แฉกระทรวงการคลัง ยังไม่ไฟเขียว กรมกร๊วกใช้เงิน 70 ล้านบาท บริหาร-จ่ายเงินเดือน พนักงาน “ทักษิณทีวี” ระบุ ปลัดฯสปน.ทึกทักเองว่าทำได้ ยันเงินยังอยู่ในบัญชีกรมประชาฯ ต้องรอ ก.คลัง ตอบกลับว่าเป็นกรรมสิทธิ์ของหน่วยงานใด รัฐเดินหน้า อุ้มลูกเมียน้อย“เอสดียู” ชงบอร์ด ก.พ.ร.หลังสงกรานต์ ย้ำระเบียบการเงินย้อนหลังได้
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการบริหารกิจการโทรทัศน์ระบบยูเอชเอฟ (ทีไอทีวี) เปิดเผยว่า หลังจากที่กระทรวงการคลัง ได้ส่งสำเนาเรื่องที่ สำนักปลักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เสนอให้พิจารณาว่า กรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งอยู่ในกำกับของ สปน. จะสามารถดำเนินการงานในระเบียบการเงิน ตามระเบียบของกระทรวงการคลังว่าด้วยระบบบัญชี ได้หรือไม่ และกระทรวงการคลัง ได้ส่งเรื่องกลับมาเมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2550 ว่า กรมประชาสัมพันธ์ สามารถกำหนดระเบียบเพื่อเปิดบัญชีรับเงินรายได้และค่าโฆษณา 70 ล้านบาท ของสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี นับตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค. 2550 มาเก็บไว้ได้ และปลัดฯ สปน. ก็ยืนยันว่า กรมประชาสัมพันธ์สามารถดำเนินการได้และเป็นหน้าที่ที่กรมบัญชีกลางจะดำเนินการ
อย่างไรก็ตาม กรณีที่ปลัด ฯสปน. อ้างว่า กรมประชาสัมพันธ์ ได้รับหนังสือจากกระทรวงการคลัง ให้นำเงิน 70 ล้านบาทมาบริหารจัดการได้นั้น ไม่เป็นเช่นนั้น เนื่องกระทรวงการคลัง ได้ระบุในสำเนาเอกสารเพียงว่า กรมประชาสัมพันธ์สามารถเก็บรายได้และค่าโฆษณา 70 ล้านบาท มาเปิดบัญชีได้เท่านั้น แต่การที่กรมประชาสัมพันธ์ จะนำเงิน 70 ล้านบาท มาบริหารจัดการในสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวีนั้น ยังไม่สามารถดำเนินการได้เพราะยังไม่มีระเบียบฉบับใดออกมารองรับ ดังนั้นกรณีที่พนักงานทีไอทีวีจะได้รับเงินเดือนในเดือนมีนาคม ก็ยังจะไม่ได้รับ อย่างไรก็ตามกรณีเช่นนี้กรมประชาสัมพันธ์ได้เคยมีประสบการณ์ทำร่างจัดการเงินหมุนเวียนมาก่อนหน้านี้โดยเฉพาะในเรื่องของหลักเกณฑ์รายได้
“ขณะนี้กระทรวงการคลัง ยังไม่ได้แจ้งกลับมาว่า เงิน 70 ล้านบาท นำมาบริหารจัดการได้หรือไม่ เงินจึงอยู่ในบัญชีที่กรมประชาสัมพันธ์เปิดขึ้นใหม่ ตามหนังสือที่แจ้งว่า สามารถเก็บไว้ได้ อย่างไรก็ตามหากกระทรวงการคลัง แจ้งกลับมาอีกว่า กรรมสิทธิ์ของรายได้จะตกเป็นของหน่วยงานใดระหว่าง สปน. กับกรมประชาสัมพันธ์ หน่วยงานนั้นก็จะต้องแจ้งร่างระเบียบการหมุนเวียนเงินตามระเบียบของกระทรวงการคลัง เสนอกลับไปอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นการที่ปลัดฯสปน. ระบุว่า ดำเนินการได้แล้วนั้นเป็นเพียงการพูดในลักษณะว่าน่าจะทำได้มากกว่า”แหล่งข่าวระบุ
แหล่งข่าวคนเดิมยังกล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งหน่วยบริการรูปแบบพิเศษ หรือ เอสดียู ว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก โดยเฉพาจากการประชุมกลุ่มย่อยระหว่างอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์กับตัวแทนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เชื่อว่าจะมีการนำเสนอภายหลังเทศกาลสงกรานต์
อย่างไรก็ดี หากการจัดตั้งเอสดียูเกิดขึ้น เชื่อว่า การบริหารจัดการจะสามารถดำเนินการย้อนหลังได้ เพราะตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี และพ.ร.บ.บริหารราชการแผ่นดิน ได้ตกลงกับกระทรวงการคลังในเรื่องการฝากเงินนอกงบประมาณ ที่จะย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค.2550 ซึ่งเป็นวันที่สถานีโทรทัศน์ทีไอทีวีดำเนินการ เพราะมีการแก้ไขกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี ในการเข้ามาบริหารกิจการวิทยุโทรทัศน์ของกรมประชาสัมพันธ์ได้
ด้านคุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวยอมรับว่า อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ได้รายงานการจัดทำระบบบัญชีในการจัดการบริหารกิจการโทรทัศน์ระบบยูเอชเอฟ มาทางโทรศัพท์ว่าได้ออกระเบียบและรับค่าใช้จ่ายมาแล้วและจะต้องนำเข้าเอสดียูได้ ซึ่งยืนยันว่า ระเบียบชั่วคราวดังนั้นรายละเอียดในการจัดการถือเป็นอำนาจที่อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์สามารถดำเนินการได้ทันที
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการบริหารกิจการโทรทัศน์ระบบยูเอชเอฟ (ทีไอทีวี) เปิดเผยว่า หลังจากที่กระทรวงการคลัง ได้ส่งสำเนาเรื่องที่ สำนักปลักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เสนอให้พิจารณาว่า กรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งอยู่ในกำกับของ สปน. จะสามารถดำเนินการงานในระเบียบการเงิน ตามระเบียบของกระทรวงการคลังว่าด้วยระบบบัญชี ได้หรือไม่ และกระทรวงการคลัง ได้ส่งเรื่องกลับมาเมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2550 ว่า กรมประชาสัมพันธ์ สามารถกำหนดระเบียบเพื่อเปิดบัญชีรับเงินรายได้และค่าโฆษณา 70 ล้านบาท ของสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี นับตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค. 2550 มาเก็บไว้ได้ และปลัดฯ สปน. ก็ยืนยันว่า กรมประชาสัมพันธ์สามารถดำเนินการได้และเป็นหน้าที่ที่กรมบัญชีกลางจะดำเนินการ
อย่างไรก็ตาม กรณีที่ปลัด ฯสปน. อ้างว่า กรมประชาสัมพันธ์ ได้รับหนังสือจากกระทรวงการคลัง ให้นำเงิน 70 ล้านบาทมาบริหารจัดการได้นั้น ไม่เป็นเช่นนั้น เนื่องกระทรวงการคลัง ได้ระบุในสำเนาเอกสารเพียงว่า กรมประชาสัมพันธ์สามารถเก็บรายได้และค่าโฆษณา 70 ล้านบาท มาเปิดบัญชีได้เท่านั้น แต่การที่กรมประชาสัมพันธ์ จะนำเงิน 70 ล้านบาท มาบริหารจัดการในสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวีนั้น ยังไม่สามารถดำเนินการได้เพราะยังไม่มีระเบียบฉบับใดออกมารองรับ ดังนั้นกรณีที่พนักงานทีไอทีวีจะได้รับเงินเดือนในเดือนมีนาคม ก็ยังจะไม่ได้รับ อย่างไรก็ตามกรณีเช่นนี้กรมประชาสัมพันธ์ได้เคยมีประสบการณ์ทำร่างจัดการเงินหมุนเวียนมาก่อนหน้านี้โดยเฉพาะในเรื่องของหลักเกณฑ์รายได้
“ขณะนี้กระทรวงการคลัง ยังไม่ได้แจ้งกลับมาว่า เงิน 70 ล้านบาท นำมาบริหารจัดการได้หรือไม่ เงินจึงอยู่ในบัญชีที่กรมประชาสัมพันธ์เปิดขึ้นใหม่ ตามหนังสือที่แจ้งว่า สามารถเก็บไว้ได้ อย่างไรก็ตามหากกระทรวงการคลัง แจ้งกลับมาอีกว่า กรรมสิทธิ์ของรายได้จะตกเป็นของหน่วยงานใดระหว่าง สปน. กับกรมประชาสัมพันธ์ หน่วยงานนั้นก็จะต้องแจ้งร่างระเบียบการหมุนเวียนเงินตามระเบียบของกระทรวงการคลัง เสนอกลับไปอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นการที่ปลัดฯสปน. ระบุว่า ดำเนินการได้แล้วนั้นเป็นเพียงการพูดในลักษณะว่าน่าจะทำได้มากกว่า”แหล่งข่าวระบุ
แหล่งข่าวคนเดิมยังกล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งหน่วยบริการรูปแบบพิเศษ หรือ เอสดียู ว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก โดยเฉพาจากการประชุมกลุ่มย่อยระหว่างอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์กับตัวแทนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เชื่อว่าจะมีการนำเสนอภายหลังเทศกาลสงกรานต์
อย่างไรก็ดี หากการจัดตั้งเอสดียูเกิดขึ้น เชื่อว่า การบริหารจัดการจะสามารถดำเนินการย้อนหลังได้ เพราะตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี และพ.ร.บ.บริหารราชการแผ่นดิน ได้ตกลงกับกระทรวงการคลังในเรื่องการฝากเงินนอกงบประมาณ ที่จะย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค.2550 ซึ่งเป็นวันที่สถานีโทรทัศน์ทีไอทีวีดำเนินการ เพราะมีการแก้ไขกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี ในการเข้ามาบริหารกิจการวิทยุโทรทัศน์ของกรมประชาสัมพันธ์ได้
ด้านคุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวยอมรับว่า อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ได้รายงานการจัดทำระบบบัญชีในการจัดการบริหารกิจการโทรทัศน์ระบบยูเอชเอฟ มาทางโทรศัพท์ว่าได้ออกระเบียบและรับค่าใช้จ่ายมาแล้วและจะต้องนำเข้าเอสดียูได้ ซึ่งยืนยันว่า ระเบียบชั่วคราวดังนั้นรายละเอียดในการจัดการถือเป็นอำนาจที่อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์สามารถดำเนินการได้ทันที