กองกำลังผสมนราธิวาส บุกตรวจค้นร้านสหกรณ์ประจำมัสยิดที่สุไหงปาดี พบกระสุนปืนและอุปกรณ์เตรียมก่อเหตุซุกไว้จำนวนมาก ขณะที่คนร้ายเจาะถนนลอบวางระเบิดรถยนต์ ตชด.สาหัส 3 นาย หลังกลับจากแจกยาชาวบ้าน เผย "มะแซ อุเซ็ง"แกนนำคนสำคัญนำเงินมอบให้แกนนำแต่ละอำเภอ เพื่อแจกจ่ายให้แนวร่วมสับเปลี่ยนพื้นที่ในการปฏิบัติการป่วน โดยพุ่งเป้าไปในพื้นที่ที่ไม่มีการประกาศเคอร์ฟิว เพื่อขยายพื้นที่สีแดง พบกลุ่มเยาวชนหายออกจากหมู่บ้าน เข้าค่ายฝึกหลักสูตรพร้อมปฏิบัติการ
เวลาประมาณ 08.00 น.วานนี้ (4 เม.ย.) กำลังผสมตำรวจ ทหาร และหน่วยปฏิบัติการพิเศษได้นำกำลังเข้าตรวจค้นมัสยิดบ้านดอเฮะ (มัสยิดราวฎอตุลยันนะห์)หมู่ 3 ต.ริโก๋ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส หลังสืบทราบว่ามีกลุ่มแนวร่วมในพื้นที่นำอุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อเหตุร้ายมาซุกซ่อนไว้ เพื่อเตรียมก่อเหตุความไม่สงบ
จากการตรวจค้นภายในร้านค้าสวัสดิการสหกรณ์ชุมชน ซึ่งตั้งอยู่ในมัสยิดบ้านดอเฮะ เจ้าหน้าที่พบชุดลายพรางทหาร หมวกคลุม วิทยุสื่อสาร พร้อมแท่นชารด์ 8 เครื่อง กระสุนปืน ลูกกรด 60 นัด แผ่นซีดี แผนที่บอกจุดที่ตั้งของทางราชการ หน่วยต่างๆ และเส้นทางที่ใช้หลบหนีหลังก่อเหตุ โดยของกลางทั้งหมด ซุกซ่อนอยู่บนฝ้าเพดานร้านค้าสหกรณ์
นอกจากนี้ยังมีรถจักรยานยนต์ติดแผ่นป้ายทะเบียนปลอม 5 คัน จอดอยู่ในเขตมัสยิด สอบถามไม่มีใครรับเป็นเจ้าของ เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดของกลาง พร้อมเชิญตัวโต๊ะอีหม่ามประจำมัสยิด ไปสอบถาม ทราบว่าผู้ดูแลสหกรณ์ คือนายมามะ อายิ อายุ 60 ปี จึงไปหาที่บ้านพักทราบว่าหลบหนีไปก่อนเจ้าหน้าที่จะมาถึง จึงประสานญาติให้มาเข้าให้การต่อเจ้าหน้าที่เพื่อสอบสวน
ต่อมาเวลา 09.45 น.ได้เกิดเหตุระเบิดรถยนต์กระบะของตำรวจ ตชด.ที่บนถนนภายในหมู่บ้านสายเลียบแม่น้ำสายบุรีบ้านกะดุนง-บ้านเกะรอ หมู่ที่ 1 ต.เกะรอ อ.รามัน จ.ยะลา ได้รับความเสียหายมีเจ้าหน้าที่ ตชด.ได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 นาย ถูกนำส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา คือ ด.ต.ไชยพันธ์ เผ่าถาวร ส.ต.ต.นัฐวิทย์ ผ้ายอ้าย และ ส.ต.ต.กิติยากร เจริญปัญญาสุข ทั้งหมดเป็น ตชด.สังกัด กก.ตชดที่ 34 ค่ายพระเจ้าตาก อ.เมือง จ.ตาก มาปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำฐานปฏิบัติการ มว.3402 ที่บ้านตาเนาะปูโย๊ะ หมู่ที่ 3 ต.เกะรอ อ.รามัน
สอบสวนทราบว่าผู้บาดเจ็บพร้อมด้วยเพื่อนตำรวจนั่งรถยนต์คันดังกล่าวมาด้วยกัน 6 นาย และมีรถจักรยานยนต์ตามหลังเพื่อคุ้มกันอีก 5 คัน จำนวน 10 คน โดยไปปฏิบัติหน้าที่ดูแลสุขภาพอนามัยของชาวบ้านเพื่อแจกจ่ายยาให้กับประชาชน ที่บ้านกะดุนง ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 500 เมตร หลังจากแจกจ่ายยาเสร็จได้ขับรถเพื่อเดินทางกลับฐาน คนร้ายได้ใช้ระเบิดชนิดแสวงเครื่องบรรจุถังดับเพลิงน้ำหนัก 15 กิโลกรัมซุกไว้ในรูที่เจาะเข้าไปถึงกลางถนนใกล้หัวสะพานแล้วลากสายไฟยาวเข้าไปในป่าสวนยางข้างทาง ทำการจุดชนวนด้วยแบตเตอรี่รถจักรยานยนต์ทำให้เกิดระเบิดขึ้น จนเป็นเหตุให้มีการบาดเจ็บดังกล่าว
"ผู้จัดการรายวัน"ได้รับคำเปิดเผยจากหน่วยข่าวความมั่นคงว่า ขณะนี้กลุ่มก่อความไม่สงบ ได้พยายามชี้นำและให้ข้อมูลชาวบ้านในทางลบว่า การประกาศเคอร์ฟิว คือ สัญญาณบ่งบอกถึงรัฐบาลที่จะเตรียมจะยกเลิกแนวทางสมานฉันท์ และจะใช้มาตรการปราบปรามที่รุนแรง ซึ่งจากการชี้นำดังกล่าว เท่ากับเป็นการตอกย้ำรอยแยก ซึ่งจะทำให้ปัญหาหวาดระแวงระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับชาวบ้านในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้มีรายงานจากสายข่าวว่า นายมะแซ อุเซ็ง แกนนำคนสำคัญ ได้นำเงินจำนวนหนึ่งมามอบให้แกนนำแต่ละอำเภอในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อแจกจ่ายให้แนวร่วมสับเปลี่ยนพื้นที่ในการปฏิบัติการก่อเหตุ โดยมีเป้าหมายในพื้นที่ที่ไม่มีการประกาศเคอร์ฟิว เพื่อเป็นการตอบโต้ เพื่อที่จะทำให้พื้นที่สีแดงขยายวงกว้างมากขึ้น ส่วนในวันที่ 13-15 เม.ย.นี้ ซึ่งเป็นวันสงกรานต์ หน่วยข่าวได้วิเคราะห์สถานการณ์ว่า เหตุที่เพิ่งเกิดขึ้นในวันที่ 18 ก.พ. 50 (วันตรุษจีน)กับเหตุวันที่ 31 ธ.ค.49 ที่ผ่านมา ในการก่อวินาศกรรมมีส่วนคล้ายคลึงกันประการหนึ่ง คือ เป็นการก่อวินาศกรรมในช่วงเวลาของการเฉลิมฉลอง ที่มีความระมัดระวังในชีวิตและทรัพย์สินต่ำ ดังนั้น ในวันที่มีการรื่นเริงเฉลิมฉลองช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ จึงเป็นอีกช่วงหนึ่งที่ต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ
หน่วยข่าวความมั่นคง เปิดเผยอีกว่า ขณะนี้กลุ่มก่อความไม่สงบได้มีการแบ่งหน้าที่ในการก่อเหตุและการฝึกสมาชิกเพิ่ม รวมทั้งเคลื่อนย้ายอาวุธ โดยได้มีการเร่งฝึกสมาชิกแนวร่วมที่มาจากแต่ละพื้นที่ มีการฝึกแบบหลักสูตรเร่งรัด 15 วัน และเต็มหลักสูตร 30 วัน ทั้งนี้ หน่วยข่าวพบว่า ตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา เยาวชนที่มีอายุระหว่าง 17-20 ปี ได้หายออกจากแต่ละหมู่บ้านเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะทีมฟุตบอลของหมู่บ้าน ซึ่งหน่วยข่าวเชื่อว่า กลุ่มก่อความไม่สงบเตรียมเยาวชนที่ผ่านการฝึกในหลักสูตรดังกล่าวเตรียมก่อเหตุในห้วงเวลาอันใกล้นี้
เวลาประมาณ 08.00 น.วานนี้ (4 เม.ย.) กำลังผสมตำรวจ ทหาร และหน่วยปฏิบัติการพิเศษได้นำกำลังเข้าตรวจค้นมัสยิดบ้านดอเฮะ (มัสยิดราวฎอตุลยันนะห์)หมู่ 3 ต.ริโก๋ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส หลังสืบทราบว่ามีกลุ่มแนวร่วมในพื้นที่นำอุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อเหตุร้ายมาซุกซ่อนไว้ เพื่อเตรียมก่อเหตุความไม่สงบ
จากการตรวจค้นภายในร้านค้าสวัสดิการสหกรณ์ชุมชน ซึ่งตั้งอยู่ในมัสยิดบ้านดอเฮะ เจ้าหน้าที่พบชุดลายพรางทหาร หมวกคลุม วิทยุสื่อสาร พร้อมแท่นชารด์ 8 เครื่อง กระสุนปืน ลูกกรด 60 นัด แผ่นซีดี แผนที่บอกจุดที่ตั้งของทางราชการ หน่วยต่างๆ และเส้นทางที่ใช้หลบหนีหลังก่อเหตุ โดยของกลางทั้งหมด ซุกซ่อนอยู่บนฝ้าเพดานร้านค้าสหกรณ์
นอกจากนี้ยังมีรถจักรยานยนต์ติดแผ่นป้ายทะเบียนปลอม 5 คัน จอดอยู่ในเขตมัสยิด สอบถามไม่มีใครรับเป็นเจ้าของ เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดของกลาง พร้อมเชิญตัวโต๊ะอีหม่ามประจำมัสยิด ไปสอบถาม ทราบว่าผู้ดูแลสหกรณ์ คือนายมามะ อายิ อายุ 60 ปี จึงไปหาที่บ้านพักทราบว่าหลบหนีไปก่อนเจ้าหน้าที่จะมาถึง จึงประสานญาติให้มาเข้าให้การต่อเจ้าหน้าที่เพื่อสอบสวน
ต่อมาเวลา 09.45 น.ได้เกิดเหตุระเบิดรถยนต์กระบะของตำรวจ ตชด.ที่บนถนนภายในหมู่บ้านสายเลียบแม่น้ำสายบุรีบ้านกะดุนง-บ้านเกะรอ หมู่ที่ 1 ต.เกะรอ อ.รามัน จ.ยะลา ได้รับความเสียหายมีเจ้าหน้าที่ ตชด.ได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 นาย ถูกนำส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา คือ ด.ต.ไชยพันธ์ เผ่าถาวร ส.ต.ต.นัฐวิทย์ ผ้ายอ้าย และ ส.ต.ต.กิติยากร เจริญปัญญาสุข ทั้งหมดเป็น ตชด.สังกัด กก.ตชดที่ 34 ค่ายพระเจ้าตาก อ.เมือง จ.ตาก มาปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำฐานปฏิบัติการ มว.3402 ที่บ้านตาเนาะปูโย๊ะ หมู่ที่ 3 ต.เกะรอ อ.รามัน
สอบสวนทราบว่าผู้บาดเจ็บพร้อมด้วยเพื่อนตำรวจนั่งรถยนต์คันดังกล่าวมาด้วยกัน 6 นาย และมีรถจักรยานยนต์ตามหลังเพื่อคุ้มกันอีก 5 คัน จำนวน 10 คน โดยไปปฏิบัติหน้าที่ดูแลสุขภาพอนามัยของชาวบ้านเพื่อแจกจ่ายยาให้กับประชาชน ที่บ้านกะดุนง ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 500 เมตร หลังจากแจกจ่ายยาเสร็จได้ขับรถเพื่อเดินทางกลับฐาน คนร้ายได้ใช้ระเบิดชนิดแสวงเครื่องบรรจุถังดับเพลิงน้ำหนัก 15 กิโลกรัมซุกไว้ในรูที่เจาะเข้าไปถึงกลางถนนใกล้หัวสะพานแล้วลากสายไฟยาวเข้าไปในป่าสวนยางข้างทาง ทำการจุดชนวนด้วยแบตเตอรี่รถจักรยานยนต์ทำให้เกิดระเบิดขึ้น จนเป็นเหตุให้มีการบาดเจ็บดังกล่าว
"ผู้จัดการรายวัน"ได้รับคำเปิดเผยจากหน่วยข่าวความมั่นคงว่า ขณะนี้กลุ่มก่อความไม่สงบ ได้พยายามชี้นำและให้ข้อมูลชาวบ้านในทางลบว่า การประกาศเคอร์ฟิว คือ สัญญาณบ่งบอกถึงรัฐบาลที่จะเตรียมจะยกเลิกแนวทางสมานฉันท์ และจะใช้มาตรการปราบปรามที่รุนแรง ซึ่งจากการชี้นำดังกล่าว เท่ากับเป็นการตอกย้ำรอยแยก ซึ่งจะทำให้ปัญหาหวาดระแวงระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับชาวบ้านในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้มีรายงานจากสายข่าวว่า นายมะแซ อุเซ็ง แกนนำคนสำคัญ ได้นำเงินจำนวนหนึ่งมามอบให้แกนนำแต่ละอำเภอในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อแจกจ่ายให้แนวร่วมสับเปลี่ยนพื้นที่ในการปฏิบัติการก่อเหตุ โดยมีเป้าหมายในพื้นที่ที่ไม่มีการประกาศเคอร์ฟิว เพื่อเป็นการตอบโต้ เพื่อที่จะทำให้พื้นที่สีแดงขยายวงกว้างมากขึ้น ส่วนในวันที่ 13-15 เม.ย.นี้ ซึ่งเป็นวันสงกรานต์ หน่วยข่าวได้วิเคราะห์สถานการณ์ว่า เหตุที่เพิ่งเกิดขึ้นในวันที่ 18 ก.พ. 50 (วันตรุษจีน)กับเหตุวันที่ 31 ธ.ค.49 ที่ผ่านมา ในการก่อวินาศกรรมมีส่วนคล้ายคลึงกันประการหนึ่ง คือ เป็นการก่อวินาศกรรมในช่วงเวลาของการเฉลิมฉลอง ที่มีความระมัดระวังในชีวิตและทรัพย์สินต่ำ ดังนั้น ในวันที่มีการรื่นเริงเฉลิมฉลองช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ จึงเป็นอีกช่วงหนึ่งที่ต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ
หน่วยข่าวความมั่นคง เปิดเผยอีกว่า ขณะนี้กลุ่มก่อความไม่สงบได้มีการแบ่งหน้าที่ในการก่อเหตุและการฝึกสมาชิกเพิ่ม รวมทั้งเคลื่อนย้ายอาวุธ โดยได้มีการเร่งฝึกสมาชิกแนวร่วมที่มาจากแต่ละพื้นที่ มีการฝึกแบบหลักสูตรเร่งรัด 15 วัน และเต็มหลักสูตร 30 วัน ทั้งนี้ หน่วยข่าวพบว่า ตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา เยาวชนที่มีอายุระหว่าง 17-20 ปี ได้หายออกจากแต่ละหมู่บ้านเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะทีมฟุตบอลของหมู่บ้าน ซึ่งหน่วยข่าวเชื่อว่า กลุ่มก่อความไม่สงบเตรียมเยาวชนที่ผ่านการฝึกในหลักสูตรดังกล่าวเตรียมก่อเหตุในห้วงเวลาอันใกล้นี้