xs
xsm
sm
md
lg

การปฏิวัติเพื่อขุดหลุมศพตัวเอง

เผยแพร่:   โดย: ยอดรัก ตะวันรอน

.
มีคนมายืนยันกับผมว่าคณะปฏิวัติเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ที่ผ่านมานั้น จะต้องเจ๊งหรือถึงกับฉิบหายอย่างแน่นอนภายในไม่กี่วันข้างหน้านี้อย่างไม่ต้องสงสัย

ผมไม่ได้หาเรื่องมาพูดว่ามีคนพูดกันแบบนี้เพราะไม่มีอะไรจะอ้าง แต่เป็นความจริงว่าในขณะนี้ ไม่ว่าจะพบใครที่ไหนจะพูดคุยกันในเรื่องเหล่านี้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะในร้านก๋วยเตี๋ยวริมถนนหรือในรถแท็กซี่ ทุกคนที่พูดรู้สึกว่ามีความสนอกสนใจเรื่องประเภทนี้มาก

คนไทยส่วนมากจะสนใจปัญหาเกี่ยวกับการเมืองและเรื่องราวที่เกี่ยวกับบ้านเมือง แม้ว่าจะมีคนที่รักชาติร่วมมือสนับสนุนการขายชาติจะมาแสดงพลังกันเต็มสนามหลวงก็ตาม เป็นการยืนยันว่าการขายชาติหรือการคอร์รัปชันก็ยังมีคนเทิดทูนบูชาอยู่

คนพูดคนนั้น ไม่ได้บอกว่าทำไมจะต้องเจ๊งหรือฉิบหายอย่างฉับพลันทันที หลังจากการปฏิวัติกันขึ้นมาโดยไม่เคยมีใครแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองได้

เพราะอะไร?

ทั้งๆ ที่เคยประกาศเหตุผลในการปฏิวัติที่ทำให้พวกตนเดือดเนื้อร้อนใจจนทนไม่ไหวอยู่อย่างน้อย 4 ประการ ที่ตนจะต้องมาแก้ไขที่รู้กันทั่วไปแล้วนั้น

เพราะอะไรจึงไม่ทำ?

เพราะเป็นการโกหกหลอกลวงประชาชนเจ้าของชาติ เพื่อเปลี่ยนตัวบุคคลและคณะบุคคลที่จะเข้าไปปล้นชาติบ้านเมืองหรือแบ่งกันกินระหว่างผู้คนที่มีความชำนาญในการปล้นสะดมประจำชาติกับวีรบุรุษผู้ใช้วลาว่างให้ได้ประโยชน์ในการคอร์รัปชัน

เหตุผลที่มีคนเชื่อมั่นและวิพากษ์วิจารณ์อย่างนี้ เขายืนยันให้เห็นว่าข้ออ้างหรือเหตุผลที่ทำกันเองซึ่งทำให้ต้องลงมือปฏิวัตินั้นก็คือ

(1) ไม่มีอะไรที่มีการกระทำกันอย่างจริงจังแม้แต่อย่างเดียวโดยคณะปฏิวัติหรือคณะรัฐบาลปฏิวัติ

(2) ผู้คนที่คณะปฏิวัตินำมาร่วมในคณะรัฐบาลล้วนเป็นนักคอร์รัปชันขนาดหนักเข้ามาทำหน้าที่ในการบริหารเพื่อกอบโกย และเพื่อปกปิดความผิดของขบวนการปล้นสะดมกลุ่มเดิม

(3) ใช้วิธีในการแก้ปัญหาโดยที่มนุษย์ทั่วไปมองไม่เห็นได้หรือแตะต้องไม่ได้ แต่นำคำว่าสมานฉันท์และวิธีการสมานฉันท์เข้ามาปิดบัง หลอกลวงประชาชนให้เข้าใจว่ามีการแก้ปัญหาทั้ง 4 ประการที่เคยอ้าง ทั้งๆ ที่ไม่เคยทำ ความผิดคิดมิชอบและการขายบ้านขายเมืองของรัฐบาลที่ตนเข้ามาโค่นล้มต่อไป


คนที่มายืนยันกับผมถึงรายที่จะต้องรีบเจ๊งไปเมื่อเข้ามาเสวยบุญครบหนึ่งปีพอได้รับเสียงสาปแช่งจากประชาชนอย่างเพียงพอแล้วก็จะหมดวาระหรือ “ขุดหลุมฝังศพตัวเอง”

“มันฉิบหายไปตั้งแต่วันที่ลงมือปฏิวัติแล้ว” พรรคพวกคนหนึ่งอธิบายเพิ่มเติมอีก “นักปฏิวัติในโลกนี้ไม่ว่าใครที่ไหน เขาคิดกันมาก่อนที่จะเริ่มเป็นนักปฏิวัติเป็นสิบๆ ปีว่าจะต้องทำอะไรอย่างไรบ้าง และทุกคนก็ต้องคิดต่อไปถึงเรื่องที่จะทำต่อไปอีกใน 20 ปี 30 ปีข้างหน้า แต่นักปฏิวัติไทยไม่เคยคิดหรือไม่รู้เรื่องอะไรนอกจากจะเชื่อใจว่าเป็นใหญ่เป็นโต และเขมือบกันเป็นรายต่อไปเท่านั้น”

บางทีคนไทยได้ประโยชน์ในการปฏิวัติครั้งนี้ หลังจากที่ประเทศถูกปล้นถูกขายชนิดว่าไม่มีอะไรเหลืออยู่แล้วแม้แต่คุณธรรมและการรู้จักความผิดความถูกของตน เป็นเรื่องน่าอนาถใจที่ความจริงใจต่อบ้านเมืองและเพื่อนร่วมชาติเกือบจะไปหาที่ไหนไม่พบ แต่ก็ยังอุตส่าห์พบและหวังกันได้แห่งหนึ่งที่เรียกกันว่า คตส. ซึ่งเต็มไปด้วยความทุ่มเท เอาจริงเอาจังในการพยายามจะจัดการกระทำชั่วของนักการเมืองที่รกแผ่นดินอยู่ทุกวันนี้ คตส.นับว่าเป็นคนไทยพวกเดียวเท่านั้นที่เอาจริงเอาจังหรือเอาเป็นเอาตายกับคนที่ปล้นบ้านเมืองไม่ว่าจะเป็นคอร์รัปชันหรือขายชาติประการใดก็ตาม อาจจะเรียกได้ว่าเป็นคนไทยที่ทำหน้าที่เพื่อคนไทยอย่างทุ่มเทเอาเป็นเอาตายกันทีเดียว

ไม่มีการสมานฉันท์ใดๆ!!

และความเป็นลูกผู้ชายและลูกผู้หญิงที่เป็นเพียงผู้หญิงจริงๆ คนหนึ่งของคณะบุคคลใน คตส.ไม่กี่คน มันก็พิสูจน์อีกว่าคนไทยที่เหลือกันอยู่ในวงราชการ นอกนั้นอาจจะเป็นคณะรัฐบาลคณะปฏิวัติซึ่งอ้างตนเองรักชาติเป็นห่วงชาติ ไม่เพียงแต่จะไม่ร่วมมือในการค้นเรื่องราวการทำลายชาติทำลายศัตรูของบ้านเมืองที่ต้องการชำระสาง ไม่หรอก, ไม่เพียงแต่จะไม่ร่วมมือเท่านั้น แต่ทุกคนยังขัดขวาง ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน และนั่งรอนอนรอการสมานฉันท์จากศัตรูของบ้านมืองอย่างเป็นสุขอีกด้วย

แต่มันก็เกิดเรื่องผิดปกติขึ้นมาทันที

นั่นหมายถึงความขัดแย้งในกลุ่มคณะปฏิวัติและคณะรัฐบาลในขณะนี้ มันมีท่าทางที่จะมองหน้ากันต่อไปไม่ได้เสียแล้ว ไม่ต้องคบกัน ไม่ต้องมองหน้าใคร ใครมีหน้าที่อะไรก็ทำไป แม้แต่นายกรัฐมนตรี เมื่อท่านต้องการสมานฉันท์ปล่อยให้ท่านสมานฉันท์ของท่านไปตามความต้องการของการปฏิวัติที่ท่านทำมา

ใครไม่ทำก็ไม่ทำ ก็จะทำก็ทำมันเอง

คนเหล่านี้ก็คือ คตส.ที่กล่าวถึงมาแล้ว ปรากฏว่าการจะจัดการให้เรียบร้อยตามความต้องการแต่ปากของคณะปฏิวัติและรัฐบาลปฏิวัตินั้น ไม่สามารถทำได้เท่าที่ควร เพราะเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่มีชีวิตผูกพันอยู่กับพวกปล้นชาติคดโกงปล้นบ้านปล้นเมืองทั้งหมด ตั้งแต่ยอดหญ้าจนกระทั่งทำเนียบนายกรัฐมนตรีนั้น ไม่มีใครเอาด้วยเลย ไม่ว่าจะสอบอะไรที่ไหนจะไม่มีใครยอมรับรู้และไม่ร่วมมือ ไม่ว่าจะให้เอกสารหลักฐานหรือความจริงประการหนึ่งประการใด เชื่อได้ว่าไม่มีทาง เพราะฉะนั้นก็จำเป็นที่คณะ คตส.ต้องหันไปขอร้องรัฐบาลให้ออกคำสั่งในนามของ ครม.บังคับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่เกี่ยวข้องในทุกหน่วยงานให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ คตส. ไม่ว่าจะเป็นบุคคลและเอกสารจะต้องมอบให้เจ้าหน้าที่ คตส.โดยไม่ขัดขืนบิดเบี้ยวแต่อย่างใด แต่ให้ตายเถอะ, คณะรัฐบาลหรือทางด้านคณะรัฐมนตรีปฏิเสธออกมาอย่างไม่สนใจ แต่บอกว่า ไม่ต้องออกเป็นคำสั่งหรือเป็นมติ ครม.เพราะเจ้าหน้าที่ คตส.ไม่ได้รับความร่วมมือจากข้าราชการหน่วยงานนั้นๆ และถูกเบี้ยว ก็ขอให้บอกตัวนายกรัฐมนตรีโดยตรง นายกรัฐมนตรีจะบอกเจ้าหน้าที่รายนั้นๆ โดยไม่มีใครรู้ว่าเจ้าหน้าที่ที่ว่านั้นจะระคายผิวหรือไม่ จะทำตามสั่งหรือไม่ทำไม่ต้องพูดถึง

ซึ่งก็ปรากฏว่าไม่ยอมทำในที่สุด

นั่นคือผลงานของคณะปฏิวัติ 19 กันยายน เป็นผลงานของการขุดหลุมฝังศพตัวเองของคนว่างงานหรือเด็กวัดกลุ่มหนึ่ง ซึ่งทุกอย่างจะทำเพื่อสนุกสนานบันเทิงเป็นหลัก

มีรัฐมนตรีสองกระทรวงไม่ยอมร่วมมือ เจ้าหน้าที่ คตส.ติดต่อไปสองอาทิตย์เพื่อให้ช่วยแจ้งความเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ของกระทรวงที่ไม่ยอมแจ้งความตามคำขอร้องของ คตส.

เมื่อเป็นเช่นนั้น เรื่องแตกหักมันก็เกิดขึ้น

การปฏิวัติของผู้รักชาติ 19 กันยาฯ เกิดขึ้นอีกเรื่องหนึ่ง

เป็นการยืนยันอย่างชัดเจนถึงการปฏิวัติและผู้ถูกปฏิวัติถึงการเล่นละครน้ำเน่าของเด็กอมมือที่รู้ว่าตนมีความสามารถอย่างไรบ้าง ในการที่จะหลอกลวงประชาชนให้เชื่อถือ

เป็นการปฏิวัติที่สกปรกที่สุดในบรรดาการปฏิวัติทุกครั้งในประเทศไทย

นายกรัฐมนตรีไม่ใช่ตัวกฎหมาย หรือรัฐมนตรีไม่ใช่พ่อกู กูไม่ทำ ใครจะทำไมดูเหมือนจะพูดแทนรัฐมนตรีสองกระทรวงได้ด้วยคำนี้โดยไม่ผิดลักษณะแต่ประการใด

ก็เลยนั่งสมานฉันท์ในกระทรวงทั้งสองกระทรวงอย่างเป็นสุข

คตส.กระทำกิจกรรมอันน่าชมเชยและเทิดทูนกลุ่มนี้ก็คือลงมือฟ้องศาลกันเลย ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่องก็ให้ตัดสินกันเลย ไม่ว่าคุณจะเป็นรัฐมนตรีหรือเป็นเทวดาก็เถอะ

นี่เป็นตัวอย่างของความแตกแยกที่เกิดขึ้นเพราะผลของการปฏิวัติแบบเด็กอมมือของเราที่ต้องเล่นกันในขณะนี้ และอีกต่อไปในเรื่องอื่นๆ ข้างหน้า

เมื่ออยากเล่นกันแบบนี้ ก็ต้องเล่นกัน!

แผ่นดินไทยยังมีที่ดินกว้างพอที่จะสร้างคุกได้มากพอ ก็รีบสร้างกันไว้เถอะครับ

5 เดือนที่ได้เสวยอำนาจอยู่ดีกินดีกันมา คนรักชาติเหล่านั้นไม่ได้ทำอะไร อ้างว่าเป็นความคิดของคนเหล่านั้น นอกจากพากันนั่งกระดิกเท้ารอสมานฉันท์กันอยู่

วันเวลาสำหรับการทำงาน ระยะเวลาที่กำหนดเอาไว้ตายตัวในการปฏิวัติที่ในโลกนี้ไม่เคยมีนักปฏิวัติที่ไหนดัดจริตทำกันมาก่อน แต่นักปฏิวัติไทยชุดนี้ได้กำหนดจุดหมายไว้แต่เพียงลากปืนออกมาโชว์ และนำรถถังออกมาแสดงให้เด็กดูก็เป็นอันจบสิ้น

นั่นหมายถึงว่าคณะปฏิวัติเองก็จะเอาตัวเองและพรรคพวกลงนรกไปตามเวรตามกรรม

ไม่ว่าประชาชนทั้งชาติ จะไม่มีใครทำอะไรให้ประชาชน

มันคล้ายๆ กับว่าท่ามกลางความสิ้นหวังของประชาชนทั้งชาติที่ตกเป็นเหยื่อพวกโจรทางการเมืองตัวแสบกลุ่มนั้นอยู่อย่างไม่มีความหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากผู้มีบุญวาสนา นับว่าคนไทยทั้งชาติรอคอยความหวังอยู่ทั้งประเทศก็ถูกหลอกโดยนักการเมืองพวกนี้อย่างเจ็บแสบไม่มีสิ้นสุด

และเป็นเรื่องที่จะไม่เบาลง เหตุการณ์ความขัดแย้งในบ้านเมืองก็นับวันจะบานปลายกันต่อไปอีกมากต่อมาก

ดูเหมือนจะพูดกันว่าความขัดแย้งในบ้านเมืองต่อไปนี้ ถ้าไม่ฆ่ากันทิ้งเสียแบบพฤษภาทมิฬหรือการปฏิวัติอื่นๆ ที่ผ่านมาแล้ว จะไม่มีการแก้ไขให้สงบได้อย่างแน่นอน

ก็มีคนเชื่อว่าอย่างนั้น

เพียงเวลาไม่กี่เดือนที่คณะปฏิวัติและรัฐบาลปฏิวัติเข้ามาวุ่นวายภายในประเทศ ประเทศไทยต้องเตรียมพร้อมที่จะต้องรองรับความวิบัติและความสูญเสียนานาประการ โดยคนไทยทั้งชาติจะถูกหลอกลวงและปิดบังที่ร้ายที่สุดก็คือการสมานฉันท์หรือการร่วมมือกับคณะรัฐบาลปล้นชาติชุดเก่าเข้ามาวางแผนร่วมกันในทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องเล็กน้อยที่ยังมีการกระทำอันผิดกฎหมายอยู่อย่างไม่สะทกสะท้าน

พร้อมด้วยหนี้สินเป็นแสนๆ ล้านบาทในกรณีไอทีวีที่ยังไม่มีใครรู้ว่าเราจะได้กลับคืนมาอย่างไรหรือจะต้องไปเรียกร้องเอาที่ใคร

ข้าราชการและบรรดา ฯพณฯ ของเราที่เข้ามาร่วมวางแผนหากินกันซึ่งมีนักคอร์รัปชันตัวฉกรรจ์เข้ามาร่วมกับรัฐบาลและคณะปฏิวัติที่ถูกหลอกเพราะไม่มีความชำนาญทางด้านการเมืองมาก่อน

เฉพาะอย่างยิ่งการขายชาติชนิดที่ทำกันอย่างไม่ยั้งเป็นการขายที่เจ็บปวดที่เราขายกันมาแล้วก็คือการขายเพื่อทำลายประเทศโดยการทำสัญญาเอฟทีเอกับจีนและออสเตรเลียที่ทำลายคนไทยเป็นล้านคนให้หมดอาชีพจากการทำมาหากินในอาชีพเกษตรกรรม และในขณะนี้ทั้งที่คณะปฏิวัติไม่มีสิทธิในการทำสัญญากับต่างประเทศ แต่รัฐบาลก็พร้อมที่จะทำสัญญาขายชาติที่เรียกว่าเอฟทีเอในวันที่ 3 เมษายนนี้ และมีโอกาสที่จะกวาดเงินค่าแรงในการขายชาติดังกล่าวนี้เป็นจำนวนอีกมหาศาล

ในรายการโทรทัศน์ของ ASTV เมื่อไม่กี่วันมานี้ มีผู้รู้จำนวนมากมาเปิดเผยรายละเอียดที่ชั่วร้ายของการขายชาติให้แก่ญี่ปุ่นของกลุ่มโจรและรัฐบาลปฏิวัติชุดนี้ ผมก็บังเอิญมีพรรคพวกที่เป็นชาวบ้านจำนวนหนึ่งมาพูดคุยด้วย ผมก็นำรายละเอียดพอที่จะจำได้มาเล่าให้ทุกคนฟังซึ่งต่างก็สนใจอย่างมาก

เพื่อนคนหนึ่งถามผมว่า “มันมีใครบ้างอ้ายพวกขายชาติพวกนี้ มีหลายคนไหม?”

“ก็หลายคน” ผมตอบเบาๆ “คุณจะทำไมหรือ?”

“จับมันมากระทืบให้แหลกแล้วก็โยนลงนรกไปเสียเลยไง”

สาธุ, ผมตอบเบาๆ!
กำลังโหลดความคิดเห็น