ตำรวจแจ้ง 2 ข้อหาหนัก โชเฟอร์รถยูโรทู สาย ปอ.72 หลังขับรถพุ่งชนแหลกกลางแยกไฟแดงวัดเบญจฯ จนมีผู้เสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บอีก 20 คน ตร.ยังไม่ปักใจเชื่อเบรกแตก รอผลตรวจสภาพรถอย่างละเอียดก่อน ส่วนรถที่เสียหายทั้งหมดรวม 20 คัน
วานนี้(4 เม.ย.)เวลา 05.45 น. พ.ต.ต.เอกชัย ศรีระหงษ์ สารวัตรเวร สน.ดุสิต รับแจ้งเกิดเหตุรถปรับอากาศยูโรทู สาย 72 พุ่งชนรถยนต์ที่จอดติดไฟแดงบริเวณแยกวัดเบญจมบพิตร ถนนศรีอยุธยา ตัดกับถนนพระราม 5 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก จึงประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าทำการตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุพบรถปรับอากาศยูโรทู สาย 72 วิ่งระหว่าง คลองเตย-เทเวศร์ หมายเลขข้างรถ 4-4418 หมายเลขทะเบียน 14-5454 กทม. ในสถาพด้านหน้าพังยับเยิน ใกล้กันพบรถยนต์นั่งส่วนบุคคล 7 คัน รถแท็กซี่ 5 คัน รถกระบะ 1 คัน และรถตู้อีก 1 คัน ถูกชนได้รับความเสียหายระเนระนาด มีผู้บาดเจ็บกว่า 10 คน เจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งนำส่งโรงพยาบาลรามาธิบดี และโรงพยาบาลวชิระ นอกจากนี้ยังพบศพผู้เสียชีวิตอยู่ภายในรถตู้อีก 1 ราย ทราบชื่อนายบุญสม บุญประเสริฐ อายุ 57 ปี ชาวกทม.
สอบสวน นายสมคิด ชูศรีพัฒน์ อายุ 48 ปี คนขับรถปรับอากาศคันดังกล่าว เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุกำลังขับรถรับส่งผู้โดยสารจากตลาดคลองเตย มุ่งหน้าตลาดเทเวศร์ เมื่อถึงที่เกิดเหตุขณะรถกำลังวิ่งด้วยความเร็วสูงปรากฏว่าเบรกรถเกิดขัดข้องทำให้ไม่สามารถควบคุมรถได้ จึงพุ่งชนกวาดรถยนต์ที่จอดติดไฟแดงอยู่จนมีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
พ.ต.ต.เอกชัย ศรีระหงษ์ สารวัตรเวรสอบสวน สน.ดุสิต เปิดเผยว่า ได้เชิญผู้ได้รับความเสียหายทยอยมาให้ปากคำ ส่วนนายสมคิด คนขับซึ่งรอมอบตัวในที่เกิดเหตุ ถูกแจ้งข้อหาขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และสร้างความเสียหายให้กับทรัพย์สินของบุคคลอื่น ส่วนสาเหตุที่แท้จริงว่ารถเบรกแตก หรือเกิดจากความประมาท ต้องรอการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง และตรวจสอบสภาพรถจากกองบังคับการตำรวจจราจรอย่างละเอียดก่อน
สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่แจ้งว่า มีรถที่จอดติดไฟแดงถูกชนเสียหาย รวม 20 คัน เป็นรถแท็กซี่ 7 คัน รถตู้ 2 คัน รถยนต์เก๋ง 7 คัน รถกระบะ 3 คัน และรถบรรทุก 6 ล้อ อีก 1 คัน รวมมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 20 คน โดยแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว 15 คน ส่วนอีก 5 คน ยังต้องรักษาตัวต่อในโรงพยาบาล โดยอยู่ที่โรงพยาบาลราชวิถี 1 คน โรงพยาบาลรามาธิบดี 2 คน โรงพยาบาลลาดพร้าว 1 คน และโรงพยาบาลพญาไท 2 อีก 1 คน
ด้านนายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. เปิดเผยว่า ทาง ขสมก.เสียใจและความรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยจะให้เงินช่วยเหลือเบื้องต้น สำหรับผู้ประสบเหตุตามอาการ แม้ว่าจะได้เงินประกันภัยรถโดยสารอยู่แล้วก็ตาม ทั้งนี้ทางรัฐมนตรีได้กำชับให้มีการตรวจทานเรื่องของความปลอดภัยสาเหตุมาจากตัวรถ อุปกรณ์ต่างๆ ภายในตัวรถ แต่ก็ต้องให้ความสำคัญกับบุคลากรที่มาขับรถด้วย ต้องมีการอบรมอย่างเข็มงวด
ขณะที่นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เปิดเผยว่า ผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตกรณีนี้มีสิทธิยื่นขอรับค่าตอบแทนในฐานะผู้เสียหายในคดีอาญา เพราะเข้าข่ายประมาท โดยทางกรมฯ จะจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปพบผู้บาดเจ็บและญาติผู้เสียชีวิตเพื่อดูแลรับเรื่อง ส่วนจำนวนเงินจะได้เท่าใด ต้องขึ้นกับการพิจารณาของคณะกรรมการที่รับผิดชอบโดยอาจไม่มากเหมือนกรณีอื่น เพราะตามกฎหมายอุบัติเหตุจราจรจะยึดการชดเชยของ พ.ร.บ.จราจรเป็นหลัก
วานนี้(4 เม.ย.)เวลา 05.45 น. พ.ต.ต.เอกชัย ศรีระหงษ์ สารวัตรเวร สน.ดุสิต รับแจ้งเกิดเหตุรถปรับอากาศยูโรทู สาย 72 พุ่งชนรถยนต์ที่จอดติดไฟแดงบริเวณแยกวัดเบญจมบพิตร ถนนศรีอยุธยา ตัดกับถนนพระราม 5 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก จึงประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าทำการตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุพบรถปรับอากาศยูโรทู สาย 72 วิ่งระหว่าง คลองเตย-เทเวศร์ หมายเลขข้างรถ 4-4418 หมายเลขทะเบียน 14-5454 กทม. ในสถาพด้านหน้าพังยับเยิน ใกล้กันพบรถยนต์นั่งส่วนบุคคล 7 คัน รถแท็กซี่ 5 คัน รถกระบะ 1 คัน และรถตู้อีก 1 คัน ถูกชนได้รับความเสียหายระเนระนาด มีผู้บาดเจ็บกว่า 10 คน เจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งนำส่งโรงพยาบาลรามาธิบดี และโรงพยาบาลวชิระ นอกจากนี้ยังพบศพผู้เสียชีวิตอยู่ภายในรถตู้อีก 1 ราย ทราบชื่อนายบุญสม บุญประเสริฐ อายุ 57 ปี ชาวกทม.
สอบสวน นายสมคิด ชูศรีพัฒน์ อายุ 48 ปี คนขับรถปรับอากาศคันดังกล่าว เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุกำลังขับรถรับส่งผู้โดยสารจากตลาดคลองเตย มุ่งหน้าตลาดเทเวศร์ เมื่อถึงที่เกิดเหตุขณะรถกำลังวิ่งด้วยความเร็วสูงปรากฏว่าเบรกรถเกิดขัดข้องทำให้ไม่สามารถควบคุมรถได้ จึงพุ่งชนกวาดรถยนต์ที่จอดติดไฟแดงอยู่จนมีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
พ.ต.ต.เอกชัย ศรีระหงษ์ สารวัตรเวรสอบสวน สน.ดุสิต เปิดเผยว่า ได้เชิญผู้ได้รับความเสียหายทยอยมาให้ปากคำ ส่วนนายสมคิด คนขับซึ่งรอมอบตัวในที่เกิดเหตุ ถูกแจ้งข้อหาขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และสร้างความเสียหายให้กับทรัพย์สินของบุคคลอื่น ส่วนสาเหตุที่แท้จริงว่ารถเบรกแตก หรือเกิดจากความประมาท ต้องรอการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง และตรวจสอบสภาพรถจากกองบังคับการตำรวจจราจรอย่างละเอียดก่อน
สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่แจ้งว่า มีรถที่จอดติดไฟแดงถูกชนเสียหาย รวม 20 คัน เป็นรถแท็กซี่ 7 คัน รถตู้ 2 คัน รถยนต์เก๋ง 7 คัน รถกระบะ 3 คัน และรถบรรทุก 6 ล้อ อีก 1 คัน รวมมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 20 คน โดยแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว 15 คน ส่วนอีก 5 คน ยังต้องรักษาตัวต่อในโรงพยาบาล โดยอยู่ที่โรงพยาบาลราชวิถี 1 คน โรงพยาบาลรามาธิบดี 2 คน โรงพยาบาลลาดพร้าว 1 คน และโรงพยาบาลพญาไท 2 อีก 1 คน
ด้านนายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. เปิดเผยว่า ทาง ขสมก.เสียใจและความรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยจะให้เงินช่วยเหลือเบื้องต้น สำหรับผู้ประสบเหตุตามอาการ แม้ว่าจะได้เงินประกันภัยรถโดยสารอยู่แล้วก็ตาม ทั้งนี้ทางรัฐมนตรีได้กำชับให้มีการตรวจทานเรื่องของความปลอดภัยสาเหตุมาจากตัวรถ อุปกรณ์ต่างๆ ภายในตัวรถ แต่ก็ต้องให้ความสำคัญกับบุคลากรที่มาขับรถด้วย ต้องมีการอบรมอย่างเข็มงวด
ขณะที่นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เปิดเผยว่า ผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตกรณีนี้มีสิทธิยื่นขอรับค่าตอบแทนในฐานะผู้เสียหายในคดีอาญา เพราะเข้าข่ายประมาท โดยทางกรมฯ จะจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปพบผู้บาดเจ็บและญาติผู้เสียชีวิตเพื่อดูแลรับเรื่อง ส่วนจำนวนเงินจะได้เท่าใด ต้องขึ้นกับการพิจารณาของคณะกรรมการที่รับผิดชอบโดยอาจไม่มากเหมือนกรณีอื่น เพราะตามกฎหมายอุบัติเหตุจราจรจะยึดการชดเชยของ พ.ร.บ.จราจรเป็นหลัก