ศูนย์ข่าวศรีราชา -ททท. เผยปัจจุบันจังหวัดระยองมีกลุ่มทุนจากประเทศแถบสแกนดิเนเวีย หอบเงินนับหมื่นล้าน โดยร่วมลงทุนกับคนไทย เตรียมผุดรีสอร์ตหรู ริมหาดแม่พิมพ์ จ.ระยอง รับกลุ่มผู้เข้าพักลองสเตย์ รองรับกลุ่มเกษียณอายุจากประเทศแถบสแกนดิเวียและยุโรป ที่ต้องการใช้ชีวิตบั้นปลายในประเทศไทย โดยเฟสแรกมีมากถึง 200 ยูนิต สนนราคาตั้งแต่ 4 -30 ล้านบาทต่อหลัง
นายชาญชัย ดวงจิต ผู้อำนวยการ สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภาคกลาง เขต 4(ระยอง-จันทบุรี) เปิดเผยว่าขณะนี้จังหวัดระยอง และจันทบุรี มีการลงทุนด้านที่พักสำหรับรองรับนักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง หลังจากในช่วงที่ผ่านมาพบว่า ภาวะการท่องเที่ยวของทั้ง 2 จังหวัดมีอัตราการเติบโตและจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 15-30% ต่อปี ทั้งนี้เป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว ด้วยการจัดงานประจำปีในรูปแบบต่างๆ ที่ตรงใจกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทย ส่วนกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ความมั่นใจเรื่องการท่องเที่ยวที่ปลอดภัยจากภัยธรรมชาติ
ทำให้ในปี 2549 จังหวัดระยอง มีตัวเลขนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติมากถึง 3 ล้านคน มีรายได้จากการท่องเที่ยวสูงถึง 1 หมื่นล้านบาท ขณะที่จันทบุรี มีตัวเลขนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติประมาณ 7 แสนคน มีรายได้จากการท่องเที่ยว 800 ล้านบาท
ในปี 2550 มีรายงานแจ้งว่า ขณะนี้บริเวณหาดแม่พิมพ์ จังหวัดระยอง มีการกว้านซื้อที่ดินผืนใหญ่จากบริษัท โลแกน (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นการลงทุนร่วม ระหว่างกลุ่มนักลงทุนจากประเทศแถบสแกนดิเนเวีย และนักลงทุนไทย เพื่อผุดรีสอร์ตหรูขนาด 200 ยูนิตในเฟสแรก สำหรับรองรับกลุ่มเกษียณอายุจากประเทศแถบสแกนดิเนเวีย เยอรมนี และยุโรป ซึ่งขณะนี้ ความต้องการเข้าพักที่รีสอร์ตแห่งนี้มากถึง 2,000 คน และปัจจุบันยังคงมีการกว้านซื้อที่ดินบริเวณใกล้เคียงอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมผุดรีสอร์ตในเฟสที่ 2 ซึ่งคาดว่ามีการลงทุนนับหมื่นล้านบาท เนื่องจากลักษณะการดำเนินงานเป็นการทำสัญญาเข้าพักในระยะยาวถึง 30 ปี และราคารีสอร์ตจะเริ่มต้นที่ 4 ล้านบาทต่อหลัง จนถึง 30 ล้านบาทต่อหลัง
ส่วนบริเวณหาดเจ้าหลาว จังหวัดจันทบุรี ก็มีการลงทุนด้านที่พักในลักษณะรีสอร์ต เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวค้างแรมที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน โดยขณะนี้ พบว่า เจ้าของที่ดินน้อยใหญ่บริเวณชายหาดแห่งนี้ ได้ขอรับเงินสนับสนุนจากสำนักส่งเสริมการลงทุนวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม เพื่อผุดที่พักรองรับนักท่องเที่ยวทั้งขนาดเล็กและใหญ่เป็นจำนวนมาก
"ในช่วงนี้ภาวะการท่องเที่ยวของจังหวัดระยองและจันทบุรี ถือว่าพีกมาก เพราะเป็นช่วงปิดภาคเรียน เห็นได้จากบริเวณชายหาดทุกชายหาดจะเต็มไปด้วยผู้คนและนักท่องเที่ยว ไม่เฉพาะช่วงหยุดเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น ประกอบกับนับแต่นี้ไปจนถึงเดือนพฤษภาคม จังหวัดจันทบุรีและระยอง จะมีการจัดงานเทศกาลอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกิจกรรม Fruit Season ที่จะเป็นไฮไลต์สำคัญ และจัดต่อเนื่องกันทั้งสองจังหวัด คาดว่าจะสร้างกระแสเงินสะพัดได้อย่างมากมาย ขณะที่ห้องพักกว่า 3 พันห้อง บนเกาะเสม็ด ก็ถูกจองจนเต็มหมดและจองยาวไปจนถึงช่วงเปิดภาคเรียน " นายชาญชัย กล่าว
ทั้งนี้ปัจจุบันจังหวัดระยอง มีจำนวนห้องพักประมาณ 1 หมื่นห้อง และ 80%ของผู้เข้าพักเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยจากจังหวัดกรุงเทพฯ ปริมณฑลและภาคอีสาน ส่วนจังหวัดจันทบุรี มีจำนวนห้องพักรวมหลายพันห้องและยังมีแนวโน้มการเกิดใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในแถบชายหาดเจ้าหลาว แหลมเสด็จและคุ้งกระเบน เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีสภาพอากาศดี และเงียบสงบ
นายชาญชัย ดวงจิต ผู้อำนวยการ สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภาคกลาง เขต 4(ระยอง-จันทบุรี) เปิดเผยว่าขณะนี้จังหวัดระยอง และจันทบุรี มีการลงทุนด้านที่พักสำหรับรองรับนักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง หลังจากในช่วงที่ผ่านมาพบว่า ภาวะการท่องเที่ยวของทั้ง 2 จังหวัดมีอัตราการเติบโตและจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 15-30% ต่อปี ทั้งนี้เป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว ด้วยการจัดงานประจำปีในรูปแบบต่างๆ ที่ตรงใจกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทย ส่วนกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ความมั่นใจเรื่องการท่องเที่ยวที่ปลอดภัยจากภัยธรรมชาติ
ทำให้ในปี 2549 จังหวัดระยอง มีตัวเลขนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติมากถึง 3 ล้านคน มีรายได้จากการท่องเที่ยวสูงถึง 1 หมื่นล้านบาท ขณะที่จันทบุรี มีตัวเลขนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติประมาณ 7 แสนคน มีรายได้จากการท่องเที่ยว 800 ล้านบาท
ในปี 2550 มีรายงานแจ้งว่า ขณะนี้บริเวณหาดแม่พิมพ์ จังหวัดระยอง มีการกว้านซื้อที่ดินผืนใหญ่จากบริษัท โลแกน (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นการลงทุนร่วม ระหว่างกลุ่มนักลงทุนจากประเทศแถบสแกนดิเนเวีย และนักลงทุนไทย เพื่อผุดรีสอร์ตหรูขนาด 200 ยูนิตในเฟสแรก สำหรับรองรับกลุ่มเกษียณอายุจากประเทศแถบสแกนดิเนเวีย เยอรมนี และยุโรป ซึ่งขณะนี้ ความต้องการเข้าพักที่รีสอร์ตแห่งนี้มากถึง 2,000 คน และปัจจุบันยังคงมีการกว้านซื้อที่ดินบริเวณใกล้เคียงอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมผุดรีสอร์ตในเฟสที่ 2 ซึ่งคาดว่ามีการลงทุนนับหมื่นล้านบาท เนื่องจากลักษณะการดำเนินงานเป็นการทำสัญญาเข้าพักในระยะยาวถึง 30 ปี และราคารีสอร์ตจะเริ่มต้นที่ 4 ล้านบาทต่อหลัง จนถึง 30 ล้านบาทต่อหลัง
ส่วนบริเวณหาดเจ้าหลาว จังหวัดจันทบุรี ก็มีการลงทุนด้านที่พักในลักษณะรีสอร์ต เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวค้างแรมที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน โดยขณะนี้ พบว่า เจ้าของที่ดินน้อยใหญ่บริเวณชายหาดแห่งนี้ ได้ขอรับเงินสนับสนุนจากสำนักส่งเสริมการลงทุนวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม เพื่อผุดที่พักรองรับนักท่องเที่ยวทั้งขนาดเล็กและใหญ่เป็นจำนวนมาก
"ในช่วงนี้ภาวะการท่องเที่ยวของจังหวัดระยองและจันทบุรี ถือว่าพีกมาก เพราะเป็นช่วงปิดภาคเรียน เห็นได้จากบริเวณชายหาดทุกชายหาดจะเต็มไปด้วยผู้คนและนักท่องเที่ยว ไม่เฉพาะช่วงหยุดเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น ประกอบกับนับแต่นี้ไปจนถึงเดือนพฤษภาคม จังหวัดจันทบุรีและระยอง จะมีการจัดงานเทศกาลอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกิจกรรม Fruit Season ที่จะเป็นไฮไลต์สำคัญ และจัดต่อเนื่องกันทั้งสองจังหวัด คาดว่าจะสร้างกระแสเงินสะพัดได้อย่างมากมาย ขณะที่ห้องพักกว่า 3 พันห้อง บนเกาะเสม็ด ก็ถูกจองจนเต็มหมดและจองยาวไปจนถึงช่วงเปิดภาคเรียน " นายชาญชัย กล่าว
ทั้งนี้ปัจจุบันจังหวัดระยอง มีจำนวนห้องพักประมาณ 1 หมื่นห้อง และ 80%ของผู้เข้าพักเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยจากจังหวัดกรุงเทพฯ ปริมณฑลและภาคอีสาน ส่วนจังหวัดจันทบุรี มีจำนวนห้องพักรวมหลายพันห้องและยังมีแนวโน้มการเกิดใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในแถบชายหาดเจ้าหลาว แหลมเสด็จและคุ้งกระเบน เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีสภาพอากาศดี และเงียบสงบ