.
วันนี้เป็นวันพฤหัสบดีที่ 12 เมษายน 2550 เป็นวันก่อนเริ่มต้นเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2550 ซึ่งมีคำประกาศสงกรานต์ว่าวันที่ 14 เมษายน เป็นวันมหาสงกรานต์ เวลา 12 นาฬิกา 43 นาที 12 วินาที
นางสงกรานต์ชื่อมโหทรเทวี ทรงพาหุรัด ทัดดอกสามหาว มีแก้วนิลรัตน์เป็นอาภรณ์ ภักษาหารเนื้อทราย พระหัตถ์ขวาทรงจักร พระหัตถ์ซ้ายทรงตรีศูล เสด็จนั่งมาบนหลังนกยูง เถลิงศกเป็นจุลศักราช 1369 ในวันที่ 16 เมษายน เวลา 16 นาฬิกา 40 นาที 48 วินาที
ดังนั้นจึงขอเชิญชวนผู้ที่มีใจใฝ่ในความเป็นมงคลและความสันติทั้งผองได้ร่วมกันทำใจต้อนรับพระนางมโหทรเทวี ซึ่งเข้าเวรเป็นนางสงกรานต์ในปีนี้หลังจากที่ว่างเว้นมาหลายปี
พระนางมโหทรเทวีเคยเข้าเวรก่อนหน้านี้ในระยะใกล้ ๆ มาสองครั้ง คือในปี 2533 ซึ่งเป็นปีอันเป็นต้นเหตุของการ รสช. และในปี 2545 ซึ่งเป็นปีที่ถือได้ว่าเป็นการก่อตัวของระบอบทักษิณ ซึ่งย่ำยีบ้านเมืองและแทบทุกสถาบันชัดเจนขึ้นตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นไป
ที่พระนางมโหทรเทวีเคยเข้าเวรดังกล่าว ปรากฏว่าในยามเสด็จมาเข้าเวรนั้นได้เสด็จไสยาสน์มาบนหลังนกยูง ต่างกันกับปีนี้ที่เสด็จประทับนั่งมาบนหลังนกยูง ดังนั้นความหมายของสถานการณ์จึงย่อมต่างกัน
เรื่องของสงกรานต์เป็นเรื่องคติทางความเชื่อของชนเผ่าไทย คู่ขนานมากับความเชื่อทางพยากรณ์ศาสตร์และสืบทอดต่อเนื่องมายาวนานนับพันปีแล้ว
สงกรานต์แปลว่าการย้าย ในที่นี้หมายถึงการเคลื่อนย้ายของดวงอาทิตย์ตามที่คนเรามองเห็นได้ ในขณะที่ความจริงคือโลกเคลื่อนย้ายโคจรรอบดวงอาทิตย์
การเคลื่อนย้ายของดวงอาทิตย์ในลักษณะที่ว่านี้และที่เอามาคิดคำนวณกันเป็นเรื่องสงกรานต์กันมีอยู่ 3 ชนิด คือ
การเคลื่อนย้ายของดวงอาทิตย์จากราศีหนึ่งไปอีกราศีหนึ่งเรียกว่าสงกรานต์เดือน
การเคลื่อนย้ายโคจรของดวงอาทิตย์ไปยังจุดกึ่งกลางขอบฟ้าเรียกว่าอายันสงกรานต์ ซึ่งแบ่งเป็นสองอย่าง คือ เมื่อดวงอาทิตย์โคจรไปยังจุดกึ่งกลางขอบฟ้าด้านเหนือเรียกว่าอายันสงกรานต์เหนือ เมื่อดวงอาทิตย์โคจรมายังจุดกึ่งกลางขอบฟ้าด้านใต้เรียกว่าอายันสงกรานต์ใต้
ชนิดสุดท้ายคือสงกรานต์ปี ได้แก่การที่ดวงอาทิตย์โคจรย้ายจากราศีมีนเข้าไปสู่ราศีเมษ เมื่อตรงกับวันเวลาใด วันเวลานั้นเรียกว่าวันมหาสงกรานต์
ในปีนี้เมื่อดวงอาทิตย์โคจรย้ายจากราศีมีนไปยังราศีเมษตรงกับวันที่ 14 เมษายน เวลา 12 นาฬิกา 43 นาที 12 วินาที วันเวลาดังกล่าวนี้จึงเป็นวันมหาสงกรานต์ และเพราะวันมหาสงกรานต์ตรงกับวันเสาร์ ดังนั้นจึงเป็นเวรของพระนางมโหทรเทวีที่จะต้องเข้าเวรประจำปี
เวลาที่เป็นมหาสงกรานต์เป็นเวลาหลังเที่ยง 43 นาที 12 วินาที ดังนั้นอิริยาบถของนางสงกรานต์เวรจึงเป็นอิริยาบถนั่ง ซึ่งมีความมั่นคง มีความพร้อม มีความระมัดระวัง และสามารถเปลี่ยนอิริยาบถรุกรับขับสู้ได้อย่างถนัดถนี่
จากวันมหาสงกรานต์ดังกล่าวนี้ก็นำไปสู่การพยากรณ์สงกรานต์มากมายหลายประการ ซึ่งท่านผู้ใดสนใจในรายละเอียดประการต่าง ๆ ย่อมสามารถค้นคว้าหาความรู้ได้ตามใจชอบ
สิริอัญญาเคยเขียนไว้ในคอลัมน์ข้างประชาราษฎร์ พยากรณ์สงกรานต์ในลักษณะนี้ไว้อย่างแม่นยำ จึงขอนำมาเล่าสู่กันฟังอีกครั้งหนึ่ง
สิริอัญญาเคยเขียนไว้เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2545 ว่าวันเนาคือวันก่อนวันสงกรานต์ เมื่อเป็นวันศุกร์มีคำพยากรณ์ว่า
“จะเกิดเพลิงใหญ่ไหม้ขึ้นกลางเมือง ทั้งเมืองหลวงและเมืองใหญ่ ขุนนางข้าราชการชั้นผู้ใหญ่จะต้องโทษคดีอาญา ถูกริบทรัพย์สิน สมณะชีพราหมณ์จะมีความขัดแย้งเป็นทุกข์ใจ พืชผลทางการเกษตรจะมีราคาแพง น้ำจะน้อย”
ดูท่าการขับเคลื่อนการตรวจสอบการทุจริตของ คตส. และ ป.ป.ช. ตลอดจนความขัดแย้งที่ดำรงอยู่ในบ้านเมืองขณะนี้แล้วก็เห็นทีว่าคำพยากรณ์วันเนาเนื่องในวันสงกรานต์ที่สิริอัญญาเคยพยากรณ์ไว้คงจะเข้าเค้าเป็นอันมาก
สิริอัญญาพยากรณ์ในเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งไว้ว่า เมื่อวันมหาสงกรานต์ตรงกับวันเสาร์ มีคัมภีร์พยากรณ์ไว้ว่า
“ทหารหาญของชาติจะมีชัยชนะแก่ข้าศึกทุกสารทิศ จะมีอำนาจทางการเมือง และรุ่งเรืองบารมียิ่งกว่าปีก่อน ๆ จะได้รับสิทธิประโยชน์และสวัสดิการเป็นอันมาก จะมีการปรับปรุงการศึกษาและวิทยาการทหารให้ก้าวหน้ากว้างขวางยิ่งขึ้น”
จากเหตุการณ์ลิ่วล้ออำนาจเก่าปั่นบ้านป่วนเมืองจาบจ้วงล่วงเกินพระราชอำนาจบีบคั้นพระมหากษัตริย์และสร้างกรรมทำเข็ญไว้กับบ้านเมืองไม่หยุดไม่หย่อน จนมีทีท่าว่าการบริหารบ้านเมืองจะไม่สามารถดำเนินไปได้โดยปกติ และส่อเค้าวิกฤตใหญ่ขึ้นในบ้านเมืองดังที่เป็นอยู่นี้แล้ว คำพยากรณ์ตอนนี้จึงน่าจับตามองอย่างยิ่ง
สิริอัญญายังพยากรณ์ไว้อีกว่าเมื่อวันสงกรานต์ตรงกับวันเสาร์ มีคัมภีร์พยากรณ์ว่า
“จะเกิดเพลิงไหม้ขึ้นกลางเมืองใหญ่และเมืองหลวง เกิดโรคาพยาธิระบาดทั่วไป โจรผู้ร้ายจะชุกชุม”
เป็นคำพยากรณ์วันสงกรานต์ที่มีเนื้อหาสอดคล้องไปในทางเดียวกันกับคำพยากรณ์วันเนา จึงมีลักษณะซ้ำเหตุการณ์ให้รุนแรงขึ้นเป็นสองเท่า
สิริอัญญาเคยพรรณนาลักษณะและคำพยากรณ์เกี่ยวกับพระนางมโหทรเทวีในยามที่เข้าเวรเป็นนางสงกรานต์ว่า
“การแต่งองค์ทรงเครื่องของพระนางมโหทรเทวีในปีนี้ พูดง่าย ๆ ก็คือทรงสร้อยสังวาลปิดหน้าอกเล็กน้อย ล้วนประกอบด้วยนิลอันเป็นสีดำ ถ้าเป็นการแต่งกายในปัจจุบันนี้ก็คือการแต่งกายสีดำในชุดไว้ทุกข์นั่นเอง คฤหัสถ์และพระเถระซึ่งเป็นที่เคารพนับถือศรัทธาของประชาชนจะถึงกาลสิ้นบุญ ก่อให้เกิดความโศกเศร้าอาลัยอย่างกว้างขวาง
ดอกสามหาวหรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าดอกผักตบนั้น แม้มีสีสวยแต่บ้างว่ามีกลิ่นเหม็น แต่กลิ่นเหม็นบางทีคนบางจำพวกก็รู้สึกว่าเป็นกลิ่นหอมก็ได้ อุปมาเหมือนหนองอยู่ในกองคูถ ย่อมยินดีในกลิ่นและรสของคูถนั้นมิได้รังเกียจเลย กลิ่นที่เหม็นดังนี้จึงมีคำพังเพยเกี่ยวกับคำพูดของคนบางจำพวกที่พูดจาก้าวร้าวหยาบช้าว่าพูดจาสามหาว
เหตุนี้หลังแต่วันสงกรานต์เป็นต้นไป คนไทยจะได้ยินคำกล่าวและเรื่องราวที่หยาบช้าสามหาวอย่างกว้างขวาง บรรยากาศการเมืองและสื่อมวลชนจะเป็นเรื่องของการจาบจ้วงหยาบช้าสามหาวให้ได้เห็นกันเป็นแน่แท้
ศาสตราวุธสำหรับองค์นางสงกรานต์คือจักรและตรี เมื่อประกอบรวมกันแล้วก็คือจักรตรี เป็นอาวุธประจำพระองค์พระนารายณ์สำหรับใช้ปราบปรามเหล่าพาลและเหล่ามารอสูรทั้งปวง การปราบปรามการทุจริต การฉ้อราษฎร์บังหลวง อิทธิพลอำนาจมืดจะเกิดขึ้นอย่างครึกโครม
แต่ถ้าถือเสียว่าเป็นเรื่องธรรมดาและเป็นเรื่องที่ดีที่เหล่าพาลชั่วช้าจะถูกกำจัดปราบปรามและมีความสงบสุขร่มเย็นเป็นเบื้องหน้า ก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องอันควรแก่การต้อนรับ”
สิริอัญญาได้พยากรณ์สงกรานต์ในลักษณะนี้ไว้ว่า “พระบรมเดชานุภาพในองค์พระมหากษัตริย์และสถาบันพระมหากษัตริย์จะเกริกก้องลือเลื่องไปทั่วสากลโลก พระราชวงศ์จักรีจะได้รับความศรัทธาเลื่อมใสทั้งในระดับสากลและมั่นคงยิ่งขึ้นในประเทศ”
อา! เทพศาสตราของพระนารายณ์มหาเทพปรากฏขึ้นอีกครั้งหนึ่งแล้ว มารและอสูรทั้งหลายย่อมวอดวายแน่!
วันนี้เป็นวันพฤหัสบดีที่ 12 เมษายน 2550 เป็นวันก่อนเริ่มต้นเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2550 ซึ่งมีคำประกาศสงกรานต์ว่าวันที่ 14 เมษายน เป็นวันมหาสงกรานต์ เวลา 12 นาฬิกา 43 นาที 12 วินาที
นางสงกรานต์ชื่อมโหทรเทวี ทรงพาหุรัด ทัดดอกสามหาว มีแก้วนิลรัตน์เป็นอาภรณ์ ภักษาหารเนื้อทราย พระหัตถ์ขวาทรงจักร พระหัตถ์ซ้ายทรงตรีศูล เสด็จนั่งมาบนหลังนกยูง เถลิงศกเป็นจุลศักราช 1369 ในวันที่ 16 เมษายน เวลา 16 นาฬิกา 40 นาที 48 วินาที
ดังนั้นจึงขอเชิญชวนผู้ที่มีใจใฝ่ในความเป็นมงคลและความสันติทั้งผองได้ร่วมกันทำใจต้อนรับพระนางมโหทรเทวี ซึ่งเข้าเวรเป็นนางสงกรานต์ในปีนี้หลังจากที่ว่างเว้นมาหลายปี
พระนางมโหทรเทวีเคยเข้าเวรก่อนหน้านี้ในระยะใกล้ ๆ มาสองครั้ง คือในปี 2533 ซึ่งเป็นปีอันเป็นต้นเหตุของการ รสช. และในปี 2545 ซึ่งเป็นปีที่ถือได้ว่าเป็นการก่อตัวของระบอบทักษิณ ซึ่งย่ำยีบ้านเมืองและแทบทุกสถาบันชัดเจนขึ้นตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นไป
ที่พระนางมโหทรเทวีเคยเข้าเวรดังกล่าว ปรากฏว่าในยามเสด็จมาเข้าเวรนั้นได้เสด็จไสยาสน์มาบนหลังนกยูง ต่างกันกับปีนี้ที่เสด็จประทับนั่งมาบนหลังนกยูง ดังนั้นความหมายของสถานการณ์จึงย่อมต่างกัน
เรื่องของสงกรานต์เป็นเรื่องคติทางความเชื่อของชนเผ่าไทย คู่ขนานมากับความเชื่อทางพยากรณ์ศาสตร์และสืบทอดต่อเนื่องมายาวนานนับพันปีแล้ว
สงกรานต์แปลว่าการย้าย ในที่นี้หมายถึงการเคลื่อนย้ายของดวงอาทิตย์ตามที่คนเรามองเห็นได้ ในขณะที่ความจริงคือโลกเคลื่อนย้ายโคจรรอบดวงอาทิตย์
การเคลื่อนย้ายของดวงอาทิตย์ในลักษณะที่ว่านี้และที่เอามาคิดคำนวณกันเป็นเรื่องสงกรานต์กันมีอยู่ 3 ชนิด คือ
การเคลื่อนย้ายของดวงอาทิตย์จากราศีหนึ่งไปอีกราศีหนึ่งเรียกว่าสงกรานต์เดือน
การเคลื่อนย้ายโคจรของดวงอาทิตย์ไปยังจุดกึ่งกลางขอบฟ้าเรียกว่าอายันสงกรานต์ ซึ่งแบ่งเป็นสองอย่าง คือ เมื่อดวงอาทิตย์โคจรไปยังจุดกึ่งกลางขอบฟ้าด้านเหนือเรียกว่าอายันสงกรานต์เหนือ เมื่อดวงอาทิตย์โคจรมายังจุดกึ่งกลางขอบฟ้าด้านใต้เรียกว่าอายันสงกรานต์ใต้
ชนิดสุดท้ายคือสงกรานต์ปี ได้แก่การที่ดวงอาทิตย์โคจรย้ายจากราศีมีนเข้าไปสู่ราศีเมษ เมื่อตรงกับวันเวลาใด วันเวลานั้นเรียกว่าวันมหาสงกรานต์
ในปีนี้เมื่อดวงอาทิตย์โคจรย้ายจากราศีมีนไปยังราศีเมษตรงกับวันที่ 14 เมษายน เวลา 12 นาฬิกา 43 นาที 12 วินาที วันเวลาดังกล่าวนี้จึงเป็นวันมหาสงกรานต์ และเพราะวันมหาสงกรานต์ตรงกับวันเสาร์ ดังนั้นจึงเป็นเวรของพระนางมโหทรเทวีที่จะต้องเข้าเวรประจำปี
เวลาที่เป็นมหาสงกรานต์เป็นเวลาหลังเที่ยง 43 นาที 12 วินาที ดังนั้นอิริยาบถของนางสงกรานต์เวรจึงเป็นอิริยาบถนั่ง ซึ่งมีความมั่นคง มีความพร้อม มีความระมัดระวัง และสามารถเปลี่ยนอิริยาบถรุกรับขับสู้ได้อย่างถนัดถนี่
จากวันมหาสงกรานต์ดังกล่าวนี้ก็นำไปสู่การพยากรณ์สงกรานต์มากมายหลายประการ ซึ่งท่านผู้ใดสนใจในรายละเอียดประการต่าง ๆ ย่อมสามารถค้นคว้าหาความรู้ได้ตามใจชอบ
สิริอัญญาเคยเขียนไว้ในคอลัมน์ข้างประชาราษฎร์ พยากรณ์สงกรานต์ในลักษณะนี้ไว้อย่างแม่นยำ จึงขอนำมาเล่าสู่กันฟังอีกครั้งหนึ่ง
สิริอัญญาเคยเขียนไว้เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2545 ว่าวันเนาคือวันก่อนวันสงกรานต์ เมื่อเป็นวันศุกร์มีคำพยากรณ์ว่า
“จะเกิดเพลิงใหญ่ไหม้ขึ้นกลางเมือง ทั้งเมืองหลวงและเมืองใหญ่ ขุนนางข้าราชการชั้นผู้ใหญ่จะต้องโทษคดีอาญา ถูกริบทรัพย์สิน สมณะชีพราหมณ์จะมีความขัดแย้งเป็นทุกข์ใจ พืชผลทางการเกษตรจะมีราคาแพง น้ำจะน้อย”
ดูท่าการขับเคลื่อนการตรวจสอบการทุจริตของ คตส. และ ป.ป.ช. ตลอดจนความขัดแย้งที่ดำรงอยู่ในบ้านเมืองขณะนี้แล้วก็เห็นทีว่าคำพยากรณ์วันเนาเนื่องในวันสงกรานต์ที่สิริอัญญาเคยพยากรณ์ไว้คงจะเข้าเค้าเป็นอันมาก
สิริอัญญาพยากรณ์ในเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งไว้ว่า เมื่อวันมหาสงกรานต์ตรงกับวันเสาร์ มีคัมภีร์พยากรณ์ไว้ว่า
“ทหารหาญของชาติจะมีชัยชนะแก่ข้าศึกทุกสารทิศ จะมีอำนาจทางการเมือง และรุ่งเรืองบารมียิ่งกว่าปีก่อน ๆ จะได้รับสิทธิประโยชน์และสวัสดิการเป็นอันมาก จะมีการปรับปรุงการศึกษาและวิทยาการทหารให้ก้าวหน้ากว้างขวางยิ่งขึ้น”
จากเหตุการณ์ลิ่วล้ออำนาจเก่าปั่นบ้านป่วนเมืองจาบจ้วงล่วงเกินพระราชอำนาจบีบคั้นพระมหากษัตริย์และสร้างกรรมทำเข็ญไว้กับบ้านเมืองไม่หยุดไม่หย่อน จนมีทีท่าว่าการบริหารบ้านเมืองจะไม่สามารถดำเนินไปได้โดยปกติ และส่อเค้าวิกฤตใหญ่ขึ้นในบ้านเมืองดังที่เป็นอยู่นี้แล้ว คำพยากรณ์ตอนนี้จึงน่าจับตามองอย่างยิ่ง
สิริอัญญายังพยากรณ์ไว้อีกว่าเมื่อวันสงกรานต์ตรงกับวันเสาร์ มีคัมภีร์พยากรณ์ว่า
“จะเกิดเพลิงไหม้ขึ้นกลางเมืองใหญ่และเมืองหลวง เกิดโรคาพยาธิระบาดทั่วไป โจรผู้ร้ายจะชุกชุม”
เป็นคำพยากรณ์วันสงกรานต์ที่มีเนื้อหาสอดคล้องไปในทางเดียวกันกับคำพยากรณ์วันเนา จึงมีลักษณะซ้ำเหตุการณ์ให้รุนแรงขึ้นเป็นสองเท่า
สิริอัญญาเคยพรรณนาลักษณะและคำพยากรณ์เกี่ยวกับพระนางมโหทรเทวีในยามที่เข้าเวรเป็นนางสงกรานต์ว่า
“การแต่งองค์ทรงเครื่องของพระนางมโหทรเทวีในปีนี้ พูดง่าย ๆ ก็คือทรงสร้อยสังวาลปิดหน้าอกเล็กน้อย ล้วนประกอบด้วยนิลอันเป็นสีดำ ถ้าเป็นการแต่งกายในปัจจุบันนี้ก็คือการแต่งกายสีดำในชุดไว้ทุกข์นั่นเอง คฤหัสถ์และพระเถระซึ่งเป็นที่เคารพนับถือศรัทธาของประชาชนจะถึงกาลสิ้นบุญ ก่อให้เกิดความโศกเศร้าอาลัยอย่างกว้างขวาง
ดอกสามหาวหรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าดอกผักตบนั้น แม้มีสีสวยแต่บ้างว่ามีกลิ่นเหม็น แต่กลิ่นเหม็นบางทีคนบางจำพวกก็รู้สึกว่าเป็นกลิ่นหอมก็ได้ อุปมาเหมือนหนองอยู่ในกองคูถ ย่อมยินดีในกลิ่นและรสของคูถนั้นมิได้รังเกียจเลย กลิ่นที่เหม็นดังนี้จึงมีคำพังเพยเกี่ยวกับคำพูดของคนบางจำพวกที่พูดจาก้าวร้าวหยาบช้าว่าพูดจาสามหาว
เหตุนี้หลังแต่วันสงกรานต์เป็นต้นไป คนไทยจะได้ยินคำกล่าวและเรื่องราวที่หยาบช้าสามหาวอย่างกว้างขวาง บรรยากาศการเมืองและสื่อมวลชนจะเป็นเรื่องของการจาบจ้วงหยาบช้าสามหาวให้ได้เห็นกันเป็นแน่แท้
ศาสตราวุธสำหรับองค์นางสงกรานต์คือจักรและตรี เมื่อประกอบรวมกันแล้วก็คือจักรตรี เป็นอาวุธประจำพระองค์พระนารายณ์สำหรับใช้ปราบปรามเหล่าพาลและเหล่ามารอสูรทั้งปวง การปราบปรามการทุจริต การฉ้อราษฎร์บังหลวง อิทธิพลอำนาจมืดจะเกิดขึ้นอย่างครึกโครม
แต่ถ้าถือเสียว่าเป็นเรื่องธรรมดาและเป็นเรื่องที่ดีที่เหล่าพาลชั่วช้าจะถูกกำจัดปราบปรามและมีความสงบสุขร่มเย็นเป็นเบื้องหน้า ก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องอันควรแก่การต้อนรับ”
สิริอัญญาได้พยากรณ์สงกรานต์ในลักษณะนี้ไว้ว่า “พระบรมเดชานุภาพในองค์พระมหากษัตริย์และสถาบันพระมหากษัตริย์จะเกริกก้องลือเลื่องไปทั่วสากลโลก พระราชวงศ์จักรีจะได้รับความศรัทธาเลื่อมใสทั้งในระดับสากลและมั่นคงยิ่งขึ้นในประเทศ”
อา! เทพศาสตราของพระนารายณ์มหาเทพปรากฏขึ้นอีกครั้งหนึ่งแล้ว มารและอสูรทั้งหลายย่อมวอดวายแน่!