xs
xsm
sm
md
lg

ไอทีวี : ตัวอย่างความล้มเหลวธุรกิจสื่อ

เผยแพร่:   โดย: สามารถ มังสัง

คำว่า สื่อ เป็นทั้งคำกิริยาและคำนาม โดยมีความหมายต่างกันเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในกรอบแห่งคำเดียวกันคือ เมื่อเป็นกิริยาหมายถึงว่า นำไป และคำนี้เป็นสกรรมกิริยา คือต้องมีกรรมหรือตัวที่ถูกกระทำมารองรับ ทั้งต้องมีต้นตอหรือผู้กระทำเป็นประธานด้วย และเมื่อเป็นคำนามหมายถึง ตัวนำ ดังจะเห็นได้ในคำว่า องค์กรสื่อสารมวลชน อันหมายถึงหน่วยงานที่นำสิ่งอันเป็นสาระ หรือข่าวอันเป็นประโยชน์ไปสู่มวลชน ได้แก่ องค์กรที่ผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ เป็นต้น

ในสมัยโบราณไม่มีองค์กรผลิตสื่ออย่างเป็นกิจจะลักษณะเยี่ยงในปัจจุบัน

ดังนั้นการสื่อสารถึงกันก็ด้วยคำบอกเล่าต่อๆ กันจากคนที่เป็นต้นตอของข่าวในวงแคบออกไปสู่วงกว้าง แต่ก็สามารถทำให้ผู้คนในสังคมรับรู้ข่าวสารได้อย่างทั่วถึง แต่ก็เป็นไปอย่างเชื่องช้าต้องอาศัยเวลา ซึ่งก็มีการพัฒนาวิธีการสื่อสารเรื่อยมานับตั้งแต่เริ่มด้วยการบอกต่อๆ กัน มาเป็นการสื่อสารโดยใช้ม้าเร็วส่งข่าว นกพิราบสื่อสาร จนกระทั่งถึงยุคปัจจุบันได้มีการใช้เครื่องมือทางการสื่อสารที่ทันสมัย เช่น วิทยุ ทีวี และอินเทอร์เน็ตซึ่งสามารถกระจายข่าวให้ผู้คนรู้สิ่งที่เกิดขึ้นเกือบพร้อมกันแม้จะอยู่ในที่ห่างไกลกัน จึงทำให้โลกที่เคยกว้าง และยากต่อการติดต่อสื่อสารกันกลายเป็นโลกแคบเกือบจะเป็นชุมชนเดียวกัน จึงก่อให้เกิดประโยชน์ในการติดต่อกัน แต่การได้รับความสะดวกรวดเร็วในการติดต่อสื่อสารนี้ใช่ว่าจะมีประโยชน์อย่างเดียว แท้จริงแล้วก่อให้เกิดโทษด้วย ส่วนว่าจะก่อให้เกิดประโยชน์หรือก่อให้เกิดโทษนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยดังต่อไปนี้

1. ความมีคุณภาพ และความมีคุณธรรมของต้นตอหรือแหล่งผลิตข่าวสาร ซึ่งมีทั้งบุคคลและนิติบุคคล

แต่ในปัจจุบันการผลิตข่าวสารจะดำเนินการในรูปของนิติบุคคล และดำเนินการในเชิงธุรกิจ คือมุ่งผลิตข่าวสารเพื่อการขายโฆษณาหวังผลกำไร ในทำนองเดียวกับธุรกิจการผลิตสินค้าและบริการอื่นๆ

ดังนั้นถ้าองค์กรผู้ผลิตข่าวสารมีนโยบายชัดเจนในการผลิตข่าวสารที่มีคุณค่าแก่การรับรู้ของผู้คนในสังคม และยกระดับผู้บริโภคข่าวสารให้สูงขึ้น โดยการให้ความรู้ ให้ความคิดสอดแทรกไปกับข่าวสารที่เผยแพร่ออกไป ผู้บริโภคก็จะได้ประโยชน์ทั้งเนื้อหาสาระที่เป็นจริง และแฝงด้วยแนวคิดควบคู่กันไป

แต่ในทางกลับกัน ถ้าผู้ผลิตข่าวสารมุ่งเน้นแต่จะแสวงหาจุดขายเพื่อเพิ่มรายได้เพียงประการเดียว ไม่มีการกลั่นกรองว่าสิ่งที่ผลิตขึ้น และสื่อไปยังผู้บริโภคให้ประโยชน์เพิ่มขึ้นจากการอ่านการฟัง หรือที่แย่กว่านี้สิ่งที่ผลิตออกมามอมเมาผู้บริโภค เช่น สื่อลามกอนาจาร ก็จะทำให้สังคมโดยรวมได้รับผลกระทบในทางลบในแง่ศีลธรรมและจริยธรรม ก็ถือได้ว่าเป็นผู้ผลิตที่ไม่มีคุณภาพ และขาดคุณธรรม

2. ผู้บริโภคสื่อ อันได้แก่ ผู้ดู ผู้อ่าน และผู้ฟัง ไม่มีวิจารณญาณในการแยกแยะว่าอะไรผิด อะไรถูก อะไรควร อะไรไม่ควร แต่เชื่อทันทีที่ได้อ่าน ได้ดู และได้ฟังโอกาสที่จะตกเป็นเหยื่อของผู้ผลิตสื่อที่ไม่สร้างสรรค์ก็เป็นไปได้ง่าย

ในทางกลับกัน ถ้าผู้บริโภคสื่อมีวิจารณญาณแยกแยะด้วยเหตุด้วยผลแล้วค่อยเชื่อ ก็มีโอกาสที่จะได้รับสารประโยชน์จากการบริโภคสื่อทุกประเภท ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดีเพราะคนฉลาดสามารถจะหาประโยชน์ได้ทั้งสิ่งที่ดี และไม่ดีแล้วนำมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งแก่ตนเองและสังคมโดยรวม เพราะไม่ว่าสิ่งนั้นจะดีหรือเลว ถ้าคนที่เกี่ยวข้องในการบริหารจัดการเรียนรู้เข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วสามารถนำมาพัฒนาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ โดยยึดหลักง่ายๆ ที่ว่า คบคนดีเพื่อเป็นแบบอย่างในการทำดี และถ้ามีโอกาสก็ส่งเสริมให้เขาทำดียิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน คบคนชั่วก็เพื่อที่ควบคุมให้ความชั่วคงที่ และค่อยๆ ลดลงจนถึงขั้นพัฒนาให้เป็นดีได้แล้วค่อยๆ ปลูกฝังสิ่งดีให้แก่เขา เพียงแค่นี้ก็ถือได้ว่าเป็นนักบริหารจัดการที่ดีแล้ว

ในปัจจุบันในวงการธุรกิจสื่อ ไม่ว่าจะเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ หรือโทรทัศน์ ซึ่งเป็นองค์กรผลิตรายการออกสู่สังคมส่วนใหญ่เป็นของรัฐกระจายสังกัดส่วนราชการ และรัฐวิสาหกิจ แต่ความเป็นเจ้าของมิได้ช่วยให้รัฐได้ประโยชน์ในการผลิตรายการที่มีเนื้อหาสาระต่อผู้คนในสังคมเท่าที่ควรจะเป็น ทั้งนี้เนื่องจากว่ารัฐได้ปล่อยให้เอกชนเข้ามาดำเนินการในรูปของเหมาเช่าช่วงเวลา และในรูปของการรับสัมปทานไปดำเนินการในเชิงธุรกิจเพื่อแสวงหากำไร

ดังนั้นจึงไม่แปลกใจว่าทำไมรายการที่องค์กรเหล่านี้ผลิตออกมาสู่สังคมจึงมีรายการบันเทิง และบางรายการอาจถึงขั้นเรียกได้ว่ามอมเมาก็ว่าได้เป็นส่วนใหญ่ จะเหลือเวลาให้กับรายการที่มีเนื้อหาสาระที่ก่อให้เกิดประโยชน์ในการประเทืองปัญญาน้อยเต็มที เมื่อเปรียบเทียบสัดส่วนของเวลาที่มีอยู่ทั้งหมด

เมื่อเป็นเช่นนี้ป่วยการจะกล่าวไปไยถึงองค์กรที่เอกชนเป็นเจ้าของโดยตรง หรือแม้กระทั่งองค์กรของรัฐที่เอกชนเข้ามาบริหารจัดการได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดจะจัดทำรายการให้มีสาระมากกว่าบันเทิง เพราะนั่นหมายถึงการเสี่ยงต่อการขาดทุนเนื่องจากว่าได้รับความสนใจจากผู้บริโภคน้อย และการหารายได้จากการขายโฆษณาก็ทำได้ยากด้วย

ถึงแม้ว่าองค์กรที่ผลิตสื่อในเชิงธุรกิจภายใต้การบริหารจัดการของเอกชนจะมุ่งเน้นการแสวงหารายได้อย่างเต็มที่ดังกล่าวแล้ว ก็มิได้หมายความว่าทุกองค์กรจะอยู่รอดในเส้นทางธุรกิจ

ในทางตรงกันข้ามในโลกแห่งการแข่งขันที่ทุกองค์กรจะต้องแข่งกันใน 3 ด้านหลัก คือ คุณภาพ ราคา และบริการนั้น องค์กรใดไม่มีศักยภาพในการแข่งขัน หรือแม้กระทั่งมีศักยภาพแต่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการดำเนินธุรกิจ เช่น ต้นทุนการผลิต และต้นทุนในการขายสูงกว่าคู่แข่งก็มีโอกาสม้วนเสื่อได้ง่ายๆ

สถานีโทรทัศน์ไอทีวีเป็นตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมที่สุดขององค์กรผลิตสื่อภายใต้การบริหารจัดการของเอกชนที่ประสบปัญหาทางด้านการเงิน ถึงขนาดไม่มีจ่าย หรือไม่ยอมจ่ายค่าสัมปทานเป็นเงินหลายหมื่นล้านบาท จนในที่สุดถูกบอกเลิกสัญญาสัมปทาน และกลับมาอยู่ในความดูแลของภาครัฐดังที่ปรากฏเป็นข่าวสับสนวุ่นวาย และมีผลกระทบต่อบุคคลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ในขณะนี้

อะไรคือเหตุให้ไอทีวีประสบปัญหา และปัญหาที่ว่านี้จะจบลงเพียงแค่บอกเลิกสัมปทานแล้วให้หน่วยงานภาครัฐเข้าบริหารจัดการหรือไม่?

เพื่อให้มองเห็นประเด็นแห่งปัญหานี้อย่างชัดเจน และเพื่อให้ง่ายต่อการมองหาแนวทางแก้ไข ผู้เขียนใคร่ขอให้ท่านผู้อ่านลองย้อนไปดูความเป็นมาในอดีต ก็จะพบว่าเหตุแห่งปัญหาเกิดขึ้นจากปัจจัยต่างๆ ดังต่อไปนี้

1. สถานีไอทีวีแต่เดิมได้ตั้งขึ้นเพื่อจะให้เป็นสถานีที่ผลิตข่าวสารเป็นหลัก และมีรายการบันเทิงในส่วนน้อย และได้เปิดโอกาสให้เอกชนสัมปทานคลื่นความถี่ไปบริหารจัดการ

2. ต่อมาปรากฏว่าผู้ได้รับสัมปทานประสบปัญหาขาดทุนเนื่องจากมีรายได้เข้ามาน้อย และไม่สามารถแบกรับค่าสัมปทานที่น่าจะเรียกได้ว่าสูงเกินเหตุได้ จึงได้ขอลดค่าสัมปทาน พร้อมกับขอปรับผังรายการให้มีบันเทิงเพิ่มขึ้นเพื่อให้มีรายได้เข้ามาเพิ่มขึ้น

ในขณะที่รอผลการเจรจาว่ารัฐจะยอมลดให้หรือไม่ ไอทีวีก็รีรอในการจ่ายค่าสัมปทาน และพร้อมกันนี้ได้ดำเนินการปรับผังรายการให้มีรายการบันเทิงเพิ่มขึ้น จึงถือได้ว่ากระทำไปในขณะที่ยังไม่ได้รับการยินยอมจากภาครัฐอันเป็นคู่สัญญา แต่ที่คู่สัญญามิได้ดำเนินการใดๆ ให้มีผลทางกฎหมาย เช่น การฟ้องร้อง และการบอกเลิกสัญญาเหมือนกับที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 มี.ค. ที่ผ่านมา ก็น่าจะเกิดจากอิทธิพลทางการเมืองในขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเคยเป็นเจ้าของไอทีวีมาก่อนที่จะขายให้แก่เทมาเส็กช่วยเกื้อกูลไว้

แต่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หมดอำนาจไป เหตุการณ์ฟ้องร้องก็เกิดขึ้นอีกครั้ง และครั้งนี้ไอทีวีในฐานะผู้กระทำผิดสัญญาจึงต้องรับโทษด้วยการถูกบอกเลิกสัญญา

ส่วนประเด็นว่าการบอกเลิกสัญญาไอทีวีก่อให้เกิดปัญหาตามมาหรือไม่ ข้อนี้ตอบได้ว่า ที่น่าจะมีทั้งความยุ่งยาก และมีทั้งผลกระทบทางกฎหมายต่อบุคคลรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็คือ การเปิดโอกาสให้พนักงานเก่าของไอทีวีเข้ามาเป็นลูกจ้างของรัฐทั้งๆ ที่ยังไม่มีกฎหมายรองรับ ทั้งในส่วนอัตรากำลังและงบประมาณ รวมไปถึงวิธีการดำเนินการให้เกิดผลในส่วนนี้ด้วย.
กำลังโหลดความคิดเห็น