ผู้จัดการรายวัน - ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านมึน ผู้ผลิตอิฐมวลเบารวมหัวปรับราคาขาย10% คาดเพื่อรักษามาร์จิ้นไว้ระดับเดิม หลังยอดขายในตลาดลดลงตามอัตราการชะลอตัวตลาดอสังหาฯ ด้านธุรกิจรับสร้างบ้าน แจงผลอิฐมวลเขาปรับราคา ผลักดันต้นทุนก่อสร้างบ้านต่อหลังเพิ่มกว่า 20,000-30,000 บาท ชี้หากคุมต้นทุนไม่อยู่อาจต้องหันกลับมาใช้อิฐมอญแทนอิฐมวลเบา ด้าน"ขุมทรัพย์ โลจายะ" บิ๊กซุปเปอร์บล๊อกฯยันผู้ผลิตไม่ฮั้วราคา ทุกวันนี้ขายต่ำกว่าต้นทุนแล้ว
นายสิทธิพร สุวรรณสุต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา วัสดุก่อสร้างในกลุ่มก่อผนังหรืออิฐมวลเบา ได้มีการปรับราคาขายเพิ่มขึ้นมาประมาณ 10% โดยอิฐมวลเบาก้อนขนาดเล็กที่สุด มีราคาขายอยู่ที่ 14-15 ต่อก้อน จากเดิมราคาขาย13 บาทต่อก้อน ส่วนก้อนขนาดใหญ่มีการปรับราคาขายขึ้นมา10% เช่นกัน ทำให้ขณะนี้ราคาขึ้นมาอยู่ที่ 22-23 บาท จากราคาเดิม 20 บาทต่อก้อน ทั้งนี้ การขึ้นราคาขายของอิฐมวลเบา ส่งผลให้ต้นทุนวัสดุก่อของผู้ประกอบการรับสร้างบ้านเพิ่มขึ้นต่อหลังประมาณ 20,000-30,000 บาท
" การขึ้นราคาอิฐมวลเบาครั้งนี้ มีนัยยะสำคัญ เนื่องจากปัจจุบัน ตลาดรับสร้างบ้าน บ้านจัดสรร มีอัตราการชะลอตัวลดลง ทำให้ความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างในตลาดลดตามไปด้วย แต่ผู้ประกอบการอิฐมวลเบากลับมีการปรับขึ้นราคาขาย ซึ่งไม่สอดคล้องกลับภาวะตลาด เพราะเมื่อพิจารณาถึงความเป็นจริงตามหลักเศรษฐศาสตร์แล้ว ในภาวะที่ความต้องการหรือดีมานด์ลดลง แต่ซับพลายในตลาดยังปริมาณสูงกว่าความต้องการ น่าจะส่งผลให้เกิดการแข่งขันด้านการตลาด ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอการไม่สามารถปรับราคาขายขึ้นได้ " นายสิทธิพรกล่าว
นอกจากนี้ ต้นทุนในการผลิตและการขนส่ง ไม่ได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ในทางกลับกันผู้ประกอบการกลับมีการปรับราคาขายขึ้น ทำให้การปรับราคาขายดังกล่าวมีความผิดปกติ ซึ่งจากการตรวจสอบสาเหตุว่าทำไม่จึงมีการปรับราคาขายขึ้น ก็พบว่า ในกลุ่มผู้ประกอบการอิฐมวลเบา มีการรวมกลุ่มกันปรับราคาขายเพิ่ม เพื่อรักษากำไรจากการขายให้อยู่ในระดับเดิม เพื่อชดเชยกับ
ยอดขายอิฐมวลเบาในช่วงที่ตลาดอสังหาฯชะลอตัวลง
" การรวมตัว และพร้อมใจกันว่าจะปรับราคาขายขึ้น โดยไม่ปล่อยให้เป็นไปตามกลไกของตลาด ทำให้ส่งผลเสียต่อผู้บริโภคและผู้ซื้อปลีก ที่มีอำนาจการต่อรองต่ำ การทำอย่างนี้ หากผู้บริโภครู้สาเหตุก็จะทำให้เกิดผลเสียในระยะยาวได้ แต่อย่างไรก็ตาม การรวมตัวกันของผู้ประกอบการและปรับราคาขายขึ้นนั้น อาจจะมีบางรายที่ไม่ได้ปรับราคาขายขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนอีกครั้ง "
นาสิทธิพร กล่าวว่า สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านในสมาคมกำลังหารือกันว่าจะหาทางออกอย่างไร โดยเฉพาะหากลูกค้าไม่ยินยอมให้ปรับราคาสร้างบ้านขึ้น ได้ ก็จะทำให้ผู้ประกอบการต้องหันกลับไปใช้อิฐมอญในการก่อสร้างเหมือนที่ผ่านมา แต่โดยส่วนตนแล้ว ไม่ต้องการให้ผู้ประกอบการกลับไปใช้อิฐมอญ เพราะการใช้อิฐมวลเบาในการก่อสร้างให้ประโยชน์แก่ลูกค้าในเรื่องของการประหยัดพลังงานในบ้านได้มากกว่า
อนึ่ง ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ทางสมาคมรับสร้างบ้านได้จัดงานรับสร้างบ้าน ซึ่งสามารถสร้างยอดขายได้มากกว่า 450 ล้านบาท และมีการขยายเวลาการจัดงานออกไปอีก 1 วัน ขณะเดียวกันทางสมาคมรับสร้างบ้านคาดว่าจะมียอดขายต่อเนื่องหลังจากงานในครั้งนี้
นายสิทธิพรกล่าวว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ต้นทุนวัสดุก่อสร้างได้ปรับตัวตามความผันผวนของราคาน้ำมัน บวกกับแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในขาขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการไม่พร้อมที่จะปรับราคาขาย เนื่องจากกังวลต่อยอดขายจากความระมัดระวังในการลงทุนของลูกค้า ถึงกระนั้น ในช่วงปลายปี2549 สถานการณ์จากราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยเริ่มปรับตัวดีขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการเชื่อไปว่า ต้นทุนวัสดุก่อสร้างจะไม่มีการปรับตัวขึ้น จึงเริ่มจัดกิจกรรมการตลาดและโปรโมชันพิเศษ เพื่อเร่งกระตุ้นยอดขาย แต่ผลจากที่แนวโน้มราคาวัสดุก่อสร้างขยับ ก็อาจจะต้องมาปรับกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่อีกครั้ง
"ต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี2547ที่ผ่านมา ทำให้ต้นทุนของบริษัทหนักมาก โดยในส่วนของวัสดุก่อสร้างที่มีการปรับราคาเพิ่มขึ้น ประกอบด้วย เหล็ก ขึ้นมากว่า 50-60% สี ขึ้น5% ปูนซีเมนต์ปรับขึ้น ถุงละ 5-8บาท แต่หลังจากมีการปรับราคาขายอิฐมวลเบา ทำให้บริษัทต้องควบคุมต้นทุนเพิ่มขึ้นอีก ในขณะที่ปรับราคาขายไม้ได้ กำไรจะไปเหลืออะไร "
**ซุปเปอร์บล๊อกฯยันผู้ผลิตไม่ฮั้วราคา
ด้านนายขุมทรัพย์ โลจายะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซุปเปอร์บล๊อก จำกัด (มหาชน) กล่าวกับ"ผู้จัดการรายวัน"ว่า ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า บริษัทผู้ผลิตอิฐมวลเบาจะไปฮั้วปรับขึ้นราคาขายกัน เนื่องจากราคาขายในปัจจุบัน เกือบทุกบริษัทก็ขายมีราคาขายต่ำกว่าต้นทุน ซึ่งผลดังกล่าวสะท้อนออกมายังผลประกอบการในช่วงปีที่ผ่านมา ขณะที่ราคาขายอิฐมวลเบาในปัจจุบันเฉลี่ยจะอยู่ในระดับราคาเกินและต่ำกว่า 150 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งเมื่อเทียบกับช่วง 2 ปีทีผ่านมา ราคาขายอิฐมวลเบาจะอยู่ประมาณ 185-190 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งมีผลต่างต่ำกว่าช่วง 2 ปีที่ผ่านมาถึง 20%
"อาจจะเป็นไปได้ที่ มีผู้ผลิตอิฐมวลเบาในช่วงนี้ ปรับราคาขึ้น เนื่องจากเริ่มรับกับต้นทุนที่สูงขึ้นไม่ไหว ทั้งต้นทุนจากค่าทราบ อิฐปูนขาว น้ำมัน และอื่นๆ แต่ถึงจะปรับขึ้น ก็ไม่สูงกว่าช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ตรงนี้น่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้ใช้หรือบริษัทเอกชน คิดว่าผู้ผลิตอิฐมวลเบาฮั้วราคาเอาเปรียบผู้บริโภค " นายขุมทรัพย์กล่าว และว่า ในส่วนของบริษัท ซุปเปอร์บล๊อกฯ ราคาขายอาจจะแพงกว่าผู้ผลิตรายอื่นประมาณ 5-10% เนื่องจากเป็นสินค้าระดับพรีเมี่ยม และวัสดุที่ใช้ในการผลิตค่อนข้างสิ้นเปลื้องกว่าบริษัทรายอื่น แต่ในเรื่องของคุณภาพและความคงทนแล้ว จะสูงกว่า เป็นต้น
นายสิทธิพร สุวรรณสุต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา วัสดุก่อสร้างในกลุ่มก่อผนังหรืออิฐมวลเบา ได้มีการปรับราคาขายเพิ่มขึ้นมาประมาณ 10% โดยอิฐมวลเบาก้อนขนาดเล็กที่สุด มีราคาขายอยู่ที่ 14-15 ต่อก้อน จากเดิมราคาขาย13 บาทต่อก้อน ส่วนก้อนขนาดใหญ่มีการปรับราคาขายขึ้นมา10% เช่นกัน ทำให้ขณะนี้ราคาขึ้นมาอยู่ที่ 22-23 บาท จากราคาเดิม 20 บาทต่อก้อน ทั้งนี้ การขึ้นราคาขายของอิฐมวลเบา ส่งผลให้ต้นทุนวัสดุก่อของผู้ประกอบการรับสร้างบ้านเพิ่มขึ้นต่อหลังประมาณ 20,000-30,000 บาท
" การขึ้นราคาอิฐมวลเบาครั้งนี้ มีนัยยะสำคัญ เนื่องจากปัจจุบัน ตลาดรับสร้างบ้าน บ้านจัดสรร มีอัตราการชะลอตัวลดลง ทำให้ความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างในตลาดลดตามไปด้วย แต่ผู้ประกอบการอิฐมวลเบากลับมีการปรับขึ้นราคาขาย ซึ่งไม่สอดคล้องกลับภาวะตลาด เพราะเมื่อพิจารณาถึงความเป็นจริงตามหลักเศรษฐศาสตร์แล้ว ในภาวะที่ความต้องการหรือดีมานด์ลดลง แต่ซับพลายในตลาดยังปริมาณสูงกว่าความต้องการ น่าจะส่งผลให้เกิดการแข่งขันด้านการตลาด ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอการไม่สามารถปรับราคาขายขึ้นได้ " นายสิทธิพรกล่าว
นอกจากนี้ ต้นทุนในการผลิตและการขนส่ง ไม่ได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ในทางกลับกันผู้ประกอบการกลับมีการปรับราคาขายขึ้น ทำให้การปรับราคาขายดังกล่าวมีความผิดปกติ ซึ่งจากการตรวจสอบสาเหตุว่าทำไม่จึงมีการปรับราคาขายขึ้น ก็พบว่า ในกลุ่มผู้ประกอบการอิฐมวลเบา มีการรวมกลุ่มกันปรับราคาขายเพิ่ม เพื่อรักษากำไรจากการขายให้อยู่ในระดับเดิม เพื่อชดเชยกับ
ยอดขายอิฐมวลเบาในช่วงที่ตลาดอสังหาฯชะลอตัวลง
" การรวมตัว และพร้อมใจกันว่าจะปรับราคาขายขึ้น โดยไม่ปล่อยให้เป็นไปตามกลไกของตลาด ทำให้ส่งผลเสียต่อผู้บริโภคและผู้ซื้อปลีก ที่มีอำนาจการต่อรองต่ำ การทำอย่างนี้ หากผู้บริโภครู้สาเหตุก็จะทำให้เกิดผลเสียในระยะยาวได้ แต่อย่างไรก็ตาม การรวมตัวกันของผู้ประกอบการและปรับราคาขายขึ้นนั้น อาจจะมีบางรายที่ไม่ได้ปรับราคาขายขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนอีกครั้ง "
นาสิทธิพร กล่าวว่า สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านในสมาคมกำลังหารือกันว่าจะหาทางออกอย่างไร โดยเฉพาะหากลูกค้าไม่ยินยอมให้ปรับราคาสร้างบ้านขึ้น ได้ ก็จะทำให้ผู้ประกอบการต้องหันกลับไปใช้อิฐมอญในการก่อสร้างเหมือนที่ผ่านมา แต่โดยส่วนตนแล้ว ไม่ต้องการให้ผู้ประกอบการกลับไปใช้อิฐมอญ เพราะการใช้อิฐมวลเบาในการก่อสร้างให้ประโยชน์แก่ลูกค้าในเรื่องของการประหยัดพลังงานในบ้านได้มากกว่า
อนึ่ง ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ทางสมาคมรับสร้างบ้านได้จัดงานรับสร้างบ้าน ซึ่งสามารถสร้างยอดขายได้มากกว่า 450 ล้านบาท และมีการขยายเวลาการจัดงานออกไปอีก 1 วัน ขณะเดียวกันทางสมาคมรับสร้างบ้านคาดว่าจะมียอดขายต่อเนื่องหลังจากงานในครั้งนี้
นายสิทธิพรกล่าวว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ต้นทุนวัสดุก่อสร้างได้ปรับตัวตามความผันผวนของราคาน้ำมัน บวกกับแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในขาขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการไม่พร้อมที่จะปรับราคาขาย เนื่องจากกังวลต่อยอดขายจากความระมัดระวังในการลงทุนของลูกค้า ถึงกระนั้น ในช่วงปลายปี2549 สถานการณ์จากราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยเริ่มปรับตัวดีขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการเชื่อไปว่า ต้นทุนวัสดุก่อสร้างจะไม่มีการปรับตัวขึ้น จึงเริ่มจัดกิจกรรมการตลาดและโปรโมชันพิเศษ เพื่อเร่งกระตุ้นยอดขาย แต่ผลจากที่แนวโน้มราคาวัสดุก่อสร้างขยับ ก็อาจจะต้องมาปรับกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่อีกครั้ง
"ต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี2547ที่ผ่านมา ทำให้ต้นทุนของบริษัทหนักมาก โดยในส่วนของวัสดุก่อสร้างที่มีการปรับราคาเพิ่มขึ้น ประกอบด้วย เหล็ก ขึ้นมากว่า 50-60% สี ขึ้น5% ปูนซีเมนต์ปรับขึ้น ถุงละ 5-8บาท แต่หลังจากมีการปรับราคาขายอิฐมวลเบา ทำให้บริษัทต้องควบคุมต้นทุนเพิ่มขึ้นอีก ในขณะที่ปรับราคาขายไม้ได้ กำไรจะไปเหลืออะไร "
**ซุปเปอร์บล๊อกฯยันผู้ผลิตไม่ฮั้วราคา
ด้านนายขุมทรัพย์ โลจายะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซุปเปอร์บล๊อก จำกัด (มหาชน) กล่าวกับ"ผู้จัดการรายวัน"ว่า ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า บริษัทผู้ผลิตอิฐมวลเบาจะไปฮั้วปรับขึ้นราคาขายกัน เนื่องจากราคาขายในปัจจุบัน เกือบทุกบริษัทก็ขายมีราคาขายต่ำกว่าต้นทุน ซึ่งผลดังกล่าวสะท้อนออกมายังผลประกอบการในช่วงปีที่ผ่านมา ขณะที่ราคาขายอิฐมวลเบาในปัจจุบันเฉลี่ยจะอยู่ในระดับราคาเกินและต่ำกว่า 150 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งเมื่อเทียบกับช่วง 2 ปีทีผ่านมา ราคาขายอิฐมวลเบาจะอยู่ประมาณ 185-190 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งมีผลต่างต่ำกว่าช่วง 2 ปีที่ผ่านมาถึง 20%
"อาจจะเป็นไปได้ที่ มีผู้ผลิตอิฐมวลเบาในช่วงนี้ ปรับราคาขึ้น เนื่องจากเริ่มรับกับต้นทุนที่สูงขึ้นไม่ไหว ทั้งต้นทุนจากค่าทราบ อิฐปูนขาว น้ำมัน และอื่นๆ แต่ถึงจะปรับขึ้น ก็ไม่สูงกว่าช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ตรงนี้น่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้ใช้หรือบริษัทเอกชน คิดว่าผู้ผลิตอิฐมวลเบาฮั้วราคาเอาเปรียบผู้บริโภค " นายขุมทรัพย์กล่าว และว่า ในส่วนของบริษัท ซุปเปอร์บล๊อกฯ ราคาขายอาจจะแพงกว่าผู้ผลิตรายอื่นประมาณ 5-10% เนื่องจากเป็นสินค้าระดับพรีเมี่ยม และวัสดุที่ใช้ในการผลิตค่อนข้างสิ้นเปลื้องกว่าบริษัทรายอื่น แต่ในเรื่องของคุณภาพและความคงทนแล้ว จะสูงกว่า เป็นต้น