สอบได้เป็นเรื่องตลกสอบตกเป็นเรื่องธรรมชาติ

.
เมื่อวานประเด็นที่ถกเถียงและวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากมาย คือผลสำรวจของกรุงเทพโพลล์ ที่มีการประเมินผลงาน 6 เดือนรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ หรือรัฐบาลขิงแก่ ที่บางคนบอกว่าเป็นฤๅษีเลี้ยงเต่าบ้างก็ว่ากันไป

ความพึงพอใจของประชาชนต่อผลงานของรัฐบาลชุดนี้คะแนนเต็ม 10 ได้ 4.53ได้คะแนนลดลงจากเดิมที่เคยมีการประเมินผลงานรอบ 3 เดือน

ความพึงพอใจด้านเศรษฐกิจ ได้ 4.13 ที่ท่านได้คะแนนน้อยไม่ผ่านเกณฑ์ไม่ต้องแปลกใจเพราะความไม่แน่นอนความรวนเรในการทำงานด้านเศรษฐกิจ เริ่มตั้งแต่ที่ หม่อมอุ๋ยประกาศนโยบาย 30 % ก็ทำให้ต่างชาติปั่นป่วน การดึงนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์เข้ามาทำหน้าที่เป็นประธานคณะทำงานเพื่อชี้แจงเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ตามด้วยการลาออกของหม่อมอุ๋ยจะด้วยความน้อยอกน้อยใจหรือเหตุผลอะไรก็ตามย่อมกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไม่น้อย

สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศขณะนี้ก็ไม่ดีนัก จนนักเศรษฐศาสตร์บางท่านออกมาส่งสัญญาณให้ระวัง จะเกิดวิกฤตการณ์ต้มยำกุ้งรอบสอง ค่าเงินบาทแข็งตัวมาก อัตราการลงทุนลดต่ำลง พ.ร.บ.ค้าปลีกค้าส่งยังคาราคาซังไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้เลย

ยิ่งมาดูความเห็นของประชาชนต่อทิศทางการเปลี่ยนแปลงของประเทศไทย เมื่อรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศครบ 6 เดือน 32% มองว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย นี่ย่อมเหมือนกับกระจกเงาที่สะท้อนการทำงานของรัฐบาลที่ดี เป็นการตอบสมมติฐานที่พันธมิตรพี่น้องประชาชนตั้งข้อสงสัยว่า คณะรัฐมนตรีเกียร์ว่างหรือเปล่า

ผมกลับมองว่าที่จริงแล้วรัฐบาลนี้ไม่มีเกียร์เพราะหยุดอยู่กับที่ นั่นคือ โนเกียร์

ความคาดหวังของประชาชนลดลงทุกวันจนวันนี้แทบจะไม่มีความหวังที่จะฝากกับรัฐบาลได้เลย

ผลสำรวจยังออกมาบอกว่าใครเป็นรัฐมนตรีที่ประชาชนพึงพอใจน้อยที่สุด บุคคลในรัฐบาลที่ประชาชนไม่รู้จักมากที่สุด

ผมคงไม่ต้องบอกว่าเป็นใครบ้าง เพราะหลายสำนักคงรายงานข่าวชิ้นนี้กันอย่างละเอียด เป็นอย่างไรบ้างครับ ผลสำรวจนี้เหมือนกับมีนัยทางการเมืองที่ บ่งบอกสะท้อนตัวตนของรัฐบาลที่ไม่ทำอะไรเลย ทั้งๆ ที่เวลาของพวกท่านเหลือน้อยลงทุกวัน

เสียงเรียกร้องของประชาชนที่มีให้จัดการกับปัญหาที่ยังคาใจ

การจัดการกับกลุ่มอำนาจเก่าที่ไม่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด กลัวจะเสียภาพพจน์ ทำให้กลุ่มผู้ที่จงรักภักดี ได้รับการต่อท่อน้ำเลี้ยง มาเคลื่อนไหวอยู่บริเวณสนามหลวง ไม่ว่าจะมาในชื่อใด ชื่อพีทีวี กลุ่มพิราบขาว กลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ กลุ่ม ฯลฯ ล้วนแต่สร้างความเดือดร้อนเป็นการปลุกปั่นสร้างความแตกแยกในสังคมมากยิ่งขึ้น

รัฐบาล คมช. ผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องก็ไม่จัดการไม่ดำเนินการอะไร กลุ่มคนเหล่านี้ก็จะคอยกวนใจท่าน เหมือนกับกรวดในรองเท้านั่นแหล่ะครับ

คมช. และรัฐบาลท่านจะประกาศป่าวร้องให้มาสมานฉันท์กันเถอะพ่อแม่พี่น้อง ที่แล้วมาก็ให้แล้วไป มันเป็นสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ เพราะท่านได้ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปเสียแล้ว ท่านตกเข้าไปอยู่ในกับดักที่เขาขุดบ่อล่อปลาเอาไว้ เขาแค่ส่งเสียงว่า ท่านอย่าสืบทอดอำนาจนะ เท่านั้นท่านก็รีบปล่อยมือเพราะกลัวข้อครหา แล้วตอนนี้ล่ะครับ ท่านก็โดนข้อครหาเช่นเดียวกัน โดนหนักกว่าเดิม พอไม่ทำอะไรเขาก็หาว่าท่านหน่อมแน้ม พอจะเอาจริงเอาจังเขาก็บอกว่าท่านเผด็จการ ทำเอาท่านทั้งหลายไปไม่เป็นเลยทีเดียว

ท่านปล่อยให้กลุ่มอำนาจเก่าตั้งหลัก พร้อมทั้งสะสมอาวุธเสบียงกรังอย่างเต็มที่ สรรพกำลังพร้อม น่าเสียดาย ท่านคงลืมสุภาษิตไทยที่ว่าตีงูอย่าตีให้หลังหัก แต่ท่านกลับใจดีให้บรรดางูเห่า ได้พักได้รักษาตัวอย่างเต็มที่ มิหนำซ้ำ นายกฯ ยังสวมบทเป็นชาวนากับงูเห่า โอบอุ้ม ไอทีวี อีกต่างหาก

ท่านเห็นไหมครับ นายกฯ พล.อ.สุรยุทธ์ไปกล่าวสุนทรพจน์ที่ญี่ปุ่น แถลงว่าที่ผ่านมา 5 ปี รัฐบาลทักษิณมีการทุจริตมีการคอร์รัปชันอย่างไร ทีไอทีวีไม่ออกอากาศสักนิด แต่พอนายนพดล ปัทมะ ออกมาทวงสัญญาใจ ทีไอทีวีปล่อยให้ออกอากาศเต็มๆ ซึ้งไหมครับ

นี่ดีนะครับ ที่เขาประเมินผลงานรัฐบาล ถ้าวันไหนเขาประเมินการทำงานของ คมช. วันนั้นแหล่ะครับ ต้องมีคนที่สอบตกอีกหลายท่าน

เรื่องเหล่านี้ พี่น้องพันธมิตรฯ ทราบกันดีตั้งแต่ต้นแทบไม่ต้อรอผลโพลล์มาประกอบก็ได้ เพราะพี่น้องพันธมิตรประชาชนหลายจังหวัดในภาคอีสานได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลและพล.อ.สุรยุทธ์ เร่งรีบในการปฏิรูปการเมืองอย่างจริงจัง ให้ทำงานเสียที เขามองเห็นว่า 6 เดือนที่ผ่านมาเป็น 6 เดือนแห่งความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาชาติ และกำลังจะนำพาประเทศไปสู่วิกฤตการณ์อีกครั้ง รัฐบาลชุดนี้มีข้อผิดพลาดมีความอ่อนแอจนทำให้เกิดปัญหา 4 ข้อ ดังนี้

1. รัฐบาลได้กลายเป็นอุปสรรคสำคัญในการเดินหน้าปฏิรูปการเมือง

2. รัฐบาลนี้ได้กลายเป็นแนวร่วมมุมกลับให้แก่ระบอบทักษิณและสมุนลิ่วล้อทั้งหลายที่กำลังเปิดแนวรบกับ คมช.ทั้งทางตรงและทางอ้อม ไม่ว่าจะเป็นแนวรบด้านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครม. ส.ส.ร. หรือกระทั่งใน คมช.เอง ล้วนแต่มีข้อสงสัยว่ามีเส้นสายหรือคนในระบอบทักษิณสอดแทรก ก่อกวน ยื้อดึงการปฏิบัติงานเกือบทั้งหมด

3. ความอ่อนแอ นิ่งเฉย ไม่ใส่ใจวิกฤตการณ์และความเสียหายจากทรราช ทำให้มีข้อสงสัยว่าคณะรัฐบาลของ พล.อ.สุรยุทธ์ มีเบื้องหลังหรือความสัมพันธ์ใดๆ กับกลุ่มอำนาจเก่าหรือไม่

4. วิกฤตการณ์ของประเทศอันเกิดจากระบอบทักษิณยังไม่ได้รับการชำระล้าง รัฐบาลที่ถูกตั้งโดย คมช. กลับซ้ำเติมวิกฤตการณ์เก่าให้มากขึ้นไปอีก ดังจะเห็นจากความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ผ่านรูปแบบการก่อม็อบที่สนามหลวงและลานคนเมือง

นอกจากรัฐบาลและพล.อ.สุรยุทธ์ จะไม่ได้แก้ปัญหาที่กล่าวมาทั้งหมด ยังซ้ำเติมด้วยการประกาศว่าประเทศไทยจะมีการเลือกตั้งเมื่อไหร่ การเดินทางไปญี่ปุ่นเพื่อลงนามเอฟทีเอ ไทย-ญี่ปุ่น ท่ามกลางเสียงคัดค้านของประชาชนคนไทย เป็นการเร่งรัดกดดันให้สถานการณ์เลวร้ายลงอีก

พันธมิตรฯ สงขลาถึงกับต้องตั้งคำถามดังๆ 3 ข้อให้คนที่เกี่ยวข้องทั้งรัฐบาลและ คมช. ให้ได้ยินกันบ้าง เผื่อจะมีคำตอบว่า

จะรีบเลือกตั้งไปทำไม รีบเพื่อใคร ประเทศชาติและประชาชนได้ประโยชน์อะไร หากระบอบทักษิณยังไม่ถูกดำเนินการหรือจะให้ระบอบทักษิณกลับมากินกลืนประเทศไทยต่อไป

เงื่อนไข 4 ข้อในการยึดอำนาจทำไม คมช.ไม่เร่งดำเนินการให้เห็นเป็นรูปธรรม

คมช.เกรงใจอะไรอยู่จึงไม่เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีหรือรัฐบาล เพราะที่ผ่านมาพิสูจน์ชัดแล้วว่ารัฐบาลไม่ได้ดำเนินการตามนโยบาย คมช. และยังเอื้อระบอบทักษิณให้กลับเข้ามามีอำนาจ แถมยังสร้างปัญหาให้กับประเทศเพิ่มมากขึ้น

พี่น้องประชาชนให้เวลากับรัฐบาลมานานถึง 6 เดือน แต่ท่านไม่ทำอะไรกันเลยนอกจากตั้งวอร์รูมแหกตาชาวบ้านไปวันๆ ในเมื่อเราให้โอกาสท่านแล้ว และผลการประเมินของท่านก็ตกคะแนนลดลงอย่างน่าใจหาย

6 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลสอบตก ท่านไม่มีสิทธิขอเรียน ทำงานซ้ำชั้นอีก 6 เดือนสุดท้ายนะครับ

จึงขอเรียกร้องให้ พล.อ.สุรยุทธ์ และคณะรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่งโดยเร็วเถอะครับเพื่อเปิดทางให้มีการปฏิรูปการเมืองไทยทั้งระบบ เพื่อกอบกู้สิ่งที่พวกท่านไม่ได้ทำอะไรเลยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา

อย่ามัวแต่คิดแบบเด็กนักเรียนเลยครับว่าสอบได้เป็นเรื่องตลก สอบตกเป็นเรื่องธรรมชาติ