xs
xsm
sm
md
lg

วันหนึ่งกับไอทีวี

เผยแพร่:   โดย: วรศักดิ์ มหัทธโนบล

เห็นชื่อบทความแล้วอย่าเพิ่งนึกไปว่าผมเพิ่งจะมาดูไอทีวีเพียงแค่วันเดียวนะครับ จริงๆ ดูแทบจะทุกวัน ดูจนจำหน้าจำชื่อผู้ประกาศ นักข่าว หรือพิธีกรบางคนได้ถนัดใจ

ผมเป็นคนที่ออกจะโชคร้ายอยู่สักหน่อย ที่ในยามที่ไอทีวียังเป็นทีวีเสรีในฐานะสถานีข่าวอยู่นั้น ทีวีที่บ้านผมมีปัญหาหลายเรื่องจนไม่ได้ดูทีวีช่องนี้ ผมจึงไม่มีโอกาสได้สัมผัสบรรยากาศของทีวีเสรีในช่วงนั้น และมาได้ข่าวอีกทีก็หลังจากที่ทีวีช่องนี้ได้เกิด “กบฏไอทีวี” ไปแล้ว

ต่อมาเมื่อปัญหาเรื่องทีวีหมดไป และทำให้ผมได้ดูไอทีวีชัดๆ และจริงๆ เสียทีนั้น ก็เป็นตอนที่ไอทีวีเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ซึ่งก็คือตอนนี้ ตอนที่ทำให้ผมจำหน้าจำชื่อคนไอทีวีได้อย่างที่ว่าข้างต้น

ผมยังมีความประทับใจเสมอกับการอ่านข่าวของ คุณสายสวรรค์ ขยันยิ่ง ที่ไม่เพียงจะอ่านภาษาไทยได้อย่างชัดถ้อยชัดคำเท่านั้น หากแม้แต่วรรคตอนก็ยังถูกต้องอีกด้วย โดยเฉพาะตอนที่เธออ่านชื่อของ คุณวันมูหะหมัด นอร์ มะทา นั้นเธอจะวรรคเสียงของเธอระหว่างคำว่า “นอร์” ด้วย

ผมจำความคล่องแคล้วของ คุณสร้อยฟ้า โอสุคนธ์ทิพย์ ได้เท่าๆ กับใบหน้าที่ดูเด็กและน่ารักของ คุณปวีณมัย บ่ายคล้อย จนหลายครั้งผมดูใบหน้าเธอเพลินจนลืมฟังข่าวที่เธอรายงาน และยังจำได้กับครั้งหนึ่งที่ไอทีวีมาสัมภาษณ์ผม ซึ่งหากจำไม่ผิดดูเหมือนจะเป็น คุณอรัญญา (ประทานโทษที่จำนามสกุลไม่ได้) ที่มาสัมภาษณ์

นอกจากนี้ยังทึ่งในความเป็นมนุษย์คนหนึ่งของ คุณตวงพร อัศววิไล ได้ดีเมื่อเธอแสดงความเป็นแฟนานุแฟนทีมฟุตบอลฝรั่งทีมหนึ่งจนเป็นเรื่อง แต่ก็แยกงานรายงานข่าวของเธอจนดูไม่ออกว่าจะเป็นแฟนานุแฟนทีมฟุตบอลทีมนั้น

ไม่เพียงผู้ประกาศหรือนักข่าวหญิงเท่านั้น ที่เป็นชายก็มีนะครับ คนหนึ่งย่อมเป็นใครไปไม่ได้ นอกเสียจาก คุณกิตติ สิงหาปัด ซึ่งรายงานข่าวได้อย่างคล่องแคล้วไม่ต่างกับผู้ประกาศชายอีกหลายคนที่อยู่ในระดับแนวหน้า แต่ที่ผมเคยผิดหวัง คุณกิตติ นั้นมีอยู่เรื่องหนึ่ง คือตอนที่ คุณกิตติ รายงานข่าวการทำประชาพิจารณ์ท่อก๊าซไทย-มาเลย์ที่มีขึ้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลาเมื่อหลายปีก่อน

ตอนนั้นประชาพิจารณ์ต้องล่มลงกลางคัน ด้วยว่ามีกลุ่มผู้ประท้วงบุกเข้ามาถึงตัวอาคารที่ทำประชาพิจารณ์ เหตุการณ์ในครั้งนั้น คุณกิตติ ได้รายงานว่า การทำประชาพิจารณ์ต้องล้มลงอย่างน่าเสียดายเมื่อมีคนกลุ่มหนึ่งบุกเข้าไป

ที่ผมผิดหวังก็คือ คุณกิตติ ไม่ควรใส่ความรู้สึกของตนลงไปว่า “น่าเสียดาย” และไม่ควรใช้คำว่า “คนกลุ่มหนึ่ง” กับผู้ประท้วง เพราะจริงๆ แล้วการทำประชาพิจารณ์ครั้งนั้นเป็นเรื่องที่ถูกจัดฉากขึ้นมาสักแต่ทำให้พ้นๆ ไปเพื่อให้ถูกขั้นตอน เป็นการทำประชาพิจารณ์ที่ไม่ควร “เสียดาย” ไม่ว่าจะมองจะแง่มุมไหน ส่วนกลุ่มผู้ประท้วงนั้นก็มีชื่อมีตัวมีตนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่ใช่ “คนกลุ่มหนึ่ง” ที่เป็นอันธพาลหรือใครที่ไหนก็ไม่รู้

คนไอทีวีที่เหลือนอกนั้นผมก็ยังจำได้ ถึงแม้บางคนจะลาออกไปอยู่ทีวีช่องอื่นแล้วก็ตาม

บอกตรงๆ ว่า ผมแยกความรู้สึกดีๆ ดังกล่าวกับความเห็นส่วนตัวของผมได้เสมอ รู้สึกดีอย่างไรก็ยังรู้สึกต่อไป แต่จะเห็นด้วยกับท่าทีหรือจุดยืน (?) ในขณะรายงานข่าวหรือไม่นั้น ผมแยกเป็นคนละเรื่อง ผมเป็นเช่นนั้นกับทีวีทุกช่อง และกับไอทีวีผมก็เป็นมาตั้งแต่ก่อนที่จะมีการต่อต้านระบอบทักษิณเสียอีก

ตอนที่การต่อต้านระบอบทักษิณขยายตัวกว้างขวางหลังจากกลุ่มชินคอร์ปขายหุ้นของตนให้กับเทมาเส็กนั้น ผมก็ยังคงติดตามข่าวสารจากไอทีวีและช่องอื่นๆ อยู่เสมอ ซึ่งทุกช่องล้วนแล้วแต่เป็นช่องปกติ เพราะผมไม่ได้ติดตั้งเอเอสทีวีหรือเคเบิ้ลทีวีอย่างยูบีซีอะไรทั้งสิ้น

เฉพาะในช่วงที่ว่านี้บางครั้งผมก็สัมผัสได้ถึงความลำเอียงของไอทีวี บางครั้งก็ไม่ ในขณะที่บางครั้งก็ไม่แน่ใจ ว่าเข้าข้างระบอบทักษิณหรือไม่ เกณฑ์ที่ผมใช้วัดก็ไม่มีอะไรมาก คือไม่ต่างจากเกณฑ์ของคนส่วนใหญ่ที่มองจากการให้พื้นที่ข่าวระหว่างข่าวของระบอบทักษิณกับข่าวของฝ่ายต่อต้านระบอบทักษิณ ที่เห็นได้ชัดว่าไอทีวีให้พื้นที่ข่าวแก่ระบอบทักษิณมากกว่า

แต่ประเด็นนี้ผมใคร่ขอย้ำว่า หากไม่นับช่องพิเศษแล้ว ทีวีช่องปกติทุกช่องในขณะนั้นล้วนไม่ต่างกับไอทีวีทั้งสิ้น จะมาโทษไอทีวีช่องเดียวไม่ได้ ต้องโทษช่องอื่นๆ ด้วย

ผมจะมีเกณฑ์ที่ต่างจากเกณฑ์ทั่วไปก็แต่เพียงประการเดียว (หรืออาจไม่ต่างก็ได้) คือ การพิจารณาจากภาษาในขณะรายงานข่าวของผู้ประกาศ “แต่ละคน” ที่ผมยอมรับว่ามีบางคนที่ใช้ภาษาที่บ่งบอกท่าทีที่ลำเอียงจนผมรู้สึกได้

แต่ถ้าจะให้กล่าวโดยภาพรวมแล้ว ผมอยากจะบอกว่า หากไอทีวีลำเอียงเข้าข้างหรือรายงานข่าวเข้าทางระบอบทักษิณแล้ว ความลำเอียงนั้นผมไม่แน่ใจว่าเกิดขึ้นเพราะมีใจลำเอียงจริง หรือถูกบังคับให้ลำเอียงกันแน่ และบ่อยครั้งผมอดรู้สึกไม่ได้ว่าจะเป็นอย่างหลัง ซึ่งถ้าจริงไอทีวีก็ไม่ต่างจากช่องอื่นๆ อย่างที่ว่ามา

และด้วยเห็นและรู้สึกเช่นนั้น ผมจึงเข้าใจความรู้สึกของคนไอทีวีเมื่อต้องรู้ว่ารัฐบาลมีมติให้ดับจอ

แต่กระนั้นผมกลับเห็นว่า ปัญหาไอทีวีที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้ได้ทำให้เกิดโจทย์ที่ผิดฝาผิดตัว คือเมื่อรัฐบาลสั่งปิดจอไอทีวี ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครคิดถึงต้นสายปลายเหตุของปัญหาว่ามีที่มาจากไหน

ที่คิดนั้นกลับไปคิดว่าปัญหานี้มีที่มาจากวาระซ่อนเร้นทางการเมืองแทน ทั้งที่เมื่อกลับไปดูที่สาเหตุแล้วจะพบว่า ปัญหาไอทีวีเที่ยวนี้มีที่มาตั้งแต่ที่ คุณทักษิณ ยังเป็นนายกฯ อยู่ และการต่อต้านระบอบทักษิณยังไม่ได้ตั้งไข่ด้วยซ้ำไป ตอนที่เกิดปัญหาใหม่ๆ หลังจากที่คณะอนุญาโตฯ ตัดสินให้รัฐบาลลดค่าสัมปทานแก่ไอทีวี และให้ไอทีวีลดสัดส่วนข่าวกับรายการบันเทิงจาก 70 ต่อ 30 มาเป็น 50 ต่อ 50 นั้น ผมเองก็ไม่สบอารมณ์กับคำตัดสินนี้อย่างมาก แต่ผู้ที่ผมต้องชื่นชมอย่างช่วยไม่ได้ก็คือ สปน. ที่หลังจากมีคำตัดสินเช่นนั้นแล้ว สปน.ก็ไม่ยอมเหมือนกัน และได้ต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมมาจนกระทั่งศาลปกครองสูงสุดตัดสินให้กลับไปเป็นอย่างเดิมจนไอทีวีต้อง “เดี้ยง” ด้วยการถูกดับจอในที่สุด

ที่ต้องชื่นชม สปน.ก็เพราะ สปน.ต่อสู้เรื่องดังกล่าวในขณะที่ คุณทักษิณ ยังเป็นนายกฯ อยู่แท้ๆ และพอสู้มาจนชนะเอาตอนนี้ ที่ถ้าหากไม่เกิดรัฐประหารขึ้นมาเสียก่อน คุณทักษิณ ก็ต้องยอมรับคำตัดสิน และก็คงไม่ถูกมองว่ามีวาระทางการเมืองเช่นขณะนี้

ที่พูดมานี้ไม่ใช่ว่าผมจะเห็นด้วยกับมติของ ครม.นะครับ เพราะเกี่ยวกับเรื่องนี้ผมคิดว่ายังมีทางออกให้กับพนักงานไอทีวีอยู่ ที่คิดอย่างนี้ก็ด้วยเหตุที่ว่า ผมแยกเรื่องของพนักงานไอทีวีกับฝ่ายบริหารไอทีวีออกจากกัน และเชื่อว่า หากรัฐบาลแยกได้ก็คงมีทางออกโดยไม่ต้องดับจอ แต่เพราะแยกไม่ได้ (จะด้วยอ้างข้อกฎหมายอย่างไรก็ตาม) ในที่สุดมตินี้ก็เลยพลอยทำให้ปัญหาไอทีวีถูกมองว่ามีวาระทางการเมืองไปอีก

พูดง่ายๆ ก็คือว่า ทั้ง คุณทักษิณ, พนักงานไอทีวี, คณะรัฐประหาร, และรัฐบาล พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ต่างล้วนมีส่วนในการทำให้ปัญหาที่ควรเข้าใจได้ด้วยเหตุผลพื้นๆ นี้กลายเป็นปัญหาทางการเมืองไปในที่สุด

และเพราะกลายเป็นวาระทางการเมืองไปแล้วนี้เอง ทุกถ้อยคำที่ถูกพูดออกมาทั้งก่อนและหลังไอทีวีถูกมติ ครม. ให้ดับจอจึงแทบไม่มีถ้อยคำไหนที่จะนำไปสู่ประเด็นการปฏิรูปสื่อทั้งโครงสร้าง ทั้งที่นี่คือโจทย์ที่ตรงที่สุด และส่วนหนึ่งของโจทย์ข้อนี้ก็คือที่มาแห่งกำเนิดของไอทีวีอีกด้วย

ไอทีวีจะดับหรือจะแจ้งหน้าจอต่อไป ต่างก็ไม่ได้เป็นคำตอบหรือแม้แต่ความหวังให้กับการตอบโจทย์ดังกล่าวแม้แต่น้อย

วันหนึ่งกับไอทีวีจึงเป็นวันที่แสนจะเซ็งอีกวันหนึ่งของผม หลังจากที่เซ็งมาตั้งแต่เริ่มย่างกลางปีเมื่อปีที่แล้ว และเซ็งมาเป็นเรื่องๆ จนถึงเรื่องนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น