xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิ”ข้องใจรัฐสมคบ"แม้ว" ตะแบงอุ้มITVรอคืนให้โจร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"สนธิ" เตือนรัฐบาล ปลัด สปน. - อธิบดีกรมประชาฯบริหารทีไอทีวียังไม่มีกฎหมายรองรับ กระทำความผิดเหมือนเป็นการฮั้วล่วงหน้า-รับฝากของโจรเพื่อรอมอบคืนให้โจรภายหลัง แฉ ขรก.กรมประชาฯโวยไม่เป็นธรรม พร้อมประมวลเหตุการณ์ “บิ๊กรัฐบาล”ส่อสมรู้ร่วมคิดกับ “ทักษิณ” เตือนระวังรัฐมนตรีกินเหลา ดึงดันสานต่อไฟฟ้า หลัง“ฉลองภพ”เตรียมสั่งลดโครงการเพื่อความพอเพียง แนะ “สุรยุทธ์”นั่งคุมเองก่อนคลื่นความขัดแย้งจะบานปลาย หวั่นทฤษฏีสมรู้ร่วมคิดกับระบอบทักษิณทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาล

รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ออกอากาศทาง ASTV คืนวานนี้(9 มี.ค.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ดำเนินรายการร่วมกับ นางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ โดยในตอนแรกพูดถึงปัญหาทีไอทีวี ซึ่ง นายสนธิ ได้ย้อนถึงคำตัดสินของศาลปกครองที่สั่งให้มีการออกอากาศอย่างต่อเนื่อง ว่า เป็นการคุ้มครองเฉพาะการออกอากาศเนื่องจากเป็นคลื่นสาธารณะ ซึ่งเป็นคนละส่วนกับการบริหารสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้กรมประชาสัมพันธ์เข้าไปดำเนินการแทน และได้จ้างเหมาอดีตพนักงานไอทีวีเข้ามาทำโดยทันที

“คุณอักขราทร ประธานศาลปกครองสูงสุด พูดชัด ท่านบอกว่า สปน. กรมประชาสัมพันธ์ จะทำอะไรต่อไป จะไปว่าจ้างอะไรถ้าผิดกฎหมายก็ผิดนะ เพราะฉะนั้นทำทุกอย่างต้องทำให้ถูกต้อง อันนี้ชัด แต่คืนนั้นทันทีที่มีศาลปกครองออกมา สปน.และพนักงานไอทีวี ทำผิดกฎหมายทันทีเลย คือ เริ่มดำเนินการออกรายการเป็นเวลา 12 ชั่วโมง ก่อนที่ สปน.จะมีมติว่าให้ทำอะไร

“จริงๆ 12 ชั่วโมง ที่ถูกต้อง จะต้องหยุด แล้วถ้า สปน.ต้องการออกก็ต้องสั่งให้กรมประชาสัมพันธ์ เนื่องจากกรมประชาสัมพันธ์ได้รับอนุมัติ ได้รับการพิพากษา หรือกฤษฎีกาตีความแล้วว่ากรมประชาสัมพันธ์สามารถบริหารคลื่นนี้ได้ 12 ชั่วโมงหลังจากนั้น กรมประชาสัมพันธ์ต้องเอาเทปรายการอะไรก็ตามออกไปก่อน หรือว่าถ่ายทอดข่าวของกรมประชาสัมพันธ์ออกไปตลอดเวลา และพอมาตอนเช้า ถ้าสมมุติว่ายังไม่เรียบร้อย ก็ต้องทำเช่นนั้นต่อไป จนกว่าพนักงานชุดใหม่ที่กรมประชาสัมพันธ์จะเอาเข้ามาบริหารคลื่นนั้น ได้ถูกรับเข้ามาเรียบร้อยแล้ว แล้วก็เอามาดำเนินการ”นายสนธิกล่าว

นายสนธิ กล่าวต่อว่า เมื่อเป็นช่วงรอยต่อ ต้องไม่ใช้วิธีการรับพนักงานของไอทีวีเดิมมาทั้งหมด ขณะเดียวกันวันนั้นยังเห็นว่ามีการใช้อุปกรณ์ และทรัพย์สินของบริษัทไอทีวี รวมทั้งยังใช้อาคารชินวัตร 3 เป็นสถานที่ออกอากาศเสียอีก ทั้งๆ ที่เมื่อสิ้นเที่ยงคืนของวันนั้น (7มี.ค.)แล้ว สิทธิของการใช้ทรัพย์สินตรงนั้นมันหมดไปแล้ว มันเป็นของ สปน. และ สปน.ยังไม่ได้อนุญาตให้ใคร ถ้า สปน.จะให้กรมประชาสัมพันธ์มาจัดการต่อ ก็ต้องดึงคนมาที่กรมประชาสัมพันธ์ หรือให้กรมประชาสัมพันธ์ทำต่อไป

“นี่เป็นทีมไอทีวีทั้งยวงเข้าไปดำเนินการบริหาร ผมถามว่าเข้าไปดำเนินการบริหารโดยใช้อำนาจกฎหมายตัวไหน วันนี้ที่สู้ วันนี้ที่พูดให้ฟังก็คือว่าผมขอร้องให้เคารพกฎหมายหน่อยได้ไหม เราไล่ทักษิณเพราะทักษิณไม่เคารพกฎหมาย แล้วปรากฏว่ารัฐบาลชุดนี้กลับไม่เคารพกฎหมาย กลับเห็นกฎหมายเป็นหัวหลักหัวตอ นึกจะปัสสาวะรดกฎหมายก็ปัสสาวะรดกฎหมาย ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น”นายสนธิกล่าว

**หวั่น “บิ๊กแอ้ด”แอบสมคบ “ทักษิณ”

นายสนธิ ตั้งข้อสังเกตว่า รายการโฆษณาต่างๆ ที่เข้ามาในทีไอทีวี ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา หน่วยงานใดจะเป็นผู้รับผลประโยชน์ ทั้งๆ ที่ยังไม่มีการทำสัญญาจ้างอย่างชัดเจน เป็นสัญญาต่อเนื่องซึ่งจะต้องจ่ายคืนให้ไอทีวี หรือว่าเป็นสัญญาซึ่งหลังเที่ยงคืนแล้วไอทีวีไม่มีสิทธิรับ ถ้าไม่มีสิทธิรับแล้ว มีนิติบุคคลอะไรที่มารับรายได้ตรงนั้น เป็นการทำงานที่ใช้ไม่ได้ จนกระทั่งตนนึกไม่ถึง เพราะว่าทั้งหมดนี้มันไม่ควรจะเกิดในรัฐบาลชุดนี้ มันควรจะเป็นฝีมือของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ใช่ฝีมือของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์

“ผมไม่ทราบว่าท่าน พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่ท่านพูดว่าท่านไม่ถอดใจหรอก ท่านพูดอย่างนี้ท่านเคยดูเรื่องพวกนี้หรือเปล่า แล้วท่านรู้สึกถึงปัญหานี้ไหม แล้วท่านทราบไหมว่าสิ่งซึ่งท่านมาในภาพที่ท่านบอกท่านซื่อสัตย์สุจริตนั้น ท่านได้กระทำการลักษณะแบบนี้ออกมา ก่อให้เกิดความสงสัย ซึ่งผมไม่เชื่อ แต่ประชาชนส่วนใหญ่เขาเริ่มเชื่อว่าท่านมีอะไรแอบตกลงลับๆ กับคุณทักษิณ ชินวัตร ไว้หรือเปล่า ในทำนองสมยอมกัน ที่เขานินทากันอยู่ ซึ่งผมไม่เชื่อ แต่ว่าช่วยไม่ได้ถ้าประชาชนเขาเชื่อแบบนี้”

นายสนธิ กล่าวต่อว่า ปัญหาที่น่ากลัวอีกอย่าง คือตอนนี้พนักงานไอทีวีไม่มีนิติบุคคลมารองรับ สปน. ยังไม่ได้ออกกฎกติกาอะไรทั้งสิ้น แล้วออกอากาศได้อย่างไร ยังไม่ได้รับสมัครด้วยซ้ำ ออกอากาศได้อย่างไร แล้วคลื่นนี้เป็นคลื่นของรัฐ แต่นายจอม เพชรประดับ กล้าพูดถึงขนาดว่า พนักงานไอทีวีตั้งคณะกรรมการ 8 คนมาบริหารคลื่น ราวกับว่าคลื่นนี้เป็นสมบัติของตระกูลนายจอม เพชรประดับ

**เตือน ปลัด สปน.-อธิบดีกรมประชาฯ มีสิทธิเข้าคุก

นายสนธิ กล่าวว่า แนวทางที่ถูกต้อง ตนเคยเสนอแล้วว่า ถ้าพนักงานกระสันอยากทำงานจริงๆ และ ปลัด สปน.กระสันอยากจะรักษาหน้านายกรัฐมนตรีจริงๆ ควรให้พนักงานไอทีวีอยู่เฉยๆ ก่อน แล้วให้อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ที่ต้องการช่วยพนักงานไอทีวีจนออกหน้าออกตา ให้สั่งพนักงานกรมประชาสัมพันธ์ให้หารายการอะไรก็ได้มาออกช่องนี้ออกไปก่อนเพื่อไม่ให้จอดำ และให้ สปน.ตัดสินกันเสียก่อนว่าจะเอาอย่างไร จะตั้งเป็นองค์กรอิสระ หรือตั้งเป็นหน่วยงานใดก็ตามที่มารองรับ

แล้วจะเอาพนักงานที่ไหนอย่างไร คุยกันให้ชัด จะผิดกฎหมายหรือเปล่าถ้ารับพนักงานไอทีวีมาทั้งหมด ถ้าผิดกฎหมายเราอาจจะไม่รับหมด อาจจำเป็นต้องเปิดกว้างให้ทุกคนมา แล้วค่อยประกาศออกมาอย่างเป็นทางการให้รับรู้ว่าในขณะนี้กรมประชาสัมพันธ์มีนโยบายที่จะรับคนเข้ามาช่วยบริหารคลื่นทีไอทีวีเพื่อให้คลื่นนี้ดำเนินการต่อไปได้ แล้วต้องการบุคคลมีคุณสมบัติอย่างไร ส่วนเงินเดือนจะเท่าไหร่ ต้องไปพิจารณาเองว่าจะทำผิดกฎหมายหรือไม่

“ผมเตือนท่านอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ท่านปลัดสำนักนายกฯ ท่านอย่านึกว่าท่านมีความสุข เพราะว่าพันธมิตรทั้งหลายเขากำลังตามล้างตามเช็ดพวกคุณอยู่ ด้วยเหตุนี้ผมถึงว่า พวกนี้กำลังจะเอาเรื่องราวของทีไอทีวีเข้า ครม.เพื่อขอเป็นมติ ครม.เพื่อไม่ต้องผ่านระเบียบสำนักนายกฯ แต่อีกละ 2 วันที่ผ่านมานี้ความผิดได้เกิดขึ้นมาแล้ว ถึงคุณจะเข้ามาก็ไม่สามารถลบล้างความผิดย้อนหลังได้ เพราะฉะนั้นผมเตือนนะ ผมเตือนด้วยความเป็นห่วง คุณจุลยุทธ ปลัดสำนักนายกฯ และคุณปราโมช รัฐวินิจ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ คุณอยู่ไม่เป็นสุขหรอก มีคนเตรียมฟ้องคุณเต็มไปหมด แล้วดำเนินคดีคุณต่อไป เรียกว่าจนกระทั่งคุณเกษียณก็ยังไม่จบ ผมอยากจะเตือนว่า บทเรียนจากระบอบทักษิณ กกต.ยังเห็นมาแล้ว คุณจำไม่ได้หรือ”

นายสนธิ ยังเปิดเผยอีกว่า เวลานี้เริ่มมีปัญหาเกิดขึ้นแล้ว เมื่อมีข้าราชการในกรมประชาสัมพันธ์บางคนได้ร้องเรียนเข้ามาว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม กรณีที่เคยรับปากว่าจะเข้าไปใช้สถานที่ที่สถานีช่อง 11 ที่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แต่กลับให้พนักงานของไอทีวีเดิมเข้าไปทำงานแทน

นายสนธิ ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า จากการประมวลภาพเหตุการณ์ทั้งหมดที่ผ่านมารวมทั้งกรณีที่ถูกผู้ใหญ่คนหนึ่งขอร้องให้ถอนรายการยามเฝ้าแผ่นดินจากช่อง 11 ทั้งที่เป็นคนเชิญเข้าไปทำรายการเพื่อให้ข้อมูลอีกด้านหนึ่งกับประชาชน กรณีรัฐบาลใส่เกียร์ว่างในหลายกรณีจนมีเสียงบนจาก คตส. หรือล่าสุดกรณีทีไอทีวี สิ่งเหล่านี้ทำให้สงสัยและต้องตั้งคำถามว่ามีการสมรู้ร่วมคิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่

"กรณีนี้เหมือนมีการรับรู้กับคนของไอทีวีและคนในรัฐบาล เมื่อฟังรายการคืนนี้กับสายสวรรค์ที่ออกอากาศทางไอทีวีในช่วงคืนวันที่ 7 มี.ค. ที่เชิญผู้บริหารของไอทีวีไปออกรายการ โดยเฉพาะคำพูดของ นายไตรภพ ลิมปพัทธ์ ที่ออกมาขอบคุณ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล นายทรงศักดิ์ เปรมสุข และบริษัทไอทีวี ทั้งที่ต้องไปเรียกร้องความเสียหายจากคนเหล่านี้เพราะทำผิดสัญญากับรัฐ"

นายสนธิ กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจึงเหมือนกับเป็นการฮั้วเอาไว้ล่วงหน้า เหมือนกับรับฝากของโจร เพื่อรอส่งมอบให้โจรมารับเอาไปในโอกาสวันข้างหน้า พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าในตอนแรกบอกว่าจะบริหารทีไอทีวีชั่วคราวแค่ 1 เดือน แต่ตอนหลังกลับมาบอกว่าจะใช้เวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี ซึ่งก็คือเพื่อรอการเลือกตั้งให้นักการเมืองเข้ามาเปลี่ยนแปลงแก้ไขให้กลับเข้าไปบริหารที่วีคลื่นใหม่ได้เหมือนเดิม

พร้อมกันนี้ นายสนธิ ยังได้แฉข้อมูลการปั่นหุ้นในบริษัทไอทีวี ในช่วงที่ก่อนที่จะมีการดึง นายไตรภพ และบริษัทกันตนาเข้ามาร่วม โดยใช้ข้อมูลภายใน มีการกว้านซื้อหุ้นเอาไว้ล่วงหน้า แล้วเทขายฟันกำไรในภายหลัง

**เตือนดึงดันรถไฟฟ้า ทำครม.ขมิ้นอ่อนเกาเหลา

ช่วงที่ 2 ของรายการ นายสนธิ กล่าวถึงถึงกรณีที่ นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เตรียมจะลดจำนวนโครงการรถไฟฟ้า 1 - 2 สาย จากทั้งหมด 5 สาย ว่า นายฉลองภพ เป็นนักเศรษฐศาสตร์ คงคิดและมองเห็นว่า หากรัฐบาลจะลงทุนให้ครบทั้ง 5 สาย จะไม่คุ้มค่าการลงทุน เลยคิดที่จะลงทุนเฉพาะสายที่สำคัญๆ เพียงเท่านั้น อย่างไรก็ตามหากย้อนกลับไปมองถึงกระบวนการของโครงสร้างใหญ่ๆ ที่ผ่านมา ก็มักจะมีเพียงกลุ่มเดียวที่วิ่งเต้นอยู่หาผลประโยชน์ต่อเนื่องไปทุกรัฐบาล ไม่ว่าใครจะเข้ามาคนพวกนี้ก็จ่ายเงินใต้โต๊ะให้ตลอดเวลา

นายสนธิ กล่าวต่อว่า หากเราจะพูดในเชิงมารยาท รัฐบาลชุดนี้ไม่ควรที่จะลงทุนในโครงการใหญ่ เช่น การจัดซื้อเครื่องบินของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ทำไมต้องซื้อ ทั้งๆ ที่ไม่มีความจำเป็นที่ต้องซื้อในเวลานี้ อีกทั้งยังไปเอื้อผลประโยชน์ ให้คนที่วิ่งเต้นหาจับงานเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองไปเรื่อย มันจะกลับเข้าไปสู่ผลประโยชน์เหมือนเดิม

นอกจากนี้ นายสนธิ ยังเห็นถึงความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอีกว่า หากมองถึงแนวความคิดของนายฉลองภพ แล้ว มันก็จะทำให้ส่วนแบ่งในผลประโยชน์ทั้งเรื่องการก่อสร้าง และอะไรอีกต่างๆ น้อยลง จากที่ได้รับผลประโยชน์ 5 สาย แต่วันนี้กลับเหลือเพียง 2 สาย ยิ่งวันนี้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกมาพูดเรื่องนี้ โดยระบุอย่างชัดเจนว่า คนชี้ขาดโครงการนี้อยู่นายโฆษิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม มันเริ่มเห็นความเป็นเกาเหลาเกิดขึ้นแล้ว ขณะเดียวกันยังไม่ทันทำอะไรเลยลักษณะความขัดแย้งก็เกิดขึ้นแล้ว พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ต้องออกมาชี้แจงด้วยตนเอง ตนอยากให้นายกรัฐมนตรีสนใจในทุกเรื่องเหมือนกรณีของไอทีวี

“วันนี้ผมประหลาดใจเป็นอย่างมาก รัฐบาลชุดนี้ทำให้ผมเกิดความรู้สึกงง โดยเฉพาะตั้งแต่นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์นายเทพชัย หย่อง ที่ตั้งคำถามถามนายกรัฐมนตรีว่า จะสานงานต่อใน 4 ข้อที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) แจ้งเอาผิดระบอบทักษิณหรือไม่ แต่ท่านนายกรัฐมนตรีกลับตอบว่า ไม่จำเป็นต้องทำตาม มันจึงสวนทางกันอย่างสิ้นเชิงกับการที่ คมช.ตั้งท่านเป็นนายกรัฐมนตรี ผมไม่เข้าใจ อีกทั้งหากย้อนมาดูเรื่องช่อง 11 ,ไอทีวี , เขายายเที่ยง ผมเลยยิ่งงงไปใหญ่ ผมว่า เรื่องทุกเรื่องมันปกปิดไม่หมด นอกจากนี้ยังมีกรณีที่ปล่อยคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยาอดีตนายกรัฐมนตรี ไปพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ผมเลยเชื่อว่า ต่อไปบ้านเมืองของเราจะเจอวิกฤติอย่างแน่นอน”นายสนธิ กล่าว

นายสนธิ กล่าวต่อว่า วันนี้เกิดข้อข้องใจและคาใจมานานแล้วว่า รัฐบาลและ คมช.ชุดนี้สมรู้ร่วมคิดกับระบอบทักษิณหรือไม่ หลายๆครั้งเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินสายไปให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศ แล้วมีการพูดแรงๆ มันเหมือนเป็นการส่งสัญญาณเตือนอะไรบางอย่างกลับมายังรัฐบาล และ คมช. นอกจากนี้รัฐบาลยังกล้าเสี่ยงที่จะทำผิดกฎหมายในหลายๆ เรื่อง มันเป็นการตั้งการข้อสังเกตของตน อีกทั้งถ้าทฤษฏีสมรู้ร่วมคิดของนายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นความจริง ความน่าเชื่อถือของรัฐบาลชุดนี้จะลดลงทันที อีกทั้ง คมช.บางคนอาจจะถูกดำเนินการภายหลังหากระบอบทักษิณ กลับมา

นายสนธิ ยังกล่าวทิ้งท้ายไว้อย่างสนใจอีกว่า ตนอยากฝากถึงผู้ที่ร่วมต่อสู้ในครั้งนี้ ให้สังเกตว่า การต่อสู้ที่ผ่านมาเป็นการสมยอมกันหรือไม่ อะไรต่ออะไรก็สมานฉันท์ มีแต่สมานฉันท์เต็มไปหมด แต่ไม่มีการดำเนินการอะไรกับระบอบทักษิณทั้งสิ้น แม้กระทั้งการยึดทรัพย์ ปล่อยให้กลุ่มคนเหล่านั้นยังยืนอยู่ได้ทั้งๆ มีส่วนที่จะรับผิดชอบ พวกเราสู้เพื่อความถูกต้องมาโดยตลอด แต่วันนี้รัฐบาล และ คมช.กลับไม่มีความเด็ดขาด ยิ่งเมื่อจากการปรับ ครม.ในครั้งล่าสุด เราก็ต้องการให้ปรับใหญ่เพื่อการทำงานที่ดีกว่า แต่ผลสุดท้ายกลับเป็นการปรับเล็ก นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการโฆษกพรรคไทยรักไทย ถึงกับออกมาแสดงท่าทีเห็นด้วยกังนาบกรัฐมนตรี ซึ่งการกระทำของนายจาตุรนต์ บ่งบอกถึงความพอใจที่เห็นรัฐบาลชุดนี้ดำเนินการอย่างนี้ เหมือนกับไปเข้าทางปืนของพรรคไทยรักไทย
กำลังโหลดความคิดเห็น