xs
xsm
sm
md
lg

เทมาเส็กเจ๊งหุ้นชินฯ 50%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เม็ดเงินลงทุน "เทมาเส็ก" ในหุ้น "ชินคอร์ป" มูลค่ากว่า 1.5 แสนล้านบาทหายวับ แค่ 13 เดือน สูญไปแล้วกว่า 7 หมื่นล้านบาท ขณะที่มาร์เกตแคปทั้งกลุ่ม รูดไปแล้วเกือบ 1.67 แสนล้านบาท หรือ 34.38% โดย ITV บาดแผลใหญ่สุดมาร์เกตแคปลดเหลือ 1.1 พันล้าน จาก 1.4 หมื่นล้าน ลดลงแล้วกว่า 92% ด้านนักวิเคราะห์ยังสับสนแนวทางทวงคืนสัมปทานดาวเทียม ระบุ เบื้องต้นต้องใช้เงินเกือบ 4 หมื่นล้าน ซื้อหุ้นชินคอร์ปคืน หาก "เทมาเส็ก" จะลดสัดส่วนการถือหุ้นเหลือ 49% แต่เทมาเส็กต้องแบกภาระขาดทุนหุ้นละ 23 บาท หรือ 46.70% คิดเป็นมูลค่า 3.5 หมื่นล้าน

กระแสการต่อต้านการเข้ามายึดธุรกิจสัมปทานดาวเทียมของกองทุนเทมาเส็ก จากประเทศสิงคโปร์ จากการครอบครองหุ้นในบริษัท ชินแซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SATTEL ซึ่งเป็นผู้ได้รับสัมปทานจากรัฐบาล และบริษัทย่อยของบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SHIN จนเกิดกระแสว่าอาจจะต้องมีการขอซื้อคืนกิจการที่เกี่ยวข้องกับดาวเทียมเนื่องจากมีความเกี่ยวโยงถึงความมั่นคงของชาติ แต่เรื่องเกิดขึ้นต่อเรื่องดังกล่าวยังไม่มีข้อสรุปอย่างเป็นทางการ

ทั้งนี้ เทมาเส็ก รวมถึงนอมินี ไม่ว่าจะเป็นบริษัทชีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด รวมถึงบริษัท แอสเพน โฮลดิ้งส์ จำกัด หรือแม้แต่บริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด ได้เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทเครือชินคอร์ป จากตระกูลชินวัตรและดามาพงษ์ รวมถึงการทำคำเสนอซื้อขายประชาชนทั่วไป ด้วยเงินทุนมหาศาลกว่า 1.5 แสนล้านบาท เพื่อแลกกับหุ้นในบริษัทชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SHIN จำนวน 3,076,762,064 หุ้น หรือ 96.29% ในราคาหุ้นละ 49.25 บาท

ขณะเดียวกัน เทมาเส็ก ยังได้กลายเป็นผู้ถือหุ้นโดยอ้อมในบริษัทที่ SHIN เข้าไปลงทุน รวมถึงบริษัทจดเบียนในตลาดหุ้นไทยรวม 4 แห่ง ประกอบด้วยบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC สัดส่วน 42.80% บริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด (มหาชน) หรือ CSL 42.80% บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) หรือ ITV 52.93% และบริษัท ชินแซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SATTEL 41.34%

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า ณ ขณะนี้จะยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนเกี่ยวกับการซื้อหุ้นคืนดังกล่าว แต่สิ่งที่เป็นรูปธรรมและสำคัญในตอนนี้ คือ การลดสัดส่วนในการถือครองหุ้นให้น้อยกว่า 49% เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายเกี่ยวกับความสามารถในการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ และเพื่อให้เป็นไปตามกฎระเบียบของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในเรื่องปริมาณหุ้นที่มีการซื้อขาย (ฟรีโฟรท)

"การลดสัดส่วนการถือหุ้น SHIN ของกลุ่มเทมาเส็กนั้น ก่อนหน้านี้ ผู้บริหารเทมาเส็ก ได้ออกมายอมรับและยืนยันว่า เทมาเส็กจึดนโยบายขยายาการลงทุนในภูมิภาคนี้และพร้อมที่จะลดสัดส่วนในกลุ่มชินคอร์ปลงเพื่อให้เข้าหลักเกณฑ์ของทางการไทย"

คำถามที่เกิดขึ้นตามมาคือ สัดส่วนการถือครองหุ้นที่เหมาะสมในส่วนของ"เทมาเส็ก"ควรจะเป็นเท่าไหร่ และใครหรือนิตบุคคลที่ใดจะเข้ามาซื้อหุ้นในส่วนที่เทมาเส็กต้องการขาย และที่คำสัญที่สุดราคาที่จะเสนอขายควรจะเป็นเท่าไหร่ ซึ่งยังคงเป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้ยาก

หากพิจารณาราคาหุ้น SHIN ที่เทมาเส็กได้เข้ามาซื้อตั้งแต่วันที่ 23 ม.ค. 49 ที่ผ่านมาราคาปิดที่ 48.25 บาท มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป) อยู่ที่ 144,741.96 ล้านบาท, ADVANC ราคาปิด 104 บาท มาร์เกตแคปอยู่ที่ 306,917.66 ล้านบาท, SATTEL ปิดที่ 15.50 บาท มาร์เกตแคปอยู่ที่16,906.75 ล้านบาท, ITV ปิดที่ 11.90 บาท มาร์เกตแคปอยู่ที่ 14,355.94 ล้านบาท และหุ้น CSL ปิดที่ 4.04 บาท มาร์เกตแคปอยู่ที่ 2,525 ล้านบาท รวมมาร์เกตแคป 5 บริษัทอยู่ที่ 485,477.31 ล้านบาท (ตารางประกอบข่าว)

เทียบกับราคาล่าสุด ( 23 ก.พ. 50) ราคา SHIN ปิดที่ 26.25 บาท ลดลง 22 บาท หรือ 45.95% ขณะที่มาร์เกตแคปอยู่ที่ 83,902.92 ล้านบาท, ADVANC ราคาปิดที่ 75.50 บาท ลดลง 28.50 บาท หรือ 27.04% มาร์เกตแคปอยู่ที่ 223,047.92 ล้านบาท, SATTEL ราคาปิดที่ 7.45 บาท ลดลง 8.05 บาท หรือ 51.93% มาร์เกตแคปอยู่ที่ 8,128.47 ล้านบาท, CSL ราคาปิดที่ 3.78 บาท ลดลง 0.26 บาท หรือ 6.43% มาร์เกตแคปอยู่ที่ 2,362.50 ล้านบาท และ ITV ราคาปิดที่ 0.93 บาท ลดลง 10.97 บาท หรือ 92.18% มาร์เกตแคปอยู่ที่ 1,122.23 ล้านบาท รวมมาร์เกตแคป 5 บริษัทอยู่ที่ 318,564.04 ล้านบาท ลดลง 166,883.27 ล้านบาท หรือ 34.38%

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาผลขาดทุนจากการเข้ามาถือหุ้นในบมจ.ชินคอร์ปอเรชั่นของเทมาเส็กจำนวน 3,076,762,064 หุ้น หรือ 96.29% ในราคาหุ้นละ 49.25 บาท กับราคา ณ ปัจจุบัน 23 ก.พ. 50 ซึ่งอยู่ที่ 26.25 บาท พบว่าเทมาเส็กขาดทุนจากการเข้ามาลงทุนแล้วถึง 7.08 หมื่นล้านบาท จากมูลค่าที่ซื้อหุ้นทั้งหมดประมาณ 1.51 แสนล้านบาท

ขณะเดียวกัน หากเทมาเส็กต้องการลดสัดส่วนการถือหุ้นจาก 96.29% ให้เหลือต่ำกว่าครึ่ง หรือจะต้องถือในสัดส่วน 49% เทมาเส็กจะต้องขายหุ้น SHIN ที่ถือครองออกมา 1,510,574,227 หุ้น หรือ 47.29% เพื่อให้สัดส่วนการถือครองหุ้นเหลือ 1,566,187,837 หุ้น โดยหากคำนวณจากราคาหุ้นบมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น ณ ราคาปัจจุบัน จะต้องใช้เงินประมาณ 3.96 หมื่นล้านบาท หรือเกือบ 4 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ หากการซื้อสัมปทานที่เกี่ยวข้องกับดาวเทียมคืนจากการครอบครองของเทมาเส็กที่เป็นตัวแทนของรัฐบาลสิงคโปร์ด้วยการซื้อหุ้น บมจ.ชินแซทเทลไลท์ เพียงบริษัทเดียวทั้งหมดจะต้องใช้เงินเพื่อซื้อหุ้นในจำนวนเงินประมาณกว่า 3.36 พันล้านบาท

ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า คงเป็นไปได้ยากที่จะคาดเดาเรื่องลดสัดส่วนการถือครองหุ้นของกลุ่มเทมาเส็กที่ถืออยู่ใน SHIN รวมถึงเรื่องของราคา และเงื่อนไขอื่นๆ ในการขายหุ้นออกมา เนื่องจากกลุ่มเทมาเส็กต้องการขายหุ้นออกมาจริง คงจะไม่ยอมขายหุ้นในราคาบนกระดานหลักทรัพย์แน่นอน เพราะจะทำให้ขาดทุนเป็นจำนวนมาก รวมถึงยังคงต้องเสียผลประโยชน์อื่นอีกมากมาย

"นี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ยังไม่มีข้อสรุปใดๆ ทั้งสิ้น แต่เบื้องต้นถ้าเทมาเส็กจะขายหุ้นออกมา 47.29% เพื่อลดสัดส่วนถือหุ้นให้เหลือแค่ 49% และคำนวณจากราคาตลาด ณ ขณะนี้จะต้องใช้เงินซื้อหุ้นคืนเกือบ 4 หมื่นล้านบาท และจะทำให้เทมาเส็กขาดทุนจากการลงทุนให้อัตราหุ้นละ 23 บาท หรือ 46.70% รวมทั้งสิ้นกว่า 3.47 หมื่นล้านบาท"
กำลังโหลดความคิดเห็น