหน้าที่จะต้องทำการสืบสวนต่อไป เบื้องต้นยังไม่พบภรรยาของพ.ต.ชานนท์มีส่วนเกี่ยวข้องเรื่องนี้ เนื่องจากขณะเกิดเหตุอยู่อีกห้องหนึ่งแต่อย่างไรก็ตามจะนำตัวมาสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไร
“บุญสร้าง”ไม่ป้องทหารค้ายา
พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เปิดเผยกรณีที่ พ.ต.ชานนท์ นายทหารสังกัดกิจการพลเรือนประจำหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 42 จังหวัดยะลา พื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ พัวพันค้ายาเสพติด ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดีที่มีกำลังพลเข้าไปเกี่ยวข้อง ซึ่งทหารต้องทำแต่สิ่งดี ทั้งนี้ยืนยันว่า ไม่มีการปกป้องผู้ที่กระทำผิดตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริง ซึ่งในส่วนของบก.สูงสุด ก็ได้มีการสั่งการให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนเรื่องนี้แล้ว ทั้งนี้เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้น ก็ต้องมีการตรวจสอบกำลังพลว่า มีคนใดเข้าไปเกี่ยวข้องอีก จะต้องมีการดูแลเป็นพิเศษ รวมทั้งดูด้วยว่ามีใครบกพร่อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต. คนดังกล่าว จะทำให้ส่งผลต่อภาพลักษณ์ ในฐานะที่ลงทำไปทำงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชาย แดนภาคใต้หรือไม่ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ปลาในคอกเดียวกัน เมื่อเน่าไปจำนวนหนึ่ง ก็ส่งกลิ่นไม่ดี แต่อยากให้ประชาชนเข้าใจว่า ทหารมีจำนวนมากมายก็ต้องมีบ้าง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมีจำนวนน้อย แต่ตนก็ไม่อยากให้มีเลย แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้ ขณะเดียวกันได้ส่งเจ้าหน้าที่กรมพระธรรมนูญไปร่วมการสอบสวนด้วย เพราะอยากจะได้ข้อเท็จจริงที่ยังไม่ทราบอีกอย่างไรก็ตามยืนยันว่า การส่งเจ้าหน้าที่กรมพระธรรมนูญไป ไม่ใช่เป็นการปกป้อง แต่เป็นการหาข้อเท็จจริง
ส่วนจะมีการดำเนินคดีอาญาและวินัยหรือไม่ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับผลการสอบสวน ถ้าผิดวินัยก็จะต้องดำเนินการตามขั้นตอน อย่างไรก็ตามยืนยันว่า กองทัพไทยที่มีกำลังพล 400,000 กว่าคน เราปฏิญาณว่าจะดำเนินการด้วยความเข้มแข็งและอยู่ในความดี เพื่อช่วยเหลือประชาชนสุดความสามารถ
วานนี้(12 เม.ย.)เวลา 09.00 น.ที่ สน.ดินแดง ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเหตุตำรวจชุดสืบสวน กก.สส.บก.น.1 ล่อซื้อยาไอซ์จากแก๊งค้ายาที่มี พ.ต.ชานนท์ ชิณวงศ์ นายทหารสังกัดกิจการพลเรือนประจำหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 42 จังหวัดยะลา เป็นหัวหน้าแก๊ง จนถูกคนร้ายยิงต่อสู้จนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตทั้งสองฝ่ายว่า ในคดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ก่อเหตุมาได้ทั้งหมด 4 คน ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีผู้ต้องหาหนึ่งรายหลบหนีไปนั้นเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเนื่องจากในช่วงเกิดเหตุมีความชุลมุนวุ่นวายเป็นอย่างมากแต่เมื่อมีการตรวจสอบอย่างละเอียดโดยการสอบปากคำผู้ต้องหาที่รอดชีวิตมาได้นั้นก็ได้ความว่ามีทั้งหมดแค่ 4 คนเท่านั้น
สำหรับผู้ต้องหาทั้งหมด 4 คน คือ พ.ต.ชานนท์ หรือ “เสธ น๊อต” ชิณวงศ์ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7/357 ซ.เลียบคลอง19 แขวงสามวาตะวันออก เขตคลองสามวา นายสุขุม หรือ เบียร์ เจือแจ่มจันทร์ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18/19 หมู่ 9 แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา นายวิฑูรย์ หรือ ผู้ใหญ่ฑูรย์ นิยกิจ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45/2 หมู่ 14 ต.ดอนสัก อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี และนายพนม หรือ แตง ละอองแท้ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 90 หมู่ 10 ต.ชุมพล กิ่ง อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง ซึ่งถูกตำรวจยิงเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
โดยจับกุมตัวได้พร้อมของกลาง ยาไอซ์ จำนวน 3 ถุง น้ำหนัก 12.1 กรัม ซึ่งได้จากการล่อซื้อและพบในรถยนต์ทะเบียน ฐจ 1996 กทม.ของนายสุขุม ยาไอซ์ 3 ถุง น้ำหนัก 2.4 กรัม ซึ่งพบในกระเป๋าปืนภายในห้อง 302 ของ พ.ต.ชานนท์ ยาไอซ์ 1 ถุง น้ำหนัก 0.6 กรัม พบในกระเป๋ากางเกงที่นายวิฑูรย์ สวมใส่อยู่ อุปกรณ์การเสพ 2 ชุด ที่พบในห้อง 302 และ 305 อาวุธปืนกล็อค 9 มม. ทะเบียน กท 4936347 จำนวน 1 กระบอก ของ พ.ต.ชานนท์ อาวุธปืนซิกเซาเออร์ 11 มม. ไม่มีทะเบียน 1 กระบอก อาวุธปืนยี่ห้อเรก (Reck) ขนาด 7.65 จำนวน 1 กระบอก ซึ่งพบในห้อง 302 แม็กกาซีนอาวุธปืนขนาด 11 มม. 9 มม. และเอ็ม 16 จำนวน จำนวน 9 อัน กระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 35 นัด กระสุนปืนขนาด 11 มม. จำนวน 62 นัด กระสุนปืนขนาด 7.65 (เอ็ม16) จำนวน 73 นัด
ผู้ต้องหาทั้งสี่คนถูกแจ้งข้อกล่าวหาต่างๆ ดังนี้ พ.ต.ชานนท์ ถูกแจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย, มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย, ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่โดยมีและใช้อาวุธปืน, พยายามฆ่า และฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนโดยไม่มีเหตุอันควร
นายสุขุม นายวิฑูรย์ และนายพนม ถูกแจ้งข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครอบเพื่อจำหน่าย และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่
แฉเสธ.น็อตเปิดฉากยิงใส่ตำรวจ
จากการสอบสวนนายวิฑูรย์ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้เดินทางมากรุงเทพฯเพื่อมาหาพรรคพวกและกำลังจะเดินทางกลับในช่วงบ่ายวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่ระหว่างนั้น พ.ต.ชานนท์ ชิณวงศ์ ได้โทรศัพท์มาหาเพื่อชวนมาเสพยาเสพติด (ยาไอซ์) ที่ห้องพักเลขที่ 305 และมีหญิงสาวคอยอยู่ จึงตัดสินเดินทางมาหา พ.ต.ชานนท์
นายวิฑูรย์ ให้การต่อว่า เมื่อมาถึงห้องพักก็พบ พ.ต.ชานนท์ และนายพนม ละอองแท้ ที่ถูกยิงเสียชีวิต นายสุขุม เจือแจ่มจันทร์ อยู่ภายในห้อง ซึ่งขณะอยู่ภายในห้องสักพักก็มีคนมาเคาะประตู ตนพร้อมด้วย พ.ต.ชานนท์ จึงลุกไปเปิดประตูห้องก็พบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พ.ต.ชานนท์ จึงพลักประตูดันไว้ และเห็น พ.ต.ชานนท์ ชักอาวุธปืนที่พกติดตัวออกมายิงใส่กลุ่มเจ้าหน้าที่ที่อยู่หน้าประตู หลังจากนั้นก็เกิดการชุลมุนกันขึ้นมีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ด้วยความตกใจตนได้วิ่งไปหลังห้องแล้วปีนระเบียงหลบหนีลงมายังชั้นล่างแต่ก็ไม่รอดถูกตำรวจอีกชุดที่อยู่ด้านล่างจับกุมตัวไว้ได้
นายวิฑูรย์ ให้การว่า สำหรับตนกับ พ.ต.ชานนท์ และเพื่อนๆในกลุ่มรู้จักกันมานาน 3-4 ปี แล้วและมีการเสพยาเสพติด (ยาไอซ์) เป็นประจำซึ่งจะมีการเปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อยๆ ส่วนประวัติของตนนั้นเคยต้องคดีจ้างวานฆ่า นางพิกุล ศรีนวล ถึงแก่ความตายเหตุเกิดหน้าร้านขายของชำหมู่ 3 ต.กรูด อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อปี 40 ต่อมาตนได้มอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนกระทั่งอัยการพิจารณาสั่งไม่ฟ้อง และเมื่อสามเดือนที่ผ่านมาตนก็เคยถูกตำรวจจับกุมเรื่องอาวุธปืนในท้องที่ สน.ลาดพร้าว
ด้านนายสุขุม ให้การว่า ได้รับโทรศัพท์จาก พ.ต.ชานนท์ ให้มาพบกันที่ห้องเช่นกัน ระหว่างที่อยู่ในห้องนั้นตำรวจก็จะเข้ามาจับกุมจนเกิดเหตุยิงกันดังกล่าว หลังจากนั้นก็หลบหนีออกไปทางระเบียงหลังห้องเช่นกันเมื่อมาถึงชั้นล่างก็เข้าไปนั่งแอบอยู่ในรถกระบะอีซูซุ รุ่นดีแม็ค สีเทา แต่ก็หลบไม่พ้นจนกระทั่งมาถูกจับกุม ส่วนตนนั้นเคยถูกตำรวจ บช.ปส.จับกุมในคดียาเสพติดเมื่อประมาณปี 48 ขณะนี้อยู่ระหว่างประกันตัวออกมาต่อสู้คดีในชั้นศาล
ฝากขัง-ค้านประกันตัว
ต่อมาเวลา 10.30 น. พ.ต.อ.สุรนิตย์ พ.ต.ท.ชยุธ พร้อมกำลังควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปพลัดฟ้องฝากขังที่ศาลอาญารัชดา โดยพนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องของควบคุมตัวผู้ต้องหาต่อไปอีกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 12 เม.ย.-23 เม.ย. เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น และขอคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากคดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ และมีเจ้าหน้าที่รัฐร่วมก่อเหตุ เกรงว่าหากได้รับการประกันตัวผู้ต้องหาจะหลบหนีและไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
ทั้งนี้พนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องขอฝากขัง พ.ต.ชานนท์ ไปพร้อมๆกันด้วยแต่ไม่ต้องนำตัวไปฝากขังเนื่องจากผู้ต้องหายังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลรามา หลังจากนั้นจะได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองมาสอบสวนขยายผลต่อไป ส่วน พ.ต.ชานนท์ รอให้อาการดีขึ้นก่อนจากนั้นก็จะประสานทหารพระธรรมนูญดำเนินคดีอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ พ.ต.ชานนท์ นั้นขณะนี้อยู่ระหว่างรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลรามาขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้วซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดินแดง และกก.สส.บก.น.1 ได้จัดกำลังเฝ้าตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าเยี่ยม ส่วนทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ คือ ร.ต.ท.สาริษฐ์ อักษร รอง สว.กก.สส.บก.น.1 ยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียูโรงพยาบาลพญาไท 2 ขณะนี้อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว ส่วน ด.ต.มาโนช ศรีละคร ผบ.หมู่ กก.สส.บก.น.1 ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสโดยถูกยิงเข้าที่ศีรษะ และตามลำตัวหลายนัดขณะนี้อาการยังไม่พ้นขีดอันตรายซึ่งแพทย์พยาบาลโรงพยาบาลราชวิถีต้องการให้ดูแลอย่างใกล้ชิด
“เสธ.น็อต”อ้างเป็น ปส.เตรียมหนี
ผู้สื่อข่าวรายว่า หลังจาก พ.ต.ชานนท์ ยิงต่อสู้ขัดขวางการจับกุมกับตำรวจจนตัวเองถูกยิงได้รับบาดเจ็บ พ.ต.ชานนท์ได้ออกอุบายและอาศัยช่วงชุลมุนแอบอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปส. ที่เข้ามาติดต่อล่อซื้อยาเสพติดในที่เกิดเหตุและถูกคนร้ายยิงได้รับบาดเจ็บพร้อมทั้งแสดงบัตรประจำตัวข้าราชการโดยบอกให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอาคาร และลูกน้องช่วยพยุงไปที่รถกระบะที่จอดอยู่บริเวณด้านล่างอาคารและเตรียมที่จะหลบหนีออกไปจากที่เกิดเหตุ โดยขณะนั้น พ.ต.ชานนท์ พกปืนสั้นขึ้นลำไว้พร้อมยิงที่เอว และมีแม็กกาซีนบรรจุกระสุนเต็มแม็กอีก 4 อันอยู่ข้างลำตัวโดยมือจับเตรียมพร้อมไว้ที่ปืนอยู่ตลอดเพื่อเตรียมจะหลบหนีแต่พ.ต.ท.ศุภกฤช เดือนแจ้งรัมย์ สว.สส.สน.ดินแดง พร้อมกำลังชุดสืบสวน ซึ่งเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุพอดีและได้วางกำลังปิดล้อมพื้นที่อยู่ได้สังเกตเห็นคนกำลังอุ้มตัว พ.ต.ชานนท์ ขึ้นรถจึงเข้าไปตรวจสอบพบว่ามีการพกปืนและถูกยิงได้รับบาดเจ็บ โดยมีท่าทีพิรุธจึงควบคุมตัวไว้ก่อนกระทั่งตรวจสอบพบว่าเป็นหนึ่งในคนร้ายจึงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวไว้ก่อนนำส่งโรงพยาบาล
เลื่อนชั้นยศตำรวจเหยื่อแก๊งค้ายา
ที่โรงพยาบาลพญาไท 2 เวลา 11.30 น.พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผบช.น. พล.ต.ต.มานิตย์ วงศ์สมบูรณ์ ผบก.น.1 พร้อมคณะได้เดินทางมาเยี่ยมอาการ ร.ต.ท.สาริษฐ์ ที่พักรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู โดยมีการมอบช่อดอกไม้และเงินช่วยเหลือเบื้องต้น จำนวน 42,000 บาท เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ
พล.ต.ท.อดิศร กล่าวว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้มอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ ร.ต.ท.สาริษฐ์ จำนวน 42,800 บาท และเพิ่มเงินเดือนให้อีก 4 ขั้น ส่วนตำรวจที่เสียชีวิต 2 นาย คือ ส.ต.ท.ไสว อาจหนองหว้า ที่ถูกยิงและเสียชีวิตในที่เกิดเหตุจะได้รับเงินช่วยเหลือ 450,000 บาท และเลื่อนยศ 5 ชั้นยศจาก ส.ต.ท.เลื่อนเป็น ร.ต.ท. ขณะที่ ด.ต.มาโนช ศรีละคร ที่ถูกยิงเข้าศีรษะ อาการยังวิกฤติ เบื้องต้นได้ช่วยเหลือเงินจำนวน 599,500 บาท และเตรียมเลื่อนยศ 5 ชั้นยศจาก ด.ต.เลื่อนเป็น พ.ต.ท.พร้อมเพิ่มเงินเดือนอีก 7 ขั้น
พล.ต.ท.อดิศร กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีนี้ ว่า การสืบสวนขยายผลทราบว่าผู้ต้องหาแก๊งนี้นายวิฑูรย์ และนายสุขุม ต้องคดีปล้นฆ่า และยาเสพติดในพื้นที่อื่นโดยได้สั่งการให้ประสานตำรวจท้องที่นั้นๆ เข้าตรวจค้นบ้านพักของผู้ต้องหาทั้งสอง นอกจากนี้ ยังมีการนำผู้ต้องหาทั้ง 4 ตรวจหาสารเสพติด ซึ่งเบื้องต้นได้รับรายงานว่าทุกคนมีสารเสพติดอยู่ในร่างกาย สำหรับ พ.ต.ชานนท์ นั้น ได้ประสานผู้บังคับบัญชาให้ส่งนายทหารพระธรรมนูญมาร่วมสอบสวนแล้วขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนของพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง
“การขยายผลคดีนี้ยังไม่แน่ชัดว่า พ.ต.ชานนท์ นำยาเสพติดมาจากที่แหล่งใด แต่คาดว่าน่าจะมีการรับยาเสพติดมาจากภาคตะวันออกก่อนจะนำไปจำหน่ายในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากมีความคุ้นเคยในพื้นที่เป็นอย่างดีประกอบกับใช้ตำแหน่งหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามยาเสพติดมาใช้ในทางที่ผิด เวลาผ่านเส้นทางที่มีการตั้งด่านตรวจค้นก็สามารถผ่านการตรวจไปได้ เพราะเป็นข้าราชการทหาร”
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า จะนำเรื่องการล่อซื้อยาเสพติดเข้าหารือในที่ประชุมกองบัญชาการตำรวจนครบาลวันที่ 16 เม.ษ.นี้ เพื่อปรับแนวทางการทำงานให้มีความปลอดภัยมากขึ้น พร้อมของบจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อจัดซื้อเสื้อเกราะเพิ่มเติมจากเดิมที่มีใช้เฉพาะหน่วยอรินทราช 26 เท่านั้น
ยาไอซ์ลำเลียงจากตะวันออกสู่ภาคใต้
จากนั้นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางเข้ารายงานต่อ พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ( ผช.ผบ.ตร.)พร้อมกล่าวว่าขณะนี้จากการสืบสวนขยายผล ยังไม่พบความเชื่อมโยงกับขบวนการค้ายาเสพติดในภาคใต้ แต่ได้แจ้งตำรวจในพื้นที่ที่ผู้ต้องหามีภูมิลำเนาอยู่ตรวจสอบประวัติและร่วมกับกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ( บช.ปส.) ขยายผล จนพบว่าเส้นทางยาไอซ์ มาจากภาคตะวันออก ลำเลียงผ่านกรุงเทพมหานคร ลงสู่ภาคใต้ ซึ่งเป็นขบวนการที่ทำเป็นอาชีพและทำมานานแล้ว แต่ยังไม่ถึงกับเป็นขบวนการใหญ่ ซึ่งเครือข่ายมีทั้งผู้เสพและผู้ขาย
ด้าน พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ กล่าวยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีทหารเข้ามาช่วยเหลือ พ.ต.ชานนท์ ที่ถูกยิง มีเพียงนายทหารพระธรรมนูญมาร่วมสอบปากคำตามขั้นต้อน ยืนยันว่าแก๊งค้ายาไอซ์รายนี้ถูกจับกุมทั้งหมดแล้ว แต่เชื่อว่ายังมีผู้ร่วมขบวนการหลงเหลืออยู่ตามแหล่งต่าง ๆ และจากการตรวจปัสสาวะพบว่าเป็นสีม่วง และมีสารเสพติดหมดทุกคน
“เสธ.น็อต”ไม่ยอมให้การ
พล.ต.ต.มานิตย์ วงศ์สมบูรณ์ ได้เดินทางไปที่รพ.รามาชั้น 5 แผนกไสยกรรมแพทย์ ที่ห้องผู้ป่วยรวมเพื่อไปสอบปากคำพ ต.ชานนท์ ชินวงศ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรยากาศหน้าห้องพักรักษาตัวมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด
พล.ต.ต.มานิตย์ กล่าวว่า พ.ต.ชานนท์ บอกว่าไม่สามารถให้ปากคำได้ แต่ให้ปากคำต่อเมื่อมีนายทหารพระธรรมนูญมาด้วย ซึ่งจะต้องย้ายพ.ต.ชานนท์ ไปรักษาตัวต่อที่รพ.ตำรวจเพราะถือว่าเป็นผู้ต้องหาต้องทำตามขั้นตอนเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างไรก็ตามคดีดังกล่าวเจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานยันว่าพ.ต.ชานนท์มีส่วนเกี่ยวข้องและพัวพันด้วย เพราะจากการสอบปากคำผู้ต้องหาคนอื่นและเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าพ.ต.ชานนท์มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนจะมีคนอื่นเกี่ยวข้องหรือไม่เจ้าหน้าที่จะต้องทำการสืบสวนต่อไป เบื้องต้นยังไม่พบภรรยาของพ.ต.ชานนท์มีส่วนเกี่ยวข้องเรื่องนี้ เนื่องจากขณะเกิดเหตุอยู่อีกห้องหนึ่งแต่อย่างไรก็ตามจะนำตัวมาสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไร
“บุญสร้าง”ไม่ป้องทหารค้ายา
พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เปิดเผยกรณีที่ พ.ต.ชานนท์ นายทหารสังกัดกิจการพลเรือนประจำหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 42 จังหวัดยะลา พื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ พัวพันค้ายาเสพติด ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดีที่มีกำลังพลเข้าไปเกี่ยวข้อง ซึ่งทหารต้องทำแต่สิ่งดี ทั้งนี้ยืนยันว่า ไม่มีการปกป้องผู้ที่กระทำผิดตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริง ซึ่งในส่วนของบก.สูงสุด ก็ได้มีการสั่งการให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนเรื่องนี้แล้ว ทั้งนี้เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้น ก็ต้องมีการตรวจสอบกำลังพลว่า มีคนใดเข้าไปเกี่ยวข้องอีก จะต้องมีการดูแลเป็นพิเศษ รวมทั้งดูด้วยว่ามีใครบกพร่อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต. คนดังกล่าว จะทำให้ส่งผลต่อภาพลักษณ์ ในฐานะที่ลงทำไปทำงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชาย แดนภาคใต้หรือไม่ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ปลาในคอกเดียวกัน เมื่อเน่าไปจำนวนหนึ่ง ก็ส่งกลิ่นไม่ดี แต่อยากให้ประชาชนเข้าใจว่า ทหารมีจำนวนมากมายก็ต้องมีบ้าง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมีจำนวนน้อย แต่ตนก็ไม่อยากให้มีเลย แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้ ขณะเดียวกันได้ส่งเจ้าหน้าที่กรมพระธรรมนูญไปร่วมการสอบสวนด้วย เพราะอยากจะได้ข้อเท็จจริงที่ยังไม่ทราบอีกอย่างไรก็ตามยืนยันว่า การส่งเจ้าหน้าที่กรมพระธรรมนูญไป ไม่ใช่เป็นการปกป้อง แต่เป็นการหาข้อเท็จจริง
ส่วนจะมีการดำเนินคดีอาญาและวินัยหรือไม่ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับผลการสอบสวน ถ้าผิดวินัยก็จะต้องดำเนินการตามขั้นตอน อย่างไรก็ตามยืนยันว่า กองทัพไทยที่มีกำลังพล 400,000 กว่าคน เราปฏิญาณว่าจะดำเนินการด้วยความเข้มแข็งและอยู่ในความดี เพื่อช่วยเหลือประชาชนสุดความสามารถ