โจรใต้อุกอาจฆ่าตัดศีรษะแล้วเผาศพจนเกรียมชาวสวนยางยะลา พร้อมวางระเบิดรถตำรวจขณะกลับจากตรวจสอบที่เกิดเหตุบาดเจ็บอีก 2 นาย "รอง ผบก.ยะลา" เจ็บเล็กน้อย "ผบ.ทบ." ลงใต้วันนี้ ระบุการนำทหารพรานที่ยิงปะทะกับโจรใต้บนเทือกเขาตะเว เข้ามอบตัวกับตำรวจเป็นการดำเนินการตามรูปคดีวิสามัญฆาตกรรมเพื่อป้องกันการถูกฟ้องร้อง เชื่อคุมสถานการณ์ได้ระดับหนึ่ง หลังทหารพราน 10 กองร้อยลงเต็มพื้นที่ทำให้ชาวบ้านให้ความร่วมมือมากขึ้น
วานนี้ (7 มี.ค.50) เวลา 06.00 น.พล.ต.ต.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ได้รับแจ้งเหตุยิงกันหน้าสถาบันปอเนาะอิสลามศาสนดารุสลาม บ้านตาเซะ ม.3 ต.ตาเซะ อ.เมือง จ.ยะลา เมื่อนำกำลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตนอนอยู่บนถนนภายในหมู่บ้าน สภาพศพถูกยิงแล้วเผาไหม้เกรียมอยู่บนรถจักรยานยนต์ ส่วนศีรษะนั้นหายไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปค้นหาพบว่าคนร้ายได้นำไปวางไว้ภายในสวนยาง ห่างจากจุดเกิดเหตุ ประมาณ 300 เมตร ทราบชื่อคือนายสถิตย์ ทองอินทร์ อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46 ม.1 ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา
สอบสวนทราบว่า ขณะเกิดเหตุนายสถิตย์ ได้ขับรถจักรยานยนต์ เพื่อเดินทางไปกรีดยาง เมื่อถึงจุดเกิดเหตุได้มีคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาด ยิงใส่นายสถิตย์ จากนั้นจึงได้ลงมือตัดศีรษะ ก่อนที่จะจุดไฟเผา ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ได้สร้างความสะเทือนขวัญให้แก่ผู้ที่ได้พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง ส่วนสาเหตุเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มคนร้ายในพื้นที่
ต่อมาเวลา 08.30 น. พ.ต.อ.ภูมิเพ็ชร พิพัฒน์เพ็ชรภูมิ ผกก.สภ.อ.เมือง ยะลา ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่า คนร้ายได้ลอบวางระเบิดรถยนต์ตำรวจบนถนนสายท่าสาป-ยุโป ม.4 บ้านสาคอ ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา ที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะ 4 ประตูยี่ห้อโตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ สีบรอนส์เงิน ทะเบียน กข - 9295 ยะลา ซึ่งเป็นรถยนต์ประจำตำแหน่งของ พ.ต.อ.นราศักดิ์ เชียงสุข รอง ผบก.ภ.จว.ยะลา ได้รับความเสียหายทางด้านซ้ายของตัวรถ
เหตุระเบิดครั้งนี้ ทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย คือ ด.ต.เกษม อาจหาญ อายุ 45 ปีตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) อุบลราชธานี ช่วยราชการตำรวจภูธร จ.ยะลา ถูกแรงระเบิดอัดกระเด็นตกออกจากรถประมาณ 5 เมตร และ พ.ต.อ.นราศักดิ์ เชียงสุข รอง ผบก.ภ.จว.ยะลา ถูกแรงระเบิดได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
เหตุลอบวางระเบิดรถตำรวจครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่คณะตำรวจชุดนี้เดินทางกลับจากการตรวจสอบเหตุฆ่าตัดคอนายสถิตย์ โดยคณะของเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ประกอบด้วย พล.ต.ต.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผบก.ภ.จว.ยะลา พ.ต.อ.นราศักดิ์ เชียงสุข, พ.ต.อ.ชัยทัต อินทนูจิตร รอง ผบก.ภ.จว.ยะลา และนายตำรวจอีกหลายคน ได้เดินทางออกจากที่เกิดเหตุเป็นขบวน โดยมีรถยนต์ของตำรวจ นปพ.นำหน้า ตามด้วยรถยนต์ของ พล.ต.ต.ไพฑูรย์ รถยนต์ของ พ.ต.อ.ชัยทัต และรถยนต์ของ พ.ต.อ.นราศักดิ์ ปิดท้าย เมื่อถึงที่เกิดเหตุคนร้ายได้กดชนวนระเบิดตรงเข้าพอดีกับรถยนต์ของ พ.ต.อ.นราศักดิ์ ทำให้มีการบาดเจ็บและรถยนต์ได้รับความเสียหายดังกล่าว
ที่ จ.ปัตตานีวันเดียวกันเวลา 07.30 น. ร.ต.ต.พงษ์พันธ์ สุริยะวงษ์ ร้อยเวร สภ.ต.บ้านโสร่ง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ได้เข้าตรวจสอบสภาพศพนายชัชวาล อาศัยผล อายุ 25 ปี ที่ถนนสาย 410 ปัตตานี-ยะลา ม.1 ต.เขาตูม อ.ยะรัง ในที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ สีฟ้า หมายเลขทะเบียน กมล 72 ยะลา ล้มอยู่ข้างทาง และพบปลอกกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 3 ปลอก ตกอยู่ สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายขี่รถจักรยานยนต์ มี นางสุนีย์ อาศัยผล อายุ 25 ปี ภรรยา ซ้อนท้าย ไปทำงานในตัวเมืองยะลา เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุมีคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบยิงด้วยปืนสั้นหลายนัด ทำให้นายชัชวาล เสียชีวิต ส่วนนางสุนีย์ บาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่ได้ช่วยนำส่งโรงพยาบาล นอกจากนี้ยังมีผู้ถูกลูกหลงบาดเจ็บเล็กน้อยอีก 1 ราย คือ ด.ญ.ปาติมา ดีดิง อายุ 7 ขวบ ขณะเดินอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ เบื้องต้นคาดว่าสาเหตุมาจากการสร้างสถานการณ์
พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์หลังเป็นประธานวันคล้ายวันสถาปนาสถาบันวิชาการทหารบกชั้นสูง (สบส.) ครบรอบ 38 ปีเกี่ยวกับกรณีที่นำทหารพรานที่ยิงปะทะกับครูฝึกกองกำลังอาร์เคเค บนเทือกเขาตะเว ต.บองเอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ไม่ใช่การถูกดำเนินคดี แต่เป็นการทำรูปคดีลักษณะวิสามัญฆาตกรรม เพื่อป้องกันการฟ้องร้อง เป็นการสอบสวนเพื่อหาข้อมูล เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อขวัญ และกำลังใจของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน
"การที่ผู้ก่อความไม่สงบไปฝึกกองกำลังในพื้นที่ป่าเขา จากในอดีตที่จะใช้พื้นที่ขอบหมู่บ้านในการฝึก อาจเกิดจากการที่เจ้าหน้าที่ทำงานในหมู่บ้านและในเมืองสัมฤทธิ์ผล ถือว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่เราต้องการ เวลานี้มีการตรวจสอบในพื้นที่อื่น ๆ ด้วย โดยใช้เทคโนโลยีระดับสูงเข้ามาตรวจสอบ" พล.อ.สนธิ กล่าว
พล.อ.สนธิ กล่าวถึงมาตรการเฝ้าระวังการก่อเหตุรุนแรงด้วยว่า มีมาตรการเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะพื้นที่เป้าหมาย แต่ยอมรับว่า ในบางพื้นที่ที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุ โดยเฉพาะพื้นที่ในเมืองเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบากในการดูแล แต่มีหน่วยเฉพาะกิจหมายเลขตัวเดียวคอยดูแล และจะประสานแผนการทำงานร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด โดยให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาด้วย คิดว่าน่าจะเรียบร้อยในระดับหนึ่ง
ส่วนกรณีที่ศูนย์เฝ้าระวังเชิงองค์ความรู้สถานการณ์ภาคใต้ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ สรุปว่า มีเหตุร้ายเกิดขึ้นในช่วงเดือนมกราคม 2547- เดือนกุมภาพันธ์ 2550 กว่า 6,000 ครั้ง และมีแนวโน้มว่า ในปี 2550 กลุ่มก่อความไม่สงบจะใช้ความรุนแรงมากขึ้นนั้น พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เราคงประเมินจากตรงนั้นไม่ได้ ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะเห็นว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา เราใช้กำลังเข้าไปกดดันผู้ก่อความไม่สงบในระดับพื้นที่ไม่ได้ เพราะส่วนใหญ่จะทำหน้าที่ในการดูแลประชาชน
"แต่ในปีนี้จะเป็นปีที่เราใช้กำลังทหารพรานเข้าไปทำงานในพื้นที่ในชนบท ซึ่งกระบวนการนี้จะทำให้ฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบขาดเสรีในการปฏิบัติ" พล.อ.สนธิ กล่าว และว่า ขณะนี้กำลังทหารพราน 10 กองร้อยแรก เข้าไปทำงานในพื้นที่ครบหมดแล้ว ประชาชนในหมู่บ้านเริ่มให้ข้อมูลกับทหารพรานมากขึ้น ส่วนทหารพรานอีก 20 กองร้อยที่เหลือ กำลังอยู่ระหว่างการฝึก
พร้อมกับกล่าวถึงการเดินทางลงพื้นที่ภาคใต้ในวันนี้ (8 มี.ค.) ว่า ได้เชิญผู้ว่าราชการจังหวัดในภาคใต้ทุกจังหวัด และผู้บัญชาการตำรวจฯ มาประชุม เพื่อเน้นย้ำงานของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ซึ่งมีภารกิจต่าง ๆ มากมาย เพื่อให้การทำงานสอดประสานกัน อย่างไรก็ตาม จะไม่มีการปรับแผนงานหรือยุทธวิธีแล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามที่สั่งการไว้หมดแล้ว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
ด้าน นายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ จ.ยะลา ถูกลอบทำร้ายขณะเข้าไปตรวจสถานการณ์การฆ่าตัดคอเมื่อเช้าวานนี้ว่า เป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่เจ้าหน้าที่ยิงผู้ก่อความไม่สงบเสียชีวิต 5 คน ซึ่งการดำเนินการของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ เป็นการปฏิบัติการล้างแค้นเจ้าหน้าที่ จึงกำชับไปยังผู้ว่าฯให้ระมัดระวังในการทำงาน อย่าประมาท และควรปรึกษาหารือกับแม่ทัพภาคที่ 4 ตลอดเวลา
ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาราชการ ผบ.ตร.เป็นห่วงว่ากลุ่มมะแซ อุเซ็ง จะเข้ามาสร้างเครือข่ายนั้น นายอารีย์ กล่าวว่า กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบมีหลายกลุ่มจะให้ยืนยันว่าเป็นใครคงไม่ได้ทำได้เพียงการเฝ้าระวังและไม่ประมาท
วานนี้ (7 มี.ค.50) เวลา 06.00 น.พล.ต.ต.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ได้รับแจ้งเหตุยิงกันหน้าสถาบันปอเนาะอิสลามศาสนดารุสลาม บ้านตาเซะ ม.3 ต.ตาเซะ อ.เมือง จ.ยะลา เมื่อนำกำลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตนอนอยู่บนถนนภายในหมู่บ้าน สภาพศพถูกยิงแล้วเผาไหม้เกรียมอยู่บนรถจักรยานยนต์ ส่วนศีรษะนั้นหายไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปค้นหาพบว่าคนร้ายได้นำไปวางไว้ภายในสวนยาง ห่างจากจุดเกิดเหตุ ประมาณ 300 เมตร ทราบชื่อคือนายสถิตย์ ทองอินทร์ อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46 ม.1 ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา
สอบสวนทราบว่า ขณะเกิดเหตุนายสถิตย์ ได้ขับรถจักรยานยนต์ เพื่อเดินทางไปกรีดยาง เมื่อถึงจุดเกิดเหตุได้มีคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาด ยิงใส่นายสถิตย์ จากนั้นจึงได้ลงมือตัดศีรษะ ก่อนที่จะจุดไฟเผา ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ได้สร้างความสะเทือนขวัญให้แก่ผู้ที่ได้พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง ส่วนสาเหตุเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มคนร้ายในพื้นที่
ต่อมาเวลา 08.30 น. พ.ต.อ.ภูมิเพ็ชร พิพัฒน์เพ็ชรภูมิ ผกก.สภ.อ.เมือง ยะลา ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่า คนร้ายได้ลอบวางระเบิดรถยนต์ตำรวจบนถนนสายท่าสาป-ยุโป ม.4 บ้านสาคอ ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา ที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะ 4 ประตูยี่ห้อโตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ สีบรอนส์เงิน ทะเบียน กข - 9295 ยะลา ซึ่งเป็นรถยนต์ประจำตำแหน่งของ พ.ต.อ.นราศักดิ์ เชียงสุข รอง ผบก.ภ.จว.ยะลา ได้รับความเสียหายทางด้านซ้ายของตัวรถ
เหตุระเบิดครั้งนี้ ทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย คือ ด.ต.เกษม อาจหาญ อายุ 45 ปีตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) อุบลราชธานี ช่วยราชการตำรวจภูธร จ.ยะลา ถูกแรงระเบิดอัดกระเด็นตกออกจากรถประมาณ 5 เมตร และ พ.ต.อ.นราศักดิ์ เชียงสุข รอง ผบก.ภ.จว.ยะลา ถูกแรงระเบิดได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
เหตุลอบวางระเบิดรถตำรวจครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่คณะตำรวจชุดนี้เดินทางกลับจากการตรวจสอบเหตุฆ่าตัดคอนายสถิตย์ โดยคณะของเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ประกอบด้วย พล.ต.ต.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผบก.ภ.จว.ยะลา พ.ต.อ.นราศักดิ์ เชียงสุข, พ.ต.อ.ชัยทัต อินทนูจิตร รอง ผบก.ภ.จว.ยะลา และนายตำรวจอีกหลายคน ได้เดินทางออกจากที่เกิดเหตุเป็นขบวน โดยมีรถยนต์ของตำรวจ นปพ.นำหน้า ตามด้วยรถยนต์ของ พล.ต.ต.ไพฑูรย์ รถยนต์ของ พ.ต.อ.ชัยทัต และรถยนต์ของ พ.ต.อ.นราศักดิ์ ปิดท้าย เมื่อถึงที่เกิดเหตุคนร้ายได้กดชนวนระเบิดตรงเข้าพอดีกับรถยนต์ของ พ.ต.อ.นราศักดิ์ ทำให้มีการบาดเจ็บและรถยนต์ได้รับความเสียหายดังกล่าว
ที่ จ.ปัตตานีวันเดียวกันเวลา 07.30 น. ร.ต.ต.พงษ์พันธ์ สุริยะวงษ์ ร้อยเวร สภ.ต.บ้านโสร่ง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ได้เข้าตรวจสอบสภาพศพนายชัชวาล อาศัยผล อายุ 25 ปี ที่ถนนสาย 410 ปัตตานี-ยะลา ม.1 ต.เขาตูม อ.ยะรัง ในที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ สีฟ้า หมายเลขทะเบียน กมล 72 ยะลา ล้มอยู่ข้างทาง และพบปลอกกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 3 ปลอก ตกอยู่ สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายขี่รถจักรยานยนต์ มี นางสุนีย์ อาศัยผล อายุ 25 ปี ภรรยา ซ้อนท้าย ไปทำงานในตัวเมืองยะลา เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุมีคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบยิงด้วยปืนสั้นหลายนัด ทำให้นายชัชวาล เสียชีวิต ส่วนนางสุนีย์ บาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่ได้ช่วยนำส่งโรงพยาบาล นอกจากนี้ยังมีผู้ถูกลูกหลงบาดเจ็บเล็กน้อยอีก 1 ราย คือ ด.ญ.ปาติมา ดีดิง อายุ 7 ขวบ ขณะเดินอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ เบื้องต้นคาดว่าสาเหตุมาจากการสร้างสถานการณ์
พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์หลังเป็นประธานวันคล้ายวันสถาปนาสถาบันวิชาการทหารบกชั้นสูง (สบส.) ครบรอบ 38 ปีเกี่ยวกับกรณีที่นำทหารพรานที่ยิงปะทะกับครูฝึกกองกำลังอาร์เคเค บนเทือกเขาตะเว ต.บองเอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ไม่ใช่การถูกดำเนินคดี แต่เป็นการทำรูปคดีลักษณะวิสามัญฆาตกรรม เพื่อป้องกันการฟ้องร้อง เป็นการสอบสวนเพื่อหาข้อมูล เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อขวัญ และกำลังใจของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน
"การที่ผู้ก่อความไม่สงบไปฝึกกองกำลังในพื้นที่ป่าเขา จากในอดีตที่จะใช้พื้นที่ขอบหมู่บ้านในการฝึก อาจเกิดจากการที่เจ้าหน้าที่ทำงานในหมู่บ้านและในเมืองสัมฤทธิ์ผล ถือว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่เราต้องการ เวลานี้มีการตรวจสอบในพื้นที่อื่น ๆ ด้วย โดยใช้เทคโนโลยีระดับสูงเข้ามาตรวจสอบ" พล.อ.สนธิ กล่าว
พล.อ.สนธิ กล่าวถึงมาตรการเฝ้าระวังการก่อเหตุรุนแรงด้วยว่า มีมาตรการเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะพื้นที่เป้าหมาย แต่ยอมรับว่า ในบางพื้นที่ที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุ โดยเฉพาะพื้นที่ในเมืองเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบากในการดูแล แต่มีหน่วยเฉพาะกิจหมายเลขตัวเดียวคอยดูแล และจะประสานแผนการทำงานร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด โดยให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาด้วย คิดว่าน่าจะเรียบร้อยในระดับหนึ่ง
ส่วนกรณีที่ศูนย์เฝ้าระวังเชิงองค์ความรู้สถานการณ์ภาคใต้ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ สรุปว่า มีเหตุร้ายเกิดขึ้นในช่วงเดือนมกราคม 2547- เดือนกุมภาพันธ์ 2550 กว่า 6,000 ครั้ง และมีแนวโน้มว่า ในปี 2550 กลุ่มก่อความไม่สงบจะใช้ความรุนแรงมากขึ้นนั้น พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เราคงประเมินจากตรงนั้นไม่ได้ ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะเห็นว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา เราใช้กำลังเข้าไปกดดันผู้ก่อความไม่สงบในระดับพื้นที่ไม่ได้ เพราะส่วนใหญ่จะทำหน้าที่ในการดูแลประชาชน
"แต่ในปีนี้จะเป็นปีที่เราใช้กำลังทหารพรานเข้าไปทำงานในพื้นที่ในชนบท ซึ่งกระบวนการนี้จะทำให้ฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบขาดเสรีในการปฏิบัติ" พล.อ.สนธิ กล่าว และว่า ขณะนี้กำลังทหารพราน 10 กองร้อยแรก เข้าไปทำงานในพื้นที่ครบหมดแล้ว ประชาชนในหมู่บ้านเริ่มให้ข้อมูลกับทหารพรานมากขึ้น ส่วนทหารพรานอีก 20 กองร้อยที่เหลือ กำลังอยู่ระหว่างการฝึก
พร้อมกับกล่าวถึงการเดินทางลงพื้นที่ภาคใต้ในวันนี้ (8 มี.ค.) ว่า ได้เชิญผู้ว่าราชการจังหวัดในภาคใต้ทุกจังหวัด และผู้บัญชาการตำรวจฯ มาประชุม เพื่อเน้นย้ำงานของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ซึ่งมีภารกิจต่าง ๆ มากมาย เพื่อให้การทำงานสอดประสานกัน อย่างไรก็ตาม จะไม่มีการปรับแผนงานหรือยุทธวิธีแล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามที่สั่งการไว้หมดแล้ว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
ด้าน นายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ จ.ยะลา ถูกลอบทำร้ายขณะเข้าไปตรวจสถานการณ์การฆ่าตัดคอเมื่อเช้าวานนี้ว่า เป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่เจ้าหน้าที่ยิงผู้ก่อความไม่สงบเสียชีวิต 5 คน ซึ่งการดำเนินการของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ เป็นการปฏิบัติการล้างแค้นเจ้าหน้าที่ จึงกำชับไปยังผู้ว่าฯให้ระมัดระวังในการทำงาน อย่าประมาท และควรปรึกษาหารือกับแม่ทัพภาคที่ 4 ตลอดเวลา
ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาราชการ ผบ.ตร.เป็นห่วงว่ากลุ่มมะแซ อุเซ็ง จะเข้ามาสร้างเครือข่ายนั้น นายอารีย์ กล่าวว่า กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบมีหลายกลุ่มจะให้ยืนยันว่าเป็นใครคงไม่ได้ทำได้เพียงการเฝ้าระวังและไม่ประมาท