xs
xsm
sm
md
lg

ขบวนการโมฆบุรุษในรัฐบาลปัจจุบัน

เผยแพร่:   โดย: ยอดธง ทับทิวไม้

.
โมฆะเป็นภาษาบาลี แปลว่าว่างเปล่าหรือความไม่มีอะไร ในคัมภีร์พุทธศาสนานำมาใช้กับบุคคลอยู่คำหนึ่งหมายถึงคนในชีวิตจิตใจ และคุณสมบัติไม่มีอะไรที่มีความสำคัญแม้แต่คุณงามความดีและความเป็นผู้เป็นคน คำนั้นคือคำว่า โมฆบุรษ หมายถึงบุคคลหรือบุรุษที่มีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีคุณงามความดีหรือคุณสมบัติอะไรติดตัวอยู่เลยในความเป็นผู้เป็นคนของเขา ถ้าจะเอาภาษาไทยพื้นบ้านที่ชาวบ้านนิยมใช้ก็หมายถึง อ้ายงั่ง หรือ ไอ้โง่ ที่ไม่มีอะไรจะเอามาพูดถึงได้

หรือถ้าจะเทียบกับบ้านเมืองทุกวันนี้ที่เต็มไปด้วยความยุ่งยากในขณะนี้หลังการปฏิวัติ เมื่อ 19 กันยายน 2549 มาจนบัดนี้ ก็มีเหตุผลเพียงอย่างเดียวคือในขบวนการรัฐบาลปฏิวัติของเราที่อ้างว่าเข้ามาแก้ปัญหา 4 ประการของบ้านเมืองนั้น เป็นขบวนการของโมฆบุรุษพวกนี้เต็มไปหมด

ในแต่ละวันที่ผ่านไป ภายใต้การบริหารการปกครองในคณะรัฐบาลปฏิวัติชุดนี้ ทำอย่างเดียวคือพูดหรือปาฐกถาแสดงความรอบรู้ว่าตัวเองเท่าเทียมกับสาธุชนอื่นที่โมฆบุรุษพวกนี้มั่นใจว่ามีอยู่ดาษดื่นในบรรดากลุ่มคนสำคัญของชาติและคนรักชาติในขณะนี้

ในขณะที่ชาวไร่ชาวนาทั่วประเทศมีหนี้สินจากการหลอกลวงของรัฐบาลที่หาทางออกไม่ได้ พากันเดินทางมาจากทั่วประเทศเพื่อขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล แต่ไม่มีโมฆบุรุษคนไหนให้ความสนใจแม้แต่จะยอมทักทาย ในขณะที่ประเทศไทยมีหนี้สินล้นพ้นตัว เราจะต้องรีบสร้างรถไฟฟ้าเพื่อกินค่านายหน้าไม่รู้กี่แสนล้านด้วยการเดินทางไปขายชาติให้ญี่ปุ่น ทั้งๆ ที่การสร้างรถไฟฟ้าไม่มีอะไรที่คนไทยจะได้นอกจากการเสียดอกเบี้ยและเงินต้น ขณะที่การทำไร่ทำนาของคนยากคนจนนั้น จะสามารถช่วยให้เลี้ยงคนและเลี้ยงประเทศได้โดยไม่ต้องเที่ยวตระเวนขอทานอย่างที่ทำกันอยู่

นี่คือภารกิจของโมฆบุรุษไทยที่ว่านี้

ในรัฐบาลชุดที่แล้ว ซึ่งใช้เวลาไม่น้อยกว่า 5-6 ปีสำหรับการทำลายบ้านเมืองด้วยวิธีการเอาชาติออกไปขาย ไม่ว่าทรัพยากรหรือสิทธิใดๆ ด้วยการปล้นและการแสวงหาประโยชน์ใส่ตัวและพวกพ้อง ทำลายทุกอย่างที่ไม่สามารถเอามาเขียนหรือเอามาบอกเล่าให้ลูกหลานได้ครบถ้วนนั้น มีเรื่องราวหลายหมื่นหลายพันเรื่องที่ไม่สามารถจะนำมากล่าวถึงได้ทั้งหมด ความฉิบหายของชาติไม่ว่าคุณธรรม ศีลธรรม และจริยธรรมของคนไทยย่อยยับไปหมดแม้แต่สัตว์ชั้นต่ำตั้งแต่มด ปลวกก็อาจจะเข้าใจได้จนกระทั่งหมูหมาแต่เป็นเรื่องแปลกที่มีคนไทยพวกหนึ่งซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงของโจรกลุ่มนั้นช่วยสนับสนุนให้มีการโกงชาติไม่เคยรู้ไม่เคยเข้าใจว่าบ้านเมืองถูกปล้นถูกทำลายลงไปอย่างไร?

หรือไม่ยอมเข้าใจว่าโจรเหล่านั้น มันได้ทำลายประเทศชาติอย่างย่อยยับสาหัสกันแทบไม่มีอะไรเหลือกันอย่างไร?

กลับพากันคอยปรบมือและซ่องสุมรวมตัวกันไปเที่ยวเห่าหอนอยู่ในที่ที่เต็มไปด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์คือสนามหลวงซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดวาอารามโบราณสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เอาไว้เพื่อป้องกันคนมากระทำความชั่วให้เปรอะเปื้อนแผ่นดิน ซึ่งผู้คนที่เข้าใจและรู้เรื่องทางด้านนี้ก็เชื่อว่ามันจะฉิบหายย่อยยับกันไปตามกำหนด

ตัวอย่างที่เห็นกันก็คือ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ที่ผ่านมา ไม่เคยมีรัฐบาลไหนเคยกระทำกันมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นยูเลียส ซีซาร์ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ หรือมุสโสลินี คนเหล่านี้อาจจะผิดพลาดมากในชีวิตที่ใช้อาวุธและความรุนแรงจัดการกับคนที่พยายามกำแหงแหกคอกต่อกฎระเบียบของบ้านเมืองที่กำหนดกันไว้ ก็เป็นหน้าที่จะต้องต่อสู้ระหว่างคนฝ่ายนี้กับคนชาติชั่วอีกฝ่ายหนึ่งจะฟาดฟันกันยังไงก็เอากัน ใครอยู่ได้ก็อยู่ไป ใครไม่มีปัญญาก็ตายไป จะต้องยิงทิ้งหรือจะฆ่าตัวตายเองเพราะสู้ไปไม่ไหวอย่างฮิตเลอร์ก็ได้ เพราะใครที่จะปฏิวัติขึ้นมานั้นไม่ใช่มายืนอมมือดูโลกกันอยู่เหมือนทุกวันนี้

การปฏิวัตินั้นมันเกิดขึ้นเพราะความขัดแย้งของคนสองพวก คือ พวกที่ทำลายสังคมกลุ่มหนึ่งกับพวกที่จะกวาดล้างคนกลุ่มนั้นเพื่อแก้ไขสังคมให้หมดความสกปรกเลอะเทอะให้ได้ โดยมีการสนับสนุนและเห็นด้วยของสังคมส่วนใหญ่อีกส่วนหนึ่ง

ใครดีหรือใครเลวจะไม่มีใครสนใจและไม่มีใครพูดถึง แต่จะพูดตรงที่ว่าใครผิดใครถูก ผิดอะไร ผิดอย่างไร?

มันเป็นกฎเกณฑ์ทางสังคมที่ทุกสังคมของมนุษย์ทั่วโลกหลายร้อยหลายพันปีรู้กันดี เหตุการณ์ที่ว่านี้ก็เกิดขึ้นมาแล้วไม่ว่ากี่ร้อยหน แม้แต่เมืองไทยเราเองภายในระยะเวลาไม่ถึงร้อยปีมันก็เกิดขึ้นมาแล้วหลายสิบหน แม้แต่เด็กผู้หญิงมันก็ลากไปฆ่าทิ้ง ทั้งๆ ที่ไม่ผิดอะไร และไม่รู้ไม่เห็นอะไร ปรากฏว่าไม่เคยมีใครที่รักความยุติธรรมนำองค์กรประชาชนซึ่งตัวเองเป็นทั้งหัวหน้าและเป็นสมาชิกเพียงคนเดียวแล้วดัดจริตไปยื่นหนังสือกล่าวโทษหรือจัดขบวนการออกไปตะโกนประณามข้างสนามหลวงเห่าหอนไปตามมีตามเกิดแบบนั้น

ทางที่ถูกใครผิดก็ฟาดฟันมันเข้าไป เอาประเทศชาติประชาชนไว้

เฉพาะฝ่ายที่คณะปฏิวัติทำให้ประชาชนเชื่อได้ว่ามันเป็นพวกทำลายชาติอย่างที่รัฐบาลไทยที่ผ่านมา จะเป็นเทพเจ้าที่ต้องเทิดทูนบูชากันอย่างที่คณะปฏิวัติเมื่อ 19 กันยา ของไทยทำกันอยู่ในขณะนี้เป็นไปไม่ได้

ไม่ว่าในต่างประเทศหรือในประเทศไทย ฝ่ายขายชาติถ้าไม่เข้าคุกก็จะต้องถูกยิงทิ้งไม่มีใครจะโต้แย้งได้หรือไม่มีสุนัขตัวไหนมาเห่าหอนว่าไม่เป็นประชาธิปไตยเป็นอันขาด

การปฏิวัติมันต้องมีหลักการและมีจุดประสงค์ของมัน ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งในสองอย่างนี้เท่านั้น ไม่มีการเที่ยววิ่งยื่นคำร้องหรือไม่มีการมาเห่าหอนอะไรอย่างที่ทำกันอยู่

หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ คนปฏิวัติเหล่านั้นถูกเรียกว่าเป็นเผด็จการกันมาถึงทุกวันนี้ เพราะเป็นหน้าที่และภารกิจที่เขาจะต้องเป็นเผด็จการเมื่อบ้านเมืองมันมีแต่โมฆบุรุษ!

ไม่เคยมีคณะปฏิวัติคณะไหนจะเป็นอย่างอื่นไปได้ ตราบใดที่ยังกวาดล้างเสี้ยนหนามและทำลายโมฆบุรุษในบ้านเมืองที่เป็นมูลเหตุให้เกิดการปฏิวัติขึ้นมา

ในโลกไม่มีการปฏิวัติในประเทศไหนนอกจากการปฏิวัติเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ที่ผ่านมา เป็นการปฏิวัติเพื่อแก้ปัญหาการปล้นชาติและการขายชาติขายแผ่นดินแทบไม่มีอะไรเหลือ แต่มาถึงวันนี้ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศเกิดความรู้สึกขึ้นมาว่า ประชาชนได้ถูกคณะปฏิวัติที่ประกอบไปด้วยโมฆบุรุษจำนวนหนึ่งหักหลังคนไทยทั้งชาติไปเรียบร้อยแล้ว นั่นคือผู้มีอำนาจในคณะปฏิวัติบางคนได้มีการตกลงสมานฉันท์กับยอดนักปล้นชาติรายนั้นก่อนที่จะลงมือปฏิวัติที่จะหาทางฮุบประเทศไทยเอาไปไว้ทำมาหากินร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง มีพฤติกรรมหลายอย่างที่ชัดแจ้งในขณะนี้ ที่จะนำมาพูดได้เต็มปากในบรรดาประชาชนผู้ติดตามการเมืองไทยมาเป็นลำดับ

มันไม่ใช่การปฏิวัติเพื่อประชาชนหรือเพื่อบ้านเมือง แต่เป็นการปล้นที่เปลี่ยนจากการปล้นเพื่อประชาชนมาเป็นการร่วมมือกับมหาโจรรายเดิมนั้นเพื่อตัวเองตามเล่ห์กลของโมฆบุรุษไทยเราเท่านั้น

ช่วยไม่ได้,ประชาชนส่วนใหญ่จะพูดจะคิดกันอย่างนั้นทั่วทุกถนนหนทาง ผมไม่ได้พูด แต่เอาคำบอกเล่า
ที่คนเขาพูดกันมาเขียนเพื่อให้ช่วยกันรู้ช่วยกันคิดว่าอะไรเป็นอะไร

และอะไรมันจะเป็นต่อไป?

เป็นการร่วมกันปล้นเพื่อนำทรัพย์สินและเงินทองที่ขายชาติได้มานั้นจะไม่ถูกรัฐบาลในอนาคตริบหรือจับกุมลงโทษ เมื่อมีรัฐบาลใหม่ขึ้นมาปกครองมีการนำคนใหม่เข้ามาโดยแสดงให้เห็นว่าตนไม่ได้เกี่ยวข้อง นอกจากจ่ายเงินสนับสนุนให้กระทำกัน

และพร้อมที่จะกลับจากต่างประเทศมาประเทศไทยอีกครั้งแล้วเริ่มต้นปล้นประชาชนต่อไปใหม่อีก

จะจริงหรือเท็จเป็นไปได้หรือไม่ได้ก็ตาม แต่ในระยะนี้ความคิดเห็นของผู้คนส่วนใหญ่หรือความเข้าใจที่มีต่อท่าทีของคณะปฏิวัติและรัฐบาลนั้น เปลี่ยนแปลงไปตรงข้ามกับความคิดเมื่อ 19 กันยายน ที่ผ่านมาทั้งสิ้น ความเชื่อถือต่อรัฐบาลนี้หมดแล้ว

ปัญหาที่ประเทศไทยตกอยู่ในนรก 4 ประการที่คณะปฏิวัติใช้เป็นข้ออ้างต่อประชาชนนั้น ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องน่าหวาดกลัวและเป็นเรื่องคอขาดบาดตายเพียงไรก็ยังไม่มีข้อใดที่คณะรัฐบาลปฏิวัติได้ปฏิบัติและจัดการชำระสะสางให้เห็นกันอย่างที่คนไทยทุกคนอยากจะรู้อยากจะเห็น รัฐบาลโมฆบุรุษของเราเพียงแต่จัดรายการหลอกประชาชนให้เห็นว่าเอาจริงเอาจังต่อ ปัญหาเหล่านั้นเพียงแต่การแต่งตั้งคณะกรรมการ คตส. ขึ้นมา เพื่อตายแทนการกระทำและความเจ้าเล่ห์เพทุบายของรัฐบาลเพื่อแสดงให้ประชาชนเห็นว่าเอาจริงเอาจัง แต่บังเอิญว่าบรรดาเจ้าหน้าที่ คตส. ที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อให้ทำหน้าที่ตายแทนตัวเองครั้งนี้ เกิดเอาจริงเอาจังหรือเอาคนที่รักชาติบ้านเมืองจริงๆ ขึ้นมา ยอมทำหน้าที่เพื่อชาติบ้านเมืองประเภทหัวชนฝา โดยที่คณะรัฐบาลปฏิเสธที่จะให้ความช่วยเหลือในการออกคำสั่งของคณะรัฐมนตรีเพียงแผ่นเดียวให้บรรดาข้าราชการทุจริตคิดมิชอบมาให้ความร่วมมือแก่ คตส. ตามกรรมวิธีที่จะต้องทำและต้องจัดการ รัฐบาลก็ปฏิเสธทันทีว่า ไม่ต้องหรือให้มาบอกผม เมื่อไม่มีใครร่วมมือซึ่งเป็นการทำงานของเด็กวัดเท่านั้น ไม่ใช่คณะรัฐมนตรี นี่เป็นพยานยืนยันให้ประชาชนเชื่อว่า เป็นการพยายามบิดเบี้ยวและทรยศต่อข้ออ้างในการกระทำที่ทำต่อบ้านเมืองทั้ง 4 ประการที่นำมาอ้างนั้น ให้ค่อยๆ หมดเวลาลงไปโดยจับมือใครดมไม่ได้

ขอให้ได้ร่วมกันเสวยอำนาจครั้งใหม่ และได้ขายชาติกันเป็นล่ำเป็นสันต่อไป

การปฏิวัติไม่ใช่งานของเด็กอมมือหรือโมฆบุรุษประเภทใดๆ แต่เป็นงานที่จะต้องเข้าใจปัญหาที่ตนจะมาเกี่ยวข้องอย่างชัดเจน เมืองไทยมีปัญหามากมายมหาศาลตั้งแต่ยอดหญ้าไปจนกระทั่งท้องฟ้าเมฆฝนคลื่นลม การปฏิวัตินอกจากใช้ความรู้ความสามารถอย่างมหาศาลแล้ว สิ่งที่จะต้องกำหนดให้แน่นอนก็คือวันเวลาที่จะต้องเอาให้แน่ว่าจะยังมีศัตรูอยู่ที่ไหน สุนัขที่เข้ามายืนเห่าหอนที่เปลี่ยนจากพวกสัตว์เลี้ยงของมหาโจรที่พากันมาเห่าหอนขัดแย้ง จะต้องแก้ไขจัดการกันให้หมด และจะต้องใช้เวลาซึ่งนักปฏิวัติทุกคนทุกชาติเขาทำกัน การปฏิวัติสิ้นสุดลงและตั้งรัฐบาลใหม่ขึ้นมาท่ามกลางเสียงแซ่ซ้องของประชาชน รัฐบาลโมฆบุรุษของเราสามารถทำได้เพียงอย่างเดียว คือ ประกาศว่าจะอยู่เพียง 1 ปีเท่านั้น และจะไม่ทำอะไรในเรื่อง 4 ประการที่จะแก้ไขให้ประชาชนเห็นชัด และเอามาลงโทษจัดการและจัดตั้งคณะทำงานคือ คตส. ขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่แทน แต่คณะรัฐบาลที่เต็มไปด้วยโมฆบุรุษเข้ามาร่วมแสดงความโง่กันด้วยการกระทำที่โง่แล้วเรื่องก็จบจนกว่ารัฐบาลมหาโจรชุดเก่าจะกลับเข้ามาเลือกตั้งต่อไปเท่านั้น

คนไทยทั้งชาติก็จะรู้กันแต่เพียงว่า เราไม่เพียงมีพวกปล้นบ้านปล้นเมืองเท่านั้นเข้ามาปกครองชาติ แต่เรายังจะต้องอยู่ภายใต้ฝ่าเท้าของพวกโมฆบุรุษไปอีกชั่วกาลนานด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น