แพทย์ศิริราชประกาศความสำเร็จผ่าตัดแยกแฝดสยามหัวใจติดกัน “ปานตะวัน-ปานวาด” รอดทั้งคู่เป็นรายแรกของโลกหลังใช้เวลาผ่าตัดนาน 12 ชั่วโมง แพทย์ระบุต้องดูแลหัวใจแฝดน้อง “ปานวาด” ใกล้ชิด เพราะมีปัญหาเรื่องการหายใจและยังมีรูรั่วที่หัวใจห้องบน
วานนี้ ( 5 เม.ย.) คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลแถลงข่าวการผ่าตัดแฝดสยาม ซึ่งมีหัวใจติดกันได้สำเร็จมีชีวิตรอดทั้งคู่เป็นรายแรกของโลก คือ ด.ญ.ปานตะวัน และ ดญ.ปานวาด ธิเย็นใจ บุตรสาวของ น.ส.อุษา ธิเย็นใจ และนายถาวร วิบุลกุล โดยมี ทีมแพทย์สหสาขาวิชา อาทิ ศ.พญ.อังกาบ ปราการรัตน์ หัวหน้าภาควิชาวิสัญญีวิทยา รศ.นพ.สมชาย ศรียศชาติ ศัลยแพทย์หัวใจ ผศ.นพ.มนตรี กิจมณี ศัลยแพทย์ตกแต่ง ผศ.นพ.มงคล เลาหเพ็ญแสง กุมารศัลยแพทย์ และคณะ
ผศ.นพ.มงคล กล่าวว่า เด็กแฝดปานวาดและปานตะวัน เกิดเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.49 เวลา 18.37 น. โดยการผ่าคลอดเมื่ออายุครรภ์ได้ 36 สัปดาห์ ทั้งคู่มีน้ำหนักแรกคลอดรวมกันประมาณ 3,570 กรัม มีลำตัวด้านหน้าติดกันตั้งแต่บริเวณทรวงอกลงมาถึงผนังหน้าท้อง จากการตรวจร่างกายภายนอก พบว่าเด็กมีบริเวณที่ติดกัน ขนาด 17 x 8 ซ.ม. และได้ทำการตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง และการตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากำลังสูง พบว่า ทารกมีอวัยวะภายในที่ติดกัน 2 ส่วน คือ มีตับติดกันเป็นบริเวณกว้าง รวมทั้งมีหัวใจเชื่อมต่อกันด้วย โดยหัวใจห้องบนขวาของแฝดพี่ ปานตะวัน เชื่อมกับหัวใจห้องบนซ้ายของแฝดน้อง ปานวาด และมีเลือดจากปานตะวันไหลผ่านมายังปานวาดตลอดเวลา
เมื่อหัวใจมีลักษณะติดกันดังกล่าว คณะแพทย์จึงได้ทำการสวนหัวใจด้วยสายสวนติดบัลลูนเพื่อเข้าไปปิดบริเวณรอยเชื่อมต่อของหัวใจ เสมือนเป็นการแยกหัวใจชั่วคราว ปรากฏว่าไม่เกิดผลเสียต่อทั้งคู่ จึงสามารถวางแผนการผ่าตัดได้ โดยกำหนดการผ่าตัดในวันที่ 20 ก.พ.50 ขณะที่ทารกอายุได้ 8 เดือน และมีน้ำหนักตัวรวมกัน 10.9 กิโลกรัม
ผศ.นพ.มงคล กล่าวต่อว่า จากการค้นรายงานทางการแพทย์ เด็กแฝดตัวติดกันจะมีโอกาสเสียชีวิตตั้งแต่แรกคลอดสูง แต่ก็มีโอกาสรอดชีวิตภายหลังคลอด สำหรับแฝดที่มีหัวใจติดกัน พบว่าเคยมีการผ่าแยกแต่เสียชีวิต หรือรอดเพียงคนเดียวเท่านั้น ดังนั้นครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของโลกที่สามารถผ่าแยกและรอดชีวิตทั้งคู่ แต่ยังคงต้องดูแลแฝดน้อง ปานวาดในเรื่องหัวใจอย่างใกล้ชิดต่อไป เพราะมีปัญหาเรื่องการหายใจและยังมีรูรั่วที่หัวใจห้องบน ซึ่งต้องรอให้หัวใจแข็งแรงมากกว่านี้จึงสามารถผ่าตัดเย็บอีกครั้งได้
ทั้งนี้ แฝดตัวติดกันจะพบได้น้อยมาก ประมาณ 1 ต่อ 50,000 ราย 1 ต่อ 100,000 ราย ของการตั้งครรภ์ปกติ ดังนั้นเมื่อเกิดเด็กแฝดตัวติดกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น และน่าสนใจไม่เฉพาะวงการแพทย์เท่านั้น แต่ยังเป็นที่สนใจของประชาชนโดยทั่วไปอีกด้วย
ด้านรศ.นพ.สมชายกล่าวว่า การผ่าตัดเริ่มต้นด้วยการแยกหัวใจออกจากกัน ซึ่งใช้เวลานานเกือบ 3 ชั่วโมง เพราะต้องทำการผ่าตัดในที่ลึกและแคบ ประกอบกับหัวใจยังคงเต้นอยู่ตลอดเวลา จากนั้นจึงเป็นขั้นตอนการผ่าตัดแยกตับ หน้าท้องออกจากกัน เพราะทั้งคู่มีระบบท่อน้ำดีแยกกัน โดยขั้นตอนการผ่าตัดนี้ต้องทำด้วยความระมัดระวังในการควบคุมมิให้มีเลือดออก เพราะถ้ารับเลือดมากจะเป็นผลเสียอย่างยิ่งต่อทารกทั้งคู่ที่ยังอ่อนแอและเพิ่งผ่านการผ่าตัดหัวใจมาใหม่ ๆ การผ่าตัดแยกตับใช้เวลาทั้งสิ้นประมาณ 2 ชั่วโมง
ต่อเป็นขั้นตอนการแยกร่าง เมื่อเสร็จแล้วได้แยกปานตะวัน ไปที่ห้องผ่าตัดอีกห้องหนึ่ง เพื่อทำการเย็บซ่อมแซมรูโหว่ที่ผนังทรวงอกและผนังหน้าท้อง ส่วนปานวาด อยู่ที่ห้องผ่าตัดเดิม และต้องเย็บแผลปิดโดยการใช้สารสังเคราะห์ช่วย เพราะรูโหว่มีขนาดกว้างมากและหัวใจนูนออกมาพ้นผนังทรวงอกเล็กน้อย จากนั้นจึงเย็บผิวหนังมาคลุมอีกชั้นหนึ่ง โดยขั้นตอนทั้งหมดใช้ทั้งสิ้นประมาณ 12 ชั่วโมง ใช้ทีมงานทั้งสิ้น 61 คน เป็นวิสัญญีแพทย์ 14 คน ศัลยแพทย์หัวใจ 5 คน ศัลยแพทย์ตกแต่ง 7 คน กุมารศัลยแพทย์ 5 คน และพยาบาลห้องผ่าตัด 30 คน โดยเป็นทีมแพทย์ของไทยทั้งหมด
ด้านน.ส.อุษา มารดาของแฝดทั้งคู่ กล่าวว่า ครั้งแรกเมื่อทราบว่าลูกเป็นแฝดและตัวติดกันตั้งแต่ทั้งคู่อยู่ในท้อง ตอนนั้นเสียใจมากที่ลูกไม่เป็นเหมือนเด็กคนอื่นและสงสารมาก ร้องไห้ไม่กินข้าวอยู่หลายวัน แต่ได้มาตรวจที่โรงพยาบาลศิริราช และมีทั้งหมอ พยาบาลดูแลอย่างดี เมื่อคลอดแล้วคณะแพทย์ก็ดูแลโดยตลอด และแจ้งให้ทราบว่าระยะห่างของหัวใจตั้งแต่คลอดจนถึงช่วงเวลาก่อนผ่าเท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง จึงตัดสินใจให้แพทย์ผ่าทั้งคู่ เพราะสงสารลูก เช่นตอนเวลานอนแฝดคนน้องปานวาด ซึ่งตัวเล็กกว่าจะตัวลอยจากที่นอนมาก และ หัวของลูกมีลักษณะแบนมากเพราะนอนได้ข้างเดียว เมื่อปรึกษาแพทย์แน่ใจแล้วจึงให้ผ่าตัดแยก
“ตอนแรกแพทย์ก็ให้ทำใจไว้บ้างว่าผลการผ่าตัดอาจทำให้ต้องเสียทั้งคู่ หรือเสียคนใดไป แต่เมื่อผลการผ่าตัดออกมาสำเร็จก็ดีใจมากๆที่ทั้งคู่มีชีวิตรอด อยากขอบคุณแพทย์ พยาบาล ที่ให้กำลังใจมาโดยตลอด ตอนนี้รักลูกมากและอยากอยู่กับทั้งคู่ตลอดเวลา แม้ทุกวันนี้จะต้องเดินทางไปกลับกรุงเทพ มหาชัยทุกวันก็ทำได้”
วานนี้ ( 5 เม.ย.) คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลแถลงข่าวการผ่าตัดแฝดสยาม ซึ่งมีหัวใจติดกันได้สำเร็จมีชีวิตรอดทั้งคู่เป็นรายแรกของโลก คือ ด.ญ.ปานตะวัน และ ดญ.ปานวาด ธิเย็นใจ บุตรสาวของ น.ส.อุษา ธิเย็นใจ และนายถาวร วิบุลกุล โดยมี ทีมแพทย์สหสาขาวิชา อาทิ ศ.พญ.อังกาบ ปราการรัตน์ หัวหน้าภาควิชาวิสัญญีวิทยา รศ.นพ.สมชาย ศรียศชาติ ศัลยแพทย์หัวใจ ผศ.นพ.มนตรี กิจมณี ศัลยแพทย์ตกแต่ง ผศ.นพ.มงคล เลาหเพ็ญแสง กุมารศัลยแพทย์ และคณะ
ผศ.นพ.มงคล กล่าวว่า เด็กแฝดปานวาดและปานตะวัน เกิดเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.49 เวลา 18.37 น. โดยการผ่าคลอดเมื่ออายุครรภ์ได้ 36 สัปดาห์ ทั้งคู่มีน้ำหนักแรกคลอดรวมกันประมาณ 3,570 กรัม มีลำตัวด้านหน้าติดกันตั้งแต่บริเวณทรวงอกลงมาถึงผนังหน้าท้อง จากการตรวจร่างกายภายนอก พบว่าเด็กมีบริเวณที่ติดกัน ขนาด 17 x 8 ซ.ม. และได้ทำการตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง และการตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากำลังสูง พบว่า ทารกมีอวัยวะภายในที่ติดกัน 2 ส่วน คือ มีตับติดกันเป็นบริเวณกว้าง รวมทั้งมีหัวใจเชื่อมต่อกันด้วย โดยหัวใจห้องบนขวาของแฝดพี่ ปานตะวัน เชื่อมกับหัวใจห้องบนซ้ายของแฝดน้อง ปานวาด และมีเลือดจากปานตะวันไหลผ่านมายังปานวาดตลอดเวลา
เมื่อหัวใจมีลักษณะติดกันดังกล่าว คณะแพทย์จึงได้ทำการสวนหัวใจด้วยสายสวนติดบัลลูนเพื่อเข้าไปปิดบริเวณรอยเชื่อมต่อของหัวใจ เสมือนเป็นการแยกหัวใจชั่วคราว ปรากฏว่าไม่เกิดผลเสียต่อทั้งคู่ จึงสามารถวางแผนการผ่าตัดได้ โดยกำหนดการผ่าตัดในวันที่ 20 ก.พ.50 ขณะที่ทารกอายุได้ 8 เดือน และมีน้ำหนักตัวรวมกัน 10.9 กิโลกรัม
ผศ.นพ.มงคล กล่าวต่อว่า จากการค้นรายงานทางการแพทย์ เด็กแฝดตัวติดกันจะมีโอกาสเสียชีวิตตั้งแต่แรกคลอดสูง แต่ก็มีโอกาสรอดชีวิตภายหลังคลอด สำหรับแฝดที่มีหัวใจติดกัน พบว่าเคยมีการผ่าแยกแต่เสียชีวิต หรือรอดเพียงคนเดียวเท่านั้น ดังนั้นครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของโลกที่สามารถผ่าแยกและรอดชีวิตทั้งคู่ แต่ยังคงต้องดูแลแฝดน้อง ปานวาดในเรื่องหัวใจอย่างใกล้ชิดต่อไป เพราะมีปัญหาเรื่องการหายใจและยังมีรูรั่วที่หัวใจห้องบน ซึ่งต้องรอให้หัวใจแข็งแรงมากกว่านี้จึงสามารถผ่าตัดเย็บอีกครั้งได้
ทั้งนี้ แฝดตัวติดกันจะพบได้น้อยมาก ประมาณ 1 ต่อ 50,000 ราย 1 ต่อ 100,000 ราย ของการตั้งครรภ์ปกติ ดังนั้นเมื่อเกิดเด็กแฝดตัวติดกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น และน่าสนใจไม่เฉพาะวงการแพทย์เท่านั้น แต่ยังเป็นที่สนใจของประชาชนโดยทั่วไปอีกด้วย
ด้านรศ.นพ.สมชายกล่าวว่า การผ่าตัดเริ่มต้นด้วยการแยกหัวใจออกจากกัน ซึ่งใช้เวลานานเกือบ 3 ชั่วโมง เพราะต้องทำการผ่าตัดในที่ลึกและแคบ ประกอบกับหัวใจยังคงเต้นอยู่ตลอดเวลา จากนั้นจึงเป็นขั้นตอนการผ่าตัดแยกตับ หน้าท้องออกจากกัน เพราะทั้งคู่มีระบบท่อน้ำดีแยกกัน โดยขั้นตอนการผ่าตัดนี้ต้องทำด้วยความระมัดระวังในการควบคุมมิให้มีเลือดออก เพราะถ้ารับเลือดมากจะเป็นผลเสียอย่างยิ่งต่อทารกทั้งคู่ที่ยังอ่อนแอและเพิ่งผ่านการผ่าตัดหัวใจมาใหม่ ๆ การผ่าตัดแยกตับใช้เวลาทั้งสิ้นประมาณ 2 ชั่วโมง
ต่อเป็นขั้นตอนการแยกร่าง เมื่อเสร็จแล้วได้แยกปานตะวัน ไปที่ห้องผ่าตัดอีกห้องหนึ่ง เพื่อทำการเย็บซ่อมแซมรูโหว่ที่ผนังทรวงอกและผนังหน้าท้อง ส่วนปานวาด อยู่ที่ห้องผ่าตัดเดิม และต้องเย็บแผลปิดโดยการใช้สารสังเคราะห์ช่วย เพราะรูโหว่มีขนาดกว้างมากและหัวใจนูนออกมาพ้นผนังทรวงอกเล็กน้อย จากนั้นจึงเย็บผิวหนังมาคลุมอีกชั้นหนึ่ง โดยขั้นตอนทั้งหมดใช้ทั้งสิ้นประมาณ 12 ชั่วโมง ใช้ทีมงานทั้งสิ้น 61 คน เป็นวิสัญญีแพทย์ 14 คน ศัลยแพทย์หัวใจ 5 คน ศัลยแพทย์ตกแต่ง 7 คน กุมารศัลยแพทย์ 5 คน และพยาบาลห้องผ่าตัด 30 คน โดยเป็นทีมแพทย์ของไทยทั้งหมด
ด้านน.ส.อุษา มารดาของแฝดทั้งคู่ กล่าวว่า ครั้งแรกเมื่อทราบว่าลูกเป็นแฝดและตัวติดกันตั้งแต่ทั้งคู่อยู่ในท้อง ตอนนั้นเสียใจมากที่ลูกไม่เป็นเหมือนเด็กคนอื่นและสงสารมาก ร้องไห้ไม่กินข้าวอยู่หลายวัน แต่ได้มาตรวจที่โรงพยาบาลศิริราช และมีทั้งหมอ พยาบาลดูแลอย่างดี เมื่อคลอดแล้วคณะแพทย์ก็ดูแลโดยตลอด และแจ้งให้ทราบว่าระยะห่างของหัวใจตั้งแต่คลอดจนถึงช่วงเวลาก่อนผ่าเท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง จึงตัดสินใจให้แพทย์ผ่าทั้งคู่ เพราะสงสารลูก เช่นตอนเวลานอนแฝดคนน้องปานวาด ซึ่งตัวเล็กกว่าจะตัวลอยจากที่นอนมาก และ หัวของลูกมีลักษณะแบนมากเพราะนอนได้ข้างเดียว เมื่อปรึกษาแพทย์แน่ใจแล้วจึงให้ผ่าตัดแยก
“ตอนแรกแพทย์ก็ให้ทำใจไว้บ้างว่าผลการผ่าตัดอาจทำให้ต้องเสียทั้งคู่ หรือเสียคนใดไป แต่เมื่อผลการผ่าตัดออกมาสำเร็จก็ดีใจมากๆที่ทั้งคู่มีชีวิตรอด อยากขอบคุณแพทย์ พยาบาล ที่ให้กำลังใจมาโดยตลอด ตอนนี้รักลูกมากและอยากอยู่กับทั้งคู่ตลอดเวลา แม้ทุกวันนี้จะต้องเดินทางไปกลับกรุงเทพ มหาชัยทุกวันก็ทำได้”