.
“หลับให้สบาย ไปดีนะพี่ อโหสิกรรมให้ผมด้วย คงคิดถึงพี่...หลับให้สบายนะพี่...”
ยากที่จะบอกความรู้สึกขณะต่อแถวคุณการุณ ใสงาม, ประพันธ์ คูณมี, วิญญู อุฬารกุล รดน้ำศพคุณพี่สุวิทย์ วัดหนู เมื่อค่ำวันจันทร์ที่ 12 มี.ค. 2550 ที่ผ่านมา ซึ่งนับว่าโชคดีมาก เพราะหลังจากผมรดน้ำศพแล้วอีก2 -3 นาทีต่อมา เจ้าภาพได้เชิญคุณลุงสัมผัส พึงประดิษฐ์ รดน้ำศพเป็นคนสุดท้าย..
ก่อนพิธี..นำร่างพี่ชายของผมบรรจุในโลงศพจะเริ่มขึ้น...
เห็นหยาดน้ำตาอาบแก้ม และดวงตาแดงก่ำของ “คุณวรรณ” คู่ชีวิตของพี่สุวิทย์, เห็นหน้าตาอิดโรยของคุณพี่พิภพ ธงไชย และสุริยะใส กตะศิลา เพราะอดหลับอดนอน และนึกถึง 8 missed calls บนหน้าจอโทรศัพท์ที่สุริยะใสโทร.หาผมเมื่อใกล้ๆ ตีหนึ่งของคืนวันสูญเสีย ด้วยหวังว่าอยากให้ผมไปดูใจพี่สุวิทย์เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว...ยิ่งรู้สึกผิด รู้สึกไม่สบายใจ..
เสียงสุดท้ายที่พี่สุวิทย์คุยกับผมเป็นวันศุกร์ที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา พี่เขาโทร.มาขอเบอร์มือถือคุณประพันธ์ คูณมี และเรานัดกันว่าค่ำวันนี้ (14 มี.ค.) จะพบกัน...
ทราบจากคุณประพันธ์ว่า พี่สุวิทย์วานให้ช่วยประสานกับประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ (น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ) เพื่อเข้าพบเสนอความเห็นเรื่องรัฐธรรมนูญ ในนามของกลุ่มทำงานภาคชุมชน เครือข่ายสลัม...
น่าเสียดายพี่ชายของผมด่วนจากไปเสียก่อน..
ถ้าได้พบกันในค่ำคืนนี้ คงได้แลกเปลี่ยนเรื่องสถานการณ์บ้านเมือง คุยกันสารพัดเรื่องทั้งความหลังและความหน้า...ตามประสาคนเริ่มแก่ ตั้งแต่เรื่องสลัมยันมหาปราสาทราชวัง , มิตร สมานันท์ ยันสุริยะใส, มาร์กยันแม้ว, ภูหินร่องกล้ายันช่องช้าง,กฎสามช้ายันโคโยตี้สามช่า, รสช.ยันคมช., ฯลฯ...เหมือนทุกๆ ครั้ง
และไม่แน่ว่าอาจจะได้ประชันกลอนสดกันวรรคต่อวรรค บทต่อบท...
น่าเสียดายที่ผมไม่ได้เก็บบทกวีบนเศษกระดาษที่พี่สุวิทย์กับผมเคยตอบโต้กันหลายบท โดยมีคุณอมร อมรรัตนานนท์ และน้องๆ หลายคนเป็นกรรมการ...
น่าเสียดายที่ผมอุตส่าห์ปลุกปั่นจนพี่เขายอมรับที่จะเขียนกลอนแล้วมาพิมพ์รวมเล่มด้วยกัน แล้วเจ๊งด้วยกันมีความสุขร่วมกัน..ยังไม่จบ..ยังไม่เป็นจริง...
.....................
พี่สุวิทย์เป็นหนึ่งใน “คนเดือนตุลา” และหนีภัยการเมืองเข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) เมื่อปลายปี 2518 เหมือนกับปัญญาชนคนหนุ่มสาวในยุคสมัยนั้นอีกจำนวนมาก..
ปัญญาชนส่วนใหญ่ที่หนีเข้าป่าจะออกมาในปี 2523-24 แต่พี่สุวิทย์ออกมาเมื่อปี 2527 เป็นคนเกือบสุดท้าย และหลายคนอาจจะไม่ทราบว่า 8-9 ปีกับขบวนการ พคท.พี่สุวิทย์ไม่เคยเป็น ทั้ง “ย” (สันนิบาตเยาวชน) และ “ส” (สมาชิกพรรค) แต่พิสูจน์แล้วว่าคนคนนี้ไม่เคยย่อท้อต่ออะไรง่ายๆ..
ไม่แต่เท่านั้นหลังจากเข้าร่วมกับ พคท.ที่เขตงานสุราษฎร์ธานี ได้ระยะหนึ่ง ได้รับมอบหมายจากพรรคให้ไปร่วมขยายเขตงานสู้รบที่จังหวัดชุมพร ซึ่งเป็นเขตงานที่ต้องบุกเบิกต่อเติมเสริมแต่ง ไม่เหมือนเขตฐานที่มั่นอันแข็งแกร่งแบบช่องช้าง (สุราษฎร์ธานี)..
พี่สุวิทย์เคยเล่าว่าถ้า พคท.ไม่แตกเสียก่อน สถานีตำรวจหลายแห่งไม่เว้นแม่แต่ สภ.อ.หลังสวนคงถูกคอมมิวนิสต์ถล่มเรียบร้อยไปแล้ว...และดีไม่ดีแกอาจถูกตำรวจยิงตายไปเมื่อ 25 ปีที่แล้วก็ได้...
ออกจากป่าพี่สุวิทย์ทำงานองค์กรพัฒนาเอกชนหรือเอ็นจีโอ กับมูลนิธิดวงประทีปของคุณครูประทีป อึ๊งทรงธรรม ฮาตะ, ร่วมก่อรูปเครือข่ายสลัม 4 ภาค, เป็นเลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย(ครป.), ร่วมเคลื่อนไหวเป็นโฆษกและหนึ่งในแกนนำเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ..และก่อนล้มร่างอันเหนื่อยล้าอำลาพวกเรา พี่สุวิทย์เป็นเลขาธิการมูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย (มพศ.)
ช่วงขับไล่รัฐบาลทักษิณและผมมีโอกาสได้ไปเป็นผู้ช่วยโฆษกให้พี่สุวิทย์ บนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อปีที่แล้ว (2549)...
ไม่เป็นเพียงช่วงแห่ง “ภารกิจร่วม” หากแต่เป็นช่วงแห่ง “จากใจถึงใจ” ระหว่างพี่สุวิทย์กับผม รวมถึงเพื่อนพ้องน้องพี่หลายคน...
ผมทราบดีว่าพี่สุวิทย์ต้องต่อสู้ทางความคิดกับพี่น้องในเครือข่าย ต่อสู้กับความคิดตัวเองในการนำขบวนนำตัวเองเข้าร่วมกับขบวนการขับไล่รัฐบาลทักษิณ ซึ่งยากและสลับซับซ้อนแตกต่างกับการไล่รัฐบาลสุจินดา เมื่อปี 2535 บางจังหวะขบวนของเอ็นจีโอจะขอแยกวง
แต่เพราะพี่พิภพ ธงไชยและพี่สุวิทย์นี่เองที่มีบทบาทอย่างสูงช่วยประคองให้ขบวนแถวซีกเอ็นจีโอผนึกกำลังกันต่อไปได้..
ผมรู้จักพี่สุวิทย์มาหลายปี แต่ไม่เคยได้สัมผัสพูดคุยกันแบบเป็นเรื่องเป็นราว เพิ่งจะจาก ก.พ. 2549 - ก.พ. 2550 นี่เองที่ได้พบปะกันอย่างสม่ำเสมอ
เราอาจจะเฮฮาปาร์ตี้กันบ้าง แต่โดยรวมหรือโดยเนื้อแท้แล้วผมสรุปได้เลยว่าพี่สุวิทย์คือ เอ็นจีโอที่เอาจริงเอาจัง, มีหลักการ มีศรัทธาในอุดมคติของตัวเองอย่างจริงๆ จังๆ ไม่ใช่เพียงผิวเผิน, มีศักดิ์ศรี เกลียดการดูถูกคนจน, ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น และไม่ใช้สถานภาพของตัวเองแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว..
พรรคการเมืองที่เป็นพรรคมวลชนหรือ แมส ปาร์ตี้ หรือไม่ก็ “พรรคคนจน” คือสิ่งที่พี่สุวิทย์มุ่งมั่นใฝ่ฝันจะไปให้ถึง เพื่อนพ้องน้องพี่หลายคนพยายามกระตุกว่า..เป็นไปไม่ได้..ฝันไกลแต่ไปไม่ถึงแน่...แต่พี่สุวิทย์ไม่เคยยอมจำนน ไม่เลิกราความฝัน...
เป็นความฝันของนักต่อสู้คนจน......
ผมเองทราบมาว่าพี่เขามีรายได้แค่เดือนละหมื่นกว่าบาท เคยคิดหาอุบายให้รับความช่วยเหลือจากผมไปสักส่วนหนึ่งในทุกเดือนเพราะผมเงินเดือนสูงกว่ามาก แต่พี่เขาปฏิเสธ เวลาเลี้ยงเหล้ากันก็ไม่ยอมให้จ่ายฝ่ายเดียวต้องสลับกันเลี้ยง เพิ่งจะยอมเมื่อผมเป็น สนช.นี่เองว่า ต่อจากนี้ให้ใช้อัตราส่วน 2:1 ผมเลี้ยง 2 ครั้ง พี่เขา 1 ครั้ง..
และที่ผมดีใจมากก็คือ การที่พี่เขายอมให้ผมกับคุณประพันธ์ คูณมี เป็นโต้โผจัดกอล์ฟการกุศลหารายได้ให้กับ มพศ.และครป.ในวันที่ 27 เม.ย.
........................
ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ ผมเดินไปไหว้ศพ กวาดตามองพวงหรีดไว้อาลัยอันเรียงรายจากผู้คนทุกชนชั้น..อานันท์ -ม.ร.ว.สดศรี ปันยารชุน, ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา, สนธิ ลิ้มทองกุล, อลงกรณ์ -คมคาย พลบุตร, พันธมิตรแม่กลอง, วสันต์ -รุ่งมณี ....ฯลฯ
สบตาพี่ชายในภาพถ่าย น้ำตาเอ่อไหลโดยไม่รู้ตัว พี่จากพวกเราไปจริงๆ หรือนี่..!!??
โปรดรับรู้...พี่จะอยู่ในใจผมและพวกเราตลอดไป
พี่สุวิทย์ วัดหนู ...