หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ฉบับวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2550 ได้ลงรายงานข่าวเกี่ยวกับการค้นพบใหม่ที่นับได้ว่าเป็นข่าวดีและเป็นข่าวที่ยิ่งใหญ่ของมวลมนุษย์ โดยเฉพาะบรรดาผู้ที่เป็นโรคเอดส์ หรือกลัวว่าจะเป็นโรคเอดส์
จึงต้องนำเรื่องนี้มาขยายความบอกกล่าวให้แก่เพื่อนมนุษย์ได้รับรู้รับทราบโดยทั่วกัน เพราะในยามนี้มีแต่เรื่องอึดอัดขัดใจทำให้ผู้คนมีความเครียด หากได้นำเรื่องดี ๆ ที่จะเป็นประโยชน์แก่มวลมนุษย์มาบอกกล่าวกันบ้างก็ย่อมเห็นเป็นประโยชน์
อันโรคเอดส์นั้นเป็นมหันตภัยที่ร้ายแรงของมวลมนุษย์ในยุคปัจจุบันนี้ เพราะใครติดเชื้อเอดส์แล้วโอกาสที่จะตายมีมากกว่าโอกาสที่จะรอด ทั้งใครเป็นเอดส์ก็เหมือนกับตกนรกทั้งเป็น เพราะผู้คนชิงชังรังเกียจ แม้ญาติพี่น้องก็ไม่อยากเข้าใกล้
คล้าย ๆ กับคน ๆ นั้นที่ในวันนี้ไม่มีใครอยากเข้าใกล้หรือคบหาด้วย เพราะฮึกเหิมคะนองไปเปิดยุทธการชนฟ้า ประดุจดั่งอึ่งอ่างแข่งพองลมสู้กับวัวฉะนั้น
ความจริงโรคเอดส์เป็นโรคใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ปีมานี้ เกิดขึ้นแต่ความอุตริของมนุษย์เราเองที่ริอ่านไปเสพสันถวะกับลิง จึงทำให้เกิดการผสมของยีนส์เป็นยีนส์ชนิดใหม่ขึ้น คือกลายเป็นเชื้อไวรัสที่เรียกว่า HIV หรือเชื้อเอดส์
การผสมยีนส์ของสิ่งจำพวกเดียวกันเป็นความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ชีวภาพ และทำกันมาเป็นเวลาพอสมควรแล้ว ปัจจุบันนี้ก็ยังทำกันอยู่ เพราะทำให้ได้ผลมากและเป็นประโยชน์มาก
พืชพันธุ์จำนวนมากในยุคใหม่นี้เป็นผลิตผลของการผสมยีนส์ที่ตัดเอาข้อด้อยออกไป เสริมข้อดีเข้ามา จึงทำให้ผลิตได้มาก มีคุณภาพดี มีราคาสูง เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งเป็นหนทางทำมาหาได้ของนักวิจัยและนักค้นคว้า ทำให้เกิดการพัฒนาทางเทคโนโลยีชีวภาพอย่างขนานใหญ่ในโลก
การผสมยีนส์ระหว่างพืชด้วยกันหรือระหว่างสัตว์ด้วยกันย่อมเกิดผลดีในลักษณะที่ว่านี้ แต่ผลดีไหนเลยจะมีเพียงด้านเดียวได้ ย่อมมีผลร้ายตามมาบ้างเป็นธรรมดา อันเป็นกฎพัฒนาของสรรพสิ่ง ขอเพียงด้านดีมีมากกว่าด้านร้ายและด้านร้ายก็ไม่ร้ายแรงนัก หรือสามารถบรรเทาผลร้ายได้ก็พอแล้ว
แต่ว่าความฉลาดของมนุษย์นั้นก็ทำร้ายมนุษย์ด้วยกันเอง เพราะไปอุตริผสมยีนส์ข้ามเผ่าพันธุ์ ซึ่งด้านดีก็มีอยู่แต่ด้านร้ายก็มากขึ้น เพราะเมื่อเป็นการผสมข้ามเผ่าพันธุ์แล้วยีนส์ใหม่ก็จะมีคุณสมบัติพิเศษประการหนึ่ง คือสามารถแปลงร่างหรือเปลี่ยนโครงสร้างของตนเองกลายเป็นชนิดใหม่ จนไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะกลายเป็นอะไรต่อไป
การเอายีนส์ของต้นถั่วมาผสมกับยีนส์ของแบคทีเรียบางชนิดที่แมลงไม่ชอบ ทำให้ต้นถั่วนั้นไม่ถูกแมลงกัดกิน ไม่ต้องใช้ยาฆ่าแมลง แต่เมื่อเอายีนส์ของต้นถั่วไปผสมกับยีนส์ของหิ่งห้อยก็ทำให้ต้นถั่วนั้นเรืองแสง มีความน่ากลัวและน่าตกใจ เพราะไม่รู้ว่าจะกลายเป็นอะไร
เนื่องจากในวันหนึ่งอาจจะพัฒนากลายเป็นต้นถั่วกินคนก็ได้ ดังนั้นประเทศจีนซึ่งค้นพบการผสมพันธุ์ดังกล่าวนี้จึงต้องควบคุมและกำลังตรวจสอบกันอยู่อย่างขะมักเขม้น
เคยมีผู้กล่าวไว้ว่าจินตนาการของสุนทรภู่เรื่องเงือกก็ดี เรื่องม้ามังกรก็ดี อาจมีความเป็นไปได้สักวันหนึ่ง เพราะเมื่อมีการผสมยีนส์ข้ามเผ่าพันธุ์มากเข้า เช่นยีนส์มนุษย์กับยีนส์ของปลา เมื่อผสมกันแล้วสักวันหนึ่งก็อาจกลายรูปแปลงร่างเป็นเงือกก็ได้
เชื้อ HIV หรือเชื้อเอดส์เป็นเชื้อไวรัสที่มีปฐมกำเนิดจากการผสมข้ามเผ่าพันธุ์ระหว่างยีนส์ของมนุษย์กับยีนส์ของลิง ดังนั้นเชื้อ HIV ซึ่งเป็นชื่อรวมจึงสามารถเปลี่ยนรูปกลายร่างอันเป็นคุณสมบัติของการผสมยีนส์ข้ามเผ่าพันธุ์
แต่เชื้อ HIV หรือเชื้อเอดส์นั้นเป็นโรคร้าย และยังไม่มีการคิดค้นยาขนานไหนมารักษาให้หายได้ เพราะว่ากว่าจะคิดยาออกมาได้สำเร็จ เชื้อ HIV ซึ่งแพร่หลายไปก็เปลี่ยนรูปแปรร่างไปแล้ว ยาที่คิดได้จึงไม่สามารถใช้รักษาคนไข้คนใหม่ได้ ในขณะที่คนไข้เดิมก็ตายไปแล้ว
นี่คือมูลฐานของการที่โรคเอดส์รักษาให้หายไม่ได้ หรือรักษาให้หายได้โดยยาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีผู้รักษาโรคเอดส์ให้หายได้ หรือบรรเทาโรคเอดส์ให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ เพราะปรากฏมีอยู่เหมือนกัน
ที่รักษาให้หายได้นั้นเพราะเป็นเรื่องฟลุ๊ก จับพลัดจับผลูไปได้ยาดีหรือยาผีบอกซึ่งบังเอิญสามารถกำจัดเชื้อ HIV ขณะนั้นได้ โรคเอดส์ก็จะหาย
แต่บางทีเชื้อ HIV ที่กลายพันธุ์มีโครงสร้างบางลักษณะที่ไม่ถึงกับเป็นอันตรายต่อชีวิต คงมีแต่อาการบางอย่างที่น่ารังเกียจ น่ารำคาญเท่านั้น คนที่ติดเชื้อลักษณะนี้จึงมีชีวิตยืดยาวต่อไปได้
เพราะเหตุที่อับจนต่อวิธีการรักษา ดังนั้นผู้ติดเชื้อจำนวนหนึ่งเมื่อหมดหนทางเข้าก็หันไปหายาที่มีมาแต่โบราณ และหนักเข้าก็ไปคว้าเอาโอสถวิเศษของพระพุทธเจ้าคือน้ำปัสสาวะ ซึ่งมากรายก็ใช้ได้ผลดี
แต่วันนี้ได้มีการค้นพบใหม่ขึ้นมาแล้ว เพราะผลการวิจัยของนักวิจัยอเมริกันได้วิจัยและค้นพบว่าเชื้อ HIV นั้นถึงแม้จะแปลงรูปกลายพันธุ์ไปเรื่อย ๆ ก็ตาม
ผลการวิจัยพบว่าที่ส่วนเล็กที่สุดของเชื้อ HIV ที่มีลักษณะคล้ายกับเดือยซึ่งเรียกเป็นภาษาฝรั่งว่า glycoprotein 120 หรือ (gp120) นั้นจะไม่เปลี่ยนสภาพตามไปด้วย คือมีลักษณะคงที่
เดือยที่ว่านี้จึงกลายเป็นเป้านิ่งและเป็นจุดเดียวที่จะโจมตีหรือทำลายเชื้อ HIV ได้
เมื่อพบเป้านิ่งอย่างนี้แล้ว นักวิจัยนี้ก็พบต่อไปว่ามีสารแอนตี้บอดี้ชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า B12 สามารถจดจำและพุ่งเข้าเกาะบริเวณเดือยหรือ gp120 ของเชื้อ HIV ได้ และเมื่อเกาะแล้วก็จะระงับฤทธิ์เดชของเชื้อ HIV ไม่ให้เป็นอันตรายได้ คือทำให้เชื้อ HIV ไม่สามารถทำลายเนื้อเยื้อหรือเซลล์อื่น ๆ หรือโมเลกุลอื่น ๆ ของร่างกายได้
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ได้ผลสรุปว่าสารแอนตี้บอดี้ B12 เป็นสารที่สามารถหยุดยั้งและทำลายไวรัสเอดส์หรือเชื้อ HIV ได้ ดังนี้มนุษย์ก็มีความหวังแล้ว
คงเหลือปัญหาว่าสารแอนตี้บอดี้ B12 ที่ว่านี้จะสังเคราะห์หรือหามาจากไหนจึงจะนำมาใช้ในการป้องกันหรือรักษาไวรัสเอดส์หรือเชื้อ HIV ได้
นักวิจัยดังกล่าวได้ค้นพบอีกว่าสารแอนตี้บอดี้ B12 นี้สามารถพบได้ในเลือดของคนที่มีร่างกายสามารถต้านทานเชื้อ HIV ได้เป็นเวลานาน จากนี้ไปก็จะเป็นการวิจัยเกี่ยวกับโครงสร้างของเลือดที่มีลักษณะดังกล่าวเพื่อนำไปสังเคราะห์เป็นสารแอนตี้บอดี้ B12
การวิจัยและสังเคราะห์ต้นแบบเสร็จเมื่อใด เมื่อนั้นก็จะเป็นรุ่งอรุณของการป้องกันรักษาไว้รัสเอดส์หรือเชื้อ HIV ซึ่งคงจะไม่ช้าไม่นานอีกเท่าใดแล้ว
ใครที่ยังไม่เป็นโรคเอดส์ก็ไม่ต้องกลัวโรคเอดส์จนเกินไป แต่ก็ต้องระวังไม่ให้เป็นโรคได้นั่นแหละจะเป็นการดีที่สุด
แต่ใครที่ติดเชื้อไวรัสเอดส์หรือเชื้อ HIV แล้วก็อย่าเพิ่งสิ้นหวัง ต้องสร้างความหวังไว้ในใจให้มั่นคงว่าชีวิตนี้ยังมีหวังอยู่ พยายามกินให้มาก ๆ หายใจให้สม่ำเสมอไว้ พักผ่อนให้มาก ๆ เข้าไว้ ดำรงรักษาชีวิตให้ยืดยาวที่สุด รอวันเวลาของความสำเร็จในการค้นพบดังกล่าว ซึ่งน่าจะไม่ช้านานเท่าใด
เชื้อ HIV หรือโรคเอดส์ชักจะไม่น่ากลัวเสียแล้ว แต่ที่น่ากลัวและน่าชิงชังรังเกียจโดยที่ไม่รู้จะรักษาเยียวยาอย่างไรก็คือโรคขี้อิจฉาของสื่อมวลชนบางคนบางพวกที่เห็นใครได้ดีมีโอกาสเป็นไม่ได้ ในขณะที่ตัวเองก็ไม่ยอมทำอะไรที่จะเป็นประโยชน์แก่บ้านเมือง โอ้! อนิจจา ช่างร้ายกว่าเชื้อเอดส์นะเนี่ย !
จึงต้องนำเรื่องนี้มาขยายความบอกกล่าวให้แก่เพื่อนมนุษย์ได้รับรู้รับทราบโดยทั่วกัน เพราะในยามนี้มีแต่เรื่องอึดอัดขัดใจทำให้ผู้คนมีความเครียด หากได้นำเรื่องดี ๆ ที่จะเป็นประโยชน์แก่มวลมนุษย์มาบอกกล่าวกันบ้างก็ย่อมเห็นเป็นประโยชน์
อันโรคเอดส์นั้นเป็นมหันตภัยที่ร้ายแรงของมวลมนุษย์ในยุคปัจจุบันนี้ เพราะใครติดเชื้อเอดส์แล้วโอกาสที่จะตายมีมากกว่าโอกาสที่จะรอด ทั้งใครเป็นเอดส์ก็เหมือนกับตกนรกทั้งเป็น เพราะผู้คนชิงชังรังเกียจ แม้ญาติพี่น้องก็ไม่อยากเข้าใกล้
คล้าย ๆ กับคน ๆ นั้นที่ในวันนี้ไม่มีใครอยากเข้าใกล้หรือคบหาด้วย เพราะฮึกเหิมคะนองไปเปิดยุทธการชนฟ้า ประดุจดั่งอึ่งอ่างแข่งพองลมสู้กับวัวฉะนั้น
ความจริงโรคเอดส์เป็นโรคใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ปีมานี้ เกิดขึ้นแต่ความอุตริของมนุษย์เราเองที่ริอ่านไปเสพสันถวะกับลิง จึงทำให้เกิดการผสมของยีนส์เป็นยีนส์ชนิดใหม่ขึ้น คือกลายเป็นเชื้อไวรัสที่เรียกว่า HIV หรือเชื้อเอดส์
การผสมยีนส์ของสิ่งจำพวกเดียวกันเป็นความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ชีวภาพ และทำกันมาเป็นเวลาพอสมควรแล้ว ปัจจุบันนี้ก็ยังทำกันอยู่ เพราะทำให้ได้ผลมากและเป็นประโยชน์มาก
พืชพันธุ์จำนวนมากในยุคใหม่นี้เป็นผลิตผลของการผสมยีนส์ที่ตัดเอาข้อด้อยออกไป เสริมข้อดีเข้ามา จึงทำให้ผลิตได้มาก มีคุณภาพดี มีราคาสูง เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งเป็นหนทางทำมาหาได้ของนักวิจัยและนักค้นคว้า ทำให้เกิดการพัฒนาทางเทคโนโลยีชีวภาพอย่างขนานใหญ่ในโลก
การผสมยีนส์ระหว่างพืชด้วยกันหรือระหว่างสัตว์ด้วยกันย่อมเกิดผลดีในลักษณะที่ว่านี้ แต่ผลดีไหนเลยจะมีเพียงด้านเดียวได้ ย่อมมีผลร้ายตามมาบ้างเป็นธรรมดา อันเป็นกฎพัฒนาของสรรพสิ่ง ขอเพียงด้านดีมีมากกว่าด้านร้ายและด้านร้ายก็ไม่ร้ายแรงนัก หรือสามารถบรรเทาผลร้ายได้ก็พอแล้ว
แต่ว่าความฉลาดของมนุษย์นั้นก็ทำร้ายมนุษย์ด้วยกันเอง เพราะไปอุตริผสมยีนส์ข้ามเผ่าพันธุ์ ซึ่งด้านดีก็มีอยู่แต่ด้านร้ายก็มากขึ้น เพราะเมื่อเป็นการผสมข้ามเผ่าพันธุ์แล้วยีนส์ใหม่ก็จะมีคุณสมบัติพิเศษประการหนึ่ง คือสามารถแปลงร่างหรือเปลี่ยนโครงสร้างของตนเองกลายเป็นชนิดใหม่ จนไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะกลายเป็นอะไรต่อไป
การเอายีนส์ของต้นถั่วมาผสมกับยีนส์ของแบคทีเรียบางชนิดที่แมลงไม่ชอบ ทำให้ต้นถั่วนั้นไม่ถูกแมลงกัดกิน ไม่ต้องใช้ยาฆ่าแมลง แต่เมื่อเอายีนส์ของต้นถั่วไปผสมกับยีนส์ของหิ่งห้อยก็ทำให้ต้นถั่วนั้นเรืองแสง มีความน่ากลัวและน่าตกใจ เพราะไม่รู้ว่าจะกลายเป็นอะไร
เนื่องจากในวันหนึ่งอาจจะพัฒนากลายเป็นต้นถั่วกินคนก็ได้ ดังนั้นประเทศจีนซึ่งค้นพบการผสมพันธุ์ดังกล่าวนี้จึงต้องควบคุมและกำลังตรวจสอบกันอยู่อย่างขะมักเขม้น
เคยมีผู้กล่าวไว้ว่าจินตนาการของสุนทรภู่เรื่องเงือกก็ดี เรื่องม้ามังกรก็ดี อาจมีความเป็นไปได้สักวันหนึ่ง เพราะเมื่อมีการผสมยีนส์ข้ามเผ่าพันธุ์มากเข้า เช่นยีนส์มนุษย์กับยีนส์ของปลา เมื่อผสมกันแล้วสักวันหนึ่งก็อาจกลายรูปแปลงร่างเป็นเงือกก็ได้
เชื้อ HIV หรือเชื้อเอดส์เป็นเชื้อไวรัสที่มีปฐมกำเนิดจากการผสมข้ามเผ่าพันธุ์ระหว่างยีนส์ของมนุษย์กับยีนส์ของลิง ดังนั้นเชื้อ HIV ซึ่งเป็นชื่อรวมจึงสามารถเปลี่ยนรูปกลายร่างอันเป็นคุณสมบัติของการผสมยีนส์ข้ามเผ่าพันธุ์
แต่เชื้อ HIV หรือเชื้อเอดส์นั้นเป็นโรคร้าย และยังไม่มีการคิดค้นยาขนานไหนมารักษาให้หายได้ เพราะว่ากว่าจะคิดยาออกมาได้สำเร็จ เชื้อ HIV ซึ่งแพร่หลายไปก็เปลี่ยนรูปแปรร่างไปแล้ว ยาที่คิดได้จึงไม่สามารถใช้รักษาคนไข้คนใหม่ได้ ในขณะที่คนไข้เดิมก็ตายไปแล้ว
นี่คือมูลฐานของการที่โรคเอดส์รักษาให้หายไม่ได้ หรือรักษาให้หายได้โดยยาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีผู้รักษาโรคเอดส์ให้หายได้ หรือบรรเทาโรคเอดส์ให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ เพราะปรากฏมีอยู่เหมือนกัน
ที่รักษาให้หายได้นั้นเพราะเป็นเรื่องฟลุ๊ก จับพลัดจับผลูไปได้ยาดีหรือยาผีบอกซึ่งบังเอิญสามารถกำจัดเชื้อ HIV ขณะนั้นได้ โรคเอดส์ก็จะหาย
แต่บางทีเชื้อ HIV ที่กลายพันธุ์มีโครงสร้างบางลักษณะที่ไม่ถึงกับเป็นอันตรายต่อชีวิต คงมีแต่อาการบางอย่างที่น่ารังเกียจ น่ารำคาญเท่านั้น คนที่ติดเชื้อลักษณะนี้จึงมีชีวิตยืดยาวต่อไปได้
เพราะเหตุที่อับจนต่อวิธีการรักษา ดังนั้นผู้ติดเชื้อจำนวนหนึ่งเมื่อหมดหนทางเข้าก็หันไปหายาที่มีมาแต่โบราณ และหนักเข้าก็ไปคว้าเอาโอสถวิเศษของพระพุทธเจ้าคือน้ำปัสสาวะ ซึ่งมากรายก็ใช้ได้ผลดี
แต่วันนี้ได้มีการค้นพบใหม่ขึ้นมาแล้ว เพราะผลการวิจัยของนักวิจัยอเมริกันได้วิจัยและค้นพบว่าเชื้อ HIV นั้นถึงแม้จะแปลงรูปกลายพันธุ์ไปเรื่อย ๆ ก็ตาม
ผลการวิจัยพบว่าที่ส่วนเล็กที่สุดของเชื้อ HIV ที่มีลักษณะคล้ายกับเดือยซึ่งเรียกเป็นภาษาฝรั่งว่า glycoprotein 120 หรือ (gp120) นั้นจะไม่เปลี่ยนสภาพตามไปด้วย คือมีลักษณะคงที่
เดือยที่ว่านี้จึงกลายเป็นเป้านิ่งและเป็นจุดเดียวที่จะโจมตีหรือทำลายเชื้อ HIV ได้
เมื่อพบเป้านิ่งอย่างนี้แล้ว นักวิจัยนี้ก็พบต่อไปว่ามีสารแอนตี้บอดี้ชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า B12 สามารถจดจำและพุ่งเข้าเกาะบริเวณเดือยหรือ gp120 ของเชื้อ HIV ได้ และเมื่อเกาะแล้วก็จะระงับฤทธิ์เดชของเชื้อ HIV ไม่ให้เป็นอันตรายได้ คือทำให้เชื้อ HIV ไม่สามารถทำลายเนื้อเยื้อหรือเซลล์อื่น ๆ หรือโมเลกุลอื่น ๆ ของร่างกายได้
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ได้ผลสรุปว่าสารแอนตี้บอดี้ B12 เป็นสารที่สามารถหยุดยั้งและทำลายไวรัสเอดส์หรือเชื้อ HIV ได้ ดังนี้มนุษย์ก็มีความหวังแล้ว
คงเหลือปัญหาว่าสารแอนตี้บอดี้ B12 ที่ว่านี้จะสังเคราะห์หรือหามาจากไหนจึงจะนำมาใช้ในการป้องกันหรือรักษาไวรัสเอดส์หรือเชื้อ HIV ได้
นักวิจัยดังกล่าวได้ค้นพบอีกว่าสารแอนตี้บอดี้ B12 นี้สามารถพบได้ในเลือดของคนที่มีร่างกายสามารถต้านทานเชื้อ HIV ได้เป็นเวลานาน จากนี้ไปก็จะเป็นการวิจัยเกี่ยวกับโครงสร้างของเลือดที่มีลักษณะดังกล่าวเพื่อนำไปสังเคราะห์เป็นสารแอนตี้บอดี้ B12
การวิจัยและสังเคราะห์ต้นแบบเสร็จเมื่อใด เมื่อนั้นก็จะเป็นรุ่งอรุณของการป้องกันรักษาไว้รัสเอดส์หรือเชื้อ HIV ซึ่งคงจะไม่ช้าไม่นานอีกเท่าใดแล้ว
ใครที่ยังไม่เป็นโรคเอดส์ก็ไม่ต้องกลัวโรคเอดส์จนเกินไป แต่ก็ต้องระวังไม่ให้เป็นโรคได้นั่นแหละจะเป็นการดีที่สุด
แต่ใครที่ติดเชื้อไวรัสเอดส์หรือเชื้อ HIV แล้วก็อย่าเพิ่งสิ้นหวัง ต้องสร้างความหวังไว้ในใจให้มั่นคงว่าชีวิตนี้ยังมีหวังอยู่ พยายามกินให้มาก ๆ หายใจให้สม่ำเสมอไว้ พักผ่อนให้มาก ๆ เข้าไว้ ดำรงรักษาชีวิตให้ยืดยาวที่สุด รอวันเวลาของความสำเร็จในการค้นพบดังกล่าว ซึ่งน่าจะไม่ช้านานเท่าใด
เชื้อ HIV หรือโรคเอดส์ชักจะไม่น่ากลัวเสียแล้ว แต่ที่น่ากลัวและน่าชิงชังรังเกียจโดยที่ไม่รู้จะรักษาเยียวยาอย่างไรก็คือโรคขี้อิจฉาของสื่อมวลชนบางคนบางพวกที่เห็นใครได้ดีมีโอกาสเป็นไม่ได้ ในขณะที่ตัวเองก็ไม่ยอมทำอะไรที่จะเป็นประโยชน์แก่บ้านเมือง โอ้! อนิจจา ช่างร้ายกว่าเชื้อเอดส์นะเนี่ย !