"พล.อ.สนธิ"เป็นประธานงาน "วันสถาปนาไทยอาสาป้องกันชาติ" ที่โคราช ท่ามกลางกลุ่มมวลชนภาคอีสานเข้าร่วมแสดงพลังไทยรู้รักสามัคคีกว่า 2.5 หมื่นคน ย้ำให้คนไทยรำลึกถึงวีรกรรมการกอบกู้ชาติของบรรพชนที่เสียสละเลือดเนื้อชีวิตรักษาชาติและความเป็นไทยจวบจนปัจจุบัน ยก"ย่าโม"เป็นวีรชนคนกล้าที่ควรเอาเยี่ยงอย่างในการรัก-หวงแหนแผ่นดิน พร้อมให้น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในหลวงมาใช้พัฒนาประเทศและเป็นพลเมืองดีของชาติสืบต่อไป เผยเดินหน้าแนวคิดตั้งรองผู้ว่าฯ ฝ่ายความมั่นคงชี้จำเป็นและส่วนใหญ่เห็นด้วย ย้ำไม่เป็นการตรวจสอบผู้ว่าฯ แต่เป็นลูกน้องช่วยผู้ว่าฯ ทำงาน
เมื่อเวลา 14.20 น.วานนี้ (4 มี.ค.)ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) ถ.ราชดำเนิน อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)ในฐานะ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (ผอ.กอ.รมน.) ได้เดินทางมาเป็นประธานประกอบพิธีเนื่องในวันสถาปนาไทยอาสาป้องกันชาติ ประจำปี 2550 โดย มีพล.ท.สุเจตน์ วัฒนสุข แม่ทัพภาคที่ 2 และ ผอ.กอ.รมน.ภาค 2 พร้อมด้วย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3(ผบช.ภ.3) , ผบช.ภ. 4, ผู้ว่าราชการจังหวัด ทั้ง 19 จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,หัวหน้าส่วนราชการภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น,สมาชิกไทยอาสาป้องกันชาติ (ทสปช.)และพลังมวลชน ต่างๆ เข้าร่วมพิธีในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก
ภายหลังเดินทางถึง พล.อ.สนธิ ได้ทำพิธีวางพวงมาลาสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) พร้อมร่วมสดุดีวีรกรรมคุณย่าโม และการปฏิญานตนของสมาชิกไทยอาสาป้องกันชาติ (ทสปช.) ต่อหน้าอนุสารีย์ท้าวสุรนารี จากนั้น ได้เคลื่อนขบวนมาตามถนนราชดำเนิน ไปยังสนามกีฬากลางค่ายสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา เพื่อร่วมงาน รวมพลังมวลชน “รวมพลังไทย รู้รักสามัคคี” โดยมีกลุ่มมวลชนต่างๆ ประกอบด้วย สมาชิกทสปช.,สมาชิกหมู่บ้านอาสาพัฒนาและป้องกันตนเอง (อพป.) , สมาชิกองหนุนเพื่อความมั่นคงของชาติ (กนช.) ,ลูกเสือชาวบ้าน(ลส.ชบ.) ,ราษฎรอาสาสมัครพิทักษ์ป่า (รสทป.) ,อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อป.พร.) ,ผู้ประสานพลังแผ่นดินเพื่อเอาชนะยาเสพติด (ปพส.) ,หมู่บ้านชุมชนเข้มแข็ง (ชชข.) และ นักศึกษาวิชาทหาร (นศท.) พร้อมใจสวมเสื้อสีเหลืองและถือป้ายข้อความต่าง ๆ เช่น “รู้รักสามัคคี”,“สามัคคี คือพลังสร้างสันติสุข” “รักพ่อ เชื่อพ่อ พอเพียง” “สมานฉันท์ สร้างสรรค์ความดี” ,“รวมพลังไทย เทิดไทองค์ราชันย์” เข้าร่วมงานดังกล่าว กว่า 25,000 คน
ทั้งนี้เพื่อให้พี่น้องประชาชนคนไทยได้รำลึกในความรักชาติ และความรู้รัก สามัคคีที่จะเป็นพลังสำคัญในการแก้ไขปัญหาของชาติ โดยเมื่อ 181 ปีที่แล้วในวันนี้ (4 มี.ค.) เป็นวันที่บรรพบุรุษชาวไทยได้รวมพลังร่วมใจกันลุกขึ้นต่อสู้กับอริราชศัตรู นั่นคือ วีรกรรมของท่านท้าวสุรนารี หรือ คุณหญิงโม จนสามารถรักษาชาติบ้านเมืองไว้ให้ลูกหลานสืบต่อมาจนถึงปัจจุบันนี้
พร้อมกันนี้ พล.อ.สนธิ ได้มอบรางวัลเกียรติยศ เพื่อเป็นการบำรุงขวัญ เสริมสร้างกำลังใจ ยกย่องให้เป็นตัวอย่างที่ดีต่อประชาชนทั่วไปแก่สมาชิกกลุ่มพลังมวลชนดีเด่น 9 ประเภท และหน่วยทหารปฏิบัติงานดีเด่นตามยุทธศาสตร์ภัยคุกคามรูปแบบใหม่ พร้อมกล่าวให้โอวาทแก่สมาชิกกลุ่มพลังมวลชนและผู้ร่วมพิธี
พล.อ.สนธิ กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นวันสำคัญสำหรับสมาชิกกลุ่มพลังมวลชนผู้รักชาติ และพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน เป็นวันที่ย้ำเตือนให้ประชาชนทั้งหลายได้รำลึกถึงวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ของบรรพชน ที่ได้เสียสละ เลือดเนื้อและชีวิตในการรักษาชาติ รักษาความเป็นไทยมาจนทุกวันนี้ และเมื่อวันที่ 4 มี.ค.2439 คุณหญิงโม ได้รวมพลังคนไทยได้เข้าต่อสู้กับอริราชศัตรูจนแตกพ่ายไป แม้จะมีไพร่พล และอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ด้อยกว่า แต่ด้วยหัวใจที่กล้าแกร่ง มีอุดมการณ์อันแน่วแน่ ในความรัก หวงแหนแผ่นดินยิ่งชีวิตทำให้สามารถต่อสู้เอาชนะศัตรูที่มีกำลังมากกว่าได้ วีรกรรมในครั้งนั้นจึงเป็นอนุสรณ์เตือนใจให้คนไทยทุกคนได้ตระหนักในความรักและหวงแหนแผ่นดิน นับเป็นเยี่ยงอย่างต่อพี่น้องปวงชนชาวไทยทุกคนสมควรจดจำและยึดถือเป็นแบบอย่างสืบต่อไป
สมาชิกกลุ่มพลังมวลชน ล้วนก่อกำเนิดขึ้นจากจิตสำนึกของพี่น้องประชาชนชาวไทยที่มุ่งมั่นและสืบทอดความกล้าหาญความเสียสละเยี่ยงบรรพชน มีเจตนาอันแน่วแน่ที่จะอุทิศตนเข้าร่วมต่อสู้ช่วยเหลือและสนับสนุนทางราชการในทุก ๆ ด้าน อย่างเต็มความสามารถ เมื่อครั้งในอดีตที่คนในชาติเคยมีปัญหาความขัดแย้งทางความคิดและอุดมการณ์จนเกิดการต่อสู้ระหว่างคนไทยด้วยกันเอง เหล่าพี่น้องกลุ่มพลังมวลชนในประเทศได้ร่วมกันแก้ปัญหาวิกฤติดังกล่าวโดยใช้ความอะลุ้มอะล่วย ปรองดองและการรู้จักให้อภัยซึ่งกันและกันทำให้วิกฤติการณ์ของชาติในครั้งนั้นคลี่คลายลง บ้านเมืองเกิดความสงบร่มเย็นมาจนถึงทุกวันนี้
“ในฐานะ ผอ.กอ.รมน.ขอเทิดเกียรติและสดุดีวีรกรรมของพี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่าในฐานะผู้มีบุญคุณกับแผ่นดินไว้ในความทรงจำของคนในชาติตลอดไป ขอให้สมาชิกพลังมวลชนทั้งหลายจงได้รักษาความดีและภาระหน้าที่อันมีเกียรติดังเช่นบรรพบุรุษที่ได้ปฏิบัติมาและพัฒนาตนเองทางด้านกำลังกาย กำลังใจ ความรู้ความสามารถ และสติปัญญา ให้สามารถปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายทั้งในด้านการป้องกันรักษาประเทศชาติ ดำรงไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การต่อสู้กับภัยยาเสพติดที่คุกคามสังคมไทยอย่างรุนแรงในปัจจุบัน การรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมการมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศตามแนวทางพระราชดำริ เศรษฐกิจพอเพียง ตลอดจนการปฏิบัติตนเป็นพลเมืองที่ดีของชาติสืบไป” พล.อ.สนธิ กล่าว
ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีการ พล.อ.สนธิ ได้เดินทักทายกับกลุ่มพลังมวลชนที่มาร่วมงานอย่างเป็นกันเอง พร้อมเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า วันนี้รู้สึกดีใจที่เห็นประชาชนมาร่วมงานจำนวนมาก เพราะประชาชนเป็นกำลังสำคัญของประเทศ อยากให้ประชาชนรู้รักสามัคคีกัน และทาง กอ.รมน.จะมีงานเข้าไปทำร่วมกับประชาชนอีกจำนวนมาก ถ้าจะมีอะไรก็ให้ทางกองทัพภาคแต่ละภาคมีโอกาสเข้าไปช่วยประชาชน
ส่วนสถานการณ์ทางภาคใต้นั้น พล.อ.สนธิ ตอบเพียงสั้น ๆ ว่า ใน ขณะนี้เราได้เปรียบอยู่แล้ว ขอให้ใจเย็น ๆ
ต่อคำถามถึงแนวคิดการแต่ตั้งรองผู้ว่าราชการจังหวัดฝ่ายความมั่นคงและมีหลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์เกรงว่าจะเป็นการสืบทอดอำนาจของทหาร นั้น พล.อ.สนธิ กล่าวว่า จริง ๆ แล้วส่วนใหญ่มีคนเห็นด้วย เพราะเราไม่ได้ไปยุ่งกับการบริหารงานของทางผู้ว่าราชการจังหวัด แต่ให้เป็นที่ปรึกษาของผู้ว่าฯ ในการปฏิบัติงานของหน่วยงานทางทหารกับหน่วยทหารในพื้นที่ เกี่ยวกับความมั่นคง เพราะภัยคุกคามมีหลายรูปแบบ จะได้ช่วยกันทำงาน ยืนยันที่จะเดินหน้าเรื่องนี้ต่อไปเนื่องจากเป็นงานของการรักษาความมั่นคงภายใน ไม่มีอะไรแอบแฝง และไม่ได้ทำเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แต่จะดำเนินการโดยทั่วไปทุกจังหวัด
“ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้นต้องว่าอีกที และการตั้งรองผู้ว่าฯ ฝ่ายความมั่นคงไม่ได้เป็นการเข้าจับผิดผู้ว่าแต่อย่างใด เพราะไปช่วยผู้ว่าฯทำงานเป็นลูกน้องผู้ว่าฯ อยู่แล้ว” พล.อ.สนธิ กล่าว
เมื่อเวลา 14.20 น.วานนี้ (4 มี.ค.)ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) ถ.ราชดำเนิน อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)ในฐานะ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (ผอ.กอ.รมน.) ได้เดินทางมาเป็นประธานประกอบพิธีเนื่องในวันสถาปนาไทยอาสาป้องกันชาติ ประจำปี 2550 โดย มีพล.ท.สุเจตน์ วัฒนสุข แม่ทัพภาคที่ 2 และ ผอ.กอ.รมน.ภาค 2 พร้อมด้วย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3(ผบช.ภ.3) , ผบช.ภ. 4, ผู้ว่าราชการจังหวัด ทั้ง 19 จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,หัวหน้าส่วนราชการภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น,สมาชิกไทยอาสาป้องกันชาติ (ทสปช.)และพลังมวลชน ต่างๆ เข้าร่วมพิธีในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก
ภายหลังเดินทางถึง พล.อ.สนธิ ได้ทำพิธีวางพวงมาลาสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) พร้อมร่วมสดุดีวีรกรรมคุณย่าโม และการปฏิญานตนของสมาชิกไทยอาสาป้องกันชาติ (ทสปช.) ต่อหน้าอนุสารีย์ท้าวสุรนารี จากนั้น ได้เคลื่อนขบวนมาตามถนนราชดำเนิน ไปยังสนามกีฬากลางค่ายสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา เพื่อร่วมงาน รวมพลังมวลชน “รวมพลังไทย รู้รักสามัคคี” โดยมีกลุ่มมวลชนต่างๆ ประกอบด้วย สมาชิกทสปช.,สมาชิกหมู่บ้านอาสาพัฒนาและป้องกันตนเอง (อพป.) , สมาชิกองหนุนเพื่อความมั่นคงของชาติ (กนช.) ,ลูกเสือชาวบ้าน(ลส.ชบ.) ,ราษฎรอาสาสมัครพิทักษ์ป่า (รสทป.) ,อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อป.พร.) ,ผู้ประสานพลังแผ่นดินเพื่อเอาชนะยาเสพติด (ปพส.) ,หมู่บ้านชุมชนเข้มแข็ง (ชชข.) และ นักศึกษาวิชาทหาร (นศท.) พร้อมใจสวมเสื้อสีเหลืองและถือป้ายข้อความต่าง ๆ เช่น “รู้รักสามัคคี”,“สามัคคี คือพลังสร้างสันติสุข” “รักพ่อ เชื่อพ่อ พอเพียง” “สมานฉันท์ สร้างสรรค์ความดี” ,“รวมพลังไทย เทิดไทองค์ราชันย์” เข้าร่วมงานดังกล่าว กว่า 25,000 คน
ทั้งนี้เพื่อให้พี่น้องประชาชนคนไทยได้รำลึกในความรักชาติ และความรู้รัก สามัคคีที่จะเป็นพลังสำคัญในการแก้ไขปัญหาของชาติ โดยเมื่อ 181 ปีที่แล้วในวันนี้ (4 มี.ค.) เป็นวันที่บรรพบุรุษชาวไทยได้รวมพลังร่วมใจกันลุกขึ้นต่อสู้กับอริราชศัตรู นั่นคือ วีรกรรมของท่านท้าวสุรนารี หรือ คุณหญิงโม จนสามารถรักษาชาติบ้านเมืองไว้ให้ลูกหลานสืบต่อมาจนถึงปัจจุบันนี้
พร้อมกันนี้ พล.อ.สนธิ ได้มอบรางวัลเกียรติยศ เพื่อเป็นการบำรุงขวัญ เสริมสร้างกำลังใจ ยกย่องให้เป็นตัวอย่างที่ดีต่อประชาชนทั่วไปแก่สมาชิกกลุ่มพลังมวลชนดีเด่น 9 ประเภท และหน่วยทหารปฏิบัติงานดีเด่นตามยุทธศาสตร์ภัยคุกคามรูปแบบใหม่ พร้อมกล่าวให้โอวาทแก่สมาชิกกลุ่มพลังมวลชนและผู้ร่วมพิธี
พล.อ.สนธิ กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นวันสำคัญสำหรับสมาชิกกลุ่มพลังมวลชนผู้รักชาติ และพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน เป็นวันที่ย้ำเตือนให้ประชาชนทั้งหลายได้รำลึกถึงวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ของบรรพชน ที่ได้เสียสละ เลือดเนื้อและชีวิตในการรักษาชาติ รักษาความเป็นไทยมาจนทุกวันนี้ และเมื่อวันที่ 4 มี.ค.2439 คุณหญิงโม ได้รวมพลังคนไทยได้เข้าต่อสู้กับอริราชศัตรูจนแตกพ่ายไป แม้จะมีไพร่พล และอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ด้อยกว่า แต่ด้วยหัวใจที่กล้าแกร่ง มีอุดมการณ์อันแน่วแน่ ในความรัก หวงแหนแผ่นดินยิ่งชีวิตทำให้สามารถต่อสู้เอาชนะศัตรูที่มีกำลังมากกว่าได้ วีรกรรมในครั้งนั้นจึงเป็นอนุสรณ์เตือนใจให้คนไทยทุกคนได้ตระหนักในความรักและหวงแหนแผ่นดิน นับเป็นเยี่ยงอย่างต่อพี่น้องปวงชนชาวไทยทุกคนสมควรจดจำและยึดถือเป็นแบบอย่างสืบต่อไป
สมาชิกกลุ่มพลังมวลชน ล้วนก่อกำเนิดขึ้นจากจิตสำนึกของพี่น้องประชาชนชาวไทยที่มุ่งมั่นและสืบทอดความกล้าหาญความเสียสละเยี่ยงบรรพชน มีเจตนาอันแน่วแน่ที่จะอุทิศตนเข้าร่วมต่อสู้ช่วยเหลือและสนับสนุนทางราชการในทุก ๆ ด้าน อย่างเต็มความสามารถ เมื่อครั้งในอดีตที่คนในชาติเคยมีปัญหาความขัดแย้งทางความคิดและอุดมการณ์จนเกิดการต่อสู้ระหว่างคนไทยด้วยกันเอง เหล่าพี่น้องกลุ่มพลังมวลชนในประเทศได้ร่วมกันแก้ปัญหาวิกฤติดังกล่าวโดยใช้ความอะลุ้มอะล่วย ปรองดองและการรู้จักให้อภัยซึ่งกันและกันทำให้วิกฤติการณ์ของชาติในครั้งนั้นคลี่คลายลง บ้านเมืองเกิดความสงบร่มเย็นมาจนถึงทุกวันนี้
“ในฐานะ ผอ.กอ.รมน.ขอเทิดเกียรติและสดุดีวีรกรรมของพี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่าในฐานะผู้มีบุญคุณกับแผ่นดินไว้ในความทรงจำของคนในชาติตลอดไป ขอให้สมาชิกพลังมวลชนทั้งหลายจงได้รักษาความดีและภาระหน้าที่อันมีเกียรติดังเช่นบรรพบุรุษที่ได้ปฏิบัติมาและพัฒนาตนเองทางด้านกำลังกาย กำลังใจ ความรู้ความสามารถ และสติปัญญา ให้สามารถปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายทั้งในด้านการป้องกันรักษาประเทศชาติ ดำรงไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การต่อสู้กับภัยยาเสพติดที่คุกคามสังคมไทยอย่างรุนแรงในปัจจุบัน การรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมการมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศตามแนวทางพระราชดำริ เศรษฐกิจพอเพียง ตลอดจนการปฏิบัติตนเป็นพลเมืองที่ดีของชาติสืบไป” พล.อ.สนธิ กล่าว
ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีการ พล.อ.สนธิ ได้เดินทักทายกับกลุ่มพลังมวลชนที่มาร่วมงานอย่างเป็นกันเอง พร้อมเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า วันนี้รู้สึกดีใจที่เห็นประชาชนมาร่วมงานจำนวนมาก เพราะประชาชนเป็นกำลังสำคัญของประเทศ อยากให้ประชาชนรู้รักสามัคคีกัน และทาง กอ.รมน.จะมีงานเข้าไปทำร่วมกับประชาชนอีกจำนวนมาก ถ้าจะมีอะไรก็ให้ทางกองทัพภาคแต่ละภาคมีโอกาสเข้าไปช่วยประชาชน
ส่วนสถานการณ์ทางภาคใต้นั้น พล.อ.สนธิ ตอบเพียงสั้น ๆ ว่า ใน ขณะนี้เราได้เปรียบอยู่แล้ว ขอให้ใจเย็น ๆ
ต่อคำถามถึงแนวคิดการแต่ตั้งรองผู้ว่าราชการจังหวัดฝ่ายความมั่นคงและมีหลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์เกรงว่าจะเป็นการสืบทอดอำนาจของทหาร นั้น พล.อ.สนธิ กล่าวว่า จริง ๆ แล้วส่วนใหญ่มีคนเห็นด้วย เพราะเราไม่ได้ไปยุ่งกับการบริหารงานของทางผู้ว่าราชการจังหวัด แต่ให้เป็นที่ปรึกษาของผู้ว่าฯ ในการปฏิบัติงานของหน่วยงานทางทหารกับหน่วยทหารในพื้นที่ เกี่ยวกับความมั่นคง เพราะภัยคุกคามมีหลายรูปแบบ จะได้ช่วยกันทำงาน ยืนยันที่จะเดินหน้าเรื่องนี้ต่อไปเนื่องจากเป็นงานของการรักษาความมั่นคงภายใน ไม่มีอะไรแอบแฝง และไม่ได้ทำเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แต่จะดำเนินการโดยทั่วไปทุกจังหวัด
“ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้นต้องว่าอีกที และการตั้งรองผู้ว่าฯ ฝ่ายความมั่นคงไม่ได้เป็นการเข้าจับผิดผู้ว่าแต่อย่างใด เพราะไปช่วยผู้ว่าฯทำงานเป็นลูกน้องผู้ว่าฯ อยู่แล้ว” พล.อ.สนธิ กล่าว