xs
xsm
sm
md
lg

เมาแล้วขับ โดนจับ ติดคุก จะดีกว่าบำเพ็ญประโยชน์ไหม?

เผยแพร่:   โดย: พชร สมุทวณิช

เวลาอ่านหนังสือพิมพ์ จะมีข่าวบางข่าวที่เห็นตั้งแต่ตั้งต้นหัวข่าวแล้วก็เรียกได้ว่าพอจะเดาตอนจบได้ คือข่าวบางข่าวจะมาเป็นสูตรสำเร็จ เดาได้ ไม่ต้องคิดมากมายหลายชั้นให้ซับซ้อนมากเรื่อง หนึ่งในนั้นก็คือข่าว ดาราเมาแล้วขับ

เรื่องจะเริ่มจากว่า ตำรวจจับดาราที่ขับรถด้วยอาการที่ต้องสงสัยได้ หรือไม่ก็ดาราดวงซวยขับรถมาเจอด่านเองพอตำรวจตรวจแอลกอฮอล์แล้วก็พบว่า มีเกินปริมาณตามที่กฎหมายกำหนด ดังนั้น ตำรวจจึงจับดารา แล้วก็พาดาราส่งขึ้นศาลด้วยข้อหา “เมาแล้วขับ” ศาลพบว่ามีความผิด ก็มีการตัดสินตามรูปแบบของกฎหมายไป เป็นภาษากฎหมาย แต่เอาเป็นว่า สรุปใจความได้คือ

ให้รอลงอาญา และสั่งให้บำเพ็ญประโยชน์เพื่อสาธารณะเป็นเวลากี่ชั่วโมงก็ว่ากันไป (ตามโทษหนักโทษเบา)

ดังนั้น เราจะพบเห็นเป็นไปตามสูตรนี้

ดารา-เมาแล้วขับ-โดนจับ-บำเพ็ญประโยชน์

ล่าสุดที่เห็นในหนังสือพิมพ์ก็คือ คุณโด่ง อรรถชัย อนันตเมฆ ซึ่งรายนี้ ไม่ใช่มีข่าวแค่ “เมาแล้วขับ” เฉยๆ แต่ยังมีเรื่องราวของหญิงสาวมิตรรักแฟนเพลงที่พลัดตกลงจากรถที่คุณโด่งขับ และยังมีฉากอาละวาดปะทะคารมกับตำรวจที่มาจับ และกับนักข่าวที่มาทำข่าวอีกต่างหาก หลายคนได้เห็นข่าวแล้วบอกว่า น่าจะตื่นเต้นเร้าใจยิ่งกว่าละคร “เลือดในดิน” ที่คุณโด่งแสดงอยู่ตอนนี้เสียอีก

ของคุณโด่งนั้น แม้ว่าจะมีฉากบู๊ตื่นเต้นหวาดเสียวเข้ามาประกอบการจับกุมกรณี “เมาแล้วขับ” แต่สุดท้ายอ่านจากข่าวก็เข้าสูตรสำเร็จตามที่บอกไว้แหละครับ ตามสูตรข้างล่างนี้เลย

ดารา-เมาแล้วขับ-โดนจับ-บำเพ็ญประโยชน์


จากนั้นก็อาจมีองค์กรที่เกี่ยวข้องในเรื่องรณรงค์ “เมาไม่ขับ” เอาดาราที่ถูกจับนำไปใช้ทำการตลาดบ้าง คือเอาไปโชว์ตัวเป็นการทำสาธารณประโยชน์ ไปรณรงค์ว่า “เมาไม่ขับ”

จริงๆ แล้วในสังคมไทย ไม่ได้มีแต่ดาราที่กินเหล้าแล้วไปขับรถ ยังมีคนปกติธรรมดาอีกมากมายที่ยังฝ่าฝืนกฎกติกาทางกฎหมาย ที่เรียกว่า “เมาห้ามขับ” อยู่อีกมาก

และบางคนก็อาจจะมีการอาละวาดฟาดหางยิ่งกว่าดาราเสียอีก ดาราส่วนใหญ่เดี๋ยวนี้เวลาโดนจับแล้วหงอยครับ เพราะว่า จะปริมาณแอลกอฮอล์น้อย แอลกอฮอล์มาก โดนจับกรณี “เมาแล้วขับ” นี่ ถือว่าเสียอิมเมจไปเรียบร้อยแล้ว ก็เป็น “ดาราของประชาชน” นี่ครับ ก็คือโดนจับจ้องมากกว่าคนปกติทั่วไป ถือเป็นเรื่องธรรมดาสามัญที่ต้องรับรู้และทำใจ

ตอนนี้ ผมได้มีโอกาสเข้าร่วมในฐานะที่ปรึกษาอยู่ในคณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค ของ สนช. หรือสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตอนนี้ท่านประธานฯ คือท่านประพันธ์ คูณมี รวมถึงท่านเลขาฯ คือท่านสำราญ รอดเพชร ของผม กำลังฟิตกันมาก หลังจากเมื่อเดือนที่แล้วได้จัดเสวนาใหญ่โตเพื่อผู้บริโภคที่จับเอาบริษัทโทรศัพท์มือถือยักษ์ใหญ่มานั่งเรียงแถวอภิปรายกันอย่างเมามัน ได้ข้อสรุปและแนวทางแก้ไขเพื่อความเป็นธรรมต่อผู้บริโภคไปหลายต่อหลายเรื่อง

ตอนนี้ เราได้มีการหยิบยกเอาเรื่องของ “สุรา” หรือ “เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์” ขึ้นมาพิจารณา ทั้งนี้อยู่ในเป้าหมายประเด็นหลักสองประเด็น คือพิจารณากันในเรื่องของการป้องกันผลกระทบอันเสียหายที่เกิดจากสุรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง “เมาแล้วขับ” ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่ก่ออุบัติภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ไปจนถึงเรื่องของสุราที่ก่อให้เกิดผลเสียต่างๆ อีกมากมาย และอีกประเด็นเป็นเรื่องทางเทคนิก คือเรื่องของการจัดเก็บภาษีสุรา ซึ่งทั้งสองเรื่องมีเป้าหมายที่จะก่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้บริโภคให้มากที่สุด

มีข้อมูลเรื่องของ “เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์” ที่น่าสนใจอยู่หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของประเทศไทย ที่ถ้าผมจำไม่ผิดเราบริโภคเครื่องดื่มชนิดนี้เป็นอันดับ 5 ซึ่งผมแปลกใจเอามากๆ เนื่องจาก 4 อันดับแรกนั้น อ่านชื่อประเทศแล้วล้วนเป็นเมืองหนาวระดับอุณหภูมิติดลบทั้งนั้น ซึ่งเหตุผลของการกินเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ก็คือ น่าจะเป็นการช่วยในเรื่องให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ส่วนเมืองไทยนั้นเป็นเมืองร้อนกลับคว้าตำแหน่งท็อปไฟว์มาครองกับเขาด้วย

เรื่องของการบริโภคแอลกอฮอล์นี่คงต้องว่ากันยาว เนื่องจากมีปัจจัยหลายต่อหลายเรื่องเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะประเด็นที่น่าจะต้องถกกันหนักก็คือประเด็น “วัฒนธรรมการบริโภค” ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องทางวัฒนธรรมซึ่งเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และมีความซับซ้อนหลากมิติที่จะต้องอาศัยหลายแง่มุมในการวิเคราะห์และตีความ

นอกเรื่องไปไกล กลับมาเข้าเรื่อง “เมาไม่ขับ” ที่พูดค้างไว้ข้างต้นดีกว่า

กรณีที่ผมพูดถึง ข่าวของดาราที่ถูกจับกรณี “เมาแล้วขับ” จนเกิดสูตรสำเร็จ ดารา-เมาแล้วขับ-โดนจับ-บำเพ็ญประโยชน์ ที่ว่าเอาไว้ข้างต้น

จากนั้นที่ผมบอกว่า มีองค์กรที่เกี่ยวข้องในเรื่องรณรงค์ “เมาไม่ขับ” เอาดาราที่ถูกจับนำไปใช้ทำการตลาดบ้าง คือเอาไปโชว์ตัวเป็นการทำสาธารณประโยชน์ ไปรณรงค์ว่า “เมาไม่ขับ”

มีท่านหนึ่งในคณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภคบอกกับผมว่า ขณะนี้พอมีข่าวสูตรสำเร็จ ดารา-เมาแล้วขับ-โดนจับ-บำเพ็ญประโยชน์ ลงในหน้าหนังสือพิมพ์อยู่สม่ำเสมอและบ่อยครั้ง จนกลายเป็น “ภาพ” ที่สาธารณชนรับรู้โดยทั่วกันในกรณี “โทษ” ของ “เมาแล้วขับ”

เดี๋ยวนี้ไม่ว่าเด็กวัยรุ่นหรือคอสุรารุ่นใหญ่ต่างไม่ค่อยจะเกรงกฎหมายบทลงโทษ “เมาแล้วขับ” กันสักเท่าไร เพราะมีภาพของ “ดารา-เมาแล้วขับ-โดนจับ-บำเพ็ญประโยชน์” ให้เห็น โดยคิดกันว่า “เมาแล้วขับโดนจับไม่น่ากลัวหรอก ก็แค่บำเพ็ญประโยชน์ไม่กี่ชั่วโมงเอง” จากนั้น ดาราก็ไปบำเพ็ญประโยชน์และก็มีภาพข่าวให้เห็นถือเป็นการตอกย้ำอีกรอบ

ด้วยการนี้เอง จึงทำให้ความตั้งใจดีของกฎหมายที่จะให้โอกาสกับผู้กระทำผิด กลายเป็นภาพที่ความแข็งแรงของกฎหมายนั้นดูอ่อนลงไปโดยไม่ได้ตั้งใจ


ในขณะที่ข้อมูลอุบัติภัยที่ก่อให้เกิดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินที่เกิดจากสาเหตุ “เมาแล้วขับ” ก็มีตัวเลขทางสถิติที่เพิ่มมากขึ้นทุกวันๆ

ใจจริงแล้ว ผมอยากให้เห็นภาพของ “เมาแล้วขับ โดนจับ ติดคุก” กลายเป็นภาพที่คุ้นเคยต่อสายตาสาธารณชนคนไทยมากกว่า
กำลังโหลดความคิดเห็น