xs
xsm
sm
md
lg

ย้ายที่รักษา"หมอเผ่า" ตรวจใหม่ - ห้ามเยี่ยม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศาลสั่ง ร.พ.ศรีธัญญาย้าย"หมอประกิตเผ่า"ไปรักษาที่สถาบันกัลยาฯ เริ่มต้นตรวจอาการใหม่ เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง มีภาวะทางจิตหรือไม่ หลังเดินเผชิญสืบ เชื่อป่วยจริง แต่ยังไม่ชัด โดยนัดพร้อมอีกครั้ง 9 มี.ค.นี้ ขณะที่แม่-พี่ชาย ห่วงการรักษาอาจไม่ต่อเนื่อง

วานนี้(2 มี.ค.)ที่ห้องพิจารณาคดี 704 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เวลา 09.00 น. นายวิชัย ช้างหัวหน้า รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา พร้อมองค์คณะออกนั่งบัลลังก์เพื่อไต่สวนคำร้องของ พ.ต.ท.ฐิติเดช อินทรแป้น พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ร้องขอให้ปล่อยตัวนพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ อาจารย์และผู้บริหารสถาบันกวดวิชาแอพพลายด์ ฟิสิกส์ หลังจากน.ส.เปมิกา วีรชัชรักษิต อายุ 24 ปี เพื่อนสาวคนสนิทของนพ.ประกิตเผ่า เข้าร้องทุกข์ว่า นพ.ประกิตเผ่า ถูกญาติส่งตัวเข้าไปรักษาที่รพ.ศรีธัญญา ทั้งที่ไม่ได้มีอาการผิดปกติทางจิตแต่อย่างใด

โดยพ.ต.ท.ฐิติเดช ผู้ร้อง,นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ผอ.รพ.ศรีธัญญา ,นพ.ไพฑูรย์ สมุทรสินธุ์ แพทย์เจ้าของไข้ ,ร.ศ.เพลินจิต ,นพ.ประกิตพันธ์ และนางอลิสา ทมทิตชงค์ มารดา พี่ชาย และภรรยานพ.ประกิตเผ่า เดินทางมาศาล

ก่อนเริ่มการพิจารณา นพ.เกียรติภูมิ ได้แถลงต่อศาลว่าหลังจากที่ได้รับหมายเรียกตน และ นพ.ประกิตเผ่า ผู้ป่วยมาไต่สวนข้อเท็จจริงต่อศาลอาญานั้น ตนจึงได้ให้คณะแพทย์เข้าตรวจสอบอาการ นพ.ประกิตเผ่า ว่าสามารถเดินทางมาศาลได้หรือไม่ แต่หลังจากที่คณะแพทย์ได้ตรวจสอบอาการแล้วยืนยันว่า ไม่สามารถส่งตัวผู้ป่วยมาศาลได้ เพราะยังมีอาการทางจิต อาจเป็นอันตรายต่อผู้อื่น ตนจึงส่งหนังสือแจ้งเรื่องดังกล่าวมายัง ผอ.สำนักงานประจำศาลอาญาแล้ว 2 ฉบับ ลงวันที่ 28 ก.พ.50 และ 1 มี.ค.50 จนกระทั่งก่อนเดินทางมาศาลก็ยังได้ให้แพทย์ตรวจอาการซ้ำ ซึ่งก็ยังพบว่าไม่ สามารถนำตัว นพ.ประกิตเผ่า มาไต่สวนที่ศาลอาญาได้

โดยศาลได้สอบถาม นพ.ไพฑูรย์ แพทย์เจ้าของไข้ เกี่ยวกับการตรวจรักษาผู้ป่วยว่ามีวิธีการอย่างไร ซึ่ง นพ.ไพฑูรย์ แถลงว่า เบื้องต้นได้ใช้วิธีพูดคุยกับคนไข้ก่อน ร่วมกับการซักประวัติจากญาติ และทำการตรวจทดสอบทางจิตวิทยาและห้องปฏิบัติการว่าการทำงานของเม็ดเลือดปกติหรือไม่ โดยได้รับตัว นพ.ประกิตเผ่า เป็นคนไข้ตั้งแต่วันที่ 19 ก.พ.50 ที่ผ่านมา

**เผชิญสืบ"หมอเผ่า"ที่ศรีธัญญา

จากนั้นศาลได้แจ้งว่า ศาลต้องการเห็นการรักษาคนไข้ของแพทย์ ศาลจะเดินเผชิญสืบประกอบการพิจารณา โดยขอความร่วมมือผู้อำนวยการโรงพยาบาลว่า อยากให้เป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลให้ทราบล่วงหน้า และไม่ต้องต้อนรับ แต่จะไปเดินดูและกลับมาไต่สวนอีกครั้งเฉพาะผู้เกี่ยวข้อง จากนั้นเวลา 10.10 น. นายวิชัย ช้างหัวหน้า รองอธิบดีฯ พร้อมคณะ ได้เดินทางไปที่ รพ.ศรีธัญญา

**แม่-พี่ชาย ค้านย้ายที่รักษา

หลังจากศาลได้ลงพื้นที่เพื่อเผชิญสืบ นพ.ประกิตเผ่า ต่อมาเวลา 13.45 น. ศาลออกนั่งบัลลังก์ โดยก่อนที่จะเริ่มการพิจารณาในช่วงบ่าย รศ.เพลินจิต มารดาของ นพ.ประกิตเผ่า แถลงต่อศาลว่า ก่อนจะมีการไต่สวนตนในฐานะแม่ขอมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ดูแลลูกที่ป่วย ขณะที่ นพ.ประกิตพันธ์ พี่ชาย แถลงว่าการที่ส่งตัว น้องชาย ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลศรีธัญญา เป็นการเหมาะสมแล้ว เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญและเก่าแก่ จึงไม่อยากให้มีการย้ายน้องชายไปรักษาที่อื่น เพราะถือเป็นการเริ่มต้นใหม่

**มุ่งประเด็มคุมตัวชอบด้วย กม.หรือไม่

หลังแถลงเสร็จ ศาลได้ชี้แจงว่า ศาลจะวินิจนัยในประเด็นปัญหา และทำหน้าที่พิสูจน์ความจริงว่าการที่ นพ.ประกิตเผ่า ถูกควบคุมตัวชอบด้วยกฎหมายหรือไม่เท่านั้น ส่วนเรื่องการรักษาไม่ใช่ประเด็นการพิจารณา โดยศาลจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย พร้อมกันนี้ นพ.ประกิตเผ่า ก็ต้องได้รับการคุ้มครองตามสิทธิของกฎหมายทุกประการ

ดังนั้นศาลยังไม่ไต่สวน เนื่องจากกรณีนี้ เป็นประเด็นที่ต้องพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบและต้องใช้หลักการทางการแพทย์ร่วมประกอบด้วย โดยศาลแจ้งว่าจากการได้พบกับ นพ.ประกิตเผ่า ร่วมกับพนักงานสอบสวน ผอ.โรงพยาบาล และแพทย์เจ้าของไข้ เท่าที่ศาลสังเกตุผู้ป่วย พบว่านอนอยู่บนเตียง และพยายามลุกขึ้นพูดคุย ในขณะที่กำลังสะลึมละลือ แต่สุขภาพร่างกายของผู้ป่วยแข็งแรงดี โดยผู้ป่วยได้บอกกับศาลว่า เป็นห่วง น.ส.เปมิกา และบุตรชายทั้ง 2 คน โดยบอกว่าอยากจะหย่ากับภรรยา และห่วงว่าน.ส.เปมิกา จะถูกประทุษร้าย รวมทั้งบอกว่า ตนมีเครื่องรางของขลังระลึกชาติได้ ส่วน น.ส.เปมิกา ไม่มี และตลอดเวลา 10 วันที่ถูกควบคุมตัว ไม่มีใครมาเยี่ยมเลย

**เชื่อภาวะทางจิตไม่ปกติ

อย่างไรก็ตาม ศาลเห็นว่าจากสุขภาพร่างกายภายนอก แม้ นพ.ประกิตเผ่า จะแข็งแรงสมบูรณ์ดี แต่จากการพูดคุยเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน สะลืมสะลือ จึงไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะฤทธิ์ยาหรือไม่ ส่วนประเด็นที่เป็นกระแสข่าวว่ามีการใช้ยาทำให้ผู้ป่วยมีภาวะทางจิต นพ.ไพฑูรย์ ยืนยันว่า ไม่มียาตัวไหนที่ฉีดเข้าไปแล้วทำให้คนไข้ที่ไม่มีภาวะทางจิต กลายเป็นคนที่มีภาวะทางจิตได้ ศาลจึงเห็นด้วยว่า นพ.ประกิตเผ่า มีภาวะทางจิตไม่ปกติ

ดังนั้น การวินิจฉัยว่าผู้ป่วยมีอาการทางจิตจึงมีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยว่า ผู้ป่วยโรคจิตทุกรายไม่จำเป็นที่ต้องถูกควบคุมตัว หรืออาจใช้การรักษาทางด้านการดูแลอย่างใกล้ชิดจากญาติพี่น้องหรือครอบครัวได้หรือไม่ ศาลถามว่าผู้ป่วยรายนี้ถ้าฉีดยารักษาอาการจะหายดีเมื่อใด แพทย์เจ้าของไข้ตอบว่า คาดว่าประมาณ 1 เดือน น่าจะดีขึ้น

**ส่งไปรักษาสถาบันกัลยาราชนครินทร์

โดยกระบวนการพิจาณณา ศาลจึงเห็นว่าคดีนี้เป็นที่สนใจของประชาชน ซึ่งผลของคดีอาจจะกระทบสถาบัน รพ.ศรีธัญญา และพนักงานสอบสวนได้ การเข้าเผชิญสืบจึงยังไม่เพียงพอ ดังนั้นเพื่อให้ข้อเท็จจริงกระจ่าง ศาลจึงเห็นควรให้ส่งตัว นพ.ประกิตเผ่า เข้ารับการรักษาตัวที่ สถาบันกัลยาราชนครินทร์ โดยเร็วที่สุด พร้อมทั้งให้ รพ.ศรีธัญญา ส่งประวัติการรักษาผู้ป่วยรายนี้อย่างละเอียดครบถ้วน ตั้งแต่วันที่เข้ารับการรักษาตัวเมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยศาลจะมีหนังสือถึงสถาบันกัลยาฯ ให้ทำการตรวจอาการภาวะทางจิตใหม่อย่างละเอียด พร้อมทั้งให้ตรวจทางแล็บห้องปฏิบัติการอย่างละเอียด เพื่อหาสารทุกชนิดในร่างกายของผู้ป่วย แล้วให้รายงานต่อศาล เพื่อความกระจ่างต่อคดี โดยศาลนัดพร้อมอีกครั้ง เพื่อทราบรายงานผลการตรวจรักษาผู้ป่วย วันที่ 9 มี.ค.50

**ศาลสั่งห้ามทุกฝ่ายเยี่ยม

อย่างไรก็ตาม ภายหลังศาลอ่านกระบวนพิจารณาคดีเสร็จสิ้น นพ.ประกิตพันธ์ พี่ชาย ได้แถลงขอต่อศาลว่า เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการรักษา ขอให้ศาลห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าเยี่ยมผู้ป่วย เพราะอาจมีผลต่ออาการของผู้ป่วยซึ่งกำลังจะดีขึ้นได้ แต่ศาลแจ้งว่าเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของแพทย์ที่จะลงความเห็นว่าจะให้เยี่ยมผู้ป่วยได้หรือไม่ แต่เพื่อให้การตรวจรักษาเป็นที่กระจ่างเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง ศาลจึงมีคำสั่งห้ามบุคคลที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้ร้อง ผู้ถูกร้อง ตลอดจนแพทย์เจ้าของไข้เดิม และผอ.รพ.ศรีธัญญา และบุคคลอื่นเข้าเยี่ยมผู้ป่วยรายนี้

ร.ศ.เพลินจิต กล่าวว่า รู้สึกสบายใจขึ้นมาก ที่ศาลไม่ด่วนสรุปอะไร ให้ฝ่ายใด โดยจะมีการพิสูจน์ความจริง อย่างไรก็ตามตนห่วงเรื่องที่จะย้ายที่รักษาลูกชาย เพราะอาจมีผลต่อการรักษาต่อเนื่องซึ่งขณะนี้อาการของลูกชายเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ แล้ว และการย้ายไปรักษาที่สถาบันกัลยาฯ นั้นก็ไกลบ้าน ไปเยี่ยมลำบาก แต่ตนก็มั่นใจในผลการตรวจรักษาของสถาบันแห่งใหม่ว่าจะไม่พลิกผัน และตรงกับรพ.ศรีธัญญาแน่นอน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมตลอด 10 วัน ที่นำบุตรชายไปรักษาตัว จึงไม่เข้าเยี่ยมผู้ป่วยเลย ร.ศ.เพลินจิต กล่าวยืนยันว่า ตนไปเยี่ยมลูกตลอด แพทย์ที่นั่นก็ย่อมรู้ดี แต่ลูกชายตนเป็นผู้ป่วยมีภาวะทางจิต ซึ่งนั่นเป็นเพียงคำพูดของผู้ป่วยเท่านั้น

ด้าน น.ส.เปมิกา กล่าวว่า ยอมรับในคำพิจารณาของศาล ที่จะให้ย้ายไปอยู่ในความดูแลของสถาบันที่เป็นกลาง รู้สึกสบายใจที่ขณะนี้ มีคนกลางมาตัดสิน ขอยืนยันว่า การต่อสู้ครั้งนี้ ต้องหารให้นพ.ประกิตเผ่า มีอิสระ และสติออกมาพูดให้ข้อเท็จจริงต่อสังคมด้วยตนเอง

**ยันศรีธัญญาทำหน้าที่ถูกต้อง

นพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ได้กล่าวแสดงความคิดเห็นในฐานะผู้บริหารสูงสุดของทั้งสองหน่วยงานคือ รพ.ศรีธัญญา และสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ว่า เมื่อศาลมีคำสั่งมาทางรพ.ศรีธัญญา ก็ต้องดำเนินการตามคำวินิจฉัยโดยย้ายนพ.ประกิตเผ่า ไปยังสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า การทำหน้าที่ของทางผู้อำนวยการ รพ.ศรีธัญญา รวมทั้งแพทย์เจ้าของไข้เป็นไปอย่างถูกต้องตามขั้นตอนของการรักษาทุกประการ เพราะเมื่อมีผู้ป่วยหรือคนไข้รายใดเข้ามาขอรับการรักษาในโรงพยาบาลก็ต้องทำหน้าที่อย่างดีที่สุดเหมือนดังเช่นคนไข้คนอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม เมื่อศาลได้มีคำสั่งให้ย้าย นพ.ประกิตเผ่าไปที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ซึ่งเป็นหน่วยงานของกรมสุขภาพจิตเช่นกัน ตนเองก็ได้กำชับให้ดำเนินการดูแลรักษาให้ดีที่สุดและเร็วที่สุด เนื่องจากเรื่องนี้เป็นที่สนใจของสังคมและศาลเองก็ต้องการพิสูจน์ความจริงเพื่อให้เรื่องจบโดยเร็ว
กำลังโหลดความคิดเห็น