ผมเล็งการณ์ตามข้อเสนอของมนูญผลแล้วก็ไม่เห็นทางเสีย ทั้งพอมีเวลาอยู่ ดังนั้นจึงพากันไปแถววังบูรพาให้หมอตาเขาตรวจดู ผลปรากฏเป็นดังที่มนูญผลได้คาดการณ์ไว้คือผมมีสายตาสั้นแล้วและสั้นค่อนข้างมาก จนผมรู้สึกแปลกใจว่าทำไมจึงเป็นคนสายตาสั้นไปได้
หมอผู้ตรวจบอกว่าการสายตาสั้นไม่จำเป็นต้องเกิดแต่พันธุกรรม เพราะอาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ ได้หลายประการ เช่นการดูหนังสือในขณะที่มีแสงสว่างไม่พอเพียง หรือใช้สายตามากเกินไป เป็นต้น
ผมตรองดูก็ต้องเชื่อตามคำหมอ และเห็นว่าที่ผมมีสายตาสั้นนั้นเกิดขึ้นจากสาเหตุตามตัวอย่างที่หมอว่านั่นเอง เพราะผมเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือและไม่รู้จักเวล่ำเวลา เมื่อตอนเด็กๆ ชอบอ่านหนังสือการ์ตูน พอถึงเวลาก๋งก็บังคับให้นอน ผมเคยใช้ผ้าห่มคลุมตัวแล้วเอาไฟฉายมาส่องอ่านหนังสืออยู่เสมอๆ นอกจากนี้ที่บ้านผมขณะนั้นไม่มีไฟฟ้าใช้ ก๋งผมใช้ตะเกียงไข่เป็ดหรือตะเกียงที่เขาชอบใช้จุดหน้าศพ ดังนั้นผมจึงต้องอ่านหนังสือโดยอาศัยแสงสว่างจากตะเกียงไข่เป็ดนั้น เพราะแสงสว่างไม่พอต่อการดูหนังสือ แต่ยังดื้อดันประพฤติปฏิบัติเช่นนั้นเป็นเวลาช้านาน จึงอาจเป็นต้นเหตุอย่างหนึ่ง ครั้นมาอาศัยอยู่วัดแสงไฟที่ห้องก็สลัวๆ บางทียังต้องจุดเทียนเสริม ครั้นทุ่มเทอ่านหนังสือมากเข้าจึงอาจก่อเป็นมูลเหตุที่ทำให้สายตาสั้น
หมอวัดสายตาและทดลองการมองตามขนาดเลนส์ต่างๆ ซึ่งทำให้ผมสามารถมองเห็นและรู้สึกสบายตาขึ้นกว่าแต่ก่อน ดังนั้นจึงต้องตัดแว่นและต้องใส่แว่นตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
อันดวงตานั้นเป็นอายตนะสำคัญของคนเรา เป็นประตูของการเห็นสิ่งทั้งหลาย ที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา เป็นอวัยวะที่มีคุณค่ามากที่สุดอย่างยิ่งของคนเรา หากเสียไปซึ่งสายตาแล้วย่อมเป็นเรื่องที่น่าเวทนาแก่ชีวิตตามมากและน้อยของความสูญเสียนั้น ดังนั้นจึงควรต้องทะนุถนอมดวงตาและสายตาไว้ให้จงดี ใครมีลูกมีหลานก็อย่าปล่อยให้สายตาเสียเพราะเหตุดังที่ได้พรรณนามานี้เลย
การที่ต้องกลายเป็นคนใส่แว่นทำให้ผมได้คิดว่าการมุ่งมั่นทำอะไรมากเกินไปไม่ใช่เรื่องที่ดีเสมอไป เพราะย่อมมีผลกระทบไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งซึ่งอาจคุ้มหรือไม่คุ้มกันก็ได้ เป็นแต่ว่าเวลาตกอยู่ในสถานการณ์จริงๆ แล้วคนเราย่อมมีวิสัยเป็นธรรมดาที่จะต้องบุกบั่นมุ่งมั่นโดยขาดการคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามหลังมา เรื่องนี้จึงต้องถือว่าเป็นบทเรียนเรื่องหนึ่งของชีวิต แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่เล็กน้อยก็ตาม แต่ความสายตาสั้นก็กลายเป็นโรคติดตัวผมมาจนบัดนี้
นอกจากนั้นสิ่งที่ได้ประสบและคาดว่าจะเป็นเรื่องหนึ่งแต่แท้จริงอาจจะไม่ใช่สิ่งที่คาดหมายก็ได้ หากไม่มีสติยั้งคิดหรือความเฉลียวใจก็จะหลงใหลไปในความผิดพลาด จนลางทีก็อาจหนักหนาจนแก้ไขปัญหาไม่ได้ โชคดีที่ผมมีเพื่อนดีคอยให้สติและความเฉลียว จึงไม่ต้องหลงกินยาแก้ปวดหัวซึ่งไม่ตรงกับโรค ไม่ตรงกับเรื่อง และไม่สามารถแก้ไขปัญหาอะไรได้ และทำให้สามารถเยียวยารักษาได้อย่างถูกต้องทันท่วงที
แต่ก็มีผู้คนจำนวนมากที่ขาดเพื่อนดี คนจำพวกนี้ต่อให้มั่งมีเงินทองอำนาจวาสนา มีผู้คนแวดล้อมรับใช้มากมายสักเพียงไหน ก็เหมือนคนอาภัพอับวาสนาเพราะขาดผู้เตือน ขาดเพื่อนที่รู้อกรู้ใจคอยช่วยเหลือเกื้อกูลทางความคิดจิตใจไม่ให้หลงทิศผิดทาง
พระผู้มีพระภาคเจ้าเคยตรัสในเรื่องนี้ว่าคนเรานั้นหากมีผู้เตือนก็เหมือนมีลาภอันประเสริฐ ดังนั้นหากมีใครตักเตือนท้วงติงก็อย่าได้พลั้งเผลอหลงผิดคิดว่าเขาไม่ชอบใจ ไม่พอใจ หรืออิจฉาริษยา พึงระลึกเถิดว่านั่นเป็นลาภอันประเสริฐ อย่าได้ปัดลาภหรือขัดลาภนั้นเลย อาณาประโยชน์ย่อมบังเกิดแก่ตนไม่มากก็น้อย
การมีเพื่อนผู้เตือนจึงเป็นลาภอันประเสริฐเหมือนกับความไม่มีโรค ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสเช่นเดียวกันว่าเป็นลาภอันประเสริฐ สิ่งประเสริฐสองสิ่งนี้จึงเป็นสิ่งที่พึงมีในชีวิตของคนเรา ขึ้นอยู่กับว่าจะมีได้อย่างไรเท่านั้น และย่อมเป็นเรื่องที่แต่ละคนต้องขวนขวายให้มีขึ้นเองด้วยตัวเองเท่านั้น
คนจีนเขาก็มีภาษิตในเรื่องเดียวกันนี้ว่าการมีเพื่อนมากหนทางก็กว้าง ไปไหนหรือทำการสิ่งใดก็จะสะดวกและโอกาสก็จะเปิดให้กับผู้ที่มีเพื่อนมากดังนี้
ผมและเพื่อนทั้งสี่คนผ่านการสอบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ได้ตามความปรารถนา และนี่ก็คือสัมฤทธิผลอันเกิดแต่เหตุของความขยันหมั่นเพียรและความมุ่งมั่นนั่นเอง เมื่อรู้ผลสอบชั้น ม.ศ.3 แล้วผมก็ไปสมัครสอบเข้าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพญาไท ในขณะที่มนูญผลไปสมัครสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร ส่วนไสยวิชญ์และศิริศักดิ์ยังคงต้องการเรียนต่อในชั้น ม.ศ. 4 ที่โรงเรียนวัดมกุฏกษัตริย์ตามเดิม
ในวันที่ไปขอลาออกจากโรงเรียนผมได้ไปกราบลาครูสุมนาและครูบุญยังอาจารย์ใหญ่ ท่านก็แปลกใจไต่ถามว่าลาออกไปทำไม เรียนอยู่ที่นี่ก็สบายดีแล้ว ไม่ต้องไปเสียเวลาสอบแข่งขันกับใครเขาให้ยุ่งยาก เพราะโรงเรียนวัดมกุฎกษัตริย์ขณะนั้นก็เปิดสอนชั้น ม.ศ.4 และ ม.ศ.5 เช่นเดียวกับโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เรียนจบที่นี่แล้วจึงค่อยไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้เหมือนกัน
ผมได้กราบบอกครูผู้มีพระคุณทั้งสองท่านว่า เหตุมีมาแต่ความหลังฝังใจที่หากไม่ไปเรียนที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาให้ได้แล้ว ความหลังฝังใจนี้คงจะรบกวนผมตลอดไป จึงขอให้ครูผู้มีพระคุณทั้งสองช่วยอำนวยอวยชัยให้สำเร็จดังใจปรารถนา
ครูสุมนาคงห่วงหาอาทรศิษย์บ้านนอกเป็นอันมาก จึงทอดธุระว่าหากผลการสอบไม่เป็นไปดังใจ ก็ให้กลับมาเรียนใหม่ที่โรงเรียนวัดมกุฎกษัตริย์ ครูจะช่วยเหลือดูแลจัดการให้เอง ผมก็ได้แต่กราบขอบพระคุณครู
แต่ครูบุญยังอาจารย์ใหญ่นั้น ทางหนึ่งท่านก็สนับสนุนและบอกว่าคนเราเกิดมาทั้งทีก็ต้องมีศักดิ์ศรีมีเกียรติ เธอไปทำการเพื่อกอบกู้เกียรติยศและกอบกู้ความรู้สึกลึกๆ ในใจย่อมเป็นวิสัยอันพึงกระทำ ครูสนับสนุน และอย่าให้ความรู้สึกนี้อ่อนล้าลงไปจากหัวใจ
ในขณะที่อีกทางหนึ่งท่านก็เตือนว่าความยึดถือแบบนี้แม้เป็นเรื่องดีแต่ต้องระวังอย่าให้กลายเป็นความอาฆาตพยาบาทหรือผูกเจ็บผูกแค้นจนฝังรอยลึกในใจ เพราะเป็นความรู้สึกที่ใกล้กันมาก หากเกิดขึ้นและเป็นไปแล้วก็เหมือนได้สุมไฟไว้กับใจ แทนที่จะเผาไหม้คนอื่นก็จะเผาใจตัวเองก่อน และจะทำให้เป็นคนทุกข์ร้อนหม่นหมองเศร้าซึมได้
ครูใหญ่ได้ให้ความหวังไว้ว่าถ้าหากผลการสอบผิดคาดหมายก็ให้กลับมาเรียนที่โรงเรียนวัดมกุฎกษัตริย์ และถ้าวันเวลาว่างพอมีก็ให้แวะมาหาครูบ้าง ผมก็รับปากและกราบลาครูบุญยัง
ผมตั้งใจวาดหวังอนาคตของตนเองไว้ว่าต้องการที่จะเป็นนักกฎหมาย ดังนั้นเมื่อการสมัครสอบเข้าเรียนในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษามีทางเลือกเป็นสองแผนก คือแผนกศิลป์และแผนกวิทย์ ก็ได้คิดว่าแผนกวิทย์น่าจะเหมาะสมกับการเรียนแพทย์หรือวิศวะไปทางโน้น ส่วนแผนกศิลป์น่าจะเกื้อกูลต่อวิชาชีพกฎหมายในอนาคตมากกว่า.
โปรดติดตามตอนที่ 46 'การมีผู้เตือนคือลาภอันประเสริฐ ตอน 2 (จบ)' ในวันศุกร์ที่ 23 มีนาคม 2550
หมอผู้ตรวจบอกว่าการสายตาสั้นไม่จำเป็นต้องเกิดแต่พันธุกรรม เพราะอาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ ได้หลายประการ เช่นการดูหนังสือในขณะที่มีแสงสว่างไม่พอเพียง หรือใช้สายตามากเกินไป เป็นต้น
ผมตรองดูก็ต้องเชื่อตามคำหมอ และเห็นว่าที่ผมมีสายตาสั้นนั้นเกิดขึ้นจากสาเหตุตามตัวอย่างที่หมอว่านั่นเอง เพราะผมเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือและไม่รู้จักเวล่ำเวลา เมื่อตอนเด็กๆ ชอบอ่านหนังสือการ์ตูน พอถึงเวลาก๋งก็บังคับให้นอน ผมเคยใช้ผ้าห่มคลุมตัวแล้วเอาไฟฉายมาส่องอ่านหนังสืออยู่เสมอๆ นอกจากนี้ที่บ้านผมขณะนั้นไม่มีไฟฟ้าใช้ ก๋งผมใช้ตะเกียงไข่เป็ดหรือตะเกียงที่เขาชอบใช้จุดหน้าศพ ดังนั้นผมจึงต้องอ่านหนังสือโดยอาศัยแสงสว่างจากตะเกียงไข่เป็ดนั้น เพราะแสงสว่างไม่พอต่อการดูหนังสือ แต่ยังดื้อดันประพฤติปฏิบัติเช่นนั้นเป็นเวลาช้านาน จึงอาจเป็นต้นเหตุอย่างหนึ่ง ครั้นมาอาศัยอยู่วัดแสงไฟที่ห้องก็สลัวๆ บางทียังต้องจุดเทียนเสริม ครั้นทุ่มเทอ่านหนังสือมากเข้าจึงอาจก่อเป็นมูลเหตุที่ทำให้สายตาสั้น
หมอวัดสายตาและทดลองการมองตามขนาดเลนส์ต่างๆ ซึ่งทำให้ผมสามารถมองเห็นและรู้สึกสบายตาขึ้นกว่าแต่ก่อน ดังนั้นจึงต้องตัดแว่นและต้องใส่แว่นตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
อันดวงตานั้นเป็นอายตนะสำคัญของคนเรา เป็นประตูของการเห็นสิ่งทั้งหลาย ที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา เป็นอวัยวะที่มีคุณค่ามากที่สุดอย่างยิ่งของคนเรา หากเสียไปซึ่งสายตาแล้วย่อมเป็นเรื่องที่น่าเวทนาแก่ชีวิตตามมากและน้อยของความสูญเสียนั้น ดังนั้นจึงควรต้องทะนุถนอมดวงตาและสายตาไว้ให้จงดี ใครมีลูกมีหลานก็อย่าปล่อยให้สายตาเสียเพราะเหตุดังที่ได้พรรณนามานี้เลย
การที่ต้องกลายเป็นคนใส่แว่นทำให้ผมได้คิดว่าการมุ่งมั่นทำอะไรมากเกินไปไม่ใช่เรื่องที่ดีเสมอไป เพราะย่อมมีผลกระทบไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งซึ่งอาจคุ้มหรือไม่คุ้มกันก็ได้ เป็นแต่ว่าเวลาตกอยู่ในสถานการณ์จริงๆ แล้วคนเราย่อมมีวิสัยเป็นธรรมดาที่จะต้องบุกบั่นมุ่งมั่นโดยขาดการคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามหลังมา เรื่องนี้จึงต้องถือว่าเป็นบทเรียนเรื่องหนึ่งของชีวิต แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่เล็กน้อยก็ตาม แต่ความสายตาสั้นก็กลายเป็นโรคติดตัวผมมาจนบัดนี้
นอกจากนั้นสิ่งที่ได้ประสบและคาดว่าจะเป็นเรื่องหนึ่งแต่แท้จริงอาจจะไม่ใช่สิ่งที่คาดหมายก็ได้ หากไม่มีสติยั้งคิดหรือความเฉลียวใจก็จะหลงใหลไปในความผิดพลาด จนลางทีก็อาจหนักหนาจนแก้ไขปัญหาไม่ได้ โชคดีที่ผมมีเพื่อนดีคอยให้สติและความเฉลียว จึงไม่ต้องหลงกินยาแก้ปวดหัวซึ่งไม่ตรงกับโรค ไม่ตรงกับเรื่อง และไม่สามารถแก้ไขปัญหาอะไรได้ และทำให้สามารถเยียวยารักษาได้อย่างถูกต้องทันท่วงที
แต่ก็มีผู้คนจำนวนมากที่ขาดเพื่อนดี คนจำพวกนี้ต่อให้มั่งมีเงินทองอำนาจวาสนา มีผู้คนแวดล้อมรับใช้มากมายสักเพียงไหน ก็เหมือนคนอาภัพอับวาสนาเพราะขาดผู้เตือน ขาดเพื่อนที่รู้อกรู้ใจคอยช่วยเหลือเกื้อกูลทางความคิดจิตใจไม่ให้หลงทิศผิดทาง
พระผู้มีพระภาคเจ้าเคยตรัสในเรื่องนี้ว่าคนเรานั้นหากมีผู้เตือนก็เหมือนมีลาภอันประเสริฐ ดังนั้นหากมีใครตักเตือนท้วงติงก็อย่าได้พลั้งเผลอหลงผิดคิดว่าเขาไม่ชอบใจ ไม่พอใจ หรืออิจฉาริษยา พึงระลึกเถิดว่านั่นเป็นลาภอันประเสริฐ อย่าได้ปัดลาภหรือขัดลาภนั้นเลย อาณาประโยชน์ย่อมบังเกิดแก่ตนไม่มากก็น้อย
การมีเพื่อนผู้เตือนจึงเป็นลาภอันประเสริฐเหมือนกับความไม่มีโรค ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสเช่นเดียวกันว่าเป็นลาภอันประเสริฐ สิ่งประเสริฐสองสิ่งนี้จึงเป็นสิ่งที่พึงมีในชีวิตของคนเรา ขึ้นอยู่กับว่าจะมีได้อย่างไรเท่านั้น และย่อมเป็นเรื่องที่แต่ละคนต้องขวนขวายให้มีขึ้นเองด้วยตัวเองเท่านั้น
คนจีนเขาก็มีภาษิตในเรื่องเดียวกันนี้ว่าการมีเพื่อนมากหนทางก็กว้าง ไปไหนหรือทำการสิ่งใดก็จะสะดวกและโอกาสก็จะเปิดให้กับผู้ที่มีเพื่อนมากดังนี้
ผมและเพื่อนทั้งสี่คนผ่านการสอบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ได้ตามความปรารถนา และนี่ก็คือสัมฤทธิผลอันเกิดแต่เหตุของความขยันหมั่นเพียรและความมุ่งมั่นนั่นเอง เมื่อรู้ผลสอบชั้น ม.ศ.3 แล้วผมก็ไปสมัครสอบเข้าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพญาไท ในขณะที่มนูญผลไปสมัครสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร ส่วนไสยวิชญ์และศิริศักดิ์ยังคงต้องการเรียนต่อในชั้น ม.ศ. 4 ที่โรงเรียนวัดมกุฏกษัตริย์ตามเดิม
ในวันที่ไปขอลาออกจากโรงเรียนผมได้ไปกราบลาครูสุมนาและครูบุญยังอาจารย์ใหญ่ ท่านก็แปลกใจไต่ถามว่าลาออกไปทำไม เรียนอยู่ที่นี่ก็สบายดีแล้ว ไม่ต้องไปเสียเวลาสอบแข่งขันกับใครเขาให้ยุ่งยาก เพราะโรงเรียนวัดมกุฎกษัตริย์ขณะนั้นก็เปิดสอนชั้น ม.ศ.4 และ ม.ศ.5 เช่นเดียวกับโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เรียนจบที่นี่แล้วจึงค่อยไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้เหมือนกัน
ผมได้กราบบอกครูผู้มีพระคุณทั้งสองท่านว่า เหตุมีมาแต่ความหลังฝังใจที่หากไม่ไปเรียนที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาให้ได้แล้ว ความหลังฝังใจนี้คงจะรบกวนผมตลอดไป จึงขอให้ครูผู้มีพระคุณทั้งสองช่วยอำนวยอวยชัยให้สำเร็จดังใจปรารถนา
ครูสุมนาคงห่วงหาอาทรศิษย์บ้านนอกเป็นอันมาก จึงทอดธุระว่าหากผลการสอบไม่เป็นไปดังใจ ก็ให้กลับมาเรียนใหม่ที่โรงเรียนวัดมกุฎกษัตริย์ ครูจะช่วยเหลือดูแลจัดการให้เอง ผมก็ได้แต่กราบขอบพระคุณครู
แต่ครูบุญยังอาจารย์ใหญ่นั้น ทางหนึ่งท่านก็สนับสนุนและบอกว่าคนเราเกิดมาทั้งทีก็ต้องมีศักดิ์ศรีมีเกียรติ เธอไปทำการเพื่อกอบกู้เกียรติยศและกอบกู้ความรู้สึกลึกๆ ในใจย่อมเป็นวิสัยอันพึงกระทำ ครูสนับสนุน และอย่าให้ความรู้สึกนี้อ่อนล้าลงไปจากหัวใจ
ในขณะที่อีกทางหนึ่งท่านก็เตือนว่าความยึดถือแบบนี้แม้เป็นเรื่องดีแต่ต้องระวังอย่าให้กลายเป็นความอาฆาตพยาบาทหรือผูกเจ็บผูกแค้นจนฝังรอยลึกในใจ เพราะเป็นความรู้สึกที่ใกล้กันมาก หากเกิดขึ้นและเป็นไปแล้วก็เหมือนได้สุมไฟไว้กับใจ แทนที่จะเผาไหม้คนอื่นก็จะเผาใจตัวเองก่อน และจะทำให้เป็นคนทุกข์ร้อนหม่นหมองเศร้าซึมได้
ครูใหญ่ได้ให้ความหวังไว้ว่าถ้าหากผลการสอบผิดคาดหมายก็ให้กลับมาเรียนที่โรงเรียนวัดมกุฎกษัตริย์ และถ้าวันเวลาว่างพอมีก็ให้แวะมาหาครูบ้าง ผมก็รับปากและกราบลาครูบุญยัง
ผมตั้งใจวาดหวังอนาคตของตนเองไว้ว่าต้องการที่จะเป็นนักกฎหมาย ดังนั้นเมื่อการสมัครสอบเข้าเรียนในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษามีทางเลือกเป็นสองแผนก คือแผนกศิลป์และแผนกวิทย์ ก็ได้คิดว่าแผนกวิทย์น่าจะเหมาะสมกับการเรียนแพทย์หรือวิศวะไปทางโน้น ส่วนแผนกศิลป์น่าจะเกื้อกูลต่อวิชาชีพกฎหมายในอนาคตมากกว่า.
โปรดติดตามตอนที่ 46 'การมีผู้เตือนคือลาภอันประเสริฐ ตอน 2 (จบ)' ในวันศุกร์ที่ 23 มีนาคม 2550